หัวข้อ: พิธี "ปัดรังควาน" เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 มกราคม 2559 13:38:50 ภาพจาก : nongkhai-culture.org ปัดรังควาน ปัดรังควาน เป็นคำเรียกการทำพิธีขับไล่ผีให้พ้นไปหรือไม่ให้ติดตามมารบกวน ปัด หมายถึงการปัดไปให้พ้นตัว ปัดสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ต้องการ ให้พ้นไปจากตัว รังควาน หมายถึง การก่อกวน รบกวน ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากลำบาก หรือสร้างความไม่พอใจ ความรำคาญ ความเดือดร้อนเสียหายมาให้ ส่วนตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๔๙๓ ให้นิยามคำว่า “รังควาน” ไว้ว่า “น.ผีประจำช้างป่า, ผีร้ายที่สิงอยู่ในกายคน” ปัดรังควาน หมายถึงการปัดป้องสิ่งที่ไม่ชอบไม่ต้องการ ปัดเรื่องยุ่งยากลำบาก หรือสร้างสร้างความไม่พอใจ ความรำคาญความเดือดร้อนเสียหายไปให้พ้นตัว โดยนัยยะคือการขับไล่พวกภูติผีปีศาจที่มารังควานคนโดยการสิงสู่อยู่ในร่างกายหรือบ้านสถานที่พักอาศัยสถานที่ทำงาน หรือการกำจัดคุณไสย์ คุณผี(ผีทำ) คุณคน(คนทำ) ให้หมดไป ดังนั้น การปัดรังควาน จึงหมายถึงการทำพิธีขับไล่ผี โดยการเซ่นไหว้และว่าคาถาอาคม แล้วใช้สิ่งที่ถือว่าเป็นเคล็ด มีกิ่งไม้เป็นต้น มาทำพิธี “ปัด” ถ้าเป็นผีประจำช้างป่า ก็ใช้กิ่งไม้หรือผ้าขาวม้าปัดที่หลังช้างป่าแล้วว่าคาถาด้วย เรื่องนี้ พระยาราชเสนาเล่าไว้ในเรื่องชีวิตของชาวโพนช้าง ตีพิมพ์ในหนังสือศิลปากร ใจความว่า เมื่อควาญช้างคล้องช้างป่าได้เรียกว่า”ช้างชะเลย” (เชลย) แล้วมัดช้างชะเลยไว้กับต้นไม้ แล้วขยับช้างต่อเข้าช่วยสวมทาม ผู้เป็นครูบาทำพิธีปัดผีผ่าซึ่งชาวโพนช้างเรียกว่า “มะเร็งควาน” ซึ่งที่ถูกเป็น “รังควาน” ให้ออกไปเสียจากตัวช้างชะเลย วิธีทำก็คือ ใช้กิ่งไม้หรือผ้าขาวม้าปัดที่หลังช้างชะเลยและว่าคาถา ”สีโล เม...” น่าจะเป็นคาถาธรณีสาร ซึ่งมีว่า “สิโร เม พุทฺธเทวญฺจ นลาเฏ พฺรหฺมเทวตา หทยํ นรายกญฺเจวเทวหตฺเถ ปรเม สุรา ปาเท วิสฺสณุกญฺเจว สพฺพกมฺมา ปสิทฺธิ เม...” ไปพลาง และเมื่อพาช้างชะเลยมาถึงบ้านหมอและควาญช้างแล้ว ครูบาใหญ่ก็ปัดรังควานอีก จึงว่าคาถาอีกมาก มิฉะนั้นถือว่าผีรังควานติดตามมาราวีจนถึงบ้าน ทำให้ช้างชะเลยหลุดจากที่ผูกมัดกลับเข้าป่าดงไป หรือให้ช้างนั้นตายเสีย ถ้าไม่ตายไม่พลัดก็ต่อสู้คนเลี้ยงคนฝึกตาย ถ้าปัดรังควานตกแล้วช้างนั้นจะเชื่องเร็วและฝึกได้ง่าย ถ้าเป็นการรังควานผีร้ายก็ทำพิธีในทำนองเดียวกัน แต่ทำเป็นพิธีรีตองกันอย่างแข็งขัน ซึ่งนอกจากการเซ่นไหว้ผู้ตายรายนั้นๆ และว่าคาถาด้วยแล้ว ยังมีการกระทำอันเป็นไปในลักษณะ “ปัดรังควาน” อีกมากมาย เช่น คนในชนบทสมัยก่อนมีความเชื่อเรื่อง “แม่ซื้อ” ว่าเป็นผู้พิทักษ์รักษาเด็กไม่ให้เจ็บป่วย หรือได้รับภัยอันตราย ถ้ามีเด็กป่วยจะทำพิธีปัดรังควาน โดยหุงข้าว ปั้นข้าวเป็นก้อน แล้วทาปูน ขมิ้น เขม่า คราม เป็นต้น จำนวน ๓-๕ ก้อน นำมาวนตัวเด็กที่เจ็บป่วย เป็นการปัดรังควาน แล้วโยนข้าวทีละก้อนให้ข้ามหลังคาเรือนเพื่อทิ้งให้แม่ซื้อ เชื่อว่าจะทำให้เด็กหายเจ็บไข้ได้ป่วย บางพิธีถึงกับนำมนต์ทางศาสนามาสวด หรือถึงกับนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดก็มี เรื่อง “ปัดรังควาน” นี้แต่เดิมมา น่าจะใช้เฉพาะเกี่ยวกับเรื่องช้าง ต่อมาขยายออกไปถึงเรื่องการทำพิธีขับไล่ผีดังกล่าว ยิ่งกว่านั้นยังได้ขยายออกไปถึงเรื่องการทำพิธีขับไล่หรือขจัดอุบาทว์เสนียดจัญไร ในพิธีรีตองต่างๆ อีกหลายอย่าง เรียกว่า “ปัดรังควาน” ด้วยโดยอนุโลม เช่น เมื่อจะแสดงละคร (ละครใน) เป็นขนบนิยมที่นักจัดการแสดงด้านนาฏศิลป์ถือปฏิบัติแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยามาอย่างต่อเนื่อง คือจะทำพิธีที่เรียกว่า “เบิกโรง” ก่อนการแสดงเรื่องใหญ่เสียก่อนด้วยการแสดงชุดประเลง โดยสมมติให้ผู้รำเป็นเทวดา ๒ ตน แต่งกายยืนเครื่อง สวมศีรษะเทวดาโล้น (ไม่มีมงกุฎ) มือทั้งสองถือกา หางนกยูงข้างละมือร่ายรำมาปัดหน้าโรงตามทำนองเพลงหน้าพาทย์ต่างๆ เช่นเพลงโคมเวียนหรือเพลงกลม ถือเป็นการขจัดเสียดจัญไรให้พ้นไปจากมณฑลพิธี |