หัวข้อ: การเข้าทรงมีจริงหรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 12 กันยายน 2557 13:50:36 .
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQojhT-rvO4TRq5pHnbe1nm-Nn-at9drOOQih7hSHbpLlCoOHUh) การเข้าทรงมีจริงหรือไม่? โดย พันโทไพโรจน์ พนารินทร์ อดีตสามเณรเปรียญธรรม ๙ ประโยค วัดชนะสงคราม สมัยผมเป็นสามเณรเล็ก ผมจะเกลียดพวกเข้าทรงมาก เห็นคนเข้าทรงมีการกราบไหว้ ผูกผ้าสามสีเยอะๆ ที่ไหน จะไปชี้หน้าท้าทายด้วยกิริยาที่หยาบคาย ท้าทายให้เขาไปหา อย่ามาหลอกลวงมนุษย์ แน่จริงให้ไปหาที่บ้าน จนเจอดีด้วยตัวเองในคืนหนึ่ง ด้วยหลงตัวเองว่า เราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแล้ว ไม่ควรไปพึ่งอย่างอื่น ด้วยคิดว่าพวกเหล่านี้มาหลอกลวงมนุษย์ ทำให้มนุษย์งมงาย จนครั้งหนึ่งประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ตอนนั้นบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดชนะสงคราม เย็นวันหนึ่งได้ไปเที่ยวเล่นที่บ้านโยมอุปัฏฐากข้างวัดสังเวชวิศยาราม บางลำพู เห็นที่บ้านติดกันมีคนมากันเยอะแยะ จุดธูปควันโขมง สอบถามได้ความว่าเป็นตำหนักทรงดัง ชื่อเจ้าแม่อะไรสักอย่าง ลงท้ายด้วยเทวีนี่แหละ จำไม่ได้เพราะนานมากแล้ว ก็เข้าไปสังเกตการณ์ดูกับเขา ร่างทรงเป็นหญิงอ้วน ท่าทางองอาจ แต่งตัวสวย นั่งสง่ากลางบ้าน คนก็ห้อมล้อมกราบกราน ทายแม่นมาก มีเงิน ๒๐ บาทในกระเป๋า ก็ทายถูก ไปทะเลาะกับใครมา ๓ วัน ๕ วัน ก็บอกถูก ใส่กางเกงในสีอะไร ก็บอกถูก ชักสนใจ ผมก็รอจนคนเขากลับหมด ก็เข้าไปคุยด้วย แต่ขอคุยแบบเปิดอก ถามว่าเป็นใคร เขาก็ยังยืนยันว่าเป็นเจ้าแม่ เลยขอกเขาว่า อีก ๒-๓ วัน ผมจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำตอง อ.จอมจอง จ.เชียงใหม่ ๑๕ วัน ถ้าเดือดร้อนอะไร บอกมาเถอะ จะช่วยอุทิศบุญให้ เขาเลยสารภาพให้ฟังว่า ตนเองเป็นเจ้าที่สิงอยู่ในต้นไม้ตรงนี้ ต่อมาเขาตัดต้นไม้เหลือแต่ตอ สร้างบ้านคร่อมเอาไว้ เจ้าของบ้านจริงก็ให้ร่างทรงนี้มาเช่า เกิดความลำบากมาก ไม่มีจะกิน เลยมาแฝงร่างนี้หากิน พอมีฤทธิ์อยู่บ้างถ้าคนเข้ามาในบริเวณนี้ พอผมไปปฏิบัติธรรมก็อุทิศบุญให้เขาตลอด จนกลับมาปรากฏว่า บ้านนั้นไม่มีร่างทรงอีก เงียบหายไปเลย เรื่องร่างทรงมีจริงหรือไม่ มีทั้งปฏิเสธ มีทั้งยอมรับ แต่ในสังคมไทยมีความเชื่อแบบนี้มาตลอด จนเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมอย่างหนึ่ง มีเรื่องผีเข้าในพระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ มีความตอนหนึ่งว่า “ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธเพราะผีเข้า พระอาจารย์ พระอุปัชฌาย์ ช่วยกันรักษาเธอ ก็ไม่สามารถแก้ไขให้หายโรคได้ เธอเดินไปที่เขียงแล่หมู แล้วเคี้ยวกินเนื้อดิบ ดื่มกินเลือดสด อาพาธเพราะผีเข้าของเธอนั้น หายดังปลิดทิ้ง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคตรัส ท่านก็ตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตเนื้อดิบ เลือดสด ในเพราะอาพาธเกิดแต่ผีเข้า” ก็แสดงว่า มีผีเข้าสิงสู่กันจริงๆ จึงมีพุทธานุญาตเช่นนี้ เท่าที่ผมสังเกต คนที่จะถูกเข้าทรงได้ ต้องมีลักษณะคือ ๑. มีบุญกรรมสัมพันธ์ หรือเจ้ากรรมนายเวรกับผู้ที่มา ๒. มีศรัทธาจริตในสิ่งนั้นๆ ค่อนข้างสูงจนสะกดตัวเอง ๓. ผู้ที่มาเข้าร่าง มีอำนาจมากเกินจะขัดขืน ๔. ร่างกายจิตใจอ่อนแอหรือป่วย ๕. เจ้าตัวอนุญาตหรืออัญเชิญให้เขาเข้ามา ฉะนั้น การทรงมีทั้งจริงและเท็จ บางครั้งก็เป็นการสะกดตัวบ้าง บางครั้งสิ่งที่เข้าสิงก็อยู่ชั้นไม่สูงนัก แต่มักอ้างว่าตนเองสูงส่ง เป็นมิจฉาทิฐิก็มีมาก บางครั้งท่านที่เข้าทรงอาจอยากสร้างความดีจริงๆ คนที่เข้าไปหาก็ควรมีวิจารณญาณให้มาก วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๗ ผมได้ไปพบพระคุณเจ้ารูปหนึ่ง ชื่อ พระอาจารย์บัญชา จิรวชิรปัญโญ วัดบ้านช้าง ตำบลลำตาเสา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเล่าว่า เดิมท่านเป็นร่างทรงชื่อ “ปู่พันตา พญาพันวัง” อยู่แถวนี้ ท่านเล่าว่า ไม่คิดว่าจะมาเป็นร่างทรง เคยบวชเป็นสามเณรแล้วป่วยมาก แล้วสึกออกมารักษาตัว จนวันหนึ่งท้อแท้ในชีวิตมากอยากฆ่าตัวตาย พลันก็เห็นเป็นแสงสว่างมาก เหมือนดาวตกพุ่งลงมาที่หลังคาบ้าน พอหายสะดุ้งตกใจ ก็มีสิ่งที่มองไม่เห็นมาอยู่ด้วย ชาวบ้านเรียก “ปู่พันตา พญาพันวัง” การช่วยเหลือคนก็ประสบผลขึ้นมานับแต่นั้น ได้ทรงมา ๒๙ ปี ช่วยคนปีหนึ่งนับหมื่นคนได้ คนมาหาเยอะมาก พอเราช่วยเขามากเข้า พอปี ๒๕๕๔ เราเองก็ทรุดล้มป่วยลง ไม่มีแรง เดินแทบไม่ได้ ผอม ทานข้าวไม่ได้ ไปตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาฯ, พระมงกุฎ, พิชัยยุทธ เป็นต้น ก็หาสาเหตุไม่เจอ รักษาตัวเองมาตลอด หมดเงินไปเกือบ ๓ ล้านบาท พอดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้มาบวชที่วัดนี้. ...ฯลฯ... (ท่านพูดถึงเครื่องดื่มที่ฉันไปแล้วรู้สึกสุขภาพแข็งแรง...จึงตัดข้อความออก...ผู้โพสต์) ท่านสอนต่อว่า ผู้ที่เป็นร่างทรงมากๆ จะประสบปัญหาคือ สติจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง เนื่องจากถูกครอบงำบ่อยๆ การทำสมาธิแบบนั่งนิ่งจะลำบากเพราะจิตจะเข้าสู่อารมณ์ทรงง่าย โรคภัยไข้เจ็บจะมากเพราะนั่งนานเกินไป การทรงเจ้าช่วยคน โดยเฉพาะคนที่ป่วย เหมือนการที่เราเอาตัวเองไปเป็นนายประกันให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเขา เราช่วยแก้ไขให้ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้แก้ถาวร ตัวเขาเองต้องแก้เอง โดยการทำกรรมดีเป็นหลัก ถ้าเขาไม่ทำ จะตกหนักที่เรา หลักสำคัญที่สุด เหนือทุกอย่างคือหลัก “กฎแห่งกรรม” “อัตตนา ว กตัง ปาปัง อัตตนา สังกิลิสสติ อัตตนา ว อกตัง ปาปัง อัตตนา วิสุชฌติ สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธเย แปลความว่า ตนทำบาปเอง ตนย่อมเศร้าหมองเอง ตนไม่ทำบาป ตนก็บริสุทธิ์เอง ความบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์เป็นเรื่องเฉพาะตน คนอื่นจะให้คนอื่นบริสุทธิ์นั้นไม่ได้” ที่มา : หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ น.๑๕ ฉบับประจำวันที่ ๑๒-๑๘ กันยายน ๒๕๕๗ |