[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 13 มีนาคม 2553 17:11:21



หัวข้อ: จากคอลัมท์ของ"ลมเปลี่ยนทิศ"ที่ทุกคนต้องอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 13 มีนาคม 2553 17:11:21
(http://img34.imageshack.us/img34/8122/buddah.jpg)


http://ia310804.us.archive.org/2/items/pray_music/PMS1280002.MP3


...................สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปรินายก.................


วันเสาร์สบาย ๆ วันนี้ผมขอนำธรรมะคำสอนของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช  มาลงให้อ่านเป็นข้อคิดเตือนสติคนไทยสักวันนะครับ
ธรรมะนี้ผมได้มาจากพระนิพนธ์ สมเด็จพระสังฆราช ในหนังสือที่แจกในงานพระราชทานเพลิงศพของ คุณรังสิน สืบแสง เมื่อสองวันก่อนนี้เองครับ
ชีวิตของทุกคนไม่มีอะไรสำคัญกว่า ประเทศชาติ พระพุทธ- ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ผู้มีปัญญาย่อมมั่นใจในความจริงนี้ ผู้ไม่มีปัญญาเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งก็รู้เห็นกันอยู่  ผู้ไม่มีปัญญาจะลืมความจริงที่สำคัญที่สุดในชีวิตความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะที่เกิดเป็นคนไทย ได้พบพระพุทธศาสนา ได้อยู่ภายใต้ร่มพระบารมีที่เปี่ยมล้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระบรม กษัตริยาธิราชเจ้า
ผู้ไม่มีปัญญาจึงมักคิดพูดทำที่เห็นว่า ความมั่งมีทรัพย์สินเงินทอง และหน้าตาความยิ่งใหญ่ด้วยเกียรติยศเกียรติศักดิ์ ว่ามีความสำคัญที่สุดในความเป็นมนุษย์
ไม่ห่วงใยเทิดทูนรักษา ประเทศชาติ  อันเป็นถิ่นกำเนิด ให้ความเป็นไทย ไม่ห่วงใยเทิดทูนพระพุทธศาสนา ที่สูงส่งเหนืออื่นใด
ในโลกนี้และโลก ทั้งหลาย มีพลังบริสุทธิ์สะอาดเกินความสามารถอื่นใดจะเข้าถึง จะเปรียบได้ความบริสุทธิ์สะอาดสูงส่งที่สุดนี้ ที่ปกปักรักษาให้ไกลทุกข์ทั้งปวงได้จริง
ทั้ง ๆ ที่เกลียดกลัวความ ทุกข์ แต่ผู้ไม่มีปัญญาก็หาได้เห็นคุณค่าสูงส่งที่สุดของพระพุทธศาสนาไม่ หาได้เข้าถึงความจริงที่ยิ่งเสียกว่าจริงที่ว่า ใจที่ถึงพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง จะพาให้ถึงความพ้นทุกข์ได้จริง ในทางตรงกันข้าม ใจที่ไม่แยแสไม่เทิดทูนพระพุทธศาสนา อันเป็นเหตุให้คิดพูดทำเหยียบย่ำทำลายพระพุทธศาสนา จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ย่อมไม่อาจหนีพ้นผลที่รุนแรงนักหนาของกรรมนั้นได้"
พระนิพนธ์เรื่อง แสงส่องใจ ในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงสอนในเรื่องการ รู้จักพอ ไว้ดังนี้.....................................
ความคิดอย่างหนึ่งที่สมควรฝึกให้เกิดขึ้นเป็น ประจำ คือ ความคิดว่าพอ คิดให้รู้จักพอ  ผู้รู้จักพอจะเป็นผู้ที่มีความสบายใจ ส่วนผู้ไม่รู้จักพอ จะเป็นผู้ร้อนเร่าแสวงหาไม่หยุดยั้ง ความไม่รู้จักพอมีอยู่ได้แม้ในผู้เป็นใหญ่เป็นโตมั่งมีมหาศาล และความรู้จักพอก็มีได้แม้ในผู้ยากจนตํ่าต้อย
ทั้งนี้ก็เพราะความพอเป็นเรื่องของใจ ที่ไม่เกี่ยวกับฐานะภายนอก คนรวยที่ไม่รู้จักพอก็เป็นคนจนอยู่ตลอดเวลา คนจนที่รู้จักพอก็เป็นคนมั่งมีอยู่ตลอดเวลา
การยกฐานะคนยากจนให้มั่ง มีนั้น ทำได้ไม่ง่าย บางคนตลอดชาตินี้อาจทำไม่สำเร็จ แต่การยกระดับใจให้มั่งมีนั้น ทำได้ทุกคน แม้มีความมุ่งมั่นจะทำจริง.........................................................
ความโลภไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นได้เลย วัตถุสิ่งของเงินทองทั้งหลายที่ได้มาจากความโลภนั้น ดูเผินๆเหมือนเป็นการยกฐานะเพิ่มความมั่งคั่ง แต่ลึกลงไปจะเป็นการทำลายมากกว่า สิ่งที่ได้จากความโลภ มักจะเป็นสิ่งที่ไม่สมควร มักจะเป็นการได้จากความต้องเสียของผู้อื่น ผู้อื่นทั้งหลายที่ต้องเสียนั่นแหละจะเป็นเหตุทำลาย ความไม่ไว้วางใจทั้งหลายจะเป็นเครื่องทำลายอย่างยิ่ง จะเป็นเหตุให้อะไรร้ายๆตามมา เมื่อถึงเวลาอะไรร้ายๆนั้นก็จะทำลายผู้มีความโลภจนเกินการ
เมื่อเวลา นั้นมาถึงก็จะสายเกินไป จนไม่มีผู้ใดจะช่วยได้ ฉะนั้นก็ควรหมั่นพิจารณาให้เห็นโทษของกิเลส คือความโลภเสียตั้งแต่ยังไม่สายเกินสาธุ
ป.ล. ห้าโมงเย็นวันนี้จะมีการแสดง พลุประกอบดนตรี Musical Fireworks เหนือแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเวลา 45 นาที บริเวณสวนเฉลิม
พระเกียรติสะพานพระราม 9 งานจะเริ่มด้วย การแสดงว่าวเฉลิมพระเกียรติ มีตั้งแต่ ว่าวไทย ว่าวญี่ปุ่น ว่าวซูโม่ ว่าวงูใหญ่ ว่าวเด็กเล็ก และว่าวสวยงามอีกนับหมื่นตัว ต่อด้วยการแสดงพลุประกอบดนตรี Asahi Super Dry Musical Fireworks ใครที่ยังไม่เคยดูการแสดงพลุประกอบดนตรีกลางแม่น้ำอย่างนี้ ขอบอกว่าต้องไปชมครับ สวยงามจริง ๆ


...................................ลมเปลี่ยนทิศ................................

....................หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับวันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พุทธศักราช 2553................


หัวข้อ: Re: จากคอลัมท์ของ"ลมเปลี่ยนทิศ"ที่ทุกคนต้องอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 13 มีนาคม 2553 18:26:52

สมเด็จพระสังฆราช ทรงสอนในเรื่องการ รู้จักพอ ไว้ดังนี้...
ความคิดอย่างหนึ่งที่สมควรฝึกให้เกิดขึ้นเป็น ประจำ คือ ความคิดว่าพอ

คิดให้รู้จักพอ  ผู้รู้จักพอจะเป็นผู้ที่มีความสบายใจ ส่วนผู้ไม่รู้จักพอ จะเป็นผู้ร้อนเร่าแสวงหาไม่หยุดยั้ง
ความไม่รู้จักพอมีอยู่ได้แม้ในผู้เป็นใหญ่เป็นโตมั่งมีมหาศาล

และความรู้จักพอก็มีได้แม้ในผู้ยากจนตํ่าต้อย ทั้งนี้ก็เพราะความพอเป็นเรื่องของใจ
ที่ไม่เกี่ยวกับฐานะภายนอก คนรวยที่ไม่รู้จักพอก็เป็นคนจนอยู่ตลอดเวลา

คนจนที่รู้จักพอก็เป็นคนมั่งมีอยู่ตลอดเวลา
การยกฐานะคนยากจนให้มั่ง มีนั้น ทำได้ไม่ง่าย บางคนตลอดชาตินี้อาจทำไม่สำเร็จ

แต่การยกระดับใจให้มั่งมีนั้น ทำได้ทุกคน แม้มีความมุ่งมั่นจะทำจริง.

อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ


(http://www.cmadong.com/imageupload/data/image/k9skw1-a0a938.gif)
ข้าวคลุกกะปิค่ะ น้อง"บางครั้ง" นำมาขอบคุณ หม่ำก่อนนะคะ

(http://i210.photobucket.com/albums/bb214/pukbass/th_Dookdig.gif)

เต้นแถมเป็นกำลังใจน่ะค่ะ