หัวข้อ: เมืองจำลอง ดุสิตธานี - The Model City of Dusit Thani เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 30 พฤศจิกายน 2558 15:14:31 .
(http://www.nlt.go.th/sites/default/files/styles/large/public/field/image/_MG_0901.JPG) เมืองจำลอง “ดุสิตธานี” ภาพจาก : เว็บไซต์หอสมุดแห่งชาติ เมืองจำลอง ดุสิตธานี The Model City of Dusit Thani เมืองจำลองดุสิตธานี มีนามเต็มว่า “ดุสิตธานี : เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” สถานที่จัดแสดง อยู่ภายในอาคารหอวชิราวุธานุสรณ์ ชั้น ๔ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม สมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โปรดให้พลตรี หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เสด็จแทนพระองค์ทรงเปิดดุสิตธานี : เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ หอวชิราวุธานุสรณ์ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ อาคารจำลองภายในดุสิตธานี : เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดแสดงประกอบภูมิทัศน์เมืองจำลอง มีถนนหนทาง สะพาน เสาไฟฟ้า และน้ำพุ โดยมีอาคาร ๑๒ หลัง ดังนี้ ๑.พระที่นั่งเทวอาสน์จำรูญ ๒.พระที่นั่งบรมราชพิมาน ๓.พระที่นั่งไพชยนต์มหาปราสาท ๔.พระที่นั่งจันทรกานต์มณี ๕.หอพระพุทธรัตนสถาน ๖.พระที่นั่งสุทไธสูรย์ปราสาท ๗.พระที่นั่งวายุสุขไสยาสน์ ๘.พระวัชรเจดีย์ ๙.พระที่นั่งสมุทาภิมุข ๑๐.พระปรางค์วัดอรุณ ๑๑.วัดพระพุทธบาท ๑๒.วัดสุขสมาวาส • ประวัติความเป็นมาของดุสิตธานี ดุสิตธานี เป็นชื่อเมืองจำลองที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๖๑ มีเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ครึ่ง ตั้งอยู่บริเวณพระที่นั่งอุดรภาคใต้กับอ่างหยกด้านทิศเหนือในพระราชวังดุสิต และตั้งอยู่ ณ ที่นั้นจนถึงเดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๖๒ หลังจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนีพันปีหลวงสวรรคต จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายดุสิตธานีไปตั้งอยู่ภายในบริเวณพระราชวังพญาไท และขยายพื้นที่ให้มีขนาด ๔ ไร่ เนื่องจากดุสิตธานีแห่งแรกคับแคบ เมืองจำลองดุสิตธานีจึงตั้งอยู่ที่พระราชวังพญาไท จนสิ้นรัชกาล การสร้างเมืองจำลองดุสิตธานี มีเหตุผลเนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตยในสยามประเทศ ดังปรากฏกระแสพระราชดำรัสครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศาลารัฐบาลมณฑลดุสิต เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๖๒ ความว่า “...วิธีการที่ดำเนินเป็นไปนี้ เป็นการทดลองว่า จะเป็นประโยชน์ได้เพียงใด เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับธานีให้แน่ชัดเสียก่อน...วิธีการในธานีเล็กๆ ของเราเป็นเช่นไร ก็ตั้งใจไว้ว่า จะให้ประเทศสยามกระทำเช่นเดียวกัน...” เมืองจำลองดุสิตธานีที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นนี้ เป็นเมืองย่อส่วนให้เล็กลงเหลือประมาณ ๑ ใน ๒๐ เท่าของของจริง ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูนหรือสร้างด้วยไม้ตามลักษณะของบ้านเมืองในสมัยนั้น และมีทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนบ้านเมืองจริง เช่น พระราชวัง บ้านเรือน โรงละคร วัดวาอาราม สถานที่ราชการ โรงทหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ใช้ชื่อว่า วัชรพยาบาล ตลาด ร้านค้า ธนาคาร ธรงแรม สำนักงาน ถนนหนทาง สวน แม่น้ำ ลำธาร คลอง น้ำตก น้ำพุ สะพาน และบ้านพักอยู่อาศัย โดยพระองค์ทรงวางข้อกำหนดสำหรับบุคคลที่จะเข้ามาเป็นราษฎรของดุสิตธานีนั้น ต้องยื่นใบสมัครและต้องได้รับใบอนุญาตก่อน จึงจะสามารถจับจองที่ดินสร้างบ้าน และอาคารพาณิชย์ ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยช่างฝีมือเป็น “ทวยนาคร” หรือสมาชิกเมืองจำลองดุสิตธานีได้ แม้ว่าเมืองจำลองดุสิตธานีนี้จะเข้าอยู่อาศัยไม่ได้จริง แต่ก็มีการจัดเก็บภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ค่าธรรมเนียม ใบอนุญาต ยานพาหนะ ใบอนุญาตจำหน่ายสุรา และมีการเก็บค่าน้ำค่าไฟจากบ้านแต่ละหลัง รวมทั้งทรงวางระเบียบปฏิบัติหรือกติกาพิเศษ คือ ผู้ที่เป็นราษฎรในเมืองดุสิตธานีจะต้องดูแลบ้านเรือนให้สะอาด หากมีการตรวจตราพบว่าบ้านเรือนใดไม่สะอาด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะชักธงดำขึ้นเหนือบ้านหลังนั้น ซึ่งถือเป็นขั้นตอนของการเตือน ส่วนโทษร้ายแรงก็คือราษฎรผู้นั้นจะถูกคัดชื่อออกจากบัญชีทวยนาคร นอกจากนั้นยังมีการประกวดให้รางวัลบ้านที่มีการดูแลรักษาดีเยี่ยม และมีการปรับไหมเจ้าของบ้านในราคาแพงค่าทำผิดกฎธานิโยปการ ละเลยให้บ้านเรือนรกร้าง รายได้ของเมืองจำลองดุสิตธานีจึงมีมาก เพราะทรงกำหนดเวลาย่อให้เหลือ ๑ ใน ๑๒ คือ หนึ่งปีของดุสิตธานีเท่ากับ ๑ เดือนธรรมดา ดังนั้นภาษีอากรซึ่งควรจะเสียปีละครั้งก็จึงต้องเสียทุกเดือน แต่รายได้จำนวนมากที่ได้มานั้นนำมาใช้จ่ายสำหรับเมืองจำลองบ้าง ส่งสมทบทุนซื้อ “เรือรบพระร่วง” บ้าง ส่งสมทบทุนซื้อปืนให้เสือป่าบ้าง เป็นต้น • การปกครองในเมืองจำลองดุสิตธานี เมืองจำลองดุสิตธานีมีข้อกำหนดเพื่อใช้ในการควบคุมและปกครองทวยนาครในดุสิตธานี ชื่อ ธรรมนูญดุสิตธานีลักษณะปกครองคณะนคราภิบาล ธรรมนูญนี้ได้ทดลองใช้ที่ดุสิตธานีก่อนจะนำไปใช้ที่จังหวัดสมุทรสาคร มีพระยาบุรีนวราษฐ์ (ชวน สิงหเสนี) เป็นผู้อ่านประกาศธรรมนูญลักษณะปกครอง เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑ แล้วโปรดให้มีการเลือกตั้งเชษฐบุรุษ และนคราภิบาล ตามรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ เพื่อทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารับผิดชอบดำเนินงานการปกครองในดุสิตธานี ทรงตั้งและสังกัดคณะแพรแถบสีน้ำเงิน ให้ทำหน้าที่คล้ายกับพรรคฝ่ายค้าน เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ ขณะเดียวกันก็ทรงสนับสนุนมหาดเล็กอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำหนังสือพิมพ์ ให้ตั้งคณะแพรแถบสีแดงขึ้นมาต่อสู้กัน ต่อมาพุทธศักราช ๒๔๖๕ จึงได้ออกกฏธานิโยปการ เพื่อวางระเบียบและอัตราพิกัดภาษีสำหรับดุสิตธานี เพื่อฝึกราษฎรให้รู้จักปกครองตนเองด้วยเสรีภาพหรือประชาธิปไตยในสมัยปัจจุบัน นอกจากนี้ภายในเมืองจำลองดุสิตธานียังมีการออกหนังสือพิมพ์สำหรับทวยนาครแห่งนี้ ๓ ฉบับ เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน ๒ ฉบับ คือ หนังสือพิมพ์ดุสิตสมัย และหนังสือพิมพ์ดุสิตสักขี หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ ๑ ฉบับ ชื่อหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิต หนังสือพิมพ์รายวันออกเพื่อนำเสนอข่าวสารความเป็นไปในดุสิตธานี ข่าวต่างธานี สุภาษิต คำสั่งสอน และเขียนโจมตีเรื่องส่วนบุคคลต่างๆ ซึ่งนับว่าผู้ผลิตหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นยังไม่มีทักษะเพียงพอ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงสอนวิธีนำเสนอข่าวด้วยการตั้งหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ชื่อ ดุสิตสมิต ขึ้นแล้วทรงฝึกให้แสดงความคิดเห็น มีการประท้วงและติชมเพื่อตักเตือน โดยไม่เฉพาะเจาะจง จะได้ไม่เกิดความอับอายหรือเสียหน้า รวมทั้งยังทรงวาดภาพล้อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ด้วยภาพเหล่านี้ สะท้อนพระอัจฉริภาพของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงจดจำลักษณะเด่นของแต่บุคคลมาแสดงด้วยภาพได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันยังมีหนังสือพิมพ์เหล่านี้เหลือเป็นหลักฐานให้ศึกษาเรียนรู้ ณ ห้องสมุดภายในหอวชิราวุธานุสรณ์ สำนักหอสมุดแห่งชาติด้วย (http://2.bp.blogspot.com/-KF9HVMhlLMU/TwG2MJupOcI/AAAAAAAACFk/WnxeVI0irLk/s1600/%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%258D%25E0%25B9%2588.jpg) ภาพจาก : เว็บไซต์ 2.bp.blogspot.com • การกำหนดขอบเขตและผังเมือง แม้ว่าระยะเริ่มแรกของเมืองจำลองดุสิตธานี ภายในพระราชวังดุสิตจะมีเพียง ๓ อำเภอ คือ อำเภอดุสิต อำเภอปากน้ำ และอำเภอดอนพระราม ต่อมาทรงกำหนดให้มีอำเภอต่างๆ ๖ อำเภอ ดังนี้ อำเภอดุสิต อำเภอปากน้ำ อำเภอดอนพระราม อำเภอบึงพระราม อำเภอบางไทร และอำเภอเขาหลวง โดยมีทวยนาครเป็นชายล้วน ในปีแรกมีจำนวนประมาณ ๒๕๐ คน แต่จำนวนอาคารบ้านเรือนในเมืองดุสิตธานีมีมากกว่า ๑,๐๐๐ หลัง เพราะสถานที่บางแห่ง เช่น พระราชวังและวัด มีอาคารแห่งละหลายหลัง อาคารส่วนใหญ่เป็นอาคาร ๒ ชั้น บางอาคารสร้างเป็น ๓ ชั้น บางบ้านก็มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบแปลกๆ เพราะต่างก็พยายามสร้างบ้านให้สวยงามที่สุดและมีรูปร่างหลากหลายวิจิตรพิสดารแปลกประหลาดอลังการอย่างมาก เช่น พระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) รู้สึกว่าบ้านเล็กเกินไป ไม่สมฐานะเสนาบดี...เลยต้องให้ทำใหม่เป็นตึกทำด้วยไม้อย่างงดงาม สิ้นค่าทำกว่า ๓,๐๐๐ บาท อย่างไรก็ตามแม้ว่าการดำเนินงานของเมืองจำลองดุสิตธานีจะประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเฉพาะสำหรับแขกที่ได้รับเชิญ โดยโปรดให้มีมัคคุเทศก์คอยชี้แจงแนะนำสถานที่ต่างๆ ซึ่งมัคคุเทศก์เหล่านี้ต่างก็มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการนำชมอย่างดี เพราะปรากฏหลักฐานว่ามีการสอบมัคคุเทศก์ของเมืองดุสิตธานีถึง ๑๒ ครั้ง แต่เมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ มีการย้ายสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในเมืองจำลองดุสิตธานี ไปยังสถานที่ต่างๆ รวมทั้งผู้เป็นเจ้าของอาคารบ้านเรือนในเมืองดุสิตธานี ต่างก็ย้ายสิ่งก่อสร้างของตนเองกลับไปอยู่ในความดูแลของตนเอง เหลือเพียงอาคารที่เป็นพระราชวังและวัดต่างๆ อยู่ภายในความดูแลของกรมศิลปากร จำนวน ๑๔ หลัง เท่านั้น ต่อมากรมศิลปากรได้ดำเนินการซ่อมแซมอาคารทุกหลังเก็บรักษาไว้ที่กองหัตถศิลป์ และส่งมอบอาคารทั้ง ๑๔ หลังนี้ ให้แก่หอวชิราวุธานุสรณ์เป็นผู้ดูแล โดยได้รับเงินบริจาคน้อมเกล้าฯ ถวายจากผู้มีอุปการคุณจำนวน ๕ ราย เพื่อจัดสร้างเป็นนิทรรศการถาวร ชื่อ ดุสิตธานี : เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ อาคารหอวชิราวุธานุสรณ์ ชั้น ๔ จำนวน ๑๒ หลัง อีก ๒ หลัง จัดแสดงภายในพระบรมราชะประทรรศนีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณชั้น ๓ อาคารหอวชิราวุธานุสรณ์ ซึ่งพันตรี คุณหญิงผะอบ โปษะกฤษณะ ขยายความชื่อพระบรมราชะประทรรศนีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า นิทรรศการหุ่นจำลองพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นิทรรศการถาวรเมืองจำลองดุสิตธานี จัดแสดงบนฐานไม้ขนาดพื้นที่ ๒๑๕ ตารางเมตร มีการจัดระบบแสง สี เสียง และคำบรรยายนำชม ๔ ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น เปิดให้ชมวันละ ๔ รอบ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ค่าเข้าชมสำหรับนักเรียน นักศึกษา ในเครื่องแบบ คนละ ๑๐ บาท ประชาชนทั่วไป คนละ ๒๐ บาท ชาวต่างประเทศคนละ ๔๐ บาท นิทรรศการถาวร ดุสิตธานี : เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากจะแสดงความงดงามอลังการในเชิงช่าง สะท้อนงานศิลปะในรัชสมัยแล้ว เมื่อศึกษาในรายละเอียดของพระราชดำริให้ลึกซึ้งก็จะพบว่าทรงตั้งพระราชหฤทัยจะพัฒนาประชาชนและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศผ่านกิจกรรมต่างๆ อันเปรียบเสมือนแบบฝึกหัด เพื่อก้าวสู่โลกของความเป็นจริงต่อไป ที่มา : นิตยสารศิลปากร |