หัวข้อ: ธาตุก่องข้าวน้อย จ.ยโสธร : ตามรอยตำนาน 'ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่' เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 01 กรกฎาคม 2558 12:39:54 .
ธาตุก่องข้าวน้อย มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ แตกต่างไปจากปูชนียสถานแห่งอื่นๆ ที่มักเกี่ยวพันกับเรื่องราวทางพุทธศาสนา แต่ประวัติความเป็นมาของการสร้างธาตุก่องข้าวน้อยกลับเป็นนิทานพื้นบ้าน เล่าสืบต่อๆ กันมาว่า หนุ่มชาวนา (บ้างว่าชื่อ “ทอง”) สร้างธาตุองค์นี้ขึ้นเพื่อล้างบาปและอุทิศส่วนกุศลให้แก่มารดา ที่ตนกระทำอนันตริยกรรมมาตุฆาต ฆ่ามารดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดู เหตุจาก 'โมโหหิว' มารดานำข้าวมาส่งให้ล่าช้า จึงบันดาลโทสะทุบตีจนถึงแก่ความตาย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/64613654837012_1.JPG) ธาตุก่องข้าวน้อย หรือ ธาตุตาดทอง ทรวดทรงสัณฐานคล้ายกับกระติบใส่ข้าวเหนียว หรือเรียกกันทั่วไปว่า 'ก่องข้าว' เป็นศิลปกรรมแบบล้านช้าง พบมากบริเวณจังหวัดหนองคาย เช่น พระธาตุบังพวน เป็นต้น ธาตุก่องข้าวน้อย ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ธาตุก่องข้าวน้อย หรือที่นิยมเรียกกันว่า พระธาตุก่องข้าวน้อย หรือ พระธาตุบ้านทุ่งสะเดา เป็นเจดีย์เก่าแก่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๙ กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข ๒๓ (ยโสธร-อุบลราชธานี) กิโลเมตรที่ ๑๙๔ เลี้ยวซ้ายไปอีก ๑ กิโลเมตร พระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นศิลปกรรมแบบล้านช้าง สร้างในพุทธศตวรรษที่ ๒๓-๒๕ ตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย หรือสมัยกรุงธนบุรี ตั้งอยู่ในเขตวัดพระธาตุก่องข้าวน้อย ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นเมืองโบราณสมัยขอม (ดังปรากฏจารึก ตาดทองสร้างเมื่อพุทธศตวรรษที่ ๑๕ กล่าวถึงพรเจ้าอีศานวรมันที่ ๒ (พ.ศ. ๑๔๖๘-๑๔๗๑) ได้ส่งพระราชธิดา ชื่อ นางสารัสสวตี พร้อมด้วยข้าทาสบริวรและสิ่งของจำนวนมาก เพื่อให้มาเป็นพระมเหสีเจ้าชายเมืองนี้ ที่บ้านตาดทอง) ธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงแปลกไปจากเจดีย์โดยทั่วไป คือมีลักษณะเป็นก่องข้าว องค์ธาตุเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สาม ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ๒ ชั้น ทำเป็นแอวขัน ฐานพระธาตุกว้างด้านละ ๒ เมตร สูงประมาณ ๑๐ เมตร ตามสถาปัตยกรรมล้านช้าง มีซุ้มจระนำทั้งสี่ทิศ เหนือซุ้มจระนำประดับลายกระหนก ที่ซุ้มจระนำน้้นมีร่องรอยประดิษฐานพระพุทธรูป ช่วงกลางขององค์ธาตุมีลวดลายทำเป็นซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ถัดจากช่วงนี้ไปเป็นส่วนยอดของเจดีย์ที่ค่อยๆ สอบเข้าหากัน มีปลียอดเล็กๆ ประดับอยู่ทั้ง ๔ ด้าน ลักษณะยอดกลางทำทรงหีบมีกลีบบัวอยู่ที่โคนหีบ สูงชะลูดไปสู่คอขวด แล้วหยักเป็นแอวขันคั่นกับยอดสุด เพื่อให้ยอดสูงดูโดดเด่นยิ่งขึ้น รอบนอกของธาตุก่องข้าวน้อยมีกำแพงอิฐล้อมรอบขนาด ๕x๕ เมตร นอกจากนี้บริเวณด้านหลังองค์ธาตุมีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่งก่อด้วยอิฐ นับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และในเดือนห้า (เมษายน) จะมีการประเพณีสรงน้ำพระและปิดทอง เชื่อกันว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้ฝนจะแล้งในปีนั้น นอกจากนี้แล้วบริเวณรอบๆ องค์ธาตุ กรมศิลปากรได้ค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีต่างๆ เกี่ยวกับการอยู่อาศัย ณ ที่แห่งนี้ ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของไทยและภาพเขียนสียุคเดียวกับโบราณสถานบ้านเชียงด้วย อนึ่ง ชื่อที่ถูกต้องของธาตุองค์นี้ ควรจะเรียกว่า "ธาตุก่องข้าวน้อย" มากกว่า "พระธาตุก่องข้าวน้อย" เพราะภายในบรรจุอัฐิบุคคลธรรมดา มิใช่เป็นอัฐิพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนเช่นพระธาตุหรือพระบรมธาตุทั่วไป กระทรวงวัฒนธรรมซึ่งขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ด้านวรรณกรรมพื้นฐาน ระบุว่า นิทานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่เป็นวรรณกรรมทางภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และถือเป็นนิทาน มีทั้งประเภทมุขปาฐะและลายลักษณ์ (ใบลานและหนังสือ) เป็นนิทานพื้นบ้านที่รับรู้กันโดยทั่วไปในสังคมไทย แม้เชื่อว่าจะมีที่มาจากนิทานพื้นบ้านของอีสาน แต่ในปัจจุบันนิทานเรื่องนี้ได้แพร่หลายและรับรู้กันอย่างกว้างขวางในสังคมไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ นิทานพื้นบ้าน 'ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่' เล่าว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่ลูกยากจนคู่หนึ่ง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ชายทุ่ง มีอาชีพทำนา ลูกชายเป็นคนขยันขันแข็งในการทำงาน เมื่อเจริญวัยรุ่นหนุ่มได้ช่วยแม่ทำนาและประกอบสัมมาอาชีพต่างๆ พยายามที่จะกอบกู้ฐานะของครอบครัว เลี้ยงดูมารดาซึ่งชราภาพมากแล้ว ในฤดูทำนาลูกชายก็ออกไปไถนาตั้งแต่เช้าตามปกติ ส่วนแม่เฒ่าก็เตรียมข้าวปลาอาหารไปส่งลูกที่ท้องนาทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งลูกชายออกไปไถนา ส่วนแม่เฒ่าตื่นสายไปหน่อยจึงเตรียมข้าวปลาอาหารช้ากว่าทุกวัน ในเวลาเที่ยงลูกชายซึ่งกำลังไถนา รู้สึกหิวข้าว แม่ก็ยังไม่มาส่งข้าวเหมือนทุกวัน ลูกชายได้แต่รอคอยด้วยความหิว ก็ยังไม่เห็นแม่มาสักที ครั้นเมื่อแม่เฒ่ามาถึงพร้อมกับก่องข้าวที่เคยใช้ใส่อาหารมา ด้วยความหิวลูกชายมองเห็นก่องข้าวเล็กนิดเดียว คิดว่าคงจะไม่พอกิน จึงเกิดโทสะว่าแม่นำข้าวมาเพียงเล็กน้อยไม่พอกัน ไม่เห็นใจที่ตนพยายามทำงานเพื่อครอบครัว ด้วยความหิวและความโกรธจนลืมตัว หยิบได้ไม้ท่อนหนึ่งตีแม่ แล้วนั่งกินข้าวจนอิ่ม แม้อิ่มแล้วข้าวก็ยังไม่หมดกล่อง (ก่อง) หวนคิดได้ว่าตนหิวจนตาลาย ได้กระทำร้ายแม่ไปเสียแล้ว จึงรีบมาอุ้ม แต่แม่สิ้นใจไปแล้ว ลูกชายเกิดความรู้สึกเสียใจที่ทำร้ายแม่จนถึงขั้นมาตุฆาต จึงมามอบตัวสารภาพผิดต่อเจ้าเมือง และขอบวชไถ่บาป เจ้าเมืองอนุญาต เมื่อบวชก็ปฏิบัติเคร่งครัดในวินัยจนชาวบ้านตลอดจนเจ้าเมืองเลื่อมใสมาก ถวายไม้กวาดลานวัดทำด้วยด้ามทองคำ ภายหลังเรียกชื่อหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านตาดทอง" พระภิกษุรูปนี้เจริญภาวนาและตั้งจิตจะสร้างพระธาตุเจดีย์เพื่อไถ่บาปแก่แม่ของตน เมื่อชาวบ้านรู้ก็มาช่วยกันสร้างพระธาตุเจดีย์สูงชั่วลำตาลจนสำเร็จ เรียกว่า "พระธาตุก่องข้าวน้อย" สืบมาจนทุกวันนี้ นอกจากนั้น ยังพบมีเรื่องเล่าประวัติความเป็นมาของการสร้างพระธาตุก่องข้าวน้อยอีกสำนวนหนึ่งว่า มีผู้คนในลุ่มแม่น้ำมูนส่วนหนึ่ง ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอรัตนบุรี ทราบข่าวว่ามีการบูรณะพระธาตุพนมที่จังหวัดนครพนม จึงพร้อมใจกันรวบรวมวัตถุมงคลสิ่งของมีค่าหมายจะนำไปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุพนมด้วย โดยเดินทางมาพักอยู่ข้างๆ บ้านตาดทอง ขณะนั้นชาวบ้านตาดทองที่ไปช่วยบูรณะพระธาตุพนมเดินทางกลับมาถึงบ้านพอดี แจ้งให้พวกที่มาพักทราบว่าการบูรณะพระธาตุพนมได้เสร็จสิ้นแล้ว ผู้คนเหล่านั้นจึงพร้อมใจกันสร้างพระธาตุเจดีย์ครอบวัตถุอันมีค่าที่นำมานั้นไว้ ชาวบ้านตาดทองนำถาดทองที่ใช้เป็นพานอัญเชิญวัตถุมงคลไปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุพนมมารองรับวัตถุมงคลที่ญาติพี่น้องจากลุ่มแม่น้ำมูนนำมา แล้วช่วยกันก่อสร้างพระธาตุเจดีย์บรรจุไว้ นิทานเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ดังปรากฏในหลายรูปแบบ ทั้งหมอลำอีสาน ลิเกภาคกลาง ละครซอภาคเหนือ หนังตะลุงภาคใต้ เพลงลูกทุ่ง เพลงแหล่ เทศน์แหล่ บทสวดสรภัญญะ ภาพยนตร์ ภาพจิตรกรรม การแสดง และการ์ตูนแอนิเมชั่น ล้วนนำโครงเรื่องนิทานมาสร้างสรรค์ดัดแปลงเป็นข้อมูลทางวัฒนธรรมของไทย สาระสำคัญโดยรวม เรื่อง ก่องข้าวน้อย หรือบางทีเรียก ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เป็นนิทานอธิบายเหตุการณ์สร้างศาสนสถาน คือพระธาตุก่องข้าวน้อย ซึ่งเป็นศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ทั้งนี้คำว่า ก่องข้าว หรือกล่องข้าว เป็นเครื่องจักสานที่ใช้เป็นภาชนะบรรจุข้าวเหนียวนึ่งของชาวอีสานและล้านนา (http://www.sookjaipic.com/images_upload/63179618327154_a.JPG) พระพุทธรูป ประดิษฐานในอุโมงค์ข้าง ธาตุก่องข้าวน้อย (http://www.sookjaipic.com/images_upload/67009863422976_1_2.JPG) อุโมงค์บรรจุพระพุทธรูป (มีร่มสีน้ำเงินกางหน้าอุโมงค์) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/39755523742900_1_1.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/93186058642135_2.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/63536647831400_3.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/54616478416654_4.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/32709519606497_5.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/92324218360914_6.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/73371936753392_7.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/42719268757435_8.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/53461689129471_9.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/67938748415973_10.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images/6499204196_1.JPG) พระธาตุบังพวน วัดพระธาตุบังพวน บ้านดอนหมู ต.พระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย รูปทรงสัณฐานเดียวกับธาตุก่องข้าวน้อย |