[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 06 ตุลาคม 2559 10:10:29



หัวข้อ: บอกกล่าวเล่าแจ้ง "ข้อควรรู้ ในช่วงเทศกาลกินเจ"
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 06 ตุลาคม 2559 10:10:29

(http://www.doisaengdham.org/images/introw_1312203281/KERALITESNET03.jpg)

ข้อควรรู้ ในช่วงเทศกาลกินเจ

ข้อควรรู้ ในช่วงเทศกาลกินเจ ๑-๙ ตุลาคม นี้ ใครที่อยากจะกินเจ จึงควรทำความเข้าใจ และเตรียมใจให้ดีเสียก่อน จะได้ปฏิบัติไม่ผิด

๑.จงสำเหนียกศึกษาให้รู้ว่า ไม่มีบุญอันใดเกิดขึ้นจากการกินเจ ถ้าอยากให้เป็นบุญต้องประกอบกิจกรรมเสริม เช่น สมาทาน ศีล ๘ หรือ ศีล ๕ เป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็บริจาคทาน ช่วยชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าตาย หรือไม่ไปเบียดเบียนทำร้ายสัตว์อื่น ถ้ากระทำได้ดังนี้ จึงจะถือว่าเป็นบุญ และได้ชื่อว่าเป็นผู้มีเมตตาต่อสัตว์และไม่เบียดเบียนสัตว์อย่างแท้จริง ลำพังแต่การกินผัก กินพืช เพียงอย่างเดียว หาได้ชื่อว่ามีเมตตาสัตว์ หรือไม่เบียดเบียนสัตว์ไม่ อีกทั้งมิได้เป็นการช่วยชีวิตสัตว์อื่น มิให้ต้องถูกฆ่าแต่อย่างใด สัตว์ที่จะต้องตาย ก็ยังคงตายตามกรรมของเขาดุจดังเดิม จงทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้งตามนี้ จะได้ไม่เป็นทิฏฐิวิบัติและไปเพ่งโทษผู้อื่นที่ไม่ได้กินเจเหมือนตน ถ้าหากบุญเกิดขึ้นได้จากการกินผักกินพืชจริง สัตว์กินพืชทั้งหลาย เช่น วัว ควาย ย่อมมีบุญมากกว่ามนุษย์ เพราะมันกินผักกินพืชอยู่ทุกวัน มนุษย์นานๆ จะกินกันทีหนึ่ง หรือถึงแม้อาจมีบางคนกินเจทุกวัน แต่จะกินยังไงก็ยังมีปริมาณน้อยกว่า วัว ควาย อยู่ดี

๒.จงสำเหนียกศึกษาให้รู้ว่า ไม่มีบาปอันใดเกิดขึ้นจากการกินเนื้อสัตว์ การกินเนื้อสัตว์หาได้เป็นการทำร้ายสัตว์ หรือเบียดเบียนสัตว์ไม่ บาปจะเกิดขึ้นต่อเมื่อฆ่าสัตว์นั้นเอง หรือสั่งให้คนอื่นฆ่าเท่านั้น จึงจะถือว่าเป็นการทำร้ายสัตว์อื่น เบียดเบียนสัตว์อื่น เพราะมีพระพุทธานุญาตให้พระภิกษุฉันเนื้อได้ ห้ามเฉพาะเนื้อ ๑๐ อย่าง ได้แก่ เนื้อมนุษย์ ช้าง ม้า งู สุนัข ราชสีห์ หมี เสือโคร่ง เสือดาว เสือเหลือง นี้เท่านั้น เนื้อมนุษย์เป็นของห้ามโดยกวดขัน เป็นวัตถุแห่งถุลลัจจัย เลือดก็สงเคราะห์เข้าในเนื้อด้วยเหมือนกัน เนื้ออีก ๙ อย่างนั้น เป็นวัตถุแห่งทุกกฏ เนื้อนอกจากที่ระบุชื่อไว้นี้ เป็นของไม่ห้ามโดยกำเนิด แต่ห้ามโดยความเป็นของดิบยังไม่ได้ทำให้สุกด้วยไฟก่อน และต้องเป็นเนื้ออันบริสุทธิ์โดยส่วน ๓ คือ ภิกษุไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจ ว่า เขาฆ่ามาเฉพาะตนเช่นนี้ ฉันได้ไม่มีโทษ

๓.ผู้ที่กินเจทุกคน จงอย่าได้สำคัญผิดคิดเห็นวิปริตไป ดังที่ได้อธิบายไว้ในข้อ ๑ และ ข้อ ๒ เป็นเด็ดขาด เพราะนั่นจะเป็นเหตุนำมาซึ่งมิจฉาทิฏฐิ ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นกับผู้ที่นิยมกินเนื้อสัตว์ การเห็นผิดไปจากความจริง นอกจากจะไม่เป็นบุญแล้วมันยังพลอยจะกลายเป็นบาปหนักยิ่งกว่าการไม่กินเจไปเสียอีก มิหนำซ้ำเป็นเหตุขวางกั้น มรรค ผล นิพพาน เพราะความที่คิดวิปริตผิดไปจากคำสอนของพระบรมศาสดา ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้พระพุทธองค์ก็มิได้ทรงห้ามการกินเนื้อสัตว์ และมิได้สนับสนุนการกินพืช คงปล่อยให้เป็นไปตามอัธยาศัยของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ใครอยากกินพืชก็จงกินพืช ใครอยากกินเนื้อสัตว์ก็จงกินเนื้อสัตว์ ส่วนที่จะก่อให้เกิดโทษ พระพุทธองค์ก็ทรงห้ามไว้แล้ว ก็จงเว้นในข้อที่ทรงห้ามนั้นเถิด อันใดที่ทรงอนุญาตก็จงทำตามที่ทรงอนุญาตแล้วนั้น อย่าไปอุตริดัดแปลงเป็นอย่างอื่น การไปตำหนิติเตียนผู้อื่นหรือกล่าวให้ร้ายแก่ผู้อื่นที่เขาไม่ได้กินเจเหมือนตน นั่นคือการเบียดเบียนคนอื่นด้วยวาจา มิหนำซ้ำยังเป็นวาจาเท็จ ผิดศีลข้อมุสาวาท ยิ่งกลายเป็นบาปหนักโดยไม่รู้ตัว

๔.เทศกาลกินเจถือเป็นกิจกรรมที่ดี ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้จากการปลูกผักปลูกพืช ถ้าเน้นเรื่องอนามัยด้วยได้ก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะพืชผักปลอดสารพิษก็กำลังเป็นที่นิยมและหาได้ยาก ถ้าหากมีการจัดตั้งโรงทานอาหารเจด้วยก็ถือเป็นบุญอันเกิดจากการให้ทาน ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เรียกว่า ทานมัย ใครอยากกินอาหารเจก็ฉวยโอกาสเข้าไปกินฟรีได้เลย ผู้ที่ชอบกินเนื้อสัตว์จะเปลี่ยนบรรยากาศไปกินเจบ้างก็อาจทำให้ลำไส้สะอาดขึ้น เพราะพืชผักมันย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ แถมมีกากน้อย ไม่เน่าเหม็นส่งกลิ่นแรงเหมือนเนื้อสัตว์ ให้ถือว่ากินเป็นอาหารเพื่อสุขภาพก็แล้วกัน อย่าไปทะเลาะกันเรื่องเป็นบุญหรือไม่เป็นบุญเท่านั้นก็พอ จะทำให้เป็นอาหารเจที่ดูแล้วเหมือนเนื้อสัตว์ก็ทำเลย ถือเสียว่ามันเป็นศิลปในการปรุงอาหารซะ คนมีกิเลสมันก็ต้องชอบของอร่อยกันทั้งนั้น  แม้กระทั่งหมามันก็ยังอยากกินอร่อยๆ เลย จะไปเพ่งโทษว่ากันทำไม? ไอ้พวกปากสุนัขก็ชอบไปหาว่าเขา กินเจแล้วยังจะไปมโนให้มันเป็นเหมือนเนื้อสัตว์เข้าอีก ไอ้คนที่คิดแบบนี้มันก็คิดเบียดเบียนคนอื่นแล้ว บาปกินหัวมันก่อนเพราะใจมันสกปรกคิดเป็นอัปมงคลกับตัวเอง อย่าทำเลย! กินให้เกิดสามัคคี กินเพื่อสร้างสรรค์สังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขเถอะนะ ไม่มีบุญหรือบาปอันใดจะเกิดขึ้นเพราะการกิน บุญและบาปจะเกิดขึ้่นเพราะตัวเองคิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่ว ต่างหาก รู้อย่างนี้นี่แหล เป็นมงคลแท้ กินแล้วทะเลาะกันกัดกันเหมือนหมานั่นมันอัปมงคล

๕.ถ้ามีแก่ใจอยากได้บุญก็จงช่วยกันสละทรัพย์บริจาคทานเพื่อให้คนอื่นได้กินของตัวเองบ้างอย่ามัวตั้งหน้าตั้งตาเอาแต่จะไปกินของที่คนอื่นบริจาคมาโดยที่ตัวเองไม่มีส่วนร่วมบ้างเลย บางคนก็เอาแต่อนุโมทนาบุญท่าเดียว เห็นใครทำบุญก็ยกมา สาธุๆ ๆ ตะพึดตะพือ เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย พวกนี้ชอบเอารัดเอาเปรียบเขาไม่ลงมือทำเองบ้างเลย ก็เปรียบเหมือนพวกชอบกินหัวคิวแต่ไม่ชอบทำงานเอง มันได้น้อย ต้องรู้จักทำเองบ้างสิเว๊ยยยย!!!