[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปรษณีย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 03 พฤศจิกายน 2559 19:48:20



หัวข้อ: เปิดประวัติ “ระเบียงคด” วัดพระแก้ว ถอดรหัสจิตรกรรม “รามเกียรติ์”
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 พฤศจิกายน 2559 19:48:20

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/79007796984579_1.jpg)

เปิดประวัติ “ระเบียงคด” วัดพระแก้ว
ถอดรหัสจิตรกรรม “รามเกียรติ์”
ชมสมุดข่อยภาพร่างก่อนเขียนจริง

นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังกำหนดให้พสกนิกรเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศโดยใช้เส้นทางจาก “ประตูมณีนพรัตน์” ฝั่งทิศเหนือของพระบรมมหาราชวัง จากนั้น ผ่านมายัง “ระเบียงคด” วัดพระศรีรัตนศาสดาราม อันงดงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และความงดงามเกินบรรยาย

“มติชนออนไลน์” จึงรวบรวมประวัติความเป็นมา รวมถึงการวิเคราะห์ภาพจิตรกรรมที่แสนลึกซึ้ง พร้อมด้วยภาพหาชมยากอย่างสมุดข่อยภาพร่างก่อนการเขียนจริง ดังต่อไปนี้

เมื่อกล่าวถึงดินแดนสยามประเทศไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพจำส่วนใหญ่อาจเป็นเรื่องราวในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 รวมถึงการก่อสร้างสิ่งสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์อย่างสะพานพระพุทธยอดฟ้า ที่ธำรงอยู่คู่พระนครเรื่อยมาจวบจนปัจจุสมัย

ทว่า ในมุมของศิลปะและวัฒนธรรมตามอย่างจารีตประเพณี ยังมีเหตุการณ์สำคัญยิ่ง อย่างการรังสรรค์ภาพจิตรกรรมฝาผนังชุดรามเกียรติ์อันรายล้อมรอบระเบียงคดวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งไม่ได้มีแค่ความงดงามอลังการ หากแต่บันทึกห้วงเวลาหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไว้ให้คนรุ่นหลัง

จิตรกรรมระเบียงคด ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 178 ห้อง โดยใช้เนื้อหาจากรามเกียรติ์ฉบับพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 1 เริ่มต้นพระชนกไถดินหานางสีดาจนจบตอนพระพรต พระสัตรุต พระมงกุฎ และพระลบ กลับอโยธยาเฝ้าพระราม


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/95855100452899_2.jpg)
สมุดไทยดำ "ภาพร่าง" รามเกียรติ์ก่อนเขียนจริงบนผนัง
เก็บรักษาอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/98747013260920_3.jpg)
ภาพร่างจิตรกรรม มีข้อความระบุตำแหน่งว่า
“คางป่ตูฉ่นวนดานตวันตกถึงมูม ๓ หอง”

นอกจากนี้ ยังมีจิตรกรรมที่เขียนอยู่ที่ผนังช่องทางเดินที่ซุ้มประตูทั้ง 7 ซุ้มของระเบียงคดและที่ผนังช่วงหักศอกของระเบียงคดด้านหน้าปราสาทพระเทพบิดร อีกทั้งผนังระเบียงบริเวณหลังพระศรีรัตนเจดีย์ด้านทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งนำเนื้อหาจากนารายณ์สิบปางและรามเกียรติ์ฉบับพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 1 มาเขียน

รวมถึงจิตรกรรมอสูรพงศ์และวานรพงศ์ที่เขียนขึ้นในฐานะทวารบาลที่ผนังของซุ้มประตูและผนังช่วงหักศอกของระเบียงคดด้านหน้าปราสาทพระเทพบิดร และผนังหักศอกหลังพระศรีรัตนเจดีย์

นายช่างหลายรายซึ่งกลายเป็น “ศิลปินดัง” อาทิ เฟื้อ หริพิทักษ์ และจักรพันธุ์ โปษยกฤต


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/81060276014937_4.jpg)
ภาพธรรมชาติ อาทิ ต้นไม้ที่ดูเสมือนจริง
ฝีมือจักรพันธุ์ โปษยกฤต ในวัยหนุ่ม เมื่อ พ.ศ.2515

‘ระเบียงคด’แรงบันดาลใจจาก’นครวัด’
ความสนใจของประเด็นนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ประเด็นของสถานที่เขียนภาพ นั่นคือ ระเบียงคด

ผศ.ดร.รุ่งโรจน์  ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง เจ้าของงานวิจัยเรื่อง “จิตรกรรมระเบียงคดวัดพระศรีรัตนศาสดาราม” ภายใต้โครงการวิจัย “สยามในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดยได้รับทุนจากมูลนิธิประชาธิปก-รำไพพรรณี สันนิษฐานว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากระเบียงคดของปราสาทนครวัด แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เนื่องจากระเบียงคดเป็นสิ่งที่ปรากฏครั้งแรกในวัฒนธรรมทะเลสาบเขมรช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 16 แล้วส่งอิทธิพลให้ดินแดนลุ่มน้ำเจ้าพระยาสมัยอยุธยา สืบมาถึงรัตนโกสินทร์ ส่วนการเขียนภาพจิตรกรรมก็คาดว่าเป็นอิทธิพลจากภาพสลักที่ระเบียงคดของปราสาทนครวัดเช่นกัน

“ระเบียงคดเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ปรากฏครั้งแรกในวัฒนธรรมทะเลสาบเขมรช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 ตอนกลาง จนต่อมาในสมัยพระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 จึงเริ่มพบว่ามีการแกะภาพพระพุทธรูปเรียงรายตามผนัง ต่อมาเมื่อลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับอิทธิการก่อระเบียงคดจากวัฒนธรรมทะเลสาบเขมรโดยมีพัฒนาการออกไปอีกขั้นหนึ่ง คือเนื่องจากผนังระเบียงคดของอยุธยาก่ออิฐถือปูน ไม่ใช่ก่อด้วยหินเหมือนในเขมร ดังนั้น อยุธยาจึงก่อพระพุทธรูปแทนการแกะสลักหิน และคงสืบทอดลักษณะเช่นนี้ลงมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับการเขียนจิตรกรรมที่ระเบียงคดในลักษณะนี้ ไม่พบที่วัดสำคัญแห่งอื่นๆ เพราะมีการนำพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ จึงไม่เอื้อต่อการเขียนภาพ แต่ที่วัดพระแก้ว ผมคิดว่ามีความตั้งใจที่จะเขียนภาพจิตรกรรมมาแต่แรก จึงไม่มีการนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ โดยน่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากภาพสลักที่ระเบียงชั้นนอกของปราสาทนครวัด” ผศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าว


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/39607056354482_5.jpg)
จิตรกรรมรามเกียรติ์ที่ระเบียงคดวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
มีโคลงจารึกสมัย ร.5 อธิบายเรื่องเป็นตอนๆ

เขียนแล้วลบ รื้อแล้วสร้าง แนวทางก่อนรัชกาลที่ 7
จากเรื่องระเบียงคด มาถึงแนวคิดการวาดจิตรกรรม ซึ่งอาจารย์เปิดเผยข้อมูลว่า จากหลักฐานด้านเอกสารพบว่าที่ระเบียงคดวัดพระแก้ว มีการเขียนภาพจิตรกรรมเรื่องรามเกียรติ์มาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แล้วมีการ “ลบ” ภาพเพื่อเขียนใหม่ทุกครั้งเมื่อบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ๆ ไม่ใช่เพียงการเขียนซ่อมแก้ไขเล็กๆ น้อยๆ

“จิตรกรรมที่ระเบียงคดมีมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการลบทิ้งเขียนใหม่ พอสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการสร้างปราสาทพระเทพบิดร ซึ่งจำเป็นต้องขยายแนวระเบียงคด ทำให้ต้องเขียนจิตรกรรมใหม่อีกครั้ง โดยเสร็จสิ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และในรัชกาลเดียวกันนี้ เมื่อคราวฉลองพระนครครบ 100 ปี เมื่อ พ.ศ.2425 ก็ทรงโปรดเกล้าให้เขียนจิตรกรรมใหม่อีก โดยประชุมช่างเอกของกรุงมาช่วยกันเขียนในตอนต่างๆ มีการสร้างแผ่นโคลงจารึกติดไว้บนเสาระเบียงว่าใครเขียนตอนไหน กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 7 คราวฉลองพระนครครบ 150 ปี ทรงโปรดเกล้าให้เขียนจิตรกรรมใหม่อีกครั้ง โดยมีพระเทวาภินิมมิตร (ฉาย เทียนศิลปะไชย) เป็นหัวหน้างาน ใช้เวลา 3 ปี หลังจากนั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการลบของเดิมทิ้งยกชุดเพื่อเขียนใหม่เหมือนรัชกาลก่อนๆ แต่เป็นการเขียนซ่อมในส่วนที่ชำรุดเท่านั้น ยกเว้นบางส่วนที่ชำรุดจนซ่อมไมได้จริงๆ ถึงจะลบเขียนใหม่ในรัชกาลปัจจุบัน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/61878336303763_6.jpg)
หนุมานฝ่าด่านยุงยักษ์ตัวโตเท่าแม่ไก่ เพื่อช่วยพระรามที่เมืองบาดาล
หนึ่งในภาพยอดฮิตที่ผู้คนกล่าวขวัญ

งานศิลป์’สมจริง’ ยักษ์-ลิง ราวมนุษย์

สำหรับมุมมองด้านศิลปะ รุ่งโรจน์บอกว่า ลักษณะเด่นคือความพยายามที่จะเขียนฉากวิวทิวทัศน์ให้สมจริงเลียนแบบธรรมชาติ รวมถึงกับการเขียนภาพ พระ เทวดา ลิง และยักษ์ในจิตรกรรมมีกล้ามเนื้อเหมือนมนุษย์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เป็นสมัยนิยมในช่วงรัชกาลที่ 7 สอดคล้องกับหลักฐานด้านเอกสารซึ่งมีข้อความใต้ภาพจิตรกรรมซึ่งส่วนใหญ่เขียนในระหว่าง พ.ศ.2472-2474

“ลักษณะฝีมือเมื่อเทียบกับจิตรกรรมในช่วงปลาย ร.5-ร.-6 พบว่าจิตรกรรมที่ระเบียงคดแห่งนี้ได้พัฒนาการเทคนิคการเขียนออกไปมาก เช่น การมีแสงเงาที่พยายามจะให้ใกล้เคียงธรรมชาติ รวมถึงตัวพระ ลิง ยักษ์และเทวดาที่มีการแสดงกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน”

จิตรกรรมเหล่านี้ นับเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ยังคงมีชีวิตและจะคงอยู่คู่กรุงศรีรัตนโกสินทร์สืบไปชั่วกาลนาน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/24908626990185_7.jpg)
หนุมานอมพลับพลา ตอนศึกไมยราพณ์ เขียนเมื่อ พ.ศ.2472
ฝีมือ “สง่า มยุระ” จิตรกรและผู้ก่อตั้งโรงงานทำพู่กันแห่งแรกของไทย

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/66464842773146_8.jpg)
ภาพร่าง ตอนทศกรรฐ์สั่งเมือง สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือพระอาจารย์แดง วัดหงส์รัตนาราม
ด้านซ้ายมือข้างบน มีข้อความว่า "คางป่ตูฉ่นวนดานตวันตกถึงมูม 3 หอง”
(ข้างประตูฉนวนด้านตะวันตก ถึงมุม 3ห้อง)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/11131497389740_9.jpg)
กรรฐ์ล้มสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือพระยาหัตการบัญชา (กัน)

“มติชนออนไลน์”