หัวข้อ: หลวงพ่อเฟื่อง ธัมปาโล วัดอมรญาติสมาคม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 17 มกราคม 2560 19:29:26 (http://www.itti-patihan.com/images/stories/amulet_3/budd1616.jpg) หลวงพ่อเฟื่อง ธัมปาโล วัดอมรญาติสมาคม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี "พระครูอดุลสารธรรม" หรือ "หลวงพ่อเฟื่อง ธัมปาโล แห่งวัดอมรญาติสมาคม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี พระเกจิพุทธาคมที่ชาวเมืองราชบุรีเลื่อมใสศรัทธา มีนามเดิมว่า เฟื่อง ภู่สวัสดิ์ เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ 16 มี.ค.2420 ที่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ท่านัด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี วิถีชีวิตในวัยเด็กของท่านไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน ได้มาศึกษาร่ำเรียนต่อเมื่อเป็นพระภิกษุแล้ว อุปสมบทในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.2440 ที่วัดโชติทายการาม มี พระครู วรปรีชาวิหารกิจ (ช่วง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ทองอยู่ วัดโชติทายการาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการโตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ครั้นบวชเป็นพระภิกษุได้อยู่จำพรรษาที่วัดโชติทายการามกับพระอุปัชฌาย์ มีความสนใจทางด้านการศึกษาพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการปฏิบัติธรรมหรือวิทยาคม แม้เมื่อตอนที่ท่านบวชนั้นไม่อาจอ่านหนังสือออก หากท่านก็พากเพียรร่ำเรียนอาศัยการท่องจำจากพระภิกษุด้วยกัน เพียงพรรษาแรก ท่านสามารถท่องจำบทสวดมนต์และพระปาฏิโมกข์ได้จนจบ ทั้งยังไม่ปล่อยให้เวลาล่วงไปโดยปราศจากประโยชน์ พากเพียรต่อการเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอม สามารถจะอ่านออกเขียนได้ทั้งไทยและขอม สามารถเขียนยันต์ได้อย่างถูกต้อง หลวงพ่อเฟื่องเคยกล่าวไว้ว่า "การ เจริญกรรมฐานทำให้เกิดปัญญาได้เหมือนกัน เพราะกรรมฐานเป็นที่ตั้งแห่งการงาน คือ เป็นรากเหง้าของปัญญา ซึ่งเมื่อผู้ใดได้ฝึกกรรมฐานก็เท่ากับฝึกจิตใจให้มีสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็โปร่งใส อ่านอะไรก็ทะลุปรุโปร่งเพราะมีปัญญาที่อยู่เหนือกว่าปัญหาทั่วๆ ไป คือ ปัญญาของพระอริยะ" กล่าวได้ว่า ท่านเป็นพระภิกษุที่เคร่งยิ่งต่อการปฏิบัติธรรม และด้วยความอุตสาหวิริยะยิ่งของท่าน จึงมีความสามารถที่อ่านเขียนได้ทั้งหนังสือไทย และขอมในเวลาต่อมา ต่อมาท่านได้ย้ายไปจำพรรษายังวัดไผ่ล้อม ต.บางป่า อ.เมือง จ.ราชบุรี ในห้วงระยะนั้นอุโบสถของวัดได้ชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอันมาก จนไม่สามารถที่จะทำสังฆกรรมอีกต่อไปได้ ท่านจึงร่วมมือกับ พระอธิการโต เจ้าอาวาสวัดซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน ได้จัดการก่อสร้างขึ้นใหม่หมดทั้งกุฏิ วิหาร และศาลาการเปรียญ ท่านได้บูรณะวัดจน เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน เมื่อครั้งพระอธิการโตมรณภาพด้วยโรคชรา ท่านก็ได้รับการนิมนต์จากชาวบ้านให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบไป เมื่อเจ้าอาวาสวัดอมรญาติสมาคม หรือหลวงพ่อน้อย ได้มรณภาพ หลวงพ่อเฟื่อง ได้รับการนิมนต์ให้รักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้ด้วยอีกวัดหนึ่ง จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด พ.ศ.2455 ตรงกับวันที่ 28 มิถุนายน หลวงพ่อเฟื่องจึงได้ย้ายมา จำพรรษายังวัดอมรญาติสมาคม ด้วยความที่วัดกับบ้านเป็นที่พึ่งกันและกัน ท่านจึงได้พัฒนาทั้งวัดและบ้าน กล่าวคือ ไม่เพียงท่านจะพัฒนาก่อสร้างถาวรวัตถุแต่เพียงอย่างเดียว ด้านการศึกษานั้นหาได้ปล่อยทิ้งละเลยไม่ ขณะนั้นย่านนั้นหาได้มีสถานศึกษาของพระภิกษุสามเณรไม่ ท่านจึงได้จัดสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้น ในปี พ.ศ.2473 และได้จัดหาครูมาสอนให้อีกด้วย กระทั่งมีความเจริญยิ่งขึ้น มีพระภิกษุสามเณรมาศึกษาอย่างมากมาย พ.ศ.2477ท่านได้จัดสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ด้วยของเดิมคับแคบ พ.ศ.2483 ท่านได้ดำเนินการสร้างโรงเรียนประชาบาล ชื่อ โรงเรียนอมรวิทยาคาร ไม่เพียงพัฒนาวัดเท่านั้นที่หลวงพ่อเฟื่องได้ดำเนินการ หากยังได้ก่อสร้างถนนหลวงและสะพานข้ามคลองมอญ ย้ายโรงเรียนปริยัติธรรมมายังด้านทิศตะวันตก ส่วนตำแหน่งหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ หลวงพ่อเฟื่อง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบล พ.ศ.2471 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2473 เป็นพระครูชั้นประทวน พ.ศ.2484 และ พ.ศ.2492 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่พระครูอดุลสารธรรม มรณภาพเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2500 สิริอายุ 80 ปี พรรษา 60 |