[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 29 กรกฎาคม 2557 12:28:43



หัวข้อ: นางกวัก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กรกฎาคม 2557 12:28:43
.

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2014/07/you02290757p1.jpg&width=360&height=360)
นางกวัก

บทความหน้าพระเครื่อง น.ส.พ.ข่าวสด ฉบับวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๗ เขียนไว้ว่า นางกวักมีรูปลักษณะสำคัญเป็นสตรีไทยสมัยโบราณ ผมยาวประบ่า ห่มผ้าสไบเฉียง นุ่งผ้ายกดอก ประกอบด้วยพาหุรัด ทองกรและสร้อยสังวาล นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนแท่นทอง หัตถ์ขวายกงอขึ้นในลักษณะท่ากวักมือ หัตถ์ซ้ายส่วนมากจะถือถุงเงิน และจารึกอักขระขอม เป็น "หัวใจพระสีวลี" ผู้เป็นเอตทัคคะทางโชคลาภ คือ นะ ชาลีติ เป็นต้น

ความเป็นมาของนางกวัก ตามประวัติ "พุทธสาวก" ในสมัยพุทธกาลมีความตอนหนึ่งว่า ที่เมืองมิจฉิ กาสีณฑนคร ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากเมืองสาวัตถี มีครอบครัวหนึ่งประกอบอาชีพซื้อขายเลี้ยงชีพ สองสามีภรรยามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ "สุภาวดี" ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ ผู้เป็นพ่อได้ซื้อเกวียนมา ๑ เล่ม เพื่อนำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น สุภาวดีขออนุญาตเดินทางไปด้วยเพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ

ณ จุดนี้เองทำให้สุภาวดีได้มีโอกาสพบกับพุทธสาวกแห่งพระพุทธองค์ถึง ๒ องค์ ในหลายครั้งหลายครา คือ พระกัสสปเถรเจ้า และพระสีวลีเถรเจ้า ซึ่งหลังจากแสดงธรรมแล้วทั้งสองได้กำหนดจิตประสิทธิ์ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัวทุกครั้ง โดยเฉพาะสุภาวดีซึ่งรับฟังอย่างตั้งใจจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆ เป็นอันมาก

เวลาผ่านไปไม่นาน ครอบครัวนี้ทำการค้าได้กำไรร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี โดยบิดารู้ว่าสุภาวดีคือผู้ที่เป็นสิริมงคลที่แท้จริง เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัว จึงยึดมั่นปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธา และใช้ทรัพย์สินที่ได้มาจากบุญบารมีของลูกสาวทำนุบำรุงศาสนามาโดยตลอด

ขณะที่ผู้คนทั่วไปก็ต่างรับรู้เรื่องราวและบารมีของสุภาวดี ว่าเป็นนางผู้กวักความร่ำรวยและโชคลาภทางการค้ามาสู่ ทั้งเป็นผู้มีศีลธรรมและคุณธรรม จึงแม้สุภาวดีจะตายไปแล้ว แต่อิทธิฤทธิ์ในทางโชคลาภและการค้ายังคงเล่าสืบต่อกันมาถึงคนรุ่นหลัง มีผู้นับถือมากมายถึงกับปั้นรูปสุภาวดีไว้บูชาขอให้การค้ารุ่งเรือง และความเชื่อดังกล่าวก็แพร่หลายเข้ามายังสุวรรณภูมิ

ตำนานนางกวักของไทยก็มีเช่นกัน กล่าวถึงธิดาของ "ปู่เจ้าเขาเขียว" โดยสืบเนื่องมาจากเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพระรามออกตามหานางสีดา ความว่า พระรามได้พบกับท้าวอุณาราชพญายักษ์เจ้านครสิงขร จึงแผลงศรมาถูกยอดอกท้าวอุณาราช แล้วสาปให้ศรตรึงท้าวอุณาราชอยู่ภายในถ้ำเขาวงพระจันทร์ และจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในถ้ำจนกระทั่งถึงศาสนาพระศรีอาริย์

นางประจันทร์ ธิดาของท้าวอุณาราช มาเฝ้าปรนนิบัติและปฏิบัติธรรมเป็นเพื่อนบิดา ทั้งยังเอาใยบัวมาทอทำเป็นจีวรเตรียมไว้ถวายเมื่อถึงคราวพระศรีอาริย์เสด็จมา เพื่อสร้างกุศลอุทิศให้บิดา

แต่ชาวเมืองเกรงว่าท้าวอุณาราชจะฟื้นคืนชีพ จึงพากันขับไล่และกลั่นแกล้งนางประจันทร์ จนความทราบถึงปู่เจ้าเขาเขียว ผู้เป็นสหายของท้าวอุณาราช จึงส่งธิดาองค์หนึ่งซึ่งมีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เสน่หาแก่มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงในแผ่นดิน มาเป็นเพื่อนนางประจันทร์ ปรากฏว่านับแต่ธิดา (แม่นางกวัก) ของปู่เจ้าเขาเขียวมาอยู่เป็นเพื่อนนางประจันทร์ คนผู้เคยเกลียดชังก็ต่างรักใคร่กัน ความเกลียดชังที่เคยท่วมท้นนั้นเสื่อมสลายไปสิ้น




ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับประจำวันจันทร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗