หัวข้อ: "สางห่า" ใน อมตะวรรณกรรม "เพชรพระอุมา" เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 12 ตุลาคม 2557 18:50:14 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/18350171173612_view_resizing_images_1_.jpg) สางห่า อัน "สางห่า" ในจดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน ว่า สางห่าเป็นชื่อสัตว์ที่เล่าขานร่ำลือกันว่า มีพิษร้ายกาจรุนแรงน่าสะพรึงกลัว แต่ก็ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๒ น.อ.วิโรจน์ นุตพันธุ์ กรรมการจัดทำอนุกรมวิธานสัตว์ ผู้เชี่ยวชาญทางสัตววิทยาได้มาบรรยายทางวิชาการเรื่อง "เปิดศักราชปีมะเส็ง" ให้คณะราชบัณฑิต ภาคีสมาชิกกรรมการ อนุกรรมการ และข้าราชการราชบัณฑิตยสถานฟังในโอกาสครบรอบ ๕๕ ปี ราชบัณฑิตยสถาน และในตอนหนึ่งของการบรรยาย น.อ.วิโรจน์ได้กล่าวถึงความเข้าใจและความเชื่อผิดๆ ของคนทั่วไปเกี่ยวกับสัตว์และงูหลายชนิด และสัตว์ชนิดหนึ่งที่นำมายกตัวอย่างคือ สางห่า น.อ.วิโรจน์บรรยายว่า ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ กล่าวกันว่า สางห่าเป็นสัตว์คล้ายจิ้งเหลน จิ้งจก หรืองู ชอบอยู่ตามถ้ำหรือแอ่งน้ำในถ้ำ ตัวเล็กนิดเดียวแต่มีพิษแรงมาก บ้างว่าพิษอยู่ที่เล็บซึ่งแหลมคม บ้างก็ว่ามีเขี้ยวพิษ บางคนว่ามีพิษที่หางเพราะยาวมาก ถ้ามันเอาหางฟาดหรือพันใครก็จะเป็นผื่นไหม้อาจถึงตาย เพียงเอาเส้นหวายไปคล้อง หวายยังถึงกับไหม้เกรียม ส่วนพระภิกษุและพรานป่าแถบนครราชสีมาและอุทัยธานี เล่าว่า สางห่าคืองูชนิดหนึ่ง แต่มีขาเล็กๆ อาศัยอยู่ตามป่าหญ้าสูงๆ เกาะอยู่กับหญ้ากอใด หญ้ากอนั้นก็จะเฉาตาย แล้วมันก็จะย้ายไปเกาะอาศัยหญ้าสดกออื่นๆ ต่อไป ขณะที่ภาคอีสาน บางท้องที่ และภาคตะวันตก เช่น กาญจนบุรี และระนอง มีผู้เข้าใจว่า สางห่าคือคางคกป่า มีพิษ ส่งเสียงร้องคล้ายเสียงสุนัขเห่า ยังมีผู้กล่าวถึงสางห่าในลักษณะต่างๆ อีกมาก ซึ่งสรุปได้ว่า สางห่าอาจเป็นงู จิ้งเหลน (งูมีขา) หรือคางคก แต่เมื่อขอให้นำตัวจริงมายืนยัน ก็มักไม่สามารถหามาให้ได้ เพราะเป็นเพียงการได้ยินเขาเล่าว่าสืบต่อกันมา เท่าที่มีผู้นำตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่และตัวจริงที่ดองไว้มาให้ดู ก็ได้รับการยอมรับเป็นส่วนใหญ่ว่า สางห่าคือจิ้งเหลนหางยาว ในการประชุมคณะกรรมการจัดทำอนุกรมวิธานสัตว์เพื่อชำระชื่อพรรณสัตว์ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ ที่ประชุมได้พิจารณาคำอธิบาย สางห่า กันอย่างรอบคอบ โดยนำตัวจริงซึ่งยังมีชีวิตอยู่มาดูลักษณะกันอย่างใกล้ชิด ในที่สุดได้อธิบายคำ สางห่า ว่า "สางห่า (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่อเรียกจิ้งเหลนหางยาวชนิด Takydromus sexlineatus ในวงศ์ Lacertidae พบทุกภาคของประเทศไทย ตัวเล็ก หางยาวประมาณ ๕ เท่าของความยาวลำตัว ที่เรียกสางห่าเพราะเข้าใจผิดว่ามีพิษร้ายแรง" สางห่าเมื่อโตเต็มวัย ลำตัวขนาดประมาณเท่าหลอดดูดกาแฟ ความยาวจากปลายจมูกถึงทวารประมาณ ๓๕ เซนติเมตร หัวค่อนข้างโตเมื่อเทียบกับขนาดลำตัว ปากแหลม เกล็ดหยาบ รอยต่อระหว่างเกล็ดยกเป็นสัน หางแข็งแรง ยาวและไม่ขาดง่าย มองเผินๆ จะเห็นว่าสางห่ามีสีน้ำตาล แต่เมื่อสังเกตจะเห็นลายเส้นสีครีมพาดจากท้ายมาถึงโคนหาง และลายเส้นสีน้ำตาลเข้มจากปลายจมูกพาดผ่านตา ช่องหู ปาก ใต้คาง และท้องขาว ขาและหางสีน้ำตาลอ่อน ตัวผู้มักมีสีขาวอ่อนบริเวณข้างลำตัว โดยปกติอาศัยอยู่ตามป่าหญ้าและละเมาะไม้พุ่มเตี้ย ไม่ค่อยขึ้นอาศัยตามต้นไม้สูง ชอบนอนผึ่งแดดอ่อนๆ ตามยอดพุ่มไม้และกอหญ้า โดยใช้หางพาดระหว่างใบหญ้า และปล่อยตัวแขวนลอยเป็นอิสระ เหวี่ยงตัวแว้งงับกินแมลงได้อย่างรวดเร็ว สางห่าออกไข่ครั้งละ ๒-๔ ฟอง พบทั่วทุกภาคแม้แต่ในกรุงเทพฯ สรุปว่า สางห่าไม่มีพิษ ไม่ดุ ไม่กัด และไม่มีอันตราย แต่กลับมีประโยชน์ที่ช่วยกินแมลงศัตรูพืชบางชนิด ภาพ-ข้อมูล : หนังสือพิมพ์รายวันข่าวสด |