[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปเที่ยว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 05 เมษายน 2559 16:47:26



หัวข้อ: ป่าศักดิ์สิทธิ์ "คำชะโนด" อ.บ้านดุง จ.อุบลราชธานี
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 05 เมษายน 2559 16:47:26


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/87758567598130_1.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/89126119307345_14.jpg)

ป่าศักดิ์สิทธิ์ "คำชะโนด"
ตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุบลราชธานี

ป่าคำชะโนด คือป่าอาถรรภ์ลี้ลับ เป็นเมืองลับแลของพวก "บังบด" เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับประเทศในอดีตเมื่อราว ๒๐ ปีที่ผ่านมา ก็เพราะเรื่องเล่า “ผีจ้างหนัง”

ลักษณะพื้นที่โดยรอบเป็นเกาะ มีต้นชะโนด พืชจำพวกปาล์มชนิดหนึ่งที่หายากมากในประเทศไทย เกิดขึ้นรวมกันอยู่เป็นกลุ่มหนาแน่นเป็นบริเวณกว้างประมาณ ๒๐ไร่ ภายในป่าชะโนดยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์อยู่ตรงกลางเกาะ เรียกว่า บ่อคำชะโนด เป็นสระกว้างยาวด้านละประมาณ ๔ เมตร มีน้ำใต้ดินพุ่งไหลซึมตลอดเวลา และน้ำจะเต็มระดับปากบ่อเสมอ

บ่อคำชะโนด (ชาวบ้านเรียกว่า บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด) ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจะมาทำพิธีขอน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก เจ้าพ่อศรีสุทโธ ก่อนที่จะนำไปดื่มและอาบ เพื่อขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ

นอกจากนี้ ในป่าคำชะโนดยังมีศาลเจ้าพ่อพระยาศรีสุทโธที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง และยังมีเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์น่าอัศจรรย์ของสถานที่นี้ให้เป็นที่เล่าขานแก่ชาวเมืองคำชะโนด


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/58452562822235_4.jpg)

ตำนานเจ้าพ่อศรีสุทโธ

ตามเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าเป็นพญานาคราชที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล และใช้เมืองคำชะโนดแห่งนี้เป็นที่ขึ้นลงติดต่อระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองมนุษย์ได้ ๒ เส้นทาง คือเส้นทางสายอุดร-หนองคาย เลี้ยวขวาตรงทางแยกบ้านนาข่า ตามทางหลวงหมายเลข ๒๒๕๕ ถึงสามแยกบ้านสุมเส้าแล้วเลี้ยวขวาไปอำเภอบ้านดุง ต่อไปหมู่บ้านสันติสุข ถึงวัดศิริสุทโธ อีกประมาณ ๑๒ กม. หรือใช้เส้นทางอุดร-สกลนคร ประมาน ๔๕ กม. แล้วเลี้ยวซ้ายแยกบ้านหนองแม็ก ไปอำเภอบ้านดุง อีกประมาณ ๔๐ กม . แล้วไปหมู่บ้านสันติสุขถึงวัด ศิริสุทโธอีกประมาณ ๑๒ กม.

และยังมีเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์น่าอัศจรรย์ของสถานที่นี้ให้เป็นที่เล่าขานแก่ชาวเมืองคำชะโนด วังนาคินทร์คำชะโนด หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า เมืองชะโนด สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของตำบลวังทอง ตำบลบ้านม่วงและตำบลบ้านจันทร์ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี  วังนาคินทร์คำชะโนด หรือเมืองคำชะโนดมีเรื่องเล่ากันมาว่า เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธเป็นพญานาค ครองเมืองหนองกระแสครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งเป็นพญานาคเช่นเดียวกันปกครองมีชื่อว่าสุวรรณนาค และมีบริวารฝ่ายละ ๕,๐๐๐ เช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมีอาหารการกินก็แบ่งกันกิน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นเพื่อนตายกันตลอดมา แต่มีข้อตกลงกันอยู่ข้อหนึ่งว่าถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดออกไปหากินล่าเนื้อหาอาหารอีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องออกไปล่าเนื้อหาอาหาร เพราะเกรงว่าบริวารไพร่พลจะกระทบกระทั่งกัน และอาจจะเกิดรบรากันขึ้น แต่ให้ฝ่ายที่ออกไปล่าเนื้อหาอาหารนำอาหารที่หามาได้แบ่งกันกินฝ่ายละครึ่ง การกระทำโดยวิธีนี้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขตลอดมา

อยู่มาวันหนึ่งสุวรรณนาคพาบริวารไพร่พลออกไปล่าเนื้อหาอาหารได้ช้างมาเป็นอาหาร ได้แบ่งให้สุทโธนาคครึ่งหนึ่งพร้อมกับนำขนของช้างไปให้ดูเพื่อเป็นหลักฐานต่างฝ่ายต่างกินเนื้ออย่างอิ่มหนำสำราญด้วยกันทั้งสองฝ่าย และวันต่อมาอีกวันหนึ่งสุวรรณนาคได้พาบริวารไพร่พลออกไปล่าเนื้อหาอาหารได้เม่นมา สุวรรณนาคได้แบ่งให้สุทโธนาคครึ่งหนึ่งเหมือนเดิม พร้อมทั้งนำขนของเม่นไปให้ดู ปรากฏว่าเม่นตัวเล็กนิดเดียวแต่ขนของเม่นใหญ่ เม่นตัวเล็กเมื่อแบ่งเนื้อเม่นให้สุทโธนาคจึงต้องแบ่งให้น้อย  สุทโธนาคได้พิจารณาดูขนเม่นเห็นว่าขนาดขนช้างเล็กนิดเดียวตัวยังใหญ่โตขนาดนี้แต่นี้ขนใหญ่ขนาดนี้ตัวจะใหญ่โตขนาดไหน ถึงอย่างไรตัวเม่นจะต้องใหญ่กว่าช้างอย่างแน่นอน คิดได้อย่างนี้จึงให้เสนาอำมาตย์นำเนื้อเม่นที่ได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งไปคืนให้สุวรรณนาคพร้อมกับฝากบอกไปว่า "ไม่ขอรับอาหารส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรมจากเพื่อนที่ไม่ซื่อสัตย์"

ฝ่ายสุวรรณนาคเมื่อได้ยินดังนั้น จึงได้รีบเดินทางไปพบสุทโธนาคเพื่อชี้แจงให้ทราบว่าเม่นถึงแม้ขนมันจะใหญ่โตแต่ตัวเล็กนิดเดียว ขอให้เพื่อนรับเนื้อเม่นไว้เป็นอาหารเสียเถิด สุวรรณนาคพูดเท่าไรสุทโธนาคก็ไม่เชื่อผลสุดท้ายทั้งสองฝ่ายจึงประกาศสงครามกัน ฝ่ายสุทโธนาคซึ่งมีความโกรธเป็นทุนอยู่ตั้งแต่เห็นเนื้อเม่นอยู่แล้วจึงสั่งบริวาร ไพร่พลทหารรุกรบทันที ฝ่ายสุวรรณนาคจึงรีบเรียกระดมบริวารไพร่พลต่อสู้ทันทีเช่นเดียวกัน ตามการบอกเล่าสู่กันฟังมาว่า
พญานาค ทั้งสองรบกันอยู่ถึง ๗ ปีต่างฝ่ายต่างเมื่อยล้า เพราะต่างฝ่ายต่างหวังจะเอาชนะกันให้ได้ เพื่อจะครองความเป็นใหญ่ในหนองกระแสเพียงผู้เดียว จนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณหนองกระแสและบริเวณรอบๆ หนองกระแสเกิดความเสียหายเดือดร้อนไปตามกัน

เมื่อเกิดรบกันรุนแรงที่สุดจนทำให้พื้นโลกสะเทือนเกิดแผ่นดินไหวทั้งหมด เทวดาน้อยใหญ่ทั้งหลายเกิดความเดือดร้อนไปทั้งสามภพ ความเดือดร้อนทั้งหลายได้ทราบไปถึง พระอินทราธิราชผู้เป็นใหญ่ เทวดาน้อยใหญ่ทั้งหลายไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เพื่อร้องทุกข์และเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง  เมื่อพระอินทร์ได้ทราบเรื่องตลอดแล้ว จะต้องหาวิธีการให้พญานาคทั้งสองหยุดรบกันเพื่อความสงบสุขของไตรภพ จึงได้เสด็จจากดาวดึงส์ลงมายังเมืองมนุษย์โลกที่หนองกระแส แล้วพระอินทร์ตรัสเป็นเทวราชโองการว่า "ให้ท่านทั้งสองหยุดรบกันเดี๋ยวนี้" การทำสงครามครั้งนี้ถือว่าทุกฝ่ายเสมอกัน และหนองกระแสให้ถือว่าเป็นเขตปลอดสงคราม ให้พญานาคทั้งสองพากันสร้างแม่น้ำคนละสายออกจากหนองกระแส ใครสร้างถึงทะเลก่อนจะให้ปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำแห่งนั้น และให้ถือว่าการทำสงครามครั้งนี้มีความเสมอกัน เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทของพญานาคทั้งสอง ให้เอาภูเขาพญาไฟเป็นเขตกั้นคนละฝ่าย ใครข้ามไปราวีรุกรานกัน ขอให้ไฟจากภูเขาดงพญาไฟไหม้ฝ่ายนั้นเป็นจุลมหาจุล

เมื่อพระอินทร์ตรัสเป็นเทวราชโองการดังกล่าวแล้ว สุทโธนาคจึงพาบริวารไพร่พลอพยพออกจากหนองกระแสสร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส เมื่อถึงตรงไหนเป็นภูเขาก็คดโค้งไปตามภูเขาหรืออาจจะลอดภูเขาบ้างตามความยากง่ายในการสร้าง เพราะสุทโธนาคเป็นคนใจร้อน แม่น้ำนี้เรียกชื่อว่า "แม่น้ำโขง"

คำว่า "โขง" จึงมาจาคำว่า "โค้ง" ซึ่งหมายถึงไม่ตรง ส่วนทางฝั่งลาว เรียกว่า แม่น้ำของ ด้านสุวรรณนาค เมื่อได้รับเทวราชโองการดังกล่าวจึงพาบริวารไพร่พลอพยพออกจากหนองกระแส สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศใต้ของหนองกระแส สุวรรณนาคเป็นคนตรงพิถีพิถันและเป็นผู้มีใจเย็น การสร้างแม่น้ำจึงต้องทำให้ตรงและคิดว่าตรง ๆ จะทำให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อน ตนจะได้เป็นผู้ชนะ แม่น้ำนี้เรียกชื่อว่า "แม่น้ำน่าน"  

แม่น้ำน่าน จึงเป็นแม่น้ำที่มีความตรงกว่าแม่น้ำทุกสายในประเทศไทย

การสร้างแม่น้ำแข่งกันในครั้งนั้น ปรากฏว่าสุทโธนาคสร้างแม่น้ำโขงเสร็จก่อนตามสัญญาของพระอินทร์ สุทโธนาคเป็นผู้ชนะและปลาบึกจึงต้องขึ้นอยู่แม่น้ำโขงแห่งเดียวในโลกตามการบอกเล่าต่อๆ กันมาว่า น้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำในแม่น้ำน่านจะนำมาผสมกันไม่ได้ ถ้าผสมใส่ขวดเดียวกันขวดจะแตกทันที ในกรณีนี้ยังไม่เคยเห็นท่านผู้ใดนำน้ำทั้งสองแห่งนี้มาผสมกันสักที

สุทโธนาคเมื่อสร้างแม่น้ำโขงเสร็จแล้ว ปลาบึกขึ้นอยู่แม่น้ำโขงและเป็นผู้ชนะตามสัญญาแล้ว จึงได้แผลงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ณ ดาวดึงส์ ทูลถามพระอินทร์ว่า "ตัวข้าเป็นชาติเชื้อพญานาคถ้าจะอยู่บนโลกมนุษย์นานเกินไปก็ไม่ได้ จึงขอทางขึ้นลงระหว่างบาดาลและโลกมนุษย์เอาไว้ ๓ แห่ง และทูลถามว่าจะให้ครอบครองอยู่ตรงแห่งไหนแน่นอน พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่จึงอนุญาตให้มีรูพญานาคเอาไว้ ๓ แห่ง คือ
๑. ที่ธาตุหลวงนครเวียงจันทน์
๒. ที่หนองคันแท
๓. ที่พรหมประกายโลก (ที่คำชะโนด)

ส่วนที่ ๑-๒ เป็นทางขึ้นลงสู่เมืองบาดาลของพญานาคเท่านั้น ส่วนสถานที่ ๓ ที่พรหมประกายโลกคือที่พรหมได้กลิ่นไอดิน (ตามตำนานพรหมสร้างโลก) แล้วพรหมเทวดาลงมากินดินจนหมดฤทธิ์กลายเป็นมนุษย์หรือผู้ให้กำเนิดมนุษย์ให้สุทโธนาคไปตั้งบ้านเมืองครอบครองเฝ้าอยู่ที่นั้น ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ลักษณะต้นชะโนดให้เอาต้นมะพร้าว ต้นหมากและต้นตาลมาผสมกัน อย่างละเท่าๆ กันและให้ถือเป็นต้นไม้บรรพกาลให้สุทโธนาค มีลักษณะ ๓๑ วันข้างขึ้น ๑๕ วัน ให้สุทโธนาคและบริวารกลายร่างเป็นมนุษย์เรียกชื่อว่า "เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธ" มีวังนาคินทร์คำชะโนดเป็นถิ่น และอีก ๑๕ วัน ในข้างแรมให้สุทโธนาคและบริวารกลายร่างเป็นนาค เรียกชื่อว่า "พญานาคราชศรีสุทโธ" ให้อาศัยอยู่เมืองบาดาล


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/43719309609797_2.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/65287241215507_3.jpg)

ตั้งแต่บัดนั้นมาถึงกึ่งพุทธกาล นับแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๐ ถอยหลังไป พี่น้องชาวบ้านม่วง บ้านเมืองไพร บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี จะไปพบเห็นชาวเมืองชะโนดไปเที่ยวงานบุญประจำปีหรือบุญมหาชาติที่ชาวบ้านเรียกว่าบุญพระเวท ทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่บ่อยครั้ง และบางทีจะเป็นผู้หญิงไปยืมเครื่องมือทอหูก (ฟืม) ไปทอผ้าอยู่เป็นประจำและปาฏิหาริย์ครั้งล่าสุดคือ ปี พ.ศ.๒๕๑๙ เกิดน้ำท่วมใหญ่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง (รวมทั้งท้องที่อำเภอบ้านดุง) แต่น้ำไม่ท่วมคำชะโนด

เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธได้จัดมีการแข่งเรือและประกวดชายงามที่เมืองชะโนด นายคำตา ทองสีเหลือง ซึ่งเป็นชาวบ้านวังทอง ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุงได้บวชอยู่ที่วัดศิริสุทโธ (วัดโนนตูม และได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓) ติดกับเมืองชะโนดได้เป็นผู้ได้รับคัดเลือกจากเจ้าพ่อพญาศรีสุทโธให้ไปประกวดชายงาม และบุคคลดังกล่าวเกิดความคลุ้มคลั่งอยู่ประมาณ ๑ อาทิตย์ ญาติพี่น้องได้ทำการรักษาโดยใช้หมอเวทมนต์ (อีสานเรียกว่าหมอทำ) จัดเวรยามอยู่เฝ้ารักษาและในที่สุดได้หายไปนาน ประมาณ ๖ ชั่วโมง แล้วได้กลับมาและได้เล่าเรื่องเมืองชะโนดให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายฟังถึงความงามความวิจิตรพิสดารต่างๆ ของเมืองบาดาลให้ผู้สนใจฟัง




ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๐) คณะกรรมการจังหวัดอุดรธานีได้ทำพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำคำชะโนด และน้ำพุบ่อเสวย อำเภอหนองหาน ไปทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ที่อุโบสถวัดโพธิสมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นวัดสำคัญของจังหวัดอุดรธานี สร้างสมัยพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพธิ์ เนติโพธิ์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร (พ.ศ.๒๔๔๘-๒๔๔๙)  สมเด็จพระสังฆราช กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานนามวัดว่า วัดโพธิสมภรณ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพธิ์) ผู้สร้างวัด  วัดโพธิสมภรณ์ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัย เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๗  เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นน้ำมุรธาภิเษกในพระราชพิธีดังกล่าว และได้นำน้ำจากบ่อนี้ไปร่วมในพิธีสำคัญเสมอๆ


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/88117795644534_11.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/49080335059099_17.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/64814942537082_12.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/54885586226979_6.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/55311714319719_15.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/56957832599679_7.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/27230516821145_18.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/59380356512135_17.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/22002504062321_5.jpg)

เรือตรี อนิวรรตน์ พะโยมเยี่ยม อดีตนายอำเภอบ้านดุง ได้ชักพ่อค้าประชาชน
สร้างสะพานทางเข้าเมืองชะโนด ตลอดทั้งปรับปรุงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
เพื่อให้เป็นสถานที่เคารพสักการะของชาวอำเภอบ้านดุง และจังหวัดอื่น


และในปี พ.ศ.๒๕๓๓ นายมังกร มาเวียง ปลัดอำเภอบ้านดุง
ได้ชักชวนข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ผู้มีจิตศรัทธา
ร่วมกันจัดทำบุญทอดผ้าป่าสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก
เพื่อความมั่นคงแข็งแรงเข้าไปเมืองชะโนด