[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 07 เมษายน 2553 19:58:34



หัวข้อ: การทำงานในแต่ละวันและทุก ๆ วัน คือการปฏิบัติธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 07 เมษายน 2553 19:58:34
(http://www.seesod.com/storage32/gQ50D3tk2E1270015747/o.jpg)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma



.................................ถ่ายภาพประกอบเนื้อหาโดย(บางครั้ง)........................................


............................ในงาน(ธรรม)คือการทำงานสอดคล้องกับการดำเนินชีวิต..............................


หลวงพ่อชา สุภัทโท พระวิปัสสนาจารย์ผู้ทำให้ดอกบัวบาน ในโลกตะวันตกอย่างหมดจดงดงาม เคยเล่าถึงตัวท่านเองในสมัยที่ยัง ใช้ชีวิตเป็นนักเรียนน้อยอยู่กับครูบาอาจารย์ว่า ท่านอุทิศตนเจริญจิตภาวนาแทบล้มประดาตาย เดินจงกรมจนทางเดินลึกเป็นร่อง นั่งสมาธินานจนปัสสาวะเป็นเลือด แต่อาจารย์คนหนึ่งของท่าน คือ หลวงปู่กินรี จันทิโย กลับมีปฏิปทาไปคนละอย่าง หลวงปู่ดูไม่ค่อยวุ่นวายกับจิต ภาวนาชนิดเอาเป็นเอาตาย หลวงปู่ปฏิบัติสบายๆ นั่งสลับเดิน ทำอย่างนั้นนิดอย่างนี้หน่อย แล้วก็เปลี่ยนอิริยาบถไปบิณฑบาต กวาดลาน เย็บผ้า ซ่อมบริขาร มองอย่างผิวเผินเหมือนหลวงปู่ไม่สู้ให้ ความสำคัญกับจิตภาวนาจนหลวงพ่อชาพลอยเข้าใจไปเองว่า
เราประมาท คิดว่าครูบาอาจารย์จะไปถึงไหนกัน เดินจงกรมก็ไม่เดิน นั่งสมาธินาน ๆ ก็ไม่เคยนั่ง คอนแต่จะทำนั่นทำนี่ตลอดวัน แต่เรานี่ปฏิบัติไม่หยุดเลย ถึงขนาดนั้นก็ยังไม่รู้เห็นอะไร ส่วนหลวงปู่ปฏิบัติอยู่แค่นั้น จะไปรู้เห็นอะไรเล่า
คิดเช่นนี้อยู่ไม่นาน พออยู่กับครูบาอาจารย์นานเข้าจึงเริ่มรู้สึกเรามันคิดผิดไป หลวงปู่ท่านรู้อะไร ๆ มากกว่าเราเสียอีก
บทสรุปที่เปลี่ยนไปเกิดจากการได้ความรู้ใหม่ว่า การปฏิบัติธรรมกับรูปแบบในการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นคนละเรื่อง บทเรียนอันทรงคุณค่านี้เกิดขึ้นเมื่อหลวงปู่กินรีมอบหมายให้หลวง พ่อชาเย็บจีวรผืนเก่าคร่ำของท่านในวันหนึ่ง
เราเย็บไม่หยุด อยากจะให้มันเสร็จเร็ว ๆ เดี๋ยวนั้น คิดว่าให้มันเสร็จ จะได้หมดเรื่องหมดราวไป จะได้ภาวนากัน
แล้ววันหนึ่งหลวงปู่กินรีก็สังเกตเห็นความขะมักเขม้นของผู้เป็นศิษย์จึงถามว่าท่านจะรีบไปไหนผมจะรีบทำมันให้เสร็จ หลวงพ่อชาตอบ
เสร็จแล้วท่านจะไปทำอะไร หลวงปู่ถามอีก
จะไปทำอันนั้นอีก เมื่ออันนั้นเสร็จ จะไปทำอะไรอีกเล่า ผมจะไปทำอันนั้นอีก
อันนั้น – ของหลวงพ่อก็คือ การเจริญภาวนาอย่างเข้มข้น ชนิดวางชีวิตเป็นเดิมพัน ทั้งการเดินจงกรม การนั่งสมาธิ กำหนดจิตภาวนาอย่างไม่เห็นแก่ความหนาวเหน็บหรือความแผดเผา ของกระไอแดด ความเมื่อยขบของกายสังขาร ท่านคิดแต่ว่าจะปฏิบัติจนลืมวัน คืน ตายเป็นตาย ! แต่แล้วโลกทัศน์ของท่านก็เปลี่ยนไปเมื่อถูกหลวงปู่ กินรีกระตุกอย่างแรง
ท่านรู้ไหมว่าทำอย่างนี้แหละ (เย็บจีวร) คือภาวนา ท่านจะรีบไปไหนเล่า ทำอย่างนี้มันเสียแล้วนี่ มันเสียแล้ว ความอยากมันเกิดขึ้นท่วมหัว ท่านไม่รู้เรื่องของตัวเอง.........................................


หัวข้อ: Re: ในงานธรรมคือการทำงานสอดคล้องกับการดำเนินชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 07 เมษายน 2553 20:02:22
(http://www.seesod.com/storage32/gQ50D3tk2E1270015747/o.jpg)


ใช่แต่หลวงพ่อชาในวัยวันแห่งการแสวงหาเท่านั้นที่เคยผ่านประสบการณ์ เช่นนี้ พระฝรั่งหลายรูปที่ยอมทิ้งพยศ ลดมานะ ละทิฐิ มามอบตัวเป็นศิษย์ของท่านพุทธทาสภิกขุ ก็ดูเหมือนจะดูผ่านพบประสบการณ์ มิต่างกันกับหลวงพ่อชาเมื่อคราพำนักศึกษาอยู่ ณ.สวนโมขพลาราม ไชยาวัน ๆ แทนที่จะได้มีโอกาสฟังธรรมกถา เจริญจิตภาวนา แต่พระที่สวนโมกข์กลับทำงานทั้งวัน บางทีงานหนักไม่ต่างไปจากกุลี เพราะต้องคอยแบกอิฐ หิน ดิน ทรายไปสร้างเสนาสนะ ศาลาโรงธรรม บางรูปเกิดกังขา คอยรออยู่ว่าเมื่อไรจะได้ปฏิบัติธรรม ต่อเมื่อล่วงกาลผ่านไปได้สักระยะหนึ่งจึงรู้ว่าตัวเองโง่ไปถนัด ที่คิดเอาเองว่าการปฏิบัติธรรมคือการจำกัดตัวเองให้อยู่ใน อิริยาบถนั่ง เดินอย่างเคร่งครัดเพียงเท่านั้น หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้ว การทำงานนั่นเองคือตัวการ ปฏิบัติธรรม และคือเวทีแสดงออกของการ ศึกษาธรรม อย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับ ธรรมชาติมากที่สุด
การปฏิบัติธรรมกับรูปแบบในการปฏิบัติธรรมเป็นคนละอย่าง
บางคนคิดว่าการปฏิบัติธรรมคือการนุ่งขาวห่มขาว โกนศีรษะบวชเป็นพระ หรือบวชชีอยู่ในอาราม จำกัดอาหาร จำกัดกิริยาการ ถือวัตรปฏิบัติแผกจากคนทั่วไป นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ไปไม่ใช่ ไม่ผิดหรอกที่เข้าใจเช่นนี้ แต่ก็ไม่ถูกไปเสียทั้งหมดทีเดียว เพราะรูปธรรมของการเดินตามรอยพระ บาทพระศาสดามีหลากหลายเป็นอย่างยิ่ง ก็ถ้าการปฏิบัติธรรมหมายเพียง การครองผ้ากาสาวพัสตร์ การโกนศีรษะบวชชี การมีศีลกว่าคนปกติหลายร้อยข้อถ้าเช่นนี้จะมีคนสักเท่าไรกันที่มีโอกาสในการปฏิบัติธรรม และพุทธธรรมที่มีไว้เพื่อประโยชน์ของคนส่วนน้อยจะมีความหมายอะไร ?
แท้จริงแล้ว การปฏิบัติธรรมกับรูปแบบในการปฏิบัติธรรมไม่เหมือนกันเลย การปฏิบัติและสัมผัสกับธรรมอันเป็นสภาพสงบร่มเย็นเป็นสุข มิได้ถูกจำกัดหรือสงวนลิขสิทธิ์ไว้กับคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดย เฉพาะ ทั้งไม่จำเพาะวิธีการให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้โดยเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด หากแต่การศึกษา ปฏิบัติ เพื่อเก็บรับซึมซับศานติสุขและอิสรภาพ ทางปัญญา ขึ้นอยู่กับอัตวิสัยสมบัติของปัจเจกชนเป็นสำคัญ ทางเดินมีหลากหลาย สุดแต่ใครจะเลือกทางที่เหมาะกับตน ถ้าเหตุปัจจัยลงตัวอย่างพอดี ทุกคนก็ไปบรรจบกันที่โพธิปัญญาและ พระนิพพานอันเป็นบรมสุขเสมอกัน
การศึกษา ปฏิบัติธรรม จึงเป็นเรื่องของการทำงาน เป็นเรื่องของการใช้ชีวิต เป็นเรื่องของคนทั่วไปในสังคมที่โลดแล่นอยู่ในโลกอันแสนวุ่นวาย ยุ่งเหยิง ชีวิตกับงานและการปฏิบัติจึงมิอาจแยกจากกัน หากจับหลักได้ อยู่ที่ไหนก็ศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรมกระทั่งสามารถบรรลุธรรมได้ โดยมิต้องกังขา ปรัชญาที่ว่ามีธรรมอยู่ในงาน และมีงานอยู่ในธรรมนี้ ท่านพุทธทาสภิกขุสรุปไว้สั้น ๆ ว่า.........................................



......................................การทำงานคือการปฏิบัติธรรม......................................


........................โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี...........................



http://sunset-3155.blogspot.com/ (http://sunset-3155.blogspot.com/)