[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปเที่ยว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 30 ตุลาคม 2558 20:36:01



หัวข้อ: ชมเจดีย์แบบรามัญ "วัดเจดีย์ทอง" อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 30 ตุลาคม 2558 20:36:01
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/94024592099918_1.jpg)

วัดเจดีย์ทอง
ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

วัดเจดีย์ทอง ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชุมชนของชาวรามัญ บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ที่ ๑ ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี  

วัดเจดีย์ทองเป็นวัดเก่ามีมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และได้รกร้างไปครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า เมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๐ หลักฐานที่พบ คือ ใบเสมาขนาดใหญ่ หินทรายแดง  ต่อมาสมัยกรุงธนบุรีและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีชาวรามัญอพยพหนีพม่ามาจากเมืองเมาะตะมะ โดยมีพระยาราม (ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นพระยานครเขื่อนขันธ์รามัญชาติเสานาบดี) ราชบุตรเขยพระยาเจ่ง เป็นน้องของเจ้าพระยามหาโยธาเป็นผู้นำ อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ทั่วเมืองสามโคก เป็นผู้ริเริ่มบูรณะและสร้างถาวรวัตถุ กุฏิ ศาลาขึ้นใหม่ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทววงศ์ (ต่อมาเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบพระราชสันตติวงศ์ เป็นรัชกาลที่ ๔) ขณะทรงผนวชเป็นภิกษุ ได้เสด็จประพาสทางชลมารคไปเยี่ยมเยียนวัดวาอารามต่างๆ เมื่อเสด็จเข้าไปในเขตเมืองสามโคก ได้ทรงแวะที่วัดเจดีย์ทองแห่งนี้ ทรงสนทนากับเจ้าอาวาสในสมัยนั้นซึ่งเป็นชาวรามัญพูดภาษาไทยไม่ได้ และรัชกาลที่ ๔ ก็ทรงตรัสภาษารามัญไม่ได้ จึงต้องสนทนากันด้วยภาษาบาลี ซึ่งพระองค์ทรงศึกษาจนแตกฉานเชี่ยวชาญในภาษามคธ ทั้งบาลีและสันสกฤต   และเมื่อทรงทราบว่าเจ้าอาวาสมีพรรษามากกว่า รัชกาลที่ ๔ จึงได้ทรงนมัสการเจ้าอาวาสก่อนตามแบบธรรมเนียมของสงฆ์


               สิ่งสำคัญในวัด
   
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/34057375457551_2.jpg)

• เจดีย์ทอง
เจดีย์ทอง เป็นเจดีย์แบบรามัญ สร้างมานานประมาณ ๑๖๐ ปีเศษ  รูปแบบการก่อสร้างเลียนแบบพระเจดีย์จิตตะกอง ของพม่า ลักษณะสถูปทรงระฆังก่อด้วยอิฐบนฐานสี่เหลี่ยม มีซุ้มจระนำโค้ง  ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป ๔ ด้าน ลงรักปิดทองประดับกระจกสี ยอดเจดีย์ประดับด้วยฉัตร ๙ ชั้น เป็นที่เคารพสักการะของชาวรามัญ...ข้อมูลจากป้ายประชาสัมพันธ์ในวัดเจดีย์ทอง

เจดีย์ คือ สิ่งก่อสร้างชนิดถาวรสถานประเภทหนึ่ง ใช้สำหรับบรรจุสิ่งที่นับถือ มีพระบรมธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น

กล่าวโดยนัย ต้นเค้าอันเป็นที่มาของคำว่า "เจดีย์" ที่เป็นคำแปลของคำว่าเจติย ในภาษาบาลี หรือไจตย ในคำสันสกฤต ก็ดี  พระยาอนุมานราชธนได้กล่าวไว้ในการแสดงปาฐกถาเรื่องเจดีย์ ว่า ความหมายดั้งเดิมนั้นหมายถึง "เนินดินที่ฝังศพ สิ่งที่ก่อขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว...คำว่าไจตยหรือเจดีย์ มีธาตุหรือรากของคำมาจาก ‘จิธาตุ’ แปลว่า ทำกองดินให้พูนขึ้นหรือตะล่อมขึ้น ลางแห่งว่ามาจากจิตาธาตุ แปลว่า กองฟอน คำว่า จิตกาธาน ซึ่งแปลว่า เชิงตะกอน ที่เผาศพ ก็ว่ามาจากธาตุคำเดียวกัน  

ในหนังสือธรรมบทแห่งหนึ่ง กล่าวว่า พระพาหิยอรหันต์สาวกถูกโคขวิดถึงมรณภาพ พระพุทธเจ้าโปรดให้เผาศพพระอรหันต์องค์นั้น แล้วตะล่อมดินเป็นเจดีย์ มีสัณฐานเป็นโคกหรือจอมปลวกเหนือกองฟอน นี่เป็นความหมายเดิมของคำว่า ‘เจดีย์’...ถ้ากองฟอนนั้นเป็นของศาสดาจารย์หรือของคนใหญ่โต ก็ตกแต่งเนินดินเหนือกองฟอนนั้นให้ใหญ่โตและงดงาม ต่อมาก็สร้างเป็นถาวรวัตถุคร่อมเนินดินตรงนั้น หรือไม่ก็ย้ายหรือแบ่งอัฐิไปบรรจุไว้ในถาวรวัตถุที่อื่นซึ่งจุใจ  ถาวรวัตถุที่กล่าวนี้ก็ยังเรียกว่าเจดีย์อยู่ และคงใช้หมายความแต่สถานที่ซึ่งบรรจุอัฐิของผู้ซึ่งเป็นที่เคารพยิ่ง  ต่อมาชั้นหลังต้องการจะมีที่เช่นนี้ไว้เพื่อเป็นที่ระลึกบูชา แม้ไม่ได้อัฐิมาบรรจุก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้สร้างเป็นอย่างจำลองก็ใช้ได้ เพราะลักษณะสิ่งที่ก่อเป็นเจดีย์ลงรูปแล้ว ว่ารูปอย่างนี้เป็นเจดีย์ จึงได้เกิดมีพระเจดีย์เป็นสองอย่าง ที่บรรจุอัฐธาตุก็มี ที่ไม่ได้บรรจุอะไรก็มี เป็นอย่างอนุสาวรีย์ ซึ่งมีทั้งที่บรรจุอัฐิและที่ไม่ได้บรรจุอะไร...”

เจดีย์ ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ธาตุเจดีย์" หมายถึงสิ่งที่บรรจุอัฐธาตุ เกิดมีขึ้นครั้งแรกในประเทศอินเดียก่อน แล้วจึงแพร่หลายไปยังนานาประเทศที่นับถือพุทธศาสนา เนื่องมาแต่พระเจ้าอโศกมหาราชพระราชทานพระบรมธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แก่คณะทูตให้ไปสร้างเจดีย์หรือสถูปมากมายหลายแห่งหลายประเทศ  และสยามประเทศก็รับพระพุทธศาสนา โดยสมณะทูตสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนำเข้ามาประดิษฐานและเผยแผ่ตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/91864517827828_5.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/59617309437857_6.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/76467784038848_7.jpg)
"หลวงพ่อขาว" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์

•หลวงพ่อขาว
หลวงพ่อขาวถูกอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดเจดีย์ทอง เมื่อวันที่๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีระกา เจศ ๑๒๗๑ ร.ศ.๑๒๘ โดบพระอมรา ภิรกฺขิต นามภิกขุ เป็นผู้สร้างถวายวัดเจดีย์ทอง

หลวงพ่อขาว ประดิษฐานอยู่ที่หอสวดมนต์ของวัดเจดีย์ทอง เป็นพระพุทธรูปลักษณะปางมารวิชัย สร้างจากหินหยกขาวพม่า แกะสลักด้วยมือ ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ ๑ ศอก ตั้งแต่ฐานจรดถึงเกศสูงประมาณ ๒ ศอก เป็นศิลปกรรมแบบมอญ มีอายุราวๆ ๑๐๐ กว่าปี นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะสวยงาม มีความงดงามมาก

ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อขาว
ครั้งหนึ่งได้มีพระภิกษุชาวรามัญองค์หนึ่งมีชื่อว่า พระอมราภิกขุ  ท่านเป็นเครือญาติของท่านอาจารย์น้อย คุณสาโร เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ทองในสมัยนั้น  ตัวท่านเองก็ได้อุปสมบท ณ วัดเจดีย์ทองแห่งนี้ แล้วท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนา ที่เมืองหงษาวดี  ขณะที่ท่านเดินทางกลับจากการไปศึกษาเล่าเรียนมาถึง ณ เมืองมะละแหม่ง ท่านได้พบกับพระภิกษุรูปหนึ่ง ได้สนทนาปราศรัยกัน จึงทราบว่าท่านมีนามว่า พระอาจารย์ต่วน เป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธากะยาราม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งท่านได้เล่าเรียนอยู่ที่เมืองมะละแหม่งนั้นเอง และกำลังจะเดินทางกลับเมืองไทย จึงได้ชักชวนกันไปเดินเที่ยว จนได้เจอร้านจำหน่ายพระพุทธรูปร้านหนึ่ง ท่านได้เห็นพระพุทธรูป ๒ องค์มีลักษณะสวยงามมาก สร้างจากหินหยกแก้วขาวเนื้อดีมาก จึงได้ขอเช่าและอัญเชิญกลับมาบูชาที่เมืองไทย โดยนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ ๑ องค์ ซึ่งก็คือหลวงพ่อขาวองค์นี้ และอีก ๑ องค์ได้นำไปประดิษฐานที่วัดราษฎร์ศรัทธากะยาราม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

หลวงพ่อขาวเป็นพระพุทธรูปที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ยิ่งหากมองนานๆ ก็จะไม่เบื่อตา อีกทั้งยังมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่นับถือกันอย่างดีสำหรับชาวบ้านเจดีย์ทองแห่งนี้ และชาวบ้านละแวกใกล้เคียง หากใครได้กราบไหว้ขอพรก็จะสมมาตรปรารถนา
...ข้อมูลจาก จารึกประวัติหลวงพ่อขาว วัดเจดีย์ทอง


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/12093308236863_3.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/88130561676290_4.jpg)
พระประธานพระอุโบสถ วัดเจดีย์ทอง

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/90212272811267_8.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/23621387365791_9.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/94598025869992_10.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/80546621191832_11.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/47130970035990_14.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/21771315361062_12.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/68289816710683_2.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/55462316175301_1.jpg)