หัวข้อ: ตามรอยศรัทธาพุทธศาสนาจากต้นธารในอินเดียสู่ดินแดนต่างๆ ทั่วเอเชียและโลกตะวันตก เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 สิงหาคม 2557 07:38:35 .
(http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1151.jpg) พุทธศาสนิกชนจากทั่วโลกหลั่งไหลมายังพุทธคยา หนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน อันเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญ สำคัญที่สุดในพุทธศาสนา ณ ที่แห่งนี้เมื่อกว่า 2,600 ปีก่อน เจ้าชายสิทธัตถะทรงตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ ขณะประทับใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ จากพุทธคยาถึงโปตาลา ตามรอยศรัทธาพุทธศาสนาจากต้นธารในอินเดียสู่ดินแดนต่างๆ ทั่วเอเชียและโลกตะวันตก จากต้นกำเนิดในอินเดีย ปัจจุบันพุทธศาสนามีสายปฏิบัติที่แตกแขนงออกไป แต่ละสายมีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง โดยอาจจำแนกออกเป็นสามสายใหญ่ๆ ได้แก่ พุทธศาสนาเถรวาท พุทธศาสนามหายาน และพุทธศาสนาวัชรยาน กระแสโลกาภิวัฒน์ทำให้การศึกษาพุทธศาสนาข้ามสายปฏิบัติ ข้ามภาษา ข้ามวัฒนธรรม ซึ่งในอดีตเป็นเรื่องยากและเป็นของใหม่ กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา ประสบการณ์ในโลกตะวันตกทำให้เขาตระหนักว่าพุทธศาสนาแต่ละสายต่างก็มีโลกทัศน์ จักรวาลวิทยา และหลักปรัชญาที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อวิถีปฏิบัติ ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันไป ทว่าหากมองอีกด้านหนึ่ง “คุณค่า” อาจไม่ได้มาจากหลักธรรมคำสอนเสียทั้งหมด ในแต่ละสภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ และชีวิตของผู้คน ต่างมีวิญญาณของสถานที่ (sense of place) ซึ่งเมื่อถูกค้นพบและปลดปล่อย วิญญาณเหล่านั้นก็สามารถเข้าไปมีอิทธิพลต่อคุณค่าทางศาสนธรรมในภูมิภาคนั้นๆ ได้อย่างตื่นรู้และมีพลัง ยามนึกถึง พุทธศาสนาเถรวาท เราจะนึกถึงภาพพระภิกษุในจีวรสีส้มเดินเรียงกันเป็นแถวเพื่อออกบิณฑบาตในตอนเช้า พระพุทธรูปในท่านั่งขัดสมาธิแลดูสงบเยือกเย็น พระพุทธเจ้า อัครสาวก พระไตรปิฎก พระป่าสะพายย่าม บาตร กลด และเจดีย์ เป็นต้น พุทธศาสนาเถรวาทเป็นสายปฏิบัติเก่าแก่ มีเอกลักษณ์คือการธำรงรักษาพระธรรมวินัยให้เหมือนครั้งพุทธกาลมากที่สุด เถรวาทเป็นพุทธศาสนาแบบจารีตที่ได้รับการนับถือศรัทธาโดยประชากรส่วนใหญ่ในประเทศแถบเอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ศรีลังกา พม่า ลาว ไทย และกัมพูชา ประเทศที่กล่าวมาทั้งหมดตั้งอยู่ในแถบศูนย์สูตร มีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศใกล้เคียงกับประเทศอินเดีย ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม อาศัยรวมกลุ่มกันเป็นชุมชน แต่ละชุมชนอยู่ห่างจากกันไม่มากนัก โดยมีพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่โดยรอบเชื่อมต่อตามชายขอบ สมณะหรืออนาคาริกทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมประสานวัฒนธรรมด้วยการใช้ชีวิตทั้งในชุมชน และเดินท่องไปจากชุมชนหนึ่งสู่อีกชุมชนหนึ่ง สำหรับชาวพุทธเถรวาท การจะสามารถรักษาธรรมวินัยทุกข้อได้อย่างไม่มีบิดพลิ้ว เป็นข้อจำกัดอยู่ในตัวว่า สมณะจำเป็นต้องใช้ชีวิตพึ่งพาตัวเองในสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศร้อนชื้นแถบเส้นศูนย์สูตรเท่านั้น การจะเดินทางด้วยเท้าเข้าไปในสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาสูง ปกคลุมด้วยหิมะ และสภาพอากาศที่แปรปรวนนั้นเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ หรือหากเป็นไปได้ก็ไม่อาจปฏิบัติตนหรือตีความคำสอนให้เหมือนกับในบริบทสังคมอินเดีย สมัยพุทธกาลได้ทุกรายละเอียด ทำให้สายปฏิบัตินี้จำกัดอิทธิพลอยู่ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การตีความคำสอนมีลักษณะตรงไปตรงมาอยู่ในบริบทที่แคบ ความสัมพันธ์ของพระกับชุมชนสอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบเกษตรกรรมและการรวมตัวกันแบบหมู่บ้านเล็กๆ การเดินท่องไปของสมณะทำได้ในภูมิประเทศแบบที่ราบและสภาพอากาศร้อนชื้น มีอุปสรรคเพียงฤดูมรสุมหรือฤดูฝน ซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องหยุดพักการเดินทางไม่ร่อนเร่ค้างแรมที่ไหน ยามนึกถึง พุทธศาสนามหายาน เราจะนึกถึงภาพพระเซนนั่งอยู่ในกระท่อมไม้ในป่าลึกที่ปกคลุมด้วยหิมะ สวนหินแบบเซนให้ความรู้สึกของความเงียบงันอันลุ่มลึก ศาสตร์การต่อสู้และการฝึกกายฝึกใจอย่างเข้มงวดของพระวัดเส้าหลิน นักรบซามูไรของญี่ปุ่น และรูปพระโพธิสัตว์กวนอินของจีน เป็นต้น จินตนาการแบบมหายานเปิดขอบฟ้าของความเป็นไปได้อย่างไม่มีจำกัด ก่อให้เกิดภาพซ้อนเหลื่อมกับพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลที่หลากหลายมากขึ้น อุดมคติของมหายานคือการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ ความกรุณา และการอุทิศตนเพื่อยังประโยชน์ให้คนอื่นก่อนตนเอง ทำให้หลักธรรมคำสอนกลายเป็น “หัวใจ” ที่สามารถอยู่กับความทุกข์ตรงหน้า มหายานเป็นรูปแบบพุทธศาสนาที่ได้รับการนับถือศรัทธาโดยประชากรส่วนใหญ่ในประเทศแถบตอนเหนือของอินเดียขึ้นไป ได้แก่ เนปาล จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม และมองโกเลีย หากดูจากสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ดินแดนเหล่านั้นมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศแตกต่างไปจากอินเดีย กล่าวคือผืนดินที่มีความสูงกว่าระดับทะเลค่อนข้าง มาก ภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูงสลับกับที่ราบ มีฤดูกาลครบทั้งสี่ฤดู โดยเฉพาะฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเย็นและหิมะตก ลักษณะของป่า พืชพันธุ์และสิ่งมีชีวิต มีความแตกต่างจากที่พบเห็นในแถบเส้นศูนย์สูตร การเดินทางของผู้ปฏิบัติมหายานที่ออกห่างจากวัฒนธรรมอินเดีย สะท้อนเสรีภาพ แรงบันดาลใจในการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนมนุษย์ และความเป็นตัวของตัวเองของผู้ปฏิบัติในฐานะนักรบทางจิตวิญญาณ คำสอนมหายานเปิดกว้างต่อความรู้สึก ความปรารถนา และความคิดสร้างสรรค์ โดยมีอุดมคติของการปลดปล่อยเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์เป็นหมุดหมายสำคัญ ส่งผลให้การตีความพระธรรมวินัยของฝ่ายมหายานมีลักษณะเปิดกว้างและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์อันท้าทายของชีวิต ยามนึกถึง พุทธศาสนาวัชรยาน เราจะนึกถึงความสูงเสียดฟ้าของเทือกเขาหิมาลัย ภาพโยคีที่ปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์อยู่ตามเถื่อนถ้ำ เทือกเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม รายรอบด้วยทะเลทรายห่างไกลจากผู้คน นักบวชเร่ร่อนที่เดินทางไกลจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่ง ภาพวาดพระพุทธเจ้าสีสันฉูดฉาดตามผนังหิน ภาพคุรุ ทวยเทพ ธรรมบาล ธงมนตร์ เครื่องรางประกอบพิธีกรรม ภาพยักษ์ ปีศาจ ภูตผีที่ดุดัน เป็นต้น ภูมิทัศน์ทางศาสนาสัมพันธ์อยู่กับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่รุนแรง ความไม่แน่นอน ความเป็นความตาย ภัยธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นโดยไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลย วัชรยานเป็นรูปแบบพุทธศาสนาที่ได้รับการนับถือศรัทธาโดยประชากรส่วนใหญ่ในประเทศแถบเทือกเขาหิมาลัย เช่น ลาดัก สิกขิม เนปาล ภูฏาน และทิเบต ภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูงสลับกับทะเลทราย มีหิมะปกคลุมตลอดปี ร้อนก็ร้อนจัด หนาวก็หนาวจัด แทบไม่มีพืชพันธุ์ใดๆงอกงามได้ ความดิบของสิ่งแวดล้อมทางกายภาพมีอิทธิพลต่อโลกทัศน์และจักรวาลวิทยาของพุทธศาสนามหายานที่วิวัฒน์ไปสู่วัชรยาน อันมีหัวใจอยู่ที่การแปรเปลี่ยนกิเลส ตัณหาและอารมณ์ของมนุษย์ให้กลายเป็นพลังแห่งการรู้แจ้ง การเดินทางเข้าไปทำความรู้จักจักรวาลพุทธศาสนาทั้งในแบบเถรวาท มหายาน และวัชรยาน ทำให้มุมมองของเราที่มีต่อการเผยแผ่พุทธธรรมนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า พุทธศาสนาเผยแผ่จากวัฒนธรรมหนึ่งสู่อีกวัฒนธรรมหนึ่ง ราวกับเป็นสินค้าแบรนด์เนมที่กระจายจากศูนย์กลางการผลิตไปทั่วโลก โดยสินค้านั้นต้องได้รับการรับรองหรือรับประกันว่ามีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน อ้างอิงพระพุทธเจ้า พระไตรปิฎก หรือประวัติศาสตร์แบบทางการที่ได้รับการเชื่อถือและยอมรับตรงกัน ทว่าในอีกมุมมองหนึ่ง พุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้ก็ด้วยประสบการณ์ชีวิตและการลองผิดลองถูกของมนุษย์ จากการเดินท่องไปจากวัฒนธรรมหนึ่งไปสู่อีกวัฒนธรรมหนึ่ง การเผชิญสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และบริบทวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป ส่งผลให้พุทธศาสนาพัฒนารูปแบบ อุบาย และคำสอนที่แตกต่างกันไปอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และสถานที่ พลวัตของพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นในทางประวัติศาสตร์สะท้อนถึงความพยายามในการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยน วิพากษ์ และปฏิรูปพุทธศาสนาให้รักษาจิตวิญญาณแห่งการสละละวาง และการปลดปล่อยเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ ขณะเดียวกันก็พัฒนาศักยภาพในหลักธรรมคำสอน และอุบายวิธีเพื่อเปิดพื้นที่ความเป็นไปได้ในการเข้าถึงบริบทความทุกข์ที่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกชีวิตมีธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะอยู่ในตัว ทุกสถานการณ์ทุกอารมณ์ และทุกผู้คนสามารถถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทางการพัฒนาศักยภาพแห่งการรู้แจ้งได้ จนกลายเป็นวิถีพุทธธรรมที่แสดงออกถึง การปลดปล่อย (liberation) ส่งเสริมศักยภาพ (empowerment) ให้ความเคารพต่อเสรีภาพ (freedom) และส่งเสริมความเป็นมนุษย์ (humanization) อันสะท้อนถึงคุณค่าและความหมายของ “พุทธะ” โดยรากกำเนิด จากพุทธคยาถึงโปตาลา (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1146.jpg) เป็นเวลานับพันปีที่ชาวพม่าหลอมรวมอัศจรรย์แห่งธรรมชาติเข้ากับศรัทธาในพุทธศาสนา ได้อย่างกลมกลืน งดงาม และขรึมขลัง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็น ณ พระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในห้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพุทธศาสนาของพม่า ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1147.jpg) สามเณรทอดสายตามองจากอารามแห่งหนึ่งใกล้ทะเลสาบอินเล ในรัฐฉานของพม่า การบวชเรียนถือเป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนาแบบเถรวาทในอุษาคเน ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1148.jpg) พุทธศาสนามหายานมีหัวใจความเชื่อ คือเรื่องธรรมชาติแห่งพุทธะและการพ้นทุกข์ ของคนหมู่มาก นอกจากนี้ยังเน้นการฝึกจิตควบคู่กับร่างกาย ดังเช่นหลวงจีนสองรูปแห่งวัดเส้าหลิน ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1149.jpg) วัตถุมงคลอันเป็นตัวแทนของศาสนาและความเชื่อหลากหลายรวมทั้งพุทธศาสนา ในแง่หนึ่งอาจสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นพุทธศาสนากระแสหลักที่ผูกติดกับศรัทธา และความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในอีกแง่หนึ่ง วัตถุเหล่านี้คือสีสันทางวัฒนธรรม อันเป็นพลวัตของพุทธศาสนา ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1150.jpg) พุทธศาสนิกชนเดินประทักษิณรอบอารามกานเด็น นอกนครลาซา ของทิเบต แม้พุทธศาสนาจะแผ่มาถึงดินแดนแถบเทือกเขาหิมาลัยตั้งแต่ครั้งพุทธกาล แต่ยังไม่หยั่งรากมั่นคงจนล่วงเข้าพุทธศตวรรษที่ 12 ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1152.jpg) บรรยากาศแห่งการแสวงบุญและจิตวิญญาณอบอวลไปทั่วสายน้ำคงคาในเมืองพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ พุทธศาสนาถือกำเนิดขึ้นในอินเดียหลังเจ้าชายแห่งแคว้นเล็กๆ ทรงบรรลุศักยภาพสูงสุดทางจิตวิญญาณของมนุษย์ ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน พุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ก่อนจะค่อยๆ ตกต่ำลง และเกือบปลาสนาการไปจากดินแดนอันเป็นต้นกำเนิดแห่งนี้ ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1153.jpg) พุทธศาสนานิกายเซนหล่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ดังสะท้อนให้เห็น ในพิธีกรรมและวิถีชีวิต เช่น การชงชา การจัดดอกไม้ และการจัดสวนหินที่เน้น ความเรียบง่าย ทว่าแฝงไว้ซึ่งปริศนาธรรมลุ่มลึก ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1154.jpg) ณ อารามเก่าแก่แห่งหนึ่งในลาดักห์ ประเทศอินเดีย พระสงฆ์กำลังเตรียมงานเฉลิมฉลอง เทศกาลสำคัญ ในพุทธศาสนา ซึ่งเป็นมนตร์เสน่ห์อย่างหนึ่งของพุทธศาสนาแบบวัชรยาน ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1155.jpg) พุทธศาสนาน่าจะแผ่มาถึงดินแดนจีนตามเส้นทางสายไหม กระทั่งราว พ.ศ. 608 ในสมัยราชวงศ์ฮั่น จึงมีการส่งคณะทูตไปสืบพระศาสนาที่อินเดีย พร้อมอัญเชิญ พระเถระ พระคัมภีร์ และพระพุทธรูปกลับมาด้วย โลกทรรศน์พุทธมหายาน รุ่มรวยไปด้วยพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ดังจะเห็นได้ในพุทธศิลป์ และสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น พระพุทธรูปเล่อซาน ในมณฑลเสฉวน ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นพระศรีอริยเมตไตรย ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1156.jpg) พระสงฆ์และฆราวาสเดินเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชาที่วัดแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี หากคำว่า “สุวรรณภูมิ” ในจารึกพระเจ้าอโศกมหาราชหมายรวมถึงดินแดนไทย และใกล้เคียง นั่นหมายความว่า พุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้าสู่ดินแดนไทยอย่างน้อย ราวพุทธศตวรรษที่ 3 เป็นต้นมา ก่อนจะสถาปนาอย่างมั่นคงในยุคต่อๆ มา เช่น ทวารวดี และสุโขทัย จนกระทั่งกลายเป็นศาสนาประจำชาติในปัจจุบัน ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1157.jpg) แม้จะเหลือเพียงฐานราก แต่ซากปรักของพระเจดีย์มิงกุน นอกเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ก็สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรือง ของพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้ สันนิษฐานว่าพุทธศาสนา น่าจะแผ่มาถึงดินแดนพม่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสุวรรณภูมิ อย่างน้อยราวพุทธศตวรรษที่สาม และเจริญถึงขีดสุดในสมัยราชธานีพุกาม ปัจจุบัน พม่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีวัฒนธรรมพุทธศาสนาเข้มแข็ง และถือเป็นศูนย์กลางอีกแห่งหนึ่งของพุทธศาสนาแบบเถรวาท ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1158.jpg) สถูปพุทธนาถในกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล อันเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของพุทธศาสนิกชนในท้องถิ่น และชาวทิเบตที่ลี้ภัยเข้ามาอาศัยอยู่ในเนปาล ไม่เพียงโดดเด่นด้วยดวงตาเห็นธรรมทั้งสี่ด้าน แต่ยังประดับประดาด้วยกงล้อมนตร์ และธงมนต์หลากสี เชื่อกันว่าเมื่อสายลมพัดผ่าน มนตราก็แพร่กระจาย ความศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย พุทธศาสนาในเนปาลดำรงอยู่ควบคู่จนบางครั้ง แทบแยกไม่ออกจากศาสนาฮินดูซึ่งเป็นศาสนาหลักของชาติ ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1159.jpg) ศรัทธาในพุทธศาสนาของชาวพม่าสะท้อนให้เห็นอย่างแจ่มชัด ณ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง อันเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญ สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในพุทธศาสนาแบบเถรวาท ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ (http://www.ngthai.com/Images/Albums/Album-108-IMG-1160.jpg) ภาพพระภิกษุในพุทธศาสนาอยู่ท่ามกลางวัดที่สร้างอุทิศถวายเทพฮินดู ที่ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ บอกเล่าถึง สายธารความเชื่อ ที่ล้วนมีต้นกำเนิดจากผืนแผ่นดินเดียวกัน ภาพโดย : เจเรมี ฮอร์เนอร์ ขอขอบคุณเว็บไซต์ ngthai.com |