หัวข้อ: เมตตาของเทวดา เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 14 เมษายน 2553 17:18:49 (http://www.seesod.com/storage32/22S1vuTtuO1270975799/o.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma ...........................โดย..............................ดร.สนอง วรอุไร .............ถ่ายภาพและให้เสียงประกอบเนื้อหาโดยข้าพเจ้า(บางครั้ง)............ นอกจากมนุษย์แล้วเทวดาก็มีเมตตาได้ ดังจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งพุทธกาลให้ฟังว่ามีอยู่วันหนึ่งพระสารีบุตรอาพาธและโรคที่เป็นนั้นจะหายไปได้ต้องฉันข้าว มธุปายาส พระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวกับพระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกคู่กับท่านได้แนะนำพระสารีบุตรว่า มีโยมคนหนึ่งได้เปิดโอกาสให้ท่านขอในสิ่งที่ต้องการ(ปวารณา)ได้ กระผมจะส่งคนไปบอกให้หุงข้าวมธุปายาสเตรียมไว้วันพรุ่งนี้กระผมจะไปบิณฑบาตข้าวมธุปายาสมาถวายท่าน เมื่อพระสารีบุตรผู้เคร่งครัดในธรรมวินัยได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวห้ามมิให้ท่านโมคคัลลานะ ส่งคนไปบอกบ้านที่ปวารณาไว้ แต่ปรากฏว่าเทวดาประจำองค์พระสารีบุตรมีความปรารถนาจะให้พระสารีบุตรหายจากอาพาธ จึงไปดลใจให้โยมที่ปวารณาไว้ หุงข้าวมธุปายาสไว้ใส่บาตรในวันรุ่งขึ้น ผลปรากฏว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริง พระมหาโมคคัลลานะไปบิณฑบาต และได้ข้าวมธุปายาสมาถวายพระสารีบุตร ท่านรับประเคนแล้วพิจารณาข้าวมธุปายาสที่รับไว้แล้วจึงได้เททิ้งด้วยรู้ว่าเทวดาประจำองค์ไปดลใจให้เขาทำเพื่อถวายท่าน ที่บอกเล่ามาให้ฟังเพื่อจะบอกว่าเทวดาก็มีเมตตา ปรารถนาให้พระสารีบุตรหายจากอาพาธ ยังมีอยู่อีกกรณีหนึ่ง ที่จะเล่าเรื่องความเมตตาของเทวดาคือ ในครั้งที่พระพุทธะประทับอยู่ในกุฏิบนยอดเขาคิชฌกูฏ ท้าวเวสสุวัณซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโลกบาล ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีมเตตาต่อภิกษุที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าเปลี่ยว มีอมนุษย์บางพวก ไม่ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธะ ที่ห้ามมิให้ฆ่าสัตว์ จึงประพฤติตนหลอกหลอนให้ภิกษุหวาดกลัว ท้าวเวสสุวัณจึงมาถวายมนต์ตราที่เรียกว่า อาฏานาฏิยปริต แด่พระพุทธะเพื่อประทานให้ภิกษุนำไปสาธยายคุ้มครองตนมิให้อมนุษย์เข้ามาหลอกหลอน นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นความมีเมตตาของเทวดา(ท้าวเวสสุวัณ)ที่มีต่อมนุษย์ หัวข้อ: Re: เมตตาของเทวดา เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 14 เมษายน 2553 17:30:27 (http://www.seesod.com/storage32/22S1vuTtuO1270975799/o.jpg) และจากประสบการณ์ของผู้บรรยายที่เกี่ยวกับเรื่องเมตตาของเทวดาจะบอกเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนของผู้บรรยายไดซื้อที่ดินผืนหนึ่งไว้ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ตัวเองไป รับราชการอยู่ที่นั่น บนที่ดินแปลงนั้นมีบ่อน้ำที่ขุดโดยชาวบ้าน อยู่ในบริเวณด้านหน้าของที่ดิน เพื่อนของผู้บรรยายเล่าให้ฟังว่า เขาอยากถมดินกลบทับบ่อน้ำเพื่อให้ดูสวยงาม และจะปลูกบ้านอยู่บนที่ดินแปลงนั้น ความคิดที่จะถมดินทับบ่อน้ำได้รับการท้วงติงจากชาวบ้านอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาที่มีการปลูกบ้านลงบนที่ดินผืนนั้น เพื่อนคนนี้ได้แวะเวียนไปดูความก้าวหน้าของการสร้างบ้านอยู่เสมอในห้วงเวลา หลังเลิกงานแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขาแวะไปดูบ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ปรากฏว่าหัวหน้าผู้รับเหมาสร้างบ้านได้บอกกับเขาว่า เมื่อกี้มีผู้ชายผมขาว แต่งกายในชุดสีขาว มาบอกกับเขาว่า ถ้าจะถมบ่อน้ำให้ใช้ท่อหย่อนปลายข้างหนึ่งให้จมอยู่ใต้ผิวน้ำ และให้ปลายท่ออีกข้างหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือผิวดิน แล้วก่อซีเมนต์ปิดทับบ่อน้ำได้ เมื่อเพื่อนได้ยินคำบอกเล่าจากหัวหน้าผู้รับเหมาฯจึงรีบตามหาผู้ชายที่อยู่ ในชุดแต่งกายสีขาว หาอย่างไรก็หาไม่พบ เพราะเขามิใช่มนุษย์ แต่เป็นภุมมเทวดา เนรมิตกายหยาบมาเป็นมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเจ้าของบ้าน หลังจากปลูกบ้านแล้วเสร็จ เจ้าของบ้านและบริวารจึงได้เข้าอยู่อาศัยในบ้านหลังที่ปลูกขึ้นนั้นมีอยู่วันหนึ่ง แม่บ้านและคนทำอาหาร ได้เห็นชายสูงวัยคนหนึ่งในชุดสีขาว นั่งอยู่โคนต้นมะมื่นใหญ่ที่ขึ้นอยู่หน้าบ้าน เจ้าของบ้านจึงได้รู้ ชายที่มาบอกวิธีแก้ปัญหาเรื่องบ่อน้ำก็คือเทวดา(เจ้าที่)นั่นเอง คนที่อยู่ทางภาคเหนือ มีความเชื่อว่า การถมบ่อน้ำที่เคยดื่ม เคยใช้จะนำความวิบัติมาสู่ชีวิตได้ เรื่องเช่นนี้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์ได้ จึงเป็นเรื่องทีน่าคิด ดังที่ผู้บรรยายจะบอกเล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งผู้บรรยายได้รับเชิญไปบรรยายธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เป็นงานพระราชทานเพลิงศพของพระผู้ใหญ่แห่งอำเภอบ้านโฮ่ง ก่อนการบรรยายจะมาถึง มีผู้นำพาผู้บรรยายไปดูสถานที่ตั้งของวัดก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน ขณะที่ผู้นำไปดูวัดได้จอดรถอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ได้ชี้ให้ดูบ้านนั้นพร้อมพูดว่า อาจารย์เห็นบ้านหลังนี้แล้วคิดอะไรผู้บรรยายพูดว่า เป็นบ้านร้างเขาได้อธิบายต่อไปว่าเจ้าของบ้านนั่งตายอยู่ในบ้านภรรยาเจ้าของบ้านเป็นอัมพาตจึงไม่มีผู้ใดเข้าอยู่อาศัยเป็นบ้านร้างอย่างที่อาจารย์เข้าใจ เมื่อได้พูดคุยกันจึงได้รู้ถึงสาเหตุแห่งความวิบัติของคู่สามีภรรยาว่า เขาทั้งสองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์ เขาได้ปลูกบ้านคร่อมลำเหมืองที่มีน้ำไหลซึ่งใช้เป็นทางสัญจรของอมนุษย์(พญานาค) ส่วนภรรยาเอาสังกะสีมาทำคล้ายฝาชีปิดบ่อน้ำที่ชาวบ้านใช้ดื่มใช้อาบ ซึ่งเป็นช่องทางหายใจของเมืองบาดาล เหตุผลลึกๆเช่นนี้ วิทยาศาสต์ไม่สามารถรู้เห็นเข้าใจว่ามีอยู่จริง เขาทั้งสองจึงต้องพบกับความวิบัติของชีวิต หัวข้อ: Re: เมตตาของเทวดา เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 14 เมษายน 2553 17:33:48 (http://www.seesod.com/storage32/22S1vuTtuO1270975799/o.jpg) ......................................เมตตาเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่................................. จากประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเมตตาที่บอกเล่ามาเป็นสัจจะ และมิได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษแต่อย่างใด หากทุกท่านให้อภัยต่อสิ่งที่เป็นเหตุขัดใจในทุกเรื่องได้ เมตตาบารมีย่อมเกิดขึ้นแน่นอน แล้วทำให้มีอารมณ์สงบเย็น อานิสงส์ของการมีเมตตา อาทิ หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข นอนไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และ อมนุษย์ มีเทวดาคุ้มรักษา ไฟ ยาพิษ ศัตราไม่แผ้วพาน มีจิตตั้งมั่น สีหน้าผ่องใส ฯลฯ ย่อมเป็นผลให้ผู้มีเมตตาได้รับสรรพสัตว์ที่เวียนตายเวียนเกิดอยู่ในภพต่างๆ ของวัฏสงสาร โดยเฉพาะสัตว์มนุษย์และเทวดา สามารถพัฒนาเมตตาบารมีให้เกิดขึ้นได้ ส่วนสัตว์ที่เป็นพรหม มีพรหมวิหารธรรม (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) เป็นคุณสมบัติประจำตนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นผลที่ได้มาในครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์ เมตตาเป็นหนึ่งในคุณธรรมที่นำสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิต มนุษย์ที่พัฒนาจิต(สมถภาวนา)จนเข้าถึงความเป็นสมาธิแน่วแน่(อัปปนาสมาธิ )หรือเรียกว่า สมาธิระดับฌานหากทิ้งขันธ์ลาโลกในขณะที่จิตทรงอยู่ในฌาน ย่อมไปอุบัติเป็นสัตว์ในพรหมโลกชั้นต่าง ๆ ตามกำลังของฌานที่พัฒนาได้ ตรงกันข้ามกับมนุษย์ที่ไม่มีเมตตา เมื่อถึงวาระสิ้นอายุขัยและต้องทิ้งขันธ์ลาโลกไป จิตวิญญาณย่อมโคจรไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพต่ำ นับแต่ภพเดรัจฉานไปจนภพนรกดังนั้นมนุษย์ผู้มีเมตตา เป็นคุณธรรมประจำใจ จึงมีแต่คิดช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้ประโยชน์โดยไม่มีประมาณ ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างของพระพุทธะ ขณะกำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างพระอานนท์พุทธอุปัฎฐาก ที่ไม่ยินยอมให้สุภัททปริพาชกชาวเมืองกุสินารา เข้าถามปัญหาธรรมกับพระพุทธเจ้าถึงสามหน ด้วยเหตุที่พระอานนท์เกรงว่าพระพุทธเจ้าจะทรงเหน็ดเหนื่อย พระพุทธะผู้เปี่ยมด้วยเมตตาได้ตรัสกับพุทธอุปัฎฐากว่า.................................... หัวข้อ: Re: เมตตาของเทวดา เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 14 เมษายน 2553 17:38:18 (http://www.seesod.com/storage32/22S1vuTtuO1270975799/o.jpg) อานนท์ ให้สุภัททะเข้ามาหาเราเถิดพระองค์ได้ตรัสสอนสุภัททะว่า......................... ธรรมวินัยใด ประกอบไปด้วยมรรคมีองค์แปด ผู้ใดประพฤติถูกตรงตามธรรมแล้ว โลกย่อมไม่ว่างจากพระอรหันต์ สุภัททะเกิดศรัทธาต่อพุทธวจนะที่กล่าว จึงขอบวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนา หลังจากบวชแล้วจึงเร่งปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตตผล อภิญญา 6 พร้อมกับมีปฏิสัมภิทา 4 ในคืนเดียวกันนั้น ก่อนพุทธปรินิพพาน ปัจฉิมสาวกในพุทธศาสนาจึงได้เกิดขึ้น ด้วยเหตุแห่งเมตตาของ พระพุทธะนั่นเอง............................ ...............พิมพ์คัดลอกมาจากหนังสือ สัจจบารมีเมตตาบารมีของ ดร.สนอง วรอุไร............ |