หัวข้อ: พระวินัยวงศาจารย์ (หลวงพ่อเปรื่อง ฐานังกโร) วัดสันติวัฒนาอ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 09 สิงหาคม 2559 20:04:57 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/86655353051092_14677178171467717828l_1_.jpg) พระวินัยวงศาจารย์ (หลวงพ่อเปรื่อง ฐานังกโร) วัดสันติวัฒนา ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ "หลวงพ่อเปรื่อง ฐานังกโร" หรือ "พระวินัยวงศาจารย์" วัดสันติวัฒนา ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พระเถระนักปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน ปัจจุบัน อายุ 85 พรรษา 63 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสันติวัฒนา ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหล่มสัก-เขาค้อ (ธรรมยุต) เกิดเมื่อวันพุธที่ 30 มี.ค.2474 ที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 2 ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ในช่วงวัยเยาว์ ศึกษาที่โรงเรียนบ้านหนองบัว จ.เพชรบูรณ์ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ช่วยครอบครัวพ่อแม่ ทำไร่ ทำนา และทำสวน ย่างเข้าวัยหนุ่มฉกรรจ์ มีจิตใจฝักใฝ่และศรัทธาหลักธรรมคำสอน ประกอบกับที่ครอบครัวได้เข้าวัดฟังธรรมและรักษาศีลเป็นประจำ จึงได้ขออนุญาตเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศรีบุญเรือง ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2495 มีพระครูสุธรรมคณี วัดสามัคคีวัฒนา ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังอุปสมบทแล้ว ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม จนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก จึงได้รับหน้าที่ให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมภายในวัด และทำหน้าที่เป็นผู้สวดปาติโมกข์ตลอดทั้งปี พ.ศ.2510 เมื่อญาติโยม อุบาสก และอุบาสิกา ร่วมกันสร้างวัดขึ้นใหม่ คือ วัดสันติวัฒนา ที่บ้านสักหลง ชาวบ้านได้นิมนต์ให้ท่านมาอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ.2514 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต) พ.ศ.2518 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และเจ้าคณะอำเภอหล่มเก่า-อำเภอน้ำหนาว (ธรรมยุต) จ.เพชรบูรณ์ พ.ศ.2541 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอหล่มสัก และอำเภอเขาค้อ (ธรรมยุต) จ.เพชรบูรณ์ พ.ศ.2554 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหล่มสัก-เขาค้อ (ธรรมยุต) เนื่องจากท่านเป็นพระที่มีความรอบรู้ในเรื่องนวกรรม จึงชักชวนชาวตำบลสักหลงก่อสร้างศาลาการเปรียญ อุโบสถ กุฏิกัมมัฏฐาน ปรับภูมิทัศน์ภายในวัดให้มีความร่มรื่น ด้วยการปลูกต้นไม้ และนำพันธุ์ไม้หายากมาปลูก ทำให้ภายในวัดมีความร่มรื่นเย็นสบาย จนได้รับยกย่องให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างติดต่อกันหลายปี เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาบวชได้ศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม หลวงพ่อเปรื่องได้กำหนดให้พระภิกษุ-สามเณรต้องลงอุโบสถ ทำวัตรเช้า วัตรเย็น ทุกวัน และฟังพระสวดปาติโมกข์ ตลอดทั้งปี หลวงพ่อเปรื่อง ส่งเสริมให้พระภิกษุ-สามเณรให้ได้รับการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม แต่ละปีจึงสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี โท และเอก ปีละหลายรูป รวมทั้ง ยังจัดส่งไปศึกษาด้านกัมมัฏฐาน ณ สำนักวัดป่าต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง พ.ศ.2549 หลวงพ่อเปรื่อง ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระวินัยวงศาจารย์" หลวงพ่อเปรื่องเป็นพระสายปฏิบัติที่เคร่งครัด ได้ให้การศึกษาอบรมญาติโยม และประชาชนทั่วไป ด้วยการเน้นเรื่องของการปฏิบัติตน การฝึกทำสมาธิ เพื่อสร้างฐานทางสติให้มีความมั่นคง ไม่วอกแวก และมีสติ ภายในวัดจึงมีกุฏิกัมมัฏฐานไว้เพื่อให้ผู้ที่ชอบความสงบเข้ามาปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ และปฏิบัติกัมมัฏฐาน ได้ทุกวัน สุดแต่ใครจะมีเวลา แต่ละวันจึงมีญาติโยมที่เลื่อมใสเดินทางมาเคารพกราบไหว้พร้อมกับทำนุบำรุงศาสนสถานและถาวรวัตถุอย่างพร้อมสรรพ เวลาใดปลอดญาติโยม ท่านจะเข้าอุโบสถวิปัสสนากัมมัฏฐาน แต่หากมีญาติโยมมาหา ท่านยินดีที่จะใช้เมตตาบารมีชี้ทางพ้นทุกข์ให้ หลวงพ่อเปรื่อง เป็นพระกัมมัฏฐานที่มีวัตรปฏิบัติดีงาม ครองตนอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์อย่างสมถะ ไม่สะสมทรัพย์สินใดๆ มักน้อย ถือสันโดษ มานานหลายสิบปีแล้ว ที่สำคัญท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง กระทั่งเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง แม้ล่วงอายุเข้าสู่วัยไม้ใกล้ฝั่งแต่สุขภาพพลานามัยของหลวงพ่อเปรื่องยังแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติศาสนกิจใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเนื้อนาบุญที่พุทธศาสนิกชนสามารถกราบไหว้ได้สนิทใจโดยแท้ |