หัวข้อ: วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร จังหวัดน่าน เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2559 16:25:44 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/24582564623819_1..JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/26645285925931_4.JPG) วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง เมื่อปี พ.ศ.๑๙๔๙ เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตามศิลาจารึกหลักที่ ๗๔ ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤาชัย เจ้าเมืองน่านได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อ พ.ศ.๒๐๙๑ ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย โดยรอบฐานเจดีย์ก่ออิฐถือปูน มีรูปช้างปั้นด้วยปูนเพียงครึ่งตัว ด้านละ ๕ เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก ๔ เชือก รวมทั้งหมด ๒๔ เชือก ช้างแต่ละเชือกมีส่วนหัวลอยออกมาครึ่งตัวและขาหน้าทั้งคู่ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์เจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย เหนือขึ้นไปเป็นฐานบัวซ้อนกัน ๓ ชั้น แบบลังกา (ทรงระฆัง) ส่วนยอดเป็นฐานเขียงรองรับมาลัยลูกแก้ว ในสมัยเจ้าปู่เข่งครองเมืองระหว่างปี พ.ศ.๑๙๕๐-๑๙๖๐ ได้สร้างวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพระธาตุเขาน้อย วัดพญาภู แต่สร้างไม่ทันเสร็จก็ถึงแก่พิราลัยเสียก่อน พญางั่วฬารผาสุมผู้เป็นหลาน เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ ๑๔ แห่งราชวงศ์ภูคา (ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย) ได้สร้างต่อจนแล้วเสร็จและได้สร้างพระพุทธรูปทองคำ( ส่วนผสมของทองคำ ๖๕%) ปางลีลา ปัจจุบันคือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดปางประทานอภัย สูง ๑๔๕ เซนติเมตร อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ ๑๙ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/54705451139145_1.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/86149832275178_6.JPG) พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่ รูปทรงสร้างตามสถาปัตยกรรมทางภาคเหนือ ด้านหน้ามีสิงห์คู่ยืนตรงเชิงบันไดด้านละตัว มีทางเข้า ๓ ทาง ประตูกลางทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็กอยู่ด้านซ้ายและด้านขวา ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกอีก ๒ ข้าง ทำหลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น มุขลดด้านหน้าและด้านหลัง หน้าบันตีด้วยแผ่นกระดานเรียงต่อกันแล้วประดับที่ขอบเสาด้านหน้าทุกต้นตามลักษณะสถาปัตยกรรมล้านนาไทย ภายในพระวิหารกว้างขวาง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ ขนาด ๒ คนโอบรอบ จำหลักลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร ๑.๕๐ เมตร เป็นลวดลายกนกระย้าย้อย เหมือนลวดลายที่เสาในวิหารวัดภูมินทร์ พระเจ้าติโลกราช กษัตริษ์นครเชียงใหม่ มีพระประสงค์จะครอบครองเมืองน่าน และแหล่งเกลือบ่อมาง (ต.บ่อเกลือใต้ อ.บ่อเกลือ) ที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์และหาได้ยากทางภาคเหนือ จึงได้จัดกองทัพเข้ายึดเมืองน่าน พญาอินต๊ะแก่นท้าวไม่อาจต้านทานได้ จึงอพยพหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) เมืองน่านจึงถูกผนวกเข้าไว้ในอาณาจักรล้านนาตั้งแต่นั้นมา ตลอดระยะเวลาเกือบ ๑๐๐ ปี ที่เมืองน่านอยู่ในครอบครองของอาณาจักรล้านนา ได้ค่อยๆ ซึมชับเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนามาไว้ในวิถีชีวิต โดยเฉพาะการรับเอาศิลปกรรมทางด้านศาสนา ปรากฏศิลปกรรมแบบล้านนาเข้ามาแทนที่ศิลปกรรมแบบสุโขทัยอย่างชัดเจน ดังเช่น เจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำ ฯลฯ แม้จะเหลือส่วนฐานที่มีช้างล้อมรอบ ซึ่งเป็นลักษณะศิลปะแบบสุโขทัยอยู่ แต่ส่วนองค์เจดีย์ขึ้นไปถึงส่วนยอดเปลี่ยนรูปแบบเป็นศิลปกรรมแบบล้านนาไปจนหมดสิ้น (http://www.sookjaipic.com/images_upload/91565069018138_843_1.jpg) พระพุทธรูปปางมารวิชัย วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ชื่อจารึก จารึกฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ชื่อจารึกแบบอื่นๆ - อักษรที่มีในจารึก ธรรมล้านนา ศักราช พุทธศักราช ๒๑๓๒ ภาษา ไทย ด้าน/บรรทัด จำนวนด้าน ๑ ด้าน มี ๖ บรรทัด วัตถุจารึก สัมฤทธิ์ ลักษณะวัตถุ ฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดวัตถุ ฐานกว้าง ๖๔ ซม. สูง ๒๙ ซม. (พระพุทธรูปสูง ๑๓๐ ซม.) บัญชี/ทะเบียนวัตถุ ๑) กองหอสมุดแห่งชาติ กำหนดเป็น “นน. ๑๙” ๒) ในหนังสือ เมืองน่าน : โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปะ กำหนดเป็น “จารึกฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” ปีที่พบจารึก พุทธศักราช ๒๕๒๓ สถานที่พบ วัดช้างค้ำวรวิหาร ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ผู้พบ กรมศิลปากร ปัจจุบันอยู่ที่ วัดช้างค้ำวรวิหาร ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน พิมพ์เผยแพร่ เมืองน่าน : โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปะ (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๓๐), ๒๖๐-๒๖๑. ประวัติ นายสุรศักดิ์ ศรีสำอาง ภัณฑารักษ์งานวิชาการ กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และนายเทิม มีเต็ม นักภาษาโบราณ งานบริการหนังสือภาษาโบราณ กองหอสมุดแห่งชาติ ร่วมกันสำรวจโบราณวัตถุในจังหวัดน่าน ๒ ครั้ง ครั้งแรกระหว่างวันที่ ๒๕ ตุลาคม ถึง ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๓ ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒-๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ ได้พบจารึกฐานพระพุทธรูปจำนวน ๔๓ องค์ จารึกบนหีบพระธรรม ๓ ใบ และจารึกบนบานประตูวิหาร ๒ บาน จารึกดังกล่าวมีทั้งที่จารด้วยอักษรไทย สมัยสุโขทัย อักษรฝักขาม และอักษรธรรมล้านนา สำหรับจารึกฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารนี้ ถูกพบตั้งแต่การสำรวจครั้งแรก ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยมีการตีพิมพ์คำอ่านในหนังสือ “เมืองน่าน : โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปะ” ซึ่งกรมศิลปากรจัดพิมพ์เนื่องในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ เนื้อหาโดยสังเขป กล่าวถึงการสร้างพระพุทธรูปโดยเอาตนแลกกับปัจจัยเป็นเงินจำนวนหนึ่งมาสร้าง ในจุลศักราช ๙๕๑ (พ.ศ. ๒๑๓๒) รวมถึงการสร้างคัมภีร์ และอุโบสถ ตอนท้ายระบุนามผู้อุปฐาก คือ นางคำใส ผู้สร้าง นางคำใส? การกำหนดอายุ กำหนดอายุจากศักราชที่ปรากฏในจารึกคือ จุลศักราช ๙๕๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๑๓๒ ในรัชกาลมังนรธาช่อ (พ.ศ. ๒๑๒๒-๒๑๔๐) แห่งราชวงศ์ตองอูครองเมืองเชียงใหม่ในช่วงเวลาที่พม่าปกครองล้านนา โดยมีพระยาหน่อคำเสถียรชัยสงครามเป็นเจ้าเมืองน่าน (พ.ศ. ๒๑๐๓-๒๑๓๔) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/60914717987179_2.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/69357702384392_2...JPG) พระเจ้าหลวงศรีนครน่าน พระประธานในพระวิหารหลวง วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (http://www.sookjaipic.com/images_upload/56239587855007_5..JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/57932448842459_7.JPG) จิตรกรรมฝาผนังพระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (http://www.sookjaipic.com/images_upload/83288111703263_IMG_2441.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/26683777156803_IMG_2452.JPG) เจดีย์สีทองงดงาม วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (ถ่ายจาก บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ซึ่งอยู่ตรงกับกับวัด) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/62950246449973_IMG_2457.JPG) ด้านหน้าพระวิหารวัดพระธาตุช้างค้ำฯ |