[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 10:11:20



หัวข้อ: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 10:11:20
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 10:23:25
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


........................................ปาฐกถาธรรมเรื่อง...............................


สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีโดย พระภาวนาวิสุทธิคุณ (เสริมชัย ชยมงฺคโล ป.ธ.๖)
เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ.2543 เวลา 08.00 น.
เจริญสุข - เรื่อง เจริญสุข/เจริญพร  ญาติโยมสาธุชนทุกท่าน
วันนี้อาตมภาพจะได้กล่าวถึงเรื่องของความสุขว่าสุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีนี้ตรงกับพระพุทธดำรัส (ขุ. ธ. ๒๕-๒๕ - ๔๒) ว่า นตฺถิ สนฺติปรํ  สุขํ ความสุขใคร ๆ ก็ปรารถนาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสุขทางกาย ชื่อว่า กายิกสุข และทั้งความสุขทางใจ ชื่อว่า เจตสิกสุขไม่มีใครปรารถนาความทุกข์เดือดร้อนทั้งทางกายและทางใจเลยความสุขคือ ความสบายกายหรือความสบายใจนี้มี 2 อย่าง คือ สามิสสุขคือความสุขอิงอามิส กล่าวคือความสุขที่อาศัยกามคุณได้แก่ ความสุขที่เกิดแต่การได้รับ หรือได้ยินได้ฟัง
ได้สัมผัส ได้ใช้สอยรูป – เสียง – กลิ่น – ร ส และสิ่งสัมผัสทางกายที่ชอบใจที่น่ากำหนัดยินดี พอใจต่าง ๆ เป็นต้น นี้ประการหนึ่งกับนิรามิสสุข คือความสุขที่ไม่อิงอามิสกล่าวคือไม่อาศัยกามคุณ ความสุขนี้เป็นความสุขที่อิงเนกขัมมะ คื อความสุขที่ปลีกจากหรือพ้นจากกามคุณเครื่องเย้ายวน
ล่อใจ ก็เป็นสุขได้นี้อีกประการหนึ่ง
สามิสสุขคือความสุขที่อิงอามิส กล่าวคือความสุขที่อาศัยกามคุณได้แก่ ความสุขที่พระท่านเรียกสุขเวทนาอันเกิดแต่การได้พบเห็นได้ยินได้ฟังได้กลิ่น ได้รส และได้สัมผัส  รูป– เสียง – กลิ่น– รส และสิ่งสัมผัสทางกายที่น่าเพลิดเพลิน น่ากำหนัดยินดีพอใจในขณะเดียวกันสุขเวทนาที่
อิงอามิสนั้นแหละย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน อันเป็นเหตุนำเหตุหนุนให้ไม่สำรวมกาย วาจา ใจ และประกอบกรรมชั่วหรือบาปอกุศลให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนได้อีกจึงเป็นความสุขที่ไม่เที่ยงแท้ถาวรเพราะเป็นความสุขที่ยังมีโอกาสกลับเป็นทุกข์ได้อีก
ส่วนนิรามิสสุขเป็นความสุขที่ไม่อิงอามิสคือเป็นความสุขที่ไม่ต้องอาศัยกามคุณแต่อาศัยเนกขัมม์  คือการปลีกออกจากกามคุณหรือเป็นอิสระจากกามคุณ จึงไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่จะเป็นเหตุนำเหตุหนุนให้กระทำกรรมชั่วหรือบาปอกุศลให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนได้อีกความสุขอันเกิดแต่ความสงบจากกรรมชั่ว และหรือ อันสงัดจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน เช่นนี้ ย่อมเป็นความสุขที่เที่ยงแท้ถาวร
คือเป็นความสุขที่ไม่มีเหตุปัจจัยให้กลับเป็นทุกข์ได้อีก........................................................


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 10:50:55
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


ส่วน นิรามิสสุข เป็นความสุขที่ไม่อิงอามิส คือเป็นความสุขที่ไม่ต้องอาศัยกามคุณแต่อาศัยเนกขัมม์  คือการปลีกออกจากกามคุณ หรือเป็นอิสระจากกามคุณจึงไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่จะเป็นเหตุนำเหตุหนุนให้กระทำกรรมชั่วหรือบาปอกุศลให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนได้อีกความสุขอันเกิดแต่ความสงบจากกรรม ชั่ว และ หรือ อันสงัดจากกิเลส ตัณหา อุปาทานเช่นนี้ย่อมเป็นความสุขที่เที่ยงแท้ถาวรคือเป็นความสุขที่ไม่มีเหตุปัจจัยให้กลับเป็นทุกข์ได้อีก
เพราะเหตุนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเห็นแจ้ง ทรงรู้แจ้งและผู้ตรัสรู้สัจจธรรม คือ ความจริงอย่างประเสริฐในเรื่องของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์
สภาวะที่ทุกข์ดับเพราะเหตุดับและทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ให้ถึงซึ่งความสันติสุขอย่างถาวรจึงตรัสว่า สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี
อาตมาภาพจะขอยกตัวอย่างสามิสสุขของปุถุชนหรือชาวโลก ผู้ยังไม่รู้จักสัจจธรรมและยังไม่รู้จักความสุขจากความสงบที่แท้จริงจึงพากันหลงเพลิดเพลินอยู่กับ สามิสสุข ได้แก่ ความสุขที่อิงอามิส คือกามคุณ อันเป็นเหตุให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน และกรรมชั่วหรือบาปอกุศลให้กลับได้รับผลเป็นโทษเป็นความทุกข์เดือดร้อนต่อ ๆ ไปไม่มีที่สิ้นสุดดังเช่น ความสุขของผู้ที่กำลังปองรัก คือปรารถนาที่จะได้มีคนที่ตนรักหรือที่ชอบใจไม่ว่าระหว่างหญิงกับชาย หรือว่าอย่างในยุคปัจจุบันนี้ก็ยังมีระหว่างเพศเดียวกันก็ตาม  เพียงแต่ได้พบเห็นหรือได้ยินเสียงของคนรัก ก็รู้สึกเป็นสุขเสียเหลือเกินก็ใฝ่ฝันที่จะได้มาไว้ในครอบครองของตน  จึงได้พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ได้มาเป็นแฟนหรือคู่ครองของตนไหนจะต้องคอยติดตามเอาอกเอาใจต้องเสียสละเวลาความสุขส่วนตนและกำลังทรัพย์เพื่อ
ปรนเปรอฝ่ายที่ตนรักให้พอใจมารักตอบ บางทีอาจต้องต่อสู้ชิงรักหักสวาทกับคู่แข่งขันเหล่านี้ล้วนเป็นความทุกข์ไม่น้อยตั้งแต่เริ่มต้นเมื่ออยากมีคนรักได้พบหน้าได้สนทนาหรือได้สนิทสนมด้วยบ้างก็ดูเป็นสุขใจหนักหนาลืมความทุกข์เสียสิ้นแต่ถ้าถึงพลาดหวังก็เป็นทุกข์หนักและเร่าร้อนกระวนกระวายเพราะพิษรักแรงหึงหรือความรักที่รุนแรงแล้วไม่สมหวังถ้าขาดสติสัมปชัญญะลงเมื่อใดก็อาจเป็นเหตุให้รุนแรงถึงเลือดตกยางออกหรือถึงตายได้
ดังมีข่าวให้เห็นให้ได้ยินได้ฟังเรื่องทำนองนี้มากมายแล้


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 10:59:22
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


ส่วนผู้ที่สมหวังในเบื้องต้นก็ดูเป็นสุขชั่วระยะหนึ่งอยู่ ๆ ไปก็ชักจะเกิดความเคยชินกันเสียแล้วไม่ซู่ซ่าเหมือนเก่าแล้วถ้าคู่ครองหรือคู่สมรสต่างมีศีลมีธรรมรู้จักความสันโดษในคู่ครองของตน มีความเข้าใจกัน มีความทนุถนอมน้ำใจ และซื่อสัตย์ต่อกัน รวมความว่าต่างมีศีลมีธรรม อย่างน้อยมี เบญจศีล คือศีล 5 และมีเบญจธรรม คือธรรมอันดีงามหรือธรรมของคนดี ได้แก่ ความมีเมตตากรุณาต่อกันการประกอบสัมมาอาชีวะและรู้จักเสียสละให้ซึ่งกันและกันความเป็นผู้มีกามสังวรมีความสันโดษในคู่ครองของตนความมีสัจจะหรือซื่อสัตย์ต่อกันและความเป็นผู้ไม่ประมาทไม่เสพติดสิ่งเสพติดมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นต้นเหล่านี้ ก็จัดเป็นความสงบจากกรรมชั่วหรือบาปอกุศลในระดับหนึ่งคู่ครองหรือครอบครัวของผู้เช่นนี้ก็ย่อมมีความอบอุ่น  และมีความสันติสุขในระดับชาวโลกผู้มีศีลมีธรรมแต่ถ้าเมื่อใดที่คู่ครองหรือคู่สมรสเป็นผู้ไม่สำรวมกาย วาจา และใจ เป็นคนทุศีลและขาดธรรม เช่นกลับเบื่อหน่ายในคู่ครองของตนไปแสวงหาหรือมีคู่ครองใหม่ความสันติสุขที่เคยมีก็จะพลันหายไป กลับเป็นความทุกข์ ครอบครัวขาดความอบอุ่นเกิดการทะเลาะเบาะแว้งด้วยพิษรักแรงหึงจากฝ่ายที่สูญเสียผู้ที่ตนรักและหวงแหนไปจะหาความสันติสุขไม่ได้เลยแม้จะทนฝืนอยู่ด้วยกันต่อไปอีกก็ทุกข์หรือจะแตกแยกจากกันไปก็ทุกข์ด้วยกันทุกฝ่ายนั่นแหละ
อนึ่งความเจ้าชู้ ความไม่สำรวมในกามหรือความหมกมุ่นสำส่อนในกามเพราะหลงมัวเมาติดอยู่ในสามิสสุขยังนำมาซึ่งความทุกข์อื่น ๆ อีกมากมายหลายประการไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ที่เห็นได้ง่ายหรือความทุกข์ที่เห็นได้ยากความทุกข์ที่เห็นได้ง่ายตัวอย่างเช่น ความเสี่ยงต่อโรคติดต่อร้ายแรงได้แก่
โรคเอดส์ เป็นต้นหรือความเสื่อมเสียชื่อเสียงกลายเป็นบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับนับถือไม่เลื่อมใสศรัทธา นับเป็นความอัปมงคลอย่างยิ่งและนี้จึงเป็นเหตุให้การทำมาหาเลี้ยงชีพไม่เจริญ หรือเรียกว่าหากินไม่ขึ้นเป็นเหตุให้ชีวิตถึงความเสื่อมหรืออับเฉาได้ง่ายดังตัวอย่างข่าวหน้า 14 หนังสือ
พิมพ์มติชนรายวันวันอังคารที่ 4 เมษายนนี้ว่าเพราะภาพพจน์ทำให้ดาราผู้หนึ่งงานลดฮวบแถม
ครอบครัวไม่มีความสุขเจ้าตัวเร่งแก้สุดชีวิตแต่ยังลบภาพคนใจร้อนชอบหาเรื่องเกเรและเจ้าชู้ไม่ได้ดาราผู้นี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่า...................


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 11:08:52
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


ที่ผ่านมาตนพยายามเก็บเนื้อเก็บตัวไม่เที่ยวเตร่และตั้งใจทำงานเพื่อลบภาพพจน์ไม่ดีที่แฟน ๆ จะรู้สึกว่าตนเป็นคนใจร้อนชอบหาเรื่องเกเร และเจ้าชู้ แต่แม้จะพยายามอย่างไรก็ยังลดภาพดังกล่าวไม่ได้แต่ตนจะไม่ท้อและจะทำต่อไปเพราะภาพพจน์เสีย ๆ เหล่านั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตมากด้วยครอบครัวไม่มีความสุขขณะเดียวกันก็ทำให้งานแสดงลดน้อยลงไปมากทุกวันนี้ก็ได้แต่หวังว่าผลของความพยายามน่าจะทำให้ตนแก้ภาพพจน์ได้สำเร็จนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญแก่ผู้หลงติดอยู่ในสามิสสุขคือความสุขอันอิงอามิสคือกามคุณได้แก่ รูป – เสียง – กลิ่น – รส และสัมผัสทางกายที่น่ายินดีพอใจทำให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน และกระทำกรรมชั่วหรือบาปอกุศลอันให้ผลเป็นความทุกข์เดือดร้อนในภายหลังได้แต่ก็ขอชมเชยดาราผู้นี้
ที่ยังมีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัวได้เร็วและได้ตั้งใจกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีบุคคลผู้ใดเคยกระทำความผิดหรือเคยพลาดพลั้งไปเพราะความเขลาเบาปัญญาแล้วกลับรู้สึกตัวในความผิดหรือความพลาดพลั้งเพราะความเขลาของตนได้และตั้งใจกลับตัวกลับใจกระทำความดีด้วยสติปัญญาอันเห็นชอบอย่างมั่นคงบุคคลผู้เช่นนี้สังคมย่อมให้อภัยและไม่นานเกินรอชีวิตของเขาย่อมกลับถึงความเจริญและสันติสุขได้
ส่วนเด็กวัยรุ่นหรือเยาวชนในวัยเรียนถ้าหลงติดอยู่กับสามิสสุขมุ่งแต่แสวงหาความสุขอันอิงอามิสได้แก่ รูป – เสียง – กลิ่น – รส – สัมผัสทางกายที่น่ากำหนัดยินดีน่าเพลิดเพลินพอใจให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน และประพฤติปฏิบัติอันไม่สมควรเช่นหลงติดอยู่ในแฟชั่นที่ไร้สาระหลงระเริงอยู่ในแหล่งบันเทิงเริงรมย์และในสิ่งเสพติดมึนเมาให้โทษอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทแทนที่จะเอาใจใส่ศึกษาเล่าเรียนพากเพียรหาความรู้มาใส่ตนให้เป็นคนมีความรู้ มีสติปัญญา ความสามารถและมีคุณธรรมอันเป็นพื้นฐานสำคัญแก่การดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตชีวิตย่อมถึงความตกต่ำอับเฉาเพราะการศึกษาเล่าเรียนไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรหรือล้มเหลวกลายเป็นคนมีความรู้ต่ำมีสติปัญญาความสามารถน้อยและด้อยคุณธรรมการที่จะดำเนินชีวิตไปให้ถึงความสำเร็จตามที่มุ่งหวังหรือให้ถึงความเจริญและสันติสุขอย่างมั่นคงนั้น ย่อมเป็นไปได้ยากมากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ ตนเองก็ย่อมจะประสบแต่ความทุกข์เพราะความล้มเหลวและมีปมด้อยในชีวิต บางรายเมื่อประสบความทุกข์หนักเข้าก็เครียดจัด คิดแก้ปัญหาชีวิตของตนไม่ตกหนัก ๆ เข้าก็อาจเสียสติหรือไม่ก็ยิ่งหันกลับไปสู่ความสำมะเลเทเมาหรือประกอบกรรมชั่วหนักขึ้นไปอีกบางรายลงท้ายก็ทำอัตวินิบาตกรรม คือ ฆ่าตัวตายไปก็มีพ่อ – แม่และญาติพี่น้องก็พลอยลำบากใจและเป็นทุกข์ไปด้วย ปัญหาเยาวชนหรือเด็กวัยรุ่นวัยเรียนเหล่านี้ กลายเป็นปัญหาสังคมโดยส่วนรวมที่หลายฝ่ายกำลังวิตกและหาทางแก้ไขกันอยู่ อย่างมากในทุกวันนี้ ดังที่มีข่าวเกี่ยวกับปัญหาวัยรุ่นติดความหรูหราฟุ้งเฟ้อ ใจแตก มีเพศสัมพันธ์อันไม่สมควรแก่วัยและฐานะไม่เอาใจใส่ในการศึกษาเล่าเรียนหรือหนีเรียนไปแสวงหาความสุขและหลงติดอยู่ตามแหล่งบันเทิงเริงรมย์หลงแฟชั่นบ้า ๆ บอ ๆ มั่วสุมเสพสิ่งเสพติดมึนเมาต่าง ๆและปัญหาวัยรุ่นที่ชอบก่อเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างเพื่อนโรงเรียนเดียวกันหรือต่างโรงเรียนต่างสถาบันกันเป็นต้นแต่ก็ดูจะเป็นการแก้ปัญหากันอยู่ที่ปลายเหตุเสียโดยมาก จึงยังไม่ค่อยได้ผลเหล่านี้จัดเป็นทุกข์ที่เห็นได้ง่าย....................................


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 11:18:50
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


ส่วนทุกข์ที่เห็นได้ยากจะขอยกธรรมภาษิตของพระสุเมธาเถรี (มีมาใน ขุ.เถรี. ๒๖/๔๗๔/๔๙๙) มาแสดงให้ท่านผู้ฟังเพื่อพอทราบเป็นเครื่องประดับสติปัญญาไว้ชั้นหนึ่งก่อนมีเนื้อความตอนหนึ่งว่าด้วยโทษของกามดังนี้.........................................
กามทั้งหลายเป็นของเผ็ดร้อนเปรียบดังงูพิษเป็นที่ทำให้คนโง่เขลาหมกมุ่นอยู่คนโง่เขลาเหล่านั้นต้องแออัดทุกข์ยากเดือดร้อนอยู่ในนรกตลอดกาลนานและเป็นเหตุให้คนโง่เขลาเบาปัญญาผู้ไม่สำรวมกาย วาจา และใจ ทำความชั่วต่าง ๆ เขาเหล่านั้น ย่อมเศร้าโศกอยู่ในอบายในกาลทุกเมื่อ
นี่แหละท่านผู้ฟัง คือทุกข์ที่เห็นได้ด้วยยากสำหรับ ปุถุชน แต่เห็นได้ง่ายสำหรับพระอริยะเจ้า ดังปรากฏตามธรรมภาษิตนี้ว่ากามทั้งหลายที่ปุถุชนคนโง่เขลาเบาปัญญาหมกมุ่นหลงติดอยู่เป็นเหตุให้เขาเหล่านั้น ผู้ไม่สำรวมกาย วาจา และใจ กระทำกรรมชั่วหรือบาปอกุศลต่าง ๆ อันเป็นเหตุปัจจัยให้ไปเกิดในอบายภูมิเช่น ไปเกิดเป็นสัตว์นรกได้รับความทุกข์เดือดร้อนแออัดยัดเยียดอยู่ในนรกตลอดกาลนาน
สามิสสุขคือ ความสุขอันอิงอามิส คือกามได้แก่ รูป– เสียง – กลิ่น – รส และสิ่งสัมผัสทางกาย อันเป็นสิ่งเย้ายวนชวนให้เกิดความกำหนัดยินดีทั้งหลายจึงเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืนและเป็นเหตุปัจจัยให้ปุถุชนผู้โง่เขลาเบาปัญญาไม่รู้สัจจธรรมผู้ไม่สำรวมในกามกระทำกรรมชั่วหรือบาปอกุศลอันให้ผลเป็นโทษหรือความทุกข์เดือดร้อนได้ในกาลทุกเมื่อ
ปัญหาทางสังคมอันเกิดแต่การแสวงหาและยินดีพอใจยึดติดอยู่แต่ในสามิสสุขจน เกิดความทุกข์เดือดร้อนทั้งที่เห็นได้ง่ายและทั้งที่เห็นได้ยากสำหรับปุถุชนนั้นมิใช่เกิดแต่เฉพาะกับเด็กวัยรุ่นหรือวัยเรียนเท่านั้นแท้ที่จริงปัญหานี้มีทั่วทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะทีเดียวและกล่าวกันจริง ๆ แล้วผู้ใหญ่นั้นแหละกระทำตนให้เด็กเห็นไม่ว่าจะเรื่องการเสพสิ่งเสพติดมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทหรือว่าเรื่องความหลงหมกมุ่นมัวเมาและไม่สำรวมในกาม กิน เกียรติ ก็มีอยู่ในวงการผู้ใหญ่นั้นแหละโดยมากเพียงแต่ผู้ใหญ่รู้จักปกปิดข่าวเรื่องราวที่ไม่ดีของตนมิให้ปรากฏต่อสาธารณะชนได้ดีกว่าเด็ก ๆ แต่ก็ไม่วายจะเล็ดลอดให้เด็ก ๆ รู้เห็นและอยากลองตามอย่างผู้ใหญ่จนได้นั่นเองและยิ่งการติดต่อสื่อสารถึงกันในยุคปัจจุบันนี้เป็นไปอย่างอิสระเสรีสะดวกรวดเร็วและกว้างขวางทั้งภายในและภายนอกประเทศความเจริญทางเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาวัตถุเพื่อสนองกิเลสตัณหาของผู้แสวงหาแต่แสวงสุขด้วยกาม กิน เกียรติ แต่ขาดการพัฒนาทางจิตใจ จึงไหลบ่าท่วมทับจิตใจของประชาชนคนไทยส่วนหนึ่งทั้งที่เคยมีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นประทีปส่องทางชีวิตไปสู่ความเจริญและสันติสุขอยู่แล้วและทั้งที่เคยมีขบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามมาตั้งแต่โบราณกาล
อยู่แล้วให้หลงนิยมนับถืออนารยธรรม คือข้อปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมที่ไม่เจริญจากต่างประเทศที่ให้ความสุขแต่เพียงผิวเผินหลอก ๆ ชั่วแล่นเป็นต้นว่า
การไม่ถือสาเรื่องเพศสัมพันธ์การไม่ถือสาพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศการแสวงหาความสุขตามแหล่งบันเทิงเริงรมย์การหมกมุ่นมั่วสุมอยู่กับสิ่งเสพติดมึนเมาให้โทษเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทการแพร่ระบาดกิจกรรมการ.........................................


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 11:33:16
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


บันเทิงและสื่อประเภทลามกยั่วยุกามารมณ์ต่าง ๆ และการแพร่ระบาดแฟชั่นและการลุ่มหลงแฟชั่นบ้า ๆ บอ ๆไร้สาระจนลืมขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยและการอยู่ห่างไกลจากกระแสธรรมจนแยกแยะดี – ชั่วไม่เป็น ทำให้ไม่รู้จักสิ่งที่เป็นแก่นสารสาระและสิ่งที่ไม่ใช่
แก่นสารสาระแท้จริงของชีวิตไม่มีสติปัญญาพิจารณารู้แม้กระทั่งว่าทางไหนเป็นทางเจริญทางไหนเป็นทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริงจึงต่างดำเนินชีวิตไปอย่างไร้ทิศทางด้วยความขาดสติปัญญาอันเห็นชอบสังคมจึงสับสนวุ่นวายจนสาวหาสาเหตุไปถึงต้นเหตุแทบจะไม่พบการแก้ปัญหาสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเด็กวัยรุ่น วัยเรียนจึงไม่ค่อยได้ผลเพราะปัญหาเช่นนี้ก็มีกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่แต่ผู้ใหญ่ก็มาคิดช่วยกันแก้แต่ปัญหาเด็กแต่กลับมองข้ามปัญหาที่เกิด
กับผู้ใหญ่ซึ่งเป็นผู้นำเด็กในทางไม่ดีมากมาย หลายอย่างการแก้ปัญหาสังคมโดยส่วนรวมจึงไม่ตรงจุดและไม่ครบวงจรทุกอย่างทำให้ไม่ค่อยได้ผลที่สมบูรณ์ดีนักเพราะฉะนั้นแต่ละบุคคลแต่ละหน่วยงานหรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง ทุกฝ่าย ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ ควรร่วมมือกันพิจารณาแก้ปัญหาให้ตรงจุดและให้ครบวงจรอย่างจริงจังและต่อเนื่องจึงจะได้ผลดีขึ้นถึงแม้จะไม่หวังที่จะได้ผลสมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เพราะมีเหตุปัจจัยขัดข้องอยู่หลายประการแต่ก็ช่วยให้ได้ผลดีขึ้นกว่าเดิมเรื่อย ๆ ปัญหาต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเอง
เรื่องการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดไม่ครบวงจรและไม่ครบทุกฝ่ายจึงไม่ได้ผลดีนี้อาตมภาพขอยกตัวอย่างผลการอบรมเยาวชนจากศาลเยาวชนและครอบครัว
ที่ส่งไปให้วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามอบรมศีลธรรมให้ครั้งหนึ่งเมื่อ ๒ ปีก่อนจำนวนประมาณ ๑๒๐ คนเป็นระยะเวลา ๒ อาทิตย์โดยที่ทางราชการได้ผ่อนผันที่จะให้เด็กที่ใกล้จะพ้นโทษและส่งไปเข้ารับการอบรมศีลธรรมเหล่านั้นว่าผู้ใดอยู่รับการอบรมตลอดหลักสูตร ๒ อาทิตย์นี้ก็จะได้รับการผ่อนผันปล่อยตัวครั้นการอบรมใกล้จะจบหลักสูตรแล้วก็ปรากฏว่ามีเด็ก ๆ ที่รู้สึกตัวและตั้งใจกลับตัวกลับใจเป็นคนดีหลายคนที่แสดงว่าเมื่อได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษแล้วก็ไม่อยากกลับไปบ้านหรือกลับไปอยู่ที่เดิมอีกเมื่อสอบถามว่าเพราะเหตุใดจึงไม่อยากกลับบ้านหรือกลับไปที่เดิมอีกก็ได้ความว่าเมื่อกลับไปแล้วก็ต้องกลับไปขายและเสพยาบ้าอีกและก็จะต้องถูกจับกลับมาศาลเยาวชนอีกเพราะผู้มีอำนาจหรือผู้มีอิทธิพลเป็นเหตุให้ชุมชนหรือหมู่บ้านนั้นเขาเป็น กันอย่างนั้นแทบจะทั่วหมดทั้งหมู่บ้านหรือแทบจะทั่วหมดทั้งชุมชนนั้นบางรายพ่อแม่นั่นแหละบังคับลูกให้ขายยาบ้าเสียเองเพื่อหาเงินให้พ่อแม่ก็มีจึงเป็นเรื่อง
ที่น่าเศร้าที่สุดเพราะพื้นฐานของปัญหาอยู่ที่พ่อแม่ผู้ปกครองครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจมีอิทธิพลในท้องถิ่นนั้นเป็นปัญหาใหญ่การแก้ปัญหาแต่เฉพาะกับเด็ก ๆ จึงได้ผลน้อยหรือแทบจะไม่ได้ผลส่วนการป้องกันและปราบปรามยาบ้านั้นตามข่าวจากวงการตำรวจว่าสถานการณ์ยาบ้าไม่มีทีท่าว่าจะลดลงยิ่งจับยิ่งมากคนร้ายก็เหิมเกริมยิ่งขึ้นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุก็ไม่ใช่อาวุธธรรมดาตำรวจก็ต้องระวังตัวมากขึ้นมีข่าวจากไทยโพสต์เอกซ์ไซท์ว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้กล่าวว่าน่าเป็นห่วงไม่ว่าจะหันไปทางไหนทุกคนติดยาบ้ากันหมดซึ่งคงจะหมายถึงว่ามีคนติดยาบ้ากันมากมายเหลือเกินนั้นเองจึงเป็นที่น่าปริวิตกว่าต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศชาติของเราจะมีกำลังทรัพยากรบุคคล  ผู้มีความรู้ความสามารถและมีคุณธรรมเหลืออยู่เพื่อทำหน้าที่ปกครองและบริหารประเทศชาติให้เจริญและสันติสุขได้จริง ๆ สักกี่คน ?


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 11:42:41
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


และเมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าแต่ละบุคคลแต่ละสถาบันนับตั้งแต่สถาบันครอบครัวไปถึงสถาบันใหญ่ระดับประเทศชาติ ๆ ไม่ตื่นตัวมาช่วยกันพิจารณาแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเข้มแข็งจริงจังและต่อเนื่องแล้วสังคมไทยเราก็คงใกล้จะถึงกาลกลียุคหรือมิคสัญญีเข้าไปแล้วคือคงใกล้จะถึงกาลที่
ผู้คนเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ปัญญาหยาบซึ่งจะมีแต่ความเห็นแก่ตัวจัดทำการแก่งแย่ง ทะเลาะเบาะแว้งรบราฆ่าฟันกันทั่วเข้าไปทุกทีอย่างแน่นอน
ดังเช่นที่เห็นเกิดมีขึ้นแล้วในบางประเทศในทุกวันนี้
ต้นเหตุของปัญหาสังคมดังที่กล่าวนี้เพราะบุคคลยังมีกิเลสอวิชชาได้แก่ ความไม่รู้สัจจธรรมตามที่เป็นจริงว่านี้ทุกข์นี้เหตุแห่งทุกข์นี้สภาวะที่ทุกข์ดับเพราะเหตุดับและนี้หนทางปฏิบัติให้ถึงความเจริญสันติสุขและถึงความพ้นทุกข์ที่เที่ยงแท้ ถาวรตามที่เป็นจริงกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเพราะความไม่รู้บาป – บุญ คุณ– โทษ ไม่รู้สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระประโยชน์และที่มิใช่แก่นสารสาระประโยชน์หรือความไม่รู้ทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดกิเลส  ตัณหาดลจิตใจให้มีความเห็นผิด ๆ และมีความยึดถือผิด ๆ ได้แก่ ยึดถือสิ่งที่ไร้สาระว่าเป็นแก่นสารสาระหลงยึดถือสามิสสุขอันอาศัยกามคุณที่ให้ได้รับความสุขแต่เพียงชั่วแล่นผิวเผินไม่จีรังยั่งยืนนั้นว่าเป็นความสุขที่แท้ถาวรจึงมุ่งแต่จะไขว่คว้าแสวงหาพัสดุกามได้แก่ รูป – เสียง – กลิ่น – รส และสิ่งสัมผัสทางกายที่น่าเพลิดเพลินน่ายินดีพอใจ มาสนองกิเลส ตัณหาอุปาทานของตนและเมื่อขาดสติสัมปชัญญะและขาดความสำรวมกาย วาจา และใจก็กลับประพฤติตนผิด ๆ จากทำนองคลองธรรมให้กลับได้รับผลเป็นโทษเป็นความทุกข์เดือดร้อนได้ในภายหลังตามส่วนแห่งกรรมชั่วหรือบาปอกุศลที่มีอวิชชากิเลสตัณหาอุปาทาน เป็นเหตุนำเหตุหนุนให้ประพฤติปฏิบัติผิด ๆ หรือให้กระทำกรรมชั่วนั้นเอง
การแก้ปัญหา จึงต้องแก้กันที่ต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหาได้แก่ ความมีกิเลส ตัณหา โดยมี อวิชชา คือความไม่รู้สัจจธรรมตามที่เป็นจริงเป็นรากเหง้าของกิเลสทั้งหลายได้แก่จึงมีแต่ความคิดความเห็นอย่างผิด ๆ ประพฤติปฏิบัติหรือหลงดำเนินชีวิตอย่างผิด ๆ ไป ตามอำนาจของอวิชชา กิเลส ตัณหาอุปาทานให้ได้รับผลเป็นความทุกข์เดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นจริงอยู่การแก้ปัญหานี้เป็นการยากจนกล่าวได้ว่าไม่มีใครจะช่วยแก้ปัญหา คือ อวิชชา กิเลส ตัณหา ที่ฝังลึกอยู่ในจิตสันดานของใครได้เลย นอกจากตัวของตัวเองจะเป็นผู้แก้ไขที่ตัวเองแม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้พระอริยสัจจธรรมนี้ก็ได้ตรัสไว้ (ขุ. ธ.  ๒๕/๓๐/๕๑)  มีความว่า.............................................


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 11:51:18
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


เราทราบชัดธรรมเป็นที่สลัดกิเลสเพียงดังลูกศรออกบอกทาง(อริยมรรคมีองค์ ๘)แก่ท่านทั้งหลายแล้วท่านทั้งหลายพึงทำความเพียรเครื่องยังกิเลสให้หมดไปเองพระตถาคตทั้งหลายเป็นแต่ผู้บอกทางให้ชนทั้งหลายผู้มีปกติเพ่งพินิจจักพ้นจากเครื่องผูกของมารได้และพระพุทธองค์
ยังได้ทรงเน้นไว้ด้วยว่าทางนี้ อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้นเพื่อความหมดจดแห่งทัศนะทางอื่นไม่มีเพราะเหตุนั้นท่านทั้งหลายจงดำเนินไปทางนี้แหละเพราะทางนี้เป็นทางที่ยังมารและเสนามารให้หลงด้วยว่าท่านทั้งหลายดำเนินไปทางนี้แล้วจักกระทำที่สุดแห่งทุกข์(ถึงความพ้นทุกข์)ได้
ตามพระพุทธดำรัสข้างต้นนี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสยืนยันอย่างมั่นคงไว้ว่าทางนี้ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้นเป็นทางดำเนินไปเพื่อความหมดจดแห่งทัศนะคือความเห็นแจ้งรู้แจ้งในความจริงอย่างประเสริฐ ๔ ประการได้แก่ความจริงแท้ในเรื่องของทุกข์เหตุเกิดทุกข์สภาวะที่ทุกข์ดับเพราะเหตุดับและทางปฏิบัติเพื่อถึงความพ้นทุกข์และให้ถึงความสันติสุขได้อย่างแท้จริงทางอื่นไม่มีและประการสำคัญที่สุดก็คือว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้ผู้ปรารถนาความพ้นทุกข์และปรารถนาความสันติสุข คือความสุขด้วยความสงบอย่างถาวรต้องศึกษาและปฏิบัติธรรมนี้คือปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้ด้วยตนเองชนทั้งหลายผู้มีปกติเพ่งพิจารณาให้เห็นแจ้งรู้แจ้งพระอริยสัจจธรรมตามที่พระ พุทธเจ้าได้ตรัสรู้โดยชอบแล้วนี้จึงจะพ้นจากเครื่องผูกของมารได้คำว่ามารและเสนามาร ตามพระพุทธดำรัสนี้ คือ กิเลส ตัณหาอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ซึ่งมีอวิชชาคือความไม่รู้สัจจธรรมเป็นรากเหง้าหรือเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์นั้นเองส่วนคำว่าเครื่องผูกของมารก็คือ กามคุณทั้ง ๕ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งสัมผัสทางกาย
อันเป็นเครื่องเย้ายวนให้หลงกำหนัด ยินดี พอใจ ที่ชาวโลกผู้ปุถุชนพากันหลงใหลยินดี พอใจ ยึดติดว่าเป็นสุขที่ชื่อว่า สามิสสุขอันไม่เที่ยงแท้นั่นเองและสามิสสุข ที่ชาวโลกแสวงหาและคลั่งไคล้ใหลหลงยึดติดด้วยตัณหาและทิฏฐิ คือความหลงผิด คิดว่าเป็นความสุขที่จริงแท้นี่แหละยิ่งหลงยึด
ติดด้วยตัณหาและทิฏฐิมากเพียงไรย่อมก่อให้เกิดความทุกข์เดือดร้อนแก่ตนเองแก่ผู้อื่นในสังคมมากเพียงนั้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 12:01:49
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


เพราะเหตุนั้นการป้องกันแก้ไขปัญหาสังคมในเรื่องนี้จึงเป็นหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคนทุกเพศทุกวัยทุกฐานะที่จะพึงเพ่งพินิจพิจารณาให้เห็นสัจจธรรมด้วยตนเองอย่างน้อยก็ให้รู้จักพิจารณา สามิสสุข คือความสุขอันอิงอามิสหรือกามคุณทั้ง ๕ นั้นให้เห็นตามธรรมชาติที่เป็นจริงว่าเป็นสภาพที่ไม่จีรังยั่งยืนเที่ยงแท้แต่ประการใดชื่อว่าเป็นสภาพที่ไม่เที่ยงหรือเรียกว่า อนิจฺจํ และไม่คงทนอยู่ได้นานใครยึดถือด้วยตัณหาและทิฏฐิ หลงผิดว่าเป็นสภาพที่มีแก่นสารสาระในความเป็นตัวตนบุคคล–เรา–เขาของเรา–ของเขาแล้วเป็นทุกข์ ชื่อว่า ทุกฺขํ ลงท้ายต้องพลัดพรากจากกันหรือต้องแตกสลายหมดสภาพเดิมของมันไปทั้งสิ้นไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไร ๆ ในโลกได้ตลอดไปเลยชื่อว่าเป็น อนตฺตา เมื่อเห็นแจ้งด้วยปัญญาอย่างนี้ย่อมเป็นทางให้เห็นแจ้งสัจจธรรมทั้ง ๔ ว่านี้ทุกข์นี้เหตุแห่งทุกข์นี้สภาวะที่ทุกข์ดับเพราะเหตุดับนี้หนทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ คืออริยมรรคมีองค์ ๘ อันให้สามารถเจริญปัญญารู้แจ้งทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริง  และให้สามารถดำเนินชีวิตไปสู่ความเจริญและสันติสุขไม่เป็นไปในทางเสื่อมเป็นโทษ เป็นความทุกข์เดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่นตามระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้แต่การที่จะพิจารณาเห็นแจ้งสัจจธรรมดังกล่าวนี้ได้ก็ไม่ใช่จะสามารถเห็นแจ้งได้ง่ายจักต้องเข้าไปศึกษาหลักธรรมชื่อว่าปริยัติธรรมแล้วฝึกปฏิบัติธรรมอบรมกาย วาจา และใจโดยการปฏิบัติไตรสิกขาคือ ศีล–สมาธิ–ปัญญาให้ถึง อธิศีล คือ ศีลยิ่งให้กายวาจาสงบเรียบ
ร้อยดีไม่มีโทษและเป็นไปเพื่อการเจริญภาวนาสมาธิให้ถึง อธิจิต คือ จิตยิ่งได้แก่การปฏิบัติได้ถึงฌานจิตอันเป็นคุณเครื่องกำจัดกิเลสนิวรณ์เครื่องกั้นปัญญาให้หมดไปให้จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใสควรแก่งานพิจารณาสภาวธรรมและสัจจธรรม  ให้เห็นแจ้งตามธรรมชาติที่เป็นจริงชื่อว่า อธิปัญญาคือปัญญาอันยิ่งจากผู้รู้ทั้งหลักปริยัติธรรมและทั้งปฏิบัติ สัทธรรมจนมีประสบการณ์จากการที่ได้ปฏิบัติธรรมจนได้ผลดีพอสมควรแล้วดำรงตนมั่นคงอยู่ในพระธรรมวินัยดีพอสมควรแล้วจึงจะได้ผลดี


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 12:12:13
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


เมื่อได้ศึกษาทำความเข้าใจหลักธรรมแล้วปฏิบัติสัทธรรมอบรมกาย วาจา และใจโดยการปฏิบัติธรรมนับตั้งแต่การ รักษาศีลให้กายและวาจาสงบและเรียบร้อยดีไม่มีโทษก็ย่อมได้รับผลเป็นความสุขจากความสงบกายและวาจาในระดับหนึ่งคิดง่าย ๆ แต่เพียงว่าหากแต่ละหน่วยของสังคม ต่างพากันประพฤติปฏิบัติได้แม้เพียงศีล ๕ คือการ งดเว้นจากเจตนาฆ่าสัตว์ตัดชีวิตงดเว้นจากเจตนาลักฉ้อและประกอบมิจฉาอาชีวะ งดเว้นจากเจตนาประพฤติผิดในกามงดเว้นจากเจตนากล่าวคำเท็จหลอกลวงใส่ร้ายป้ายสีกันและงดเว้นจากการเสพสิ่งเสพติดมึนเมาให้โทษอันเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาททุกชนิดแล้วพากันประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในธรรมของคนดีได้แก่มีเมตตากรุณาต่อกันการประกอบแต่สัมมาอาชีวะและรู้จักการให้ปันซึ่งกันและ
กันเป็นผู้มีความสำรวมในกามและมีความสันโดษในคู่ครองของตนเป็นผู้มีสัจจะและจริงใจต่อกันและเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ รู้ดี–รู้ชั่ว  รู้บาป–บุญคุณโทษตามที่เป็นจริงเพียงเท่านี้ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นเองย่อมถึงความสงบสุขเองและสังคมทุกระดับนับแต่สังคมในครอบครัว ตลอดถึงสังคมประเทศชาติและแม้สังคมทั่วทั้งโลกก็มีแต่ความสงบสุขด้วยกันทั้งหมดและยิ่งถ้าได้เจริญภาวนาสมาธิให้ใจสงบใจหยุดใจนิ่งสนิทแนบแน่นมั่นคงถึงขั้นฌานจิตอันเป็นคุณเครื่องกำจัดกิเลสนิวรณ์ให้จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใสด้วยแล้วย่อมถึงความสุขที่ละเอียดประณีตอย่างที่ไม่เคยได้ประสบมาก่อนว่านิรามิสสุขคือความสุขไม่อิงอามิสคือไม่เกี่ยวด้วยกามคุณนี้เองเป็นความสุขที่ละเอียดประณีตดีกว่าสามิสสุขมากมายนักจะเปรียบกันมิได้เลยและยิ่งถ้าได้เจริญ อธิปัญญา คือปัญญาอันยิ่งจากการได้พิจารณาสภาวธรรมและสัจจธรรมให้เห็นแจ้งตามที่เป็นจริงแล้วดำรงตนอยู่ในคุณความดี มีศีลมีธรรมยิ่งขึ้นเพียงใด
ย่อมถึงความสุขด้วยความสงบที่ละเอียดประณีตอันถาวรคือที่ไม่กลับเป็นทุกข์อีกได้มากเพียงนั้นสมดังพระพุทธภาษิตที่ว่า นตฺถิ  สนฺติปรํ สุขํ
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีนั่นเอง
วิญญูชนคนมีปัญญาผู้ได้ศึกษาและปฏิบัติพระสัทธรรมนี้ได้ผลดีแล้วเพียงใดย่อมจะเห็นคุณของพระพุทธศาสนาว่าพระพุทธศาสนานี้เองแหละที่เป็น
ศาสนาสำหรับชาวโลกทั้งปวงคือ เป็นศาสนาประจำโลกโดยแท้เพียงนั้นส่วนชนผู้ไร้การเพ่งพิจารณาให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งในพระสัจจธรรมย่อมจะไม่อาจเห็นความจริงข้อนี้ได้..........................................................................



..........วันนี้ขอยุติปาฐกถาธรรมแต่เพียงนี้ก่อนขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ท่านผู้ฟังทุกท่านเจริญพร.......


..................................พระภาวนาวิสุทธิคุณ(เสริมชัย ชยมงฺคโล ป.ธ.๖)..................................


หัวข้อ: Re: สุขอื่นอันยิ่งกว่าความสงบไม่มี
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 12 เมษายน 2553 12:17:06
(http://img154.imageshack.us/img154/305/budddah.jpg)


............................. คำอนุโมทนา.................................


คำแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลแด่ ดวงวิญญาณไร้ญาติ….......................................…….
สัพเพสัตตา(สพสตตา)สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิด - แก่ เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น อเวรา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย ข้าแต่..........องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระไต้ฮงกง องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม องค์ยมบาล ท่านยี่กอฮง
ข้าพเจ้า .....................................................................................(นึกถึงชื่อตัวเองครอบครัว)
ขออุทิศส่วนบุญกุศลแด่ดวงวิญญาณไร้ญาติขาดมิตร ผู้ล่วงลับและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายขอบารมีจากทุกพระองค์จงบันดาลให้เกิดผล เป็นเนื้อนาบุญหนุนเนื่องต่อตัวข้าพเจ้าเพื่อประโยชน์และความสุขตลอดจนถึง ครอบครัววงศ์ตระกูลญาติสนิทมิตรสหาย ครูบาอาจารย์ จงประสบแต่ความโชคดีมีสุขคิดสิ่งใดขอให้สมมาดปรารถณา ขอให้พบพานแต่สิ่งที่ดีชีวิตมีแต่ความสว่างรุ่งโรจน์ รุ่งเรือง เจริญในหน้าทีการงานชื่อเสียงลาภยศ สรรเสริญ ศัตรูคิดร้ายขอให้พ่ายแพ้เป็นมิตรทำมาค้าขึ้นร่ำรวยเงินทองอยู่เย็นเป็นสุข โรคภัยไม่เบียดเบียนแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งหลาย - ทั้งปวงด้วยเทอญ



สาธุ..........สาธุ..............สาธุ



หนังสืออีเล็คโทรนิคชุดนี้จัดทำขึ้นสำหรับผู้ที่สนใจใฝ่หาศึกษาธรรมถ้าผู้ใดได้ไปกรุณาพิมพ์แจกต่อ ๆ ไปเพื่อเป็นธรรมทานและเป็นการสร้างกุศลบารมีขออนุโมทนาด้วย ณ...................โอกาสนี้


http://forums.212cafe.com/boxser (http://forums.212cafe.com/boxser)