[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 30 เมษายน 2558 12:58:25



หัวข้อ: วิธีปฏิบัติในการใส่บาตร
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 30 เมษายน 2558 12:58:25
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/98435325548052_6_1.JPG)

ตักบาตร

จากบทความทางพุทธศาสนาของกองพุทธสารนิเทศ สำนักงานพระพุทธศาสนแห่งชาติ ว่า การตักบาตร หรือการใส่บาตร เป็นกิจวัตรประจำวันประการหนึ่งของชาวพุทธที่มีความผูกพันกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่โบราณกาล และถือเป็นการสืบต่ออายุของศาสนา เพราะพระภิกษุผู้เป็นศาสนทายาท ต้องอาศัยอาหารบิณฑบาตของพุทธศาสนิกชนในแต่ละวันเพื่อดำรงชีพ ศึกษาพระธรรมวินัย รวมทั้งเผยแผ่คำสอนของพระพุทธศาสนาให้แพร่หลายมาจนทุกวันนี้

การใส่บาตรแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากเหมือนศาสนพิธีอื่นๆ แต่ก็มีข้อปฏิบัติที่ควรทราบ เป็นต้นว่า ข้าวและอาหารที่จะนำมาใส่บาตรนิยมเป็นข้าวปากหม้อและกับข้าวปากหม้อ คือเป็นสิ่งที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ได้ตักออกไปเพื่อบริโภคหรือใช้อย่างอื่น ส่วนกับข้าวที่ปรุง หากเป็นเนื้อสัตว์ไม่ควรฆ่าเพื่อถวายพระโดยเฉพาะ และจะต้องไม่เป็นเนื้อสัตว์ ๑๐ ชนิด ที่ห้ามพระภิกษุฉัน คือ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี เนื้อเสือดาว ทั้งสิ่งของที่ใส่บาตรถวายพระทุกอย่างควรเป็นสิ่งของที่ได้มาหรือใช้ทรัพย์ที่บริสุทธิ์

โดยปกติสิ่งที่จะนำมาใส่บาตรก็มี ข้าว กับข้าว และของหวาน แต่ในบางกรณีอาจถวายดอกไม้ ธูปเทียน ผ้าที่สมควรแก่สมณะ หรือสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ อันสมควรแก่สมณบริโภค ข้าวสุกใส่ไว้ในบาตรได้ ส่วนกับข้าวและของหวาน ในชนบทจะใส่ถ้วยแล้วมอบให้ลูกศิษย์ถ่ายใส่ปิ่นโตนำไปถวายพระที่วัด แต่ในเมืองมักใส่ถุงพลาสติกใส่ลงในบาตรพระได้ ข้อควรระวังคือการใส่อาหารที่ใหญ่เกินไป เช่น แตงโมทั้งผล ควรใส่ถุงหิ้วให้พระถือไปได้ ไม่ควรใส่บาตรไปทั้งผล และการใส่บาตรไม่ควรเจาะจงถวายรูปใดรูปหนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อให้การใส่บาตรเป็นสังฆทาน ซึ่งมีผลมากกว่าการใส่โดยเจาะจง

สำหรับวิธีปฏิบัติในการใส่บาตร มีดังนี้
จัดเตรียมสิ่งของที่จะใส่บาตรให้พร้อม หากจะชำระร่างกายให้สะอาดและไหว้พระสวดมนต์ก่อนก็จะเป็นการดียิ่ง ก่อนใส่บาตรนิยมตั้งจิตอธิษฐานโดยนั่งกระหย่งหรือยืนแล้วยกขันข้าวขึ้นเสมอหน้าผาก กล่าวคำอธิษฐานดังนี้ "สุทินฺนํ วต เม ทานํ อาสวกฺขยาวหํ โหตุ" แปลว่า "ทานของเราให้ดีแล้วหนอ ขอจงเป็นเครื่องนำมาซึ่งความสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลสเถิด" หรือจะตั้งจิตอธิษฐานเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวขาวเหมือนดอกบัว ยกขึ้นทูนหัว ตั้งใจจำนง ตักบาตรพระสงฆ์ ขอให้ทันพระศรีอาริย์ ขอให้พบดวงแก้ว ขอให้แคล้วบ่วงมารขอให้บรรลุพระนิพพานในอนาคตกาลเทอญ" การอธิษฐานจะอธิษฐานในบ้านหรือก่อนตักบาตรก็ได้ ขณะใส่บาตร ควรถอดรองเท้า หากพื้นที่ดินเฉอะแฉะอาจยืนบนรองเท้าก็ได้

ตักข้าวใส่บาตรให้เต็มทัพพี ใส่ด้วยอาการเคารพ พยายามอย่าให้เมล็ดข้าวหล่นออกมานอกบาตร ถ้ามีข้าวติดทัพพี ห้ามใช้ทัพพีเคาะกับบาตรพระ หากกับข้าวเป็นถุงก็ใส่บาตรไปด้วย แต่ถ้าใส่ถ้วยให้วางไว้บนฝาบาตร หรือส่งให้ลูกศิษย์ถ่ายใส่ปิ่นโต และหากมีดอกไม้ธูปเทียนก็ให้ถวายท่านหลังจากใส่ข้าวและกับข้าวแล้วโดยผู้ชายส่งถวายให้กับมือพระได้ ส่วนผู้หญิงให้วางบนฝาบาตร เมื่อใส่บาตรแต่ละรูปให้น้อมไหว้ทุกครั้ง ไม่ควรชวนพระคุย หรือถามว่าชอบอาหารชนิดใด ชอบอาหารที่ถวายหรือไม่ หลังจากใส่บาตรเสร็จ ควรกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่บุรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว การใส่บาตรเป็นประเพณีที่ได้ใช้ทุกเหตุการณ์ เช่น วันเกิด วันธรรมสวนะ วันสำคัญของศาสนา วันครบรอบแต่งงาน วันครบรอบมรณกรรม เป็นต้น

มีข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักสอนพระปริยัติธรรม วัดสัมมาชัญญาวาส เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ตอบคำถาม ทำไมตักบาตรต้องถอดรองเท้า ว่า การถอดรองเท้าขณะใส่บาตรเป็นการแสดงความเคารพ ด้วยพระไม่สวมรองเท้าบิณฑบาต ถ้าผู้ตักบาตรสวมรองเท้า จะอยู่ในที่สูงกว่าพระ แต่เรื่องนี้อาจยืดหยุ่นได้ โดยจัดที่ให้พระยืนรับบาตรบนที่สูงหรือกรณี ผู้ตักบาตรอยู่บนพื้นดินสกปรก เป็นต้น
...นสพ.ข่าวสด