หัวข้อ: การแผ่เมตตาเป็นประจำ ทำให้สมองดีขึ้นอย่างถาวร !! เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 08 กรกฎาคม 2559 12:11:54 (http://f.ptcdn.info/862/039/000/o22xbakuzFDg851d4RJ-o.jpg)
ช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์สนใจศึกษาการทำงานของสมองอย่างยิ่งยวด พวกเขาพยายามสืบค้นว่าสมองคนเราทำงานอย่างไรในสภาวะต่างๆกัน คนเราจะเฉลียวฉลาดขึ้นได้หรือไม่ สมองเป็นตัวควบคุมอัจฉริยภาพทางร่างกายหรือเปล่า และอีกหลายคำถาม อันจะนำไปสู่การค้นพบศักยภาพของก้อนเนื้อเล็กๆใต้กะโหลก ที่มีศักยภาพมากมายอย่างน่าทึ่ง จากบทความเรื่อง “Meditation Gives Brain a Charge, Study Finds” (“ค้นพบคำตอบ…สมาธิเพิ่มพลังสมอง”) ได้แสดงผลการทดลองที่น่าสนใจ โดย Richard Davidson ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา ได้ทำงานร่วมกับท่านดาไล ลามะ ผู้นำสูงสุดแห่งทิเบต ซึ่งท่านได้ส่งคณะสงฆ์ 8 รูป ที่นั่งสมาธิเป็นกิจวัตรมาตั้งแต่ 15-40 ปี ไปลงสนามทดลองพร้อมกับคนธรรมดาซึ่งไม่ได้ปฏิบัติสมาธิ…การทดลองครั้งนั้นพบว่า พระสงฆ์ที่ทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง จะมีระดับของคลื่นแกมม่าในสมองสูงกว่าคนธรรมดาอย่างมาก แม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่ในสมาธิก็ตาม (http://f.ptcdn.info/067/020/000/1402660128-1378254736-o.jpg) แล้วคลื่นแกมม่าที่ว่านี้มีดีอย่างไร ปกติแล้วผลิตกันตอนไหน เราจะขอวกเข้าเรื่องนี้สักครู่ โดยที่ผ่านมาได้มีการค้นพบระดับคลื่นสมองของมนุษย์ ซึ่งมีความถี่ 4 ระดับคือ ระดับที่ 1 เป็นคลื่นสมองที่มีความถี่สูงสุด เกิดขึ้นในขณะที่เราตื่นอยู่ ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ในขณะที่ชีวิตมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คนที่มีความเครียดพบว่าจะมีคลื่นสมองนี้สูง ระดับที่ 2 คลื่นอัลฟ่า จะเกิดขึ้นในสภาวะที่ร่างกายมีการทำงานช้าลง ผ่อนคลายมากขึ้น เป็นสภาวะที่สมองทำงานเป็นระบบ ระเบียบ จิตใจจดจ่อไม่ฟุ้งซ่าน ระดับที่ 3 คลื่นเธต้า จะเกิดขึ้นในสภาวะที่คลื่นสมองเริ่มสะท้อนการทำงานของจิตใต้สำนึก คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และมีแรงบันดาลใจ จะมีสภาวะของคลื่นสมองเช่นนี้ได้บ่อยๆ ระยะที่ 4 คือ คลื่นเดลต้า เป็นระดับที่สมองเชื่อมต่อระดับของจิตไร้สำนึก เกิดขึ้นในสภาวะที่เรามีการพักผ่อนในระดับลึก ร่างกายกำลังดื่มด่ำกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เสมือนได้ชาร์ตประจุพลังงานใหม่ (http://chaoprayanews.com/blog/happyforever/files/2015/03/8912-1024x682.jpg) ทีนี้ผลการวิจัยนี้ออกมาน่าสนใจว่า คลื่นสมองของผู้เจริญเมตตาภาวนาต่อเนื่องจะมีคลื่นแกมม่าเวฟ(ความถี่สูงสุด)สูงกว่าคนปกติ ทั้งในขณะที่ไม่ได้เจริญสมาธิ ในขณะเจริญสมาธิ และภายหลังออกจากสมาธิแล้ว คลื่นแกมม่าเวฟนี้จะบ่งบอกถึงการทำงานเชิงบวกของสมอง เช่น ความสงบ ความอิ่มเอิบ การมองโลกในแง่ดี เลยแปลได้ว่าคนที่ฝึกสมาธิเมตตาภาวนาต่อเนื่องจะมีการเปลี่ยนแปลงของสมองแบบถาวรในเชิงบวก แล้วคลื่นแกมม่าระดับสูงที่ได้จากการทดลองนี่มาจากตอนไหน…ในบทความกล่าวว่า คณะวิจัยพบคลื่นนี้สูงสุดในช่วงที่ให้พระสงฆ์แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล และการศึกษานี้เปลี่ยนความเชื่อที่ว่า สมองเราหยุดพัฒนาไปตั้งแต่วัยเด็ก จึงไม่น่าแปลกใจ ที่นักเทนนิส นักกอล์ฟระดับโลก ก็พัฒนาศักยภาพต่อไปได้อีก เพราะในเวลาที่เขาจดจ่อกับการแข่งขัน สมองก็สร้างคลื่นนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าการปฏิบัติสมาธิภาวนาเป็นประจำ ย่อมให้ผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของสมอง ยิ่งแผ่เมตตาทุกวัน ยิ่งจะทำให้คลื่นแกมม่าในสมองเพิ่มสูงขึ้น วันนี้ บอกบุญก็มีบทเพลงแผ่เมตตาแบบทิเบตมาฝาก วิธีแผ่เมตตาแบบง่าย ๆ ให้จินตนาการว่าเราคือแสงสว่างแห่งความรักที่แผ่ออกไปกว้างไพศาลทั่วทุกทิศทาง ไปทั่วจักรวาล ไม่มีขอบเขต พร้อมๆ กับให้อ่านคำภาวนาภาษาบาลีและภาษาไทยในใจตามเสียงเพลงไปด้วย ให้จิตสร้างนิมิตแห่งแสงสว่างแห่งความรักแผ่ออกไปไม่มีที่สิ้นสุด อย่างต่อเนื่องจนจบเพลง จิตจะเกิดเมตตาสมาธิ (เมื่อจำบทภาวนาและความหมายได้คล่องแล้ว จึงค่อยใช้วิธีหลับตาภาวนาไปตามเสียงเพลง จิตจะสงบได้ง่ายขึ้น) https://www.youtube.com/v/YQHUSuzEAmM (http://chaoprayanews.com/blog/happyforever/files/2015/03/8913-1024x682.jpg) คำสวด อะหัง อะเวโร โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร ) อัพยาปัชโฌ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน ) อะนีโฆ โหมิ ( ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ ) สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) มะมะ มาตาปิตุ ( ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า ) อาจาริยา จะ ญาติมิตตา ( ครูอาจารย์ และญาติมิตร ) สะพราหมะจาริโน จะ ( ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง ) อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร ) อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน ) อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ ) สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ (ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยคิโน ขอให้ท่านโยคี ( ผู้ทรงสมาธิ) ทั้งปวงในเขตนี้ ) อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร ) อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน ) อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ ) สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขู ( ขอพระภิกษทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในเขตนี้ ) สามะเณรา จะ ( และสามเณร ) อุปาสะกา อุปาสิกายา จะ ( ทั้งอุบาสกและ อุบาสิกา ) อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร ) อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน ) อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ ) สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) อัมหากัง จะตุปัจจายะทายะกา ( ขอทายกทายิกา ผู้ให้ปัจจัย๔ แก่พวกเราทั้งหลาย ) อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร ) อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน ) อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ ) สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) อัมหากัง อารักขา เทวาตา ( ขอเทวดาผู้อารักขาเราทั้งหลาย ) อิมัสมิง วิหาเร ( ในวิหารแห่งนี้ ) อิมัสมิง อาวาเส ( ในอาวาสแห่งนี้ ) อิมัสมิง อาราเม ( ในอารามแห่งนี้ ) อารักขา เทวาตา ( ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้ ) อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร ) อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน ) อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ ) สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง ) สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ) สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย ) สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย ) สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย ) สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ทั้งปวง ) สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ทั้งปวง ) สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง ) สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ทั้งปวง ) สัพเพ เทวา ( ขอเทวาทั้งหลาย ทั้งปวง ) สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง ) สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งปวง ) อะเวรา โหนตุ ( จงปราศจากเวร ) อัพยาปัชฌา โหนตุ ( จงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน) อะนีฆา โหนตุ ( จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ ) สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ ( ขอให้ท่านจงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ ) ยถา ลัทธาสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา ) กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น ) ปุรถิมายะ ทิสายะ ( ขอสัตว์ทั้งปวง ในทิศตะวันออก ) ปัจฉิมายะ ทิสายะ ( ในทิศตะวันตก ) อุตตรายะ ทิสายะ ( ในทิศเหนือ ) ทักขิณายะ ทิสายะ ( ในทิศใต้ ) ปุรถิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ ) ปัจฉิมายะ อนุทิสายะ ( ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ) อุตตระ อนุทิสายะ ( ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ) ทักขิณายะ อนุทิสายะ ( ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ ) เหฎฐิมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องล่าง ) อุปาริมายะ ทิสายะ ( ในทิศเบื้องบน ) สัพเพ สัตตา ( ขอสัตว์ทั้งหลาย ) สัพเพ ปาณา ( ขอสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ) สัพเพ ภูตา ( ขอภูติทั้งหลาย ) สัพเพ ปุคคะลา ( ขอบุคคลทั้งหลาย ) สัพเพ อัตตภาวา ปริยาปันนา ( ขอผู้มีอัตภาพทั้งหลาย ) สัพพา อิตถีโย ( ขอสตรีทั้งหลาย ) สัพเพ ปุริสา ( ขอบุรุษทั้งหลาย ) สัพเพ อริยา ( ขอพระอริยเจ้าทั้งหลาย ) สัพเพ อนริยา ( ขอผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ) สัพเพ เทวา ( ขอเทวา ทั้งหลาย ) สัพเพ มนุสสา ( ขอมนุษย์ทั้งหลาย ) สัพเพ วินิปาติกา ( ขอสัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ) อะเวรา โหนตุ ( อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย ) อัพยาปัชฌา โหนตุ ( อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ) อะนีฆา โหนตุ ( อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย ) สุขี อัตตานัง ปะริหรันตุ ( จงมีความสุข บริหารตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ ) ทุกขา มุจจันตุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์ ) ยถา ลัทธา สัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ ( จงอย่าพลัดพรากจากสมบัติที่ได้มา ) กัมมัสสะกา ( ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น ) อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( และสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปจนถึงภวัคคภูมิ ) อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์ที่อยู่เบื้องล่างจนถึงอเวจีมหานรก ) สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล ) เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี ) อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงปราศจากการพยาบาทเบียดเบียน ) นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ และอุปัทวันตราย ) อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ที่อยูสูงขึ้นไปถึงภวัคคภูมิ ) อโธ ยาวะ อวิจจิโต ( และสัตว์อยู่เบื้องล่างในอเวจีมหานรก ) สมันตา จักกะวาเลสุ ( สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล ) เย สัตตา อุทักเขจารา ( ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ ) อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย ) นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ) อุทธัง ยาวะ ภะวัคคา จะ ( ขอสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูเบื้องบนคือภวัคคภูมิลงมา ) อโธ ยาวะ อวิจิโต ( ตั้งแต่อเวจีมหานรกขึ้นไป ) สมันตา จักกะวาเฬสุ ( ขอสัตว์ทั้งหลายในจักรวาลโดยรอบๆ ) เย สัตตา ปถวิจารา ( ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี ) อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ ( ขอจงอย่าได้เบียดเบียนใครเลย อย่าได้มีเวรกับใครเลย ) นิทุกขา จะ นุปัททวา ( ปราศจากทุกข์ ปราศจากอุปัทวันตราย ทั้งสิ้นเทอญฯ ) จาก http://chaoprayanews.com/blog/happyforever/2015/03/30/ (http://chaoprayanews.com/blog/happyforever/2015/03/30/) |