หัวข้อ: ระวัง"โรคฉี่หนู" มัจจุราชในน้ำ-ที่ชื้นแฉะ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 17 พฤศจิกายน 2559 15:50:55 (http://www.natsima.com/wp-content/uploads/2014/09/Leptospirosis.jpg) ระวัง"โรคฉี่หนู" มัจจุราชในน้ำ-ที่ชื้นแฉะ เมื่อเร็วๆ นี้ "นพ.อำนวย กาจีนะ" อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการโรคเลปโต สไปโรสิส ประจำปี 2559 หัวข้อ "Zero Death in Leptospirosis: How?" มี "นพ. วิศิษฏ์ สิตปรีชา" ประธานชมรมเลปโตสไปโรสิสแห่งประเทศไทย และ ผอ.สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ร่วมปาฐกถาพิเศษด้วย นพ.อำนวยกล่าวว่า จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา คร. วันที่ 1 ม.ค.-5 ส.ค.2559 พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูแล้ว 1,061 ราย ในพื้นที่ 59 จังหวัด เสียชีวิต 16 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ อายุ 45-54 ปี 35-44 ปี 25-34 ปี ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ร้อยละ 49.2 ส่วนปี 2558 พบผู้ป่วย 2,151 ราย เสียชีวิต 51 ราย ช่วงปี 2554-2558 อัตราป่วยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราป่วยตาย ปี 2554-2557 มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน คือ 1.64, 1.45, 0.95, 0.87 แต่ปี 2558 อัตราป่วยตายกลับเพิ่มเป็นร้อยละ 2 จากการสอบสวนพบว่า สาเหตุเกิดจากผู้ป่วยมาพบแพทย์ช้าหรือแพทย์วินิจฉัยโรคได้ช้า ซึ่งในระยะแรกผู้ป่วยโรคฉี่หนูมักแสดงอาการไม่จำเพาะเจาะจง เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย คล้ายคลึงกับโรคไข้หวัดหรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยซื้อยามากินเอง หรือไปพบแพทย์แต่อาจวินิจฉัยเป็นโรคติดเชื้ออื่นๆ จนกระทั่งผู้ป่วยมีอาการเข้าสู่ระยะรุนแรง ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะรุนแรง ตาแดง ตัวเหลือง เลือดออกในปอด ไตวาย และเสียชีวิตในที่สุด "คร. เสนอมาตรการ 4 ลด ได้แก่ 1.ลดหนู โดยเก็บอาหารที่กินเหลือหรือขยะให้มิดชิด ทำลายขยะอย่างถูกวิธี 2.ลดการสัมผัส โดยใส่รองเท้าบู๊ตหรือเครื่องป้องกันอื่นๆล้างตัวให้สะอาดและซับให้แห้งเมื่อไปสัมผัสน้ำท่วมขัง 3.ลดการเสียชีวิต โดยสังเกตอาการถ้ามีไข้ ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่โคนขาหรือน่องลังจากแช่น้ำ ย่ำที่ชื้นแฉะ ภายใน 7 วัน ให้สงสัยว่าเป็นโรคนี้ รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง 4.ลดการระบาด โดยให้ผู้นำชุมชน อสม.สังเกตว่ามีผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้แม้เพียงรายเดียวให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อรีบสอบสวนและควบคุมโรคไม่ให้แพร่ระบาดต่อไป สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน คร.โทร.1422" นพ.อำนวยกล่าว โรคฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เป็นโรคประจำถิ่นของประเทศไทยมาเป็นเวลานาน มีสัตว์หลายชนิดเป็นสัตว์รับโรค เช่น หนู วัว ควาย หมู หมา แมว แต่หนูเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เพราะเชื้อโรคที่อยู่ในฉี่หนูจะปนเปื้อนอยู่ในน้ำและดินโคลนชื้นแฉะ เชื้อจะเข้าทางแผล รอยผิวหนังถลอก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ กลุ่มเสี่ยงสำคัญ คือ เกษตรกร ผู้เลี้ยงสัตว์ คนงานโรงฆ่าสัตว์ กรรมกรขุดลอกคูคลอง เป็นต้น แต่ในฤดูฝนนี้ที่มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ ไม่ว่าอาชีพอะไรก็มีสิทธิ์เสี่ยงรับเชื้อโรคนี้จากการลุยน้ำ ประชาชนจึงพึงระมัดระวังอย่างยิ่ง! |