[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 22 พฤษภาคม 2558 12:56:19



หัวข้อ: วาจาสุดท้าย หลวงพ่อคูณ เรื่องเล่าปาฏิหาริย์ หยั่งรู้ แคล้วคลาด
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 22 พฤษภาคม 2558 12:56:19
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/21996571206384__3614_1.jpg)

วาจาสุดท้าย หลวงพ่อคูณ เรื่องเล่าปาฏิหาริย์ หยั่งรู้ แคล้วคลาด

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอนำแฟนๆ ไปฟังคำบอกเล่าจากปากของผู้ใกล้ชิดที่สุด 2 คน ของหลวงพ่อคูณ เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด ก่อนที่ท่านจะละสังขาร คือ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวที่ดูแลท่านมาเป็นเวลานานกว่า 19 ปี ส่วนอีกคนคือ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองผู้คร่ำหวอดแห่งเมืองโคราช ลูกศิษย์คนสนิทที่ใกล้ชิดกันมาเกือบ 20 ปี ซึ่งจะมีเรื่องเล่าทั้งที่เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ไม่สามารถอธิบายได้ และคำพูดสุดท้ายปริศนาของหลวงพ่อ....
 
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รื้อฟื้นความทรงจำถึงเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด ก่อนกล่าวเปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่าได้มีโอกาสดูแลหลวงพ่อคูณครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ตราบจนกระทั่งหลวงพ่อได้ละสังขาร นับเป็นเวลามานานกว่า 19 ปี
 
เพียงแค่นึก จู่ๆ ก็ได้เหรียญหลวงพ่อมาบูชา
 
โดยก่อนหน้าที่คุณหมอคู่ใจเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด จะได้มีโอกาสพบหลวงพ่อคูณครั้งแรกนั้น นพ.พินิศจัย ได้ถ่ายทอดเรื่องอัศจรรย์ที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ฟังว่า ในปี พ.ศ.2537 ซึ่งตอนนั้นคุณหมอยังทำหน้าที่เป็นแพทย์ใช้ทุนหลวงอยู่ที่ รพ.มหาราช จ.นครราชสีมา ในช่วงวันสุดท้ายของการทำงานก่อนที่จะลาจากจังหวัดโคราชเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อมาเรียนต่อด้านโรคหัวใจ ที่ รพ.ศิริราช นั้น จู่ๆ ไม่รู้นึกอย่างไรได้พูดเปรยๆ กับภรรยาว่า
 
"เอ… เราสองคนเนี่ย อยู่โคราชกันมาตั้ง 4 ปี แล้ว ยังไม่เคยได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหรือมีเหรียญของหลวงพ่อคูณเอาไว้บูชากันสักเหรียญเดียวทั้งๆ ที่อยู่ จ.นครราชสีมาแท้ๆ แถมในตอนนั้นท่านก็โด่งดังมาก" แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ..............คุณเชื่อไหม วันรุ่งขึ้นคนไข้คนแรกที่เข้ามาตรวจรักษากับผม จู่ๆ ก็ควักเอาเหรียญของหลวงพ่อมาให้ผมบูชา หลังจากที่ได้ตรวจรักษาเสร็จ" คุณหมอพินิศจัยกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบใจเมื่อนึกได้ถึงความหลังครั้งนั้น
 
"ตอนนั้นผมยอมรับตรงๆ เลยว่าในใจเริ่มรู้สึกว่า เอ… มันน่าจะแปลกๆ ยังไงๆ อยู่เหมือนกับว่ามันน่าจะมีความพิเศษอะไรบางอย่างเกิดขึ้น"


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สิ่งอัศจรรย์ดลใจวางแผนรักษาพ่อคูณล่วงหน้าและก็เหมือนจะเป็นโชคชะตาที่ดลบันดาลให้ นพ.พินิศจัย จะได้มาเป็นหมอคู่ใจของเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด เพราะในเวลาต่อมาหลังจากเรียนจบทางด้านโรคหัวใจโดยตรงจาก รพ.ศิริราช และกลับมาทำงานที่ รพ.มหาราช อีกครั้งในปี พ.ศ.2539 นั้น เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่อัศจรรย์เกินกว่าจะคิดได้ จู่ๆ หลวงพ่อคูณก็ถูกส่งตัวมารักษาด่วนด้วยอาการภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันซึ่งนั่นถือเป็นครั้งแรกของโชคชะตาที่ทำให้คุณหมอได้พบกับหลวงพ่อคูณเป็นครั้งแรกในชีวิต
 
ซึ่งในครั้งนั้น คุณหมอกล่าวยอมรับกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า "ตอนนั้นผมยอมรับเลยว่ารู้สึกกลัวๆ เกรงๆ และรู้สึกกังวลพอสมควร เพราะในตอนนั้นท่านถือเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพรักกันทั้งแผ่นดิน แถมอาการภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อในเวลานั้นถือเป็นภาวะวิกฤติทางหัวใจและหลอดเลือดที่มีความเสี่ยงอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง" แต่ที่สุดแล้วก็สามารถทำการรักษาจนอาการหลวงพ่อดีขึ้นๆ ตามลำดับ
 
"แต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่นะ" คุณหมอผู้มากประสบการณ์ในการรักษาคนไข้โรคหัวใจพูดกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ก่อนเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่คุณหมอเองก็ยอมรับว่ารู้สึกว่าแปลกๆ ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ว่า
 
"ก่อนที่ผมจะได้รักษาหลวงพ่อในครั้งแรก คุณเชื่อไหมมันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาดลจิตดลใจให้ผมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรักษาในกรณีที่หลวงพ่อท่านเกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน อธิบายง่ายๆ ให้เห็นภาพก็คือเหมือนมีใครมาวางแผนใส่โปรแกรมให้เราเตรียมพร้อมเอาไว้ ซึ่งตอนนั้น ผมเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือที่สุดแล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งทำให้เมื่อถึงเวลาต้องทำการรักษาหลวงพ่อเราก็ได้ทำตามที่เราเตรียมพร้อมเอาไว้เหมือนกับว่าเราคิดไว้ก่อนแล้ว"


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/41071520042088__3614_2.jpg)
เข้าดูแลใกล้ชิดยามหลวงพ่ออาพาธ
 
สุดอัศจรรย์ เทพเจ้าด่านขุนทดรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเป็นจริงดั่งลั่นวาจาและไม่ใช่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวที่ทำให้คุณหมอคู่ใจเทพเจ้าแห่งด่านขุนทดรู้สึกอัศจรรย์ใจตลอดเวลาที่ได้ดูแลหลวงพ่อมาเป็นเวลานานกว่า 19 ปี โดยก่อนที่จะเล่าคุณหมอได้เกริ่นนำไว้อย่างน่าติดตามว่า
 
"ผมอยากจะเรียนให้ทุกท่านได้ทราบว่า สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ไปกราบหลวงพ่อ ต้องไปกราบ เพราะหลวงพ่อท่านมีอะไรหลายอย่างที่เราซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายหรือหาคำตอบในทางวิทยาศาสตร์ได้"
 
อยากจะรู้กันแล้วใช่ไหม? บรรดาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ………. งั้นเราไปฟังคำบอกเล่าของ คุณหมอพินิศจัย กันต่อไปเลยดีกว่า........
 
"อันนี้ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะครับ คือหลวงพ่อท่านมักจะรู้อะไรล่วงหน้าที่เราจะทราบและก็มักจะตรงด้วย โดยเรื่องแรกที่ผมขอเล่าก็คือ เมื่อ 4 ปีก่อนที่หลวงพ่อป่วยโดยมีอาการทางปอดและได้เข้ามาทำการรักษาที่ รพ. ซึ่งตอนนั้นในส่วนตัวก็คิดว่าท่านนอนพักรักษาตัวสัก 1 เดือน ซึ่งก็ถือว่าเยอะแล้ว และก็น่าจะหายจนกลับวัดได้ แต่ท่านกลับบอกกับบรรดาลูกศิษย์ว่าท่านจะนอนรักษาตัวที่ รพ.ไปจนกระทั่งถึงปีหน้าซึ่งก็จะกินระยะเวลาประมาณถึง 6 เดือน ตอนนั้นผมบอกตรงๆ เลยว่าไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร แต่ที่สุดแล้วมันก็เป็นจริงตามที่หลวงพ่อท่านได้ลั่นวาจาเอาไว้จริงๆ" คุณหมอกลั้วเสียงหัวเราะก่อนจะบรรยายความให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ได้ฟังต่อ
 
"ตอนนั้นจำได้เลยว่าท่านมีอาการแทรกซ้อนตามมาหลายอย่างจนกระทั่งต้องนอนพักรักษาตัวยาวนานกว่า 6 เดือน ตามที่ท่านพูดไว้จริงๆ"



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/28241788844267__3614_3.jpg)
คำสอนที่เข้าใจง่าย เข้าถึงประชาชน
 
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจลำดับต้นๆ ของประเทศเล่าให้ฟังต่อว่า "อีกเรื่องหนึ่ง มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ผมตรวจอาการท่านอยู่ในห้องพักของ รพ.มหาราช จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาแจ้งว่า อีกประมาณ 1 ชั่วโมง ท่านผู้ว่าฯ โคราช จะเดินทางมาประชุมเรื่องเครื่องมือแพทย์ สิ้นคำนั้น หลวงพ่อท่านก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า ผู้ว่าฯ อยู่ข้างล่างแล้ว! ซึ่งก็สุดที่จะเหลือเชื่อคือท่านผู้ว่าฯ ท่านก็มาถึงแล้วจริงๆ ดังที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ ผมเองบอกตรงๆ ว่ารู้สึกพิศวงงวยงงมากเพราะทั้งท่านและผมอยู่ในห้องพักตลอดเวลาซึ่งก็ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่ท่านจะทราบว่าท่านผู้ว่าฯ ท่านเดินทางมาถึงแล้ว"
 
"จริงๆ ยังมีเรื่องอัศจรรย์อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อซึ่งตัวผมเองก็ไม่สามารถจะอธิบายได้ แต่ขออนุญาตไม่เล่าให้ฟังเพราะเกรงว่าบางเรื่องอาจจะไม่เหมาะสม และไม่สมควรที่จะพูดออกไป แต่สำหรับผมคงบอกได้เพียงว่าหลวงพ่อคูณท่านไม่ธรรมดา สมกับที่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ ดั่งสมญาเทพเจ้าแห่งที่ราบสูงจริงๆ"


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/20525629031989__3614_4.jpg)
ความเมตตาปราณีของหลวงพ่อ

รับมีลางสังหรณ์ ก่อนพ่อคูณละสังขาร
 
แล้วคุณหมอเกิดลางสังหรณ์อะไรก่อนเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่จะละสังขารหรือไม่? คำถามนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์เชื่อว่าหลังจากได้ฟังเรื่องราวอัศจรรย์ต่างๆ จากหมอคู่ใจหลวงพ่อคูณ คงจะอยากถามคำถามนี้เอากับคุณหมอในทันทีเช่นเดียวกันแน่ๆ
 
"อึม….. มีครับ" คุณหมอพินิศจัยชั่งใจเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อไปว่า "แต่ในตอนที่เกิด ซึ่งผมขออนุญาตไม่เล่าว่าเกิดสิ่งใดขึ้นนั้นคือสักประมาณสองวันก่อนหน้านี้ ในตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะเกี่ยวอะไรกับท่าน แต่หลังจากท่านได้ละสังขารผมก็มาคิดในใจว่า อ้อ คงจะถึงเวลาของท่านแล้วจริงๆ"
 
คำพูดสุดท้ายหลวงพ่อปริศนาธรรม "นับจากนี้ไปจะดี"
 
อะไรคือคำพูดสุดท้ายที่คุณหมอ ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่? คุณหมอพินิศจัยนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนเล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ได้ฟังว่า ในช่วงหลังนี้ๆ ท่านพูดน้อยมาก เนื่องจากมีอาการป่วย แต่ครั้งสุดท้ายที่ผมได้มีโอกาสสนทนากับท่านเป็นการส่วนตัวสักประมาณ 6 เดือนก่อนหน้านี้ ก็คือ "นับจากนี้ไปจะดี" ซึ่งหลังจากนั้นท่านก็ไม่พูดอะไรอีกเลยแม้แต่ในช่วงสัก 2-3 วันก่อนหน้าที่ท่านจะละสังขาร ที่ผมได้เข้าไปกราบท่านท่านก็ไม่พูดอะไรอีกเลย พวกเราก็ไปตีความหมายกันเอาเองแล้วกันว่าท่านหมายถึงอะไร?
 
ส่วน 19 ปี ที่ได้มีโอกาสรักษาหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด รู้สึกประทับใจอะไรในตัวท่านมากที่สุดนั้น คุณหมอพินิศจัยกล่าวว่า "หลวงพ่อท่านเป็นพระมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ ใครได้มีโอกาสเข้าใกล้ท่านจะรักท่านและรักท่านจากใจจริงกันทุกคน และเป็นความรักที่เกิดจากความศรัทธาไม่ใช่รักแบบงมงาย
 
ผมจำได้เลยว่าในวันสุดท้ายที่หลวงพ่อท่านละสังขาร บรรยากาศใน รพ. ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและคราบน้ำตา พยาบาลและเจ้าหน้าที่เกือบทุกคนไม่มีใครสามารถกลั้นน้ำตาได้อยู่ และผมเชื่อว่าทุกๆ คนไม่มีใครอยากให้ท่านจากไป...."


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/27047742572095__3614_5.jpg)
หลวงพ่อคูณละสังขาร

อีกเรื่องที่ผมรู้สึกประทับใจในตัวหลวงพ่อ คือท่านเป็นพระที่ติดดินและเสียสละ หลวงพ่อท่านไม่มีอะไรติดตัวท่านเลย หากใครได้มีโอกาสไปพบท่านก็จะรู้ว่าท่านไม่เหมือนพระที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ เลย และท่านยังทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาลเท่าที่ลูกศิษย์เล่าให้ผมฟัง ซึ่งก็อาจจะเป็นตัวเลขคร่าวๆ ก็คือตลอดชีวิตของหลวงพ่อท่านบริจาคเงินให้กับสาธารณประโยชน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท!
 
แพทย์ผู้ดูแลหลวงพ่อคูณมาเป็นเวลาถึง 19 ปี กล่าวทิ้งท้ายว่าการที่หลวงพ่อคูณท่านบริจาคร่างให้กับ รพ.ขอนแก่นนั้น ถือเป็นความภูมิใจและโชคดีสูงสุดของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะได้มีอาจารย์ใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ยอมอุทิศร่างมาให้พวกเรานักศึกษาแพทย์ได้ทำการศึกษา

ที่สุด คุณหมอคู่ใจหลวงพ่อคูณกล่าวทิ้งท้ายว่า ผมอยากให้ทุกท่านได้ระลึกถึงคำสั่งสอนดีๆ ของหลวงพ่อและนำไปปฏิบัติเพราะถือเป็นแสงสว่างในการนำทางชีวิตได้ ยกตัวอย่างเช่น คำสอนหนึ่งที่ตัวผมเองชื่นชอบก็คือ "คนเราเกิดมาเพื่อสู้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อแพ้" ซึ่งตลอดชีวิตของหลวงพ่อท่านก็สู้จริงๆ ผมจำได้เลยว่า ตอนท่านอายุประมาณ 80 กว่าๆ ทั้งที่ยังอยู่ในอาการอาพาธท่านก็พยายามลงมาเดินเคาะให้บรรดาประชาชนจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลกันมากราบไหว้ และแม้กระทั่งบรรดาลูกศิษย์ยังบ่นๆ ว่าทำไมยังมากันอีกหลวงพ่อท่านเหนื่อยแล้ว หลวงพ่อท่านก็เลยพูดออกไปว่า "ไม่เป็นไรดอก เค้ามากันตั้งไกล กูอยู่แค่นี้เอง" นี่แหละคือความเมตตาของหลวงพ่อที่ประทับอยู่ในความทรงจำของชาวไทยที่จะไม่มีวันลืมเลือน และส่วนตัวผมรู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับท่าน


นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา นักการเมืองผู้ใกล้ชิดพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย กล่าวเปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่าผมได้มีโอกาสรู้จักกับหลวงพ่อคูณเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัน ผู้ล่วงลับ เป็นนายกรัฐมนตรีประมาณปี พ.ศ.2531 โดย พล.อ.ชาติชายซึ่งมีความเคารพรักและศรัทธาหลวงพ่อคูณเป็นอย่างมากนั้น จะแวะไปเยี่ยมเยือนวัดบ้านไร่อยู่เป็นประจำ ทำให้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคณะไปนมัสการหลวงพ่อด้วย ซึ่งนับจากวันนั้นจนวันนี้ก็ผ่านระยะเวลามานานกว่า 20 ปีแล้ว
 
สั่งสอน เป็นนักการเมืองต้องเสียสละคิดถึงส่วนรวม
 
"โดยตลอดระยะเวลาที่ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ ท่านจะสอนสั่งให้ผมได้มีจิตสำนึกของความเป็นนักการเมืองที่จะต้องทำประโยชน์ให้กับจังหวัดโคราชและประเทศชาติอยู่ในทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพบกัน โดยคำพูดที่หลวงพ่อมักจะใช้ในทุกๆ ครั้งที่พบกันก็คือ มึงนี่อยู่โคราชนะมึงต้องดูแลคนโคราช มึงต้องทำงานเพื่อคนโคราช และที่สำคัญมาทำงานเพื่อส่วนรวม ต้องเสียสละนะโว้ย ซึ่งคำสั่งสอนแบบชาวบ้านๆ ที่ฟังดูง่ายๆ เหล่านี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในตัวหลวงพ่อเสมอมา"
 
นอกจากนี้ ทุกข์ร้อนต่างๆ ของพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมาที่ร้องผ่านท่านเวลามากราบนมัสการ ท่านก็ไม่เคยนิ่งเฉย และจะเป็นธุระจัดการปัดเป่าให้เสียทุกครั้ง โดยเวลาที่ผมไปกราบนมัสการท่านก็จะสั่งการให้ผมไปช่วยดูแลแก้ไขให้ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นเครื่องสะท้อนตัวอย่างของความเสียสละเพื่อส่วนรวมของหลวงพ่อได้เป็นอย่างดี นายสุวัจน์กล่าว
 
เป็นถึงลูกศิษย์เอกคนหนึ่งของเกจิชื่อดังแห่งภาคอีสาน ได้ของดีจากหลวงพ่อไว้บูชาหรือไม่
 
ปัจจุบัน ผมมีเหรียญหลวงพ่อคูณคล้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา คือเหรียญรุ่นยอดธง รุ่นที่ 1 ซึ่งมีเพียง 99 องค์ในประเทศไทยเท่านั้น โดยรุ่นนี้จัดสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่หลวงพ่อคูณมีอายุครบ 72 ปี


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/84403463701407__3614_6.jpg)
เหรียญรุ่นยอดธง รุ่นที่1 ที่คุณสุวัจน์ พกติดตัวตลอดเวลา

ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือรุ่นคูณพิทักษ์ ถูกจัดสร้างขึ้นที่โรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์ซึ่งอยู่ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 โดยในครั้งนั้นจำได้ว่าหลวงพ่อคูณได้เชิญ พล.อ.ชาติชายกับผมไปเป็นประธาน ซึ่งวัตถุมงคลชิ้นนี้นี่เองที่ทำให้ผมพบเจอเรื่องอัศจรรย์ที่ยากจะมีคำอธิบายได้... นักการเมืองชื่อดังกล่าวทิ้งท้ายให้ชวนติดตาม
 
สุดมหัศจรรย์ เหรียญคูณพิทักษ์คุ้มครอง ขับรถตกเหวลึก 50 เมตร รอด! ไร้รอยขีดข่วน
 
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า หลังจากปลุกเสกเสร็จหลวงพ่อท่านก็มอบเหรียญนี้ให้กับมือของผมเลยพร้อมกับกล่าวว่า "เอา มึงเอาไว้ จะได้คุ้มครอง" พอรับจากมือท่านผมก็เอาใส่กระเป๋าเสื้อสูทไว้ จากนั้นก่อนออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ เหมือนจะมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง เพราะ พล.อ.ชาติชายได้หันมาถามว่า "ทำไมไม่นั่งรถกลับด้วยกันล่ะ" ผมก็ตอบไปว่า "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะขับรถกลับมาเอง"
 
จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้ากลับมาเองคนเดียว แถมยังไปคนละเส้นทางกับอดีตนายกรัฐมนตรีเสียด้วย และเมื่อรถมาถึงโค้งร้อยศพใน อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่เลื่องลือกันอย่างมาก เป็นสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตอยู่เป็นประจำ ก็ปรากฏว่า จู่ๆ มีรถสิบล้อคันหนึ่งวิ่งสวนพุ่งเข้ามาหารถด้วยความเร็ว ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น จึงได้ตัดสินใจหักหลบแบบชนิดฉิวเฉียดจนทำให้รถเสียหลักร่วงกลิ้ง 5-6 ตลบ ตกลงไปในหุบเหวลึกข้างทางที่สูงกว่า 50 เมตร ตัดต้นไม้ขาดไป 5-6 ต้น ตอนนั้นบอกตรงๆ เลยว่าในใจคิดว่ายังไงคงไม่รอดแน่ แต่เชื่อไหมผมกลับไม่เป็นอะไรเลยและแถมไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ด้วย ทั้งที่ๆ รถที่ขับมาคือ รถเบนซ์ 190E พังยับชนิดจำไม่ได้ทั้งคัน ตอนรถหยุดนิ่งจำได้เลยว่าตัวเองยังงงๆ อยู่คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่หรือตายไปแล้ว


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/84500099511610__3614_7.jpg)
เหรียญรุ่นคูณพิทักษ์ ที่ช่วยคุณสุวัจน์ รอดจากตกเหวลึก

จนชาวบ้านที่มาช่วยเคาะกระจกเรียกถึงพอจะมีสติบอกตัวเองว่ายังไม่ตาย จากนั้นจึงชี้นิ้วมาที่ตัวเองเพื่อถามชาวบ้านเหล่านั้นให้แน่ใจว่า "นี่ผมยังไม่ตายใช่ไหม" จากนั้นพอช่วยกันทุบกระจกเอาตัวออกมาได้ เชื่อไหมคำแรกที่พลเมืองดีเหล่านั้นพูดกับผมคืออะไร? "ขอหลวงพ่อคูณหน่อยสิ" ตอนนั้น ทำให้ผมเชื่อเลยว่าชาวบ้านมีแรงศรัทธาต่อหลวงพ่อคูณมากแค่ไหน เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่าหากมีหลวงพ่อคูณไว้กับตัวจะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆ ได้อย่างแน่นอน
 
สิ้นคำของชาวบ้าน จึงรีบเอามือลูบตามเสื้อสูท หาเหรียญรุ่นคูณพิทักษ์ที่ได้จากมือของหลวงพ่อทันที แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมาจึงได้ไปขอเหรียญรุ่นนี้จากทางวัดบ้านไร่กลับมาบูชาได้อีกครั้งหนึ่ง
 
ยอมรับ มีคำทำนายพิเศษส่วนตัวแต่ขอไม่เปิดเผย
 
ถือเป็นอีกหนึ่งศิษย์เอกของหลวงพ่อคูณ ก่อนที่ท่านละสังขาร มีคำทำนายอนาคตเป็นการส่วนตัวเอาไว้ให้เป็นพิเศษหรือไม่ …… แกนนำพรรคชาติพัฒนา หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนตอบคำถามนี้ว่า.... "มีครับ" .......แต่ขออนุญาตเก็บไว้เป็นการส่วนตัว นายสุวัจน์ หัวเราะทิ้งท้ายเป็นปริศนาอีกครั้ง
 
คำสอนพ่อคูณเป็นวิทยาศาสตร์มีเหตุมีผล
 
แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวต่อว่าอยากให้ทุกคนได้ลองพินิจพิจารณาคำสั่งสอนที่ฝากไว้ให้โลกกันให้ดีๆ เพราะคำสอนของท่านเป็นวิทยาศาสตร์และมีเหตุมีผล ยกตัวอย่างเช่น การสอนเรื่องความไม่ประมาท ท่านก็จะพูดว่า "ที่ใครๆ พูดว่าใครพกเหรียญหลวงพ่อคูณแล้วจะไม่ตาย รถไม่ชน ไม่มีอุบัติเหตุ จริงๆ แล้ว ใครๆ ก็พูดกันได้ว่ามีกูแล้วไม่ตาย ก็เพราะคนพวกนี้ไม่ตายยังไงล่ะ ถึงได้มาพูดกันได้ แต่ไอ้พวกที่มีกูแล้วตายเค้ามาพูดกันได้ที่ไหนว่ามีกูแล้วก็ยังตาย เพราะฉะนั้น เรื่องอุบัติเหตุใครจะมาพูดว่ามีกูแล้วไม่ตายไม่จริงหรอก สำคัญที่สุดคือ มึงมีกูแล้วมึงเชื่อกูบอก กูบอกว่าไง กูบอกว่าอย่าประมาทสิ" นายสุวัจน์ เล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์อย่างอารมณ์ดี
 
"รู้มั้ยคำสอนเรื่องอุบัติเหตุนี่ ผมอยากเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง สมัยก่อนที่ท่านแข็งแรงเวลาใครนิมนต์ให้ไปไหนมาไหนท่านจะชอบนั่งรถเบาะหน้าทุกครั้ง แล้วก่อนที่รถจะออกท่านจะบอกกับบรรดาผู้ติดตามทุกครั้งไปว่า เฮ้ย พวกมึง หากรถวิ่งเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกูโดดหนีก่อนนะ ซึ่งก็ได้ผล เตือนสติบรรดาลูกศิษย์ลูกหาได้เป็นอย่างดี"


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/69440120003289__3614_9.jpg)
แม้ยามอาพาธหลวงพ่อก็ไม่เคยลืมประชาชน

ความเชื่อหลวงพ่อเหยียบโฉนดแล้วจะขายได้... จริงๆ แฝงธรรมะสอนสั่ง
 
อีกคำสอนหนึ่งของเกจิชื่อดังของวัดบ้านไร่ที่ทำให้นักการเมืองผู้คร่ำหวอดในจังหวัดโคราชรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ ก็คือคำสอนเรื่องการใช้เงิน ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเวลาใครมาขอพรจากหลวงพ่อท่านก็มักจะมาขอเรื่องโชคลาภขอให้ร่ำขอให้รวยกันเป็นส่วนใหญ่ ท่านจึงมีวิธีสั่งสอนว่า เอาล่ะ จะมาขอพรให้ร่ำให้รวย ท่านก็จะให้ แต่เวลามีเงินแล้วอย่าเป็นทาสของเงินใช้เงินให้เป็น และที่สำคัญเมื่อมีแล้วก็ให้บริจาคเหมือนดั่งคำที่ว่า "ยิ่งอยากได้ก็จะยิ่งอด แต่ถ้าให้หมดแล้วก็จะยิ่งได้" ซึ่งพวกคุณรู้ไหมในเรื่องนี้ หลวงพ่อคูณท่านทำให้บรรดาคนใกล้ชิดได้เห็นอยู่เสมอๆ เห็นได้จากเวลามีใครนำเงินมาถวายเงินบริจาคให้ท่าน หากใครยื่นแบงก์ร้อยมา 2 ใบ ท่านจะเอาไว้ 1 ใบ อีก 1 ใบ ท่านจะส่งคืนให้ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าตั้งแต่ท่านบวชเรียนมา 71 พรรษา ท่านจึงมีเงินบริจาคให้สาธารณกุศลต่างๆ เป็นพันๆ ล้านบาท
 
อีกคำสอนหนึ่ง ที่เป็นที่จดจำเป็นพิเศษก็คือ จำได้สมัยก่อนที่คนมักจะนิยมนำโฉนดที่ดินมาให้หลวงพ่อท่านเหยียบด้วยความเชื่อว่าเมื่อท่านเหยียบแล้วจะเป็นสิริมงคลทำให้สามารถขายที่ดินได้ พอหลวงพ่อท่านเหยียบให้แล้วท่านก็มักจะสอนสั่งว่า" เออ กูขอให้มึงขายได้นะ แต่ไอ้การค้าการขายเนี่ย กูเสกให้แล้ว เหยียบให้แล้ว มึงก็อย่าไปขายเค้าแพงนะ ของซื้อของขาย ขายไม่แพง คนเค้าก็ซื้อมึง" ซึ่งคำสอนเหล่านี้หากพินิจดูให้ถ่องแท้แม้จะเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยหลักธรรมของพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล่าวทิ้งท้ายให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ได้คิด


ไทยรัฐออนไลน์