หัวข้อ: นกการเวก ในตำนานพุทธศาสนา เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 23 กันยายน 2559 16:51:06 (http://4.bp.blogspot.com/-TacNcv5nLD4/T-yLfXxbEHI/AAAAAAAAAGA/9_B1JErDvRI/s1600/m132792.jpg) นกการเวกหรือนกปักษาสวรรค์ ภาพจาก : wildkeeper.blogspot.com- นกการเวก ข้อมูลของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ระบุว่า นกการเวก นกการวิก หรือ นกกรวิก หมายถึงนก ๒ ประเภท ประเภทแรก เป็นนกในนิยาย เชื่อว่าเป็นนกชนิดเดียวกับนกวายุภักษ์ในป่าหิมพานต์ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากบนเขาชื่อเขากรวิก ซึ่งล้อมรอบเขาพระสุเมรุชั้นที่ ๓ บินได้สูงเหนือเมฆ และมีเสียงร้องที่ไพเราะจับใจ สัตว์หรือมนุษย์ที่ได้ยินเสียงจะเกิดอาการงงงวยลืมกิจกรรมที่กำลังทำอยู่จนหมด ประเทศไทยใช้ตรานกวายุภักษ์เป็นตราประจำกระทรวงการคลัง ประเภทที่สอง เป็นนกชนิดที่มีตัวตนจริงๆ มีชื่อเรียกว่า ปักษาสวรรค์ (Birds of paradise) จัดอยู่ในวงศ์ Paradisaeidae มีจำนวนทั้งหมด ๔๓ ชนิด ลักษณะลำตัวค่อนข้างอ้วนป้อม มีขนาดเท่านกเอี้ยงจนถึงอีกา ความยาวลำตัวรวมทั้งหางประมาณ ๑๒.๕-๑๐๐ เซนติเมตร ชอบอาศัยอยู่ในป่าชื้นเขตร้อนในที่ราบต่ำจนถึงยอดเขา พบมีจำนวนชนิดมากที่สุดบนเกาะนิวกินีและอีกไม่กี่ชนิดในหมู่เกาะโมลุกกัส และบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย นกการเวกมีทั้งชนิดที่กินผลไม้ ใบไม้ และน้ำหวานดอกไม้เป็นอาหาร และชนิดที่กินแมลงและสัตว์เล็กๆ อื่นๆ พฤติกรรมการผสมพันธุ์ วางไข่แตกต่างกันออกไปในแต่ละชนิด พวกที่อยู่เป็นคู่จะช่วยกันทำรังและดูแลลูกในรัง นกตัวผู้มีขนสีสวยกว่านกตัวเมียมาก มักมีนกตัวเมียหลายตัว และนกตัวเมียเป็นผู้ดูแลลูกนกแต่เพียงตัวเดียว รังของนกการเวกก็แตกต่างกันไปตามชนิดเช่นเดียวกัน สร้างรังเป็นรูปถ้วยด้วยใบไม้ ใบเฟิร์น กิ่งไม้ และเถาวัลย์บนง่ามไม้หรือในโพรงไม้ วางไข่ สีครีม สีเทา หรือสีชมพู มีจุดประสีน้ำตาลแดง ครั้งละ ๑-๓ ฟอง ระยะฟักไข่นาน ๑๗-๒๑ วัน ลูกนกจะอยู่ในรังนาน ๑๗-๓๐ วัน เรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีของนกการเวกคือความหลากหลายในการแสดงพฤติกรรมการเกี้ยวพาราสีของนกตัวผู้ เพื่อให้นกตัวเมียตกลงปลงใจจับคู่อยู่ด้วย บางชนิดใช้การเกาะอยู่กับที่แล้วห้อยหัวลงพร้อมทั้งแพนขนปีกและขนหางที่ยาวกว่าปกติออก แล้วกระพือหรือสั่นไปมาพร้อมกับส่งเสียงร้องไปด้วย บางชนิดลงไปกางปีกและหางบนพื้นดิน ในอดีตนกการเวกถูกล่าเพื่อเอาขนที่สวยงามไปใช้เป็นเครื่องประดับหมวกของผู้นิยมในทวีปยุโรป ปัจจุบันได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวด ยกเว้นการล่าด้วยอาวุธโบราณของชาวพื้นเมือง เพื่อเอาขนไปประดับร่างกายในการทำพิธีกรรมต่างๆ เท่านั้น เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ยังคงมีการลักลอบล่านกการเวกแล้วสตัฟฟ์ส่งออกขายอยู่เนืองๆ นอกจากนี้ พื้นที่ป่าที่อาศัยก็ลดลงไปอีกด้วย เนื่องจากการขยายพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เมือง ยังมีข้อมูลเรื่องนกการเวกจากวิกิพีเดียว่า นกการเวก หรือ ปักษาวายุภักษ์ แปลว่า นกกินลม เป็นนกในเทพปกรณัมของตะวันออก ปรากฏในป่าหิมพานต์ เรียกกันอีกชื่อหนึ่งในวรรณคดีเรื่องไตรภูมิพระร่วงว่า นกกรวิก อธิบายว่า บินได้สูงเหนือเมฆ มีเสียงไพเราะยิ่งนัก สัตว์ทุกชนิดเมื่อได้ยินแล้วจะต้องหยุดฟัง นอกจากนี้ ยังปรากฏมีมาในพระบาลีว่า เสียงของพระพุทธเจ้านั้นเหมือนเสียงพรหม แจ่มใสชัดเจน อ่อนหวาน สำเนียงเสนาะ ไม่แตก ลึกซึ้ง มีกังวานไพเราะและเหมือนเสียงนกการเวก ส่วนอาหารของนกการเวก มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ปัญจสุทนีว่า นกการเวกกินน้ำมะม่วงสุกเป็นอาหาร แต่โดยที่นกชนิดนี้หายากจึงหลงเข้าใจกันแต่ว่าอยู่บนท้องฟ้ากินลมเป็นอาหาร และตามวรรณคดีไตรภูมิพระร่วง กล่าวว่าขนนกการเวกเป็นที่ต้องการเพราะกลายเป็นทองคำได้ นกการเวก หรือ ปักษาวายุภักษ์ ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของกระทรวงการคลังของไทยมาตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีที่มาจากขนหางของนกปักษาสวรรค์จากอินโดนีเซียที่ประดับบนพระมาลา ซึ่งได้มาจากชาวอังกฤษที่ทูลเกล้าฯ ถวายตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่๔ และถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน ในแถบเอเชียตะวันออก เช่น จีน ญี่ปุ่น ก็มีความเชื่อเรื่อง นกการเวกเช่นเดียวกัน ว่าเป็นสัตว์อมตะ ไม่มีวันตาย ทั้งปรากฏในตำนานพุทธศาสนาว่ามีศีรษะเป็นมนุษย์ แต่มีลำตัว ปีก และขนหางเป็นนก คล้ายกับกินรี ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด |