|
หัวข้อ: ณ อ่างขาง มี ‘ชิบุแค’ แด่...มหามิตรล้นใจ เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 15 เมษายน 2554 09:27:39 (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2010/10/07/afcjbhgajgkj7jdikfkei.jpg)
(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2010/10/07/dka7ib85bc6hic8ekchgd.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2010/10/07/f5j8djfbjbji5bk7d7adk.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2010/10/07/gacbfcgkbaaifkf7gdi8a.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2010/10/07/haehkbdhbccdhbahijcge.jpg) คมชัดลึก : “...ไปโรงเรียนกันเถอะ ทุกวันศุกร์เด็กๆ จะแต่งชุดประจำเผ่ามาเรียนหนังสือกัน สีสันคงสดใสน่าดู...” สายวันนั้น บนดอยอ่างขาง เราตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าไปตามทางสู่โรงเรียนบ้านขอบด้ง ชุมชนชาวไทยภูเขาเผ่าล่าหู่ หรือที่คนเมืองชอบเรียก “มูเซอ” แต่...ผิดคาด โรงเรียนเงียบกริบ ห้องเรียนมีแต่ความว่างเปล่า มีเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งเล่นอยู่หน้าโรงเรียน พวกผู้ชายตั้งวงเตะบอลพลาสติกกันเมามันเหมือนยังไม่สร่างไข้บอลโลก ขณะที่เด็กหญิงนั่งล้อมวงเล่นหมากเก็บกันเงียบๆ ในศาลา “...ครูไปส่งครู...” เด็กชายร้องตอบ ทำเรางงอยู่พักหนึ่ง อ๋อ มีครูคนหนึ่งเกษียณอายุราชการ ครูทั้งโรงเรียนรวม 10 คน เลยพากันไปส่งครูเกษียณกลับเข้าเมือง เด็กๆ ก็เลยได้หยุดเรียนมาวิ่งเล่นตามอำเภอใจ เราคว้ากล้องมาถ่ายภาพเด็กๆ แม้พวกเขาจะไม่แต่งชุดประจำเผ่า พอเห็นเราสะพายกลองเท่านั้น เด็กๆ ก็นึกได้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว ต่างพากันคว้าของที่ระลึกมาเสนอขายกันจ้าละหวั่น นั่นคือ “ชิบุแค” หรือกำไลทำจากก้านช่อดอกต้นหญ้า เรียกว่า ”หญ้าชิ” ชาวล่าหู่นิยมนำมาถักเป็นกำไลข้อมือหลากลวดลายและสีสัน เป็นสินค้าโอท็อปตลอดกาลของบ้านขอบด้ง เพราะเกือบ 20 ปีก่อนที่ผมสัญจรมาเยือนอ่างขางเป็นครั้งแรกในชีวิต ก็เห็นชิบุแคแล้ว แต่ที่เพิ่งเห็นครั้งนี้ คือเด็กๆ มีความสามารถในการถักชิบุแคกันเก่งมาก ชนิดที่เดินผ่านหญ้าชิเมื่อไร ก็ดึงก้านมันมาถักไป เดินไป คุยไป สบายเหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือด เพราะสำหรับล่าหู่บ้านขอบด้ง กำไลต้นหญ้าที่คนเมืองอาจมองไม่เห็นค่านี้ คือเครื่องหมายแห่งมิตรภาพอันลึกซึ้ง ระหว่างพวกเขากับมหากัลยาณมิตรที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งทีเดียว พุทธศักราช 2512 งานพัฒนาชาวเขาตามแนวพระราชดำริเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางสงครามอินโดจีนคุกรุ่นอยู่รอบประเทศ และสงครามแย่งชิงประชาชนกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็กำลังเข้มข้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี นาถ เสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมายังดอยอ่างขาง โดยมี “จะหลู” ผู้นำชาวล่าหูบ้านขอบด้งพร้อมครอบครัวมาถวายการต้อนรับ ทำให้เกิดภาพประวัติศาสตร์จารึกไว้บนดอยแห่งไมตรีจิต นั่นคือภาพจะหลูและภรรยาถวายชิบุแคแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พร้อมทั้งผูกสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรีที่ข้อพระหัตถ์ “แม่ฟ้าหลวง” โดยทรงแย้มพระโอษฐ์และยื่นพระหัตถ์ให้อย่างไม่ถือพระองค์ ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับยืนทอดพระเนตรอยู่ไม่ไกล เช่นดียวกับเด็กหญิงชาวล่าหู่ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นลูกจะหลู ก็กำลังยืนดูอย่างตั้งอกตั้งใจเช่นกัน สะท้อนพระจริยาวัตรอันงดงามของทั้งสองพระองค์ ที่ทรงตระหนักในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างเสมอภาค ทรงให้เกียรติทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เว้นแม้แต่ชาวเขา จึงทรงรับน้ำใจจากทุกคนอย่างเต็มพระราชหฤทัย แม้จะเป็นเพียงกำไลจากต้นหญ้าที่อาจมองดูไร้ค่า ทว่ากลับล้ำเลอค่าสำหรับพระองค์ ด้วยทรงตระหนักว่า “ชิบุแค” มิใช่แค่เครื่องประดับไว้สวมใส่เล่นๆ แต่สำหรับชาวล่าหู่ ชิบุแคใช้ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือน เสมือนการบายศรีสู่ขวัญของคนไทย-ลาว เชื่อกันว่าชิบุแคจะนำความเป็นสิริมงคลแด่ทั้งผู้ให้และผู้รับ ในตำนานของชาวล่าหู่ยังใช้ชิบุแคเป็นเครื่องรางของขลังยามเข้าป่าล่าสัตว์ หรือเดินทางไกลด้วย จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ผู้ไปเยือนสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ คราใด ก็จะได้เห็นชาวล่าหู่บ้านขอบด้ง ตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดง ไปจนถึงคุณย่าคุณยาย หารายได้ด้วยการขายชิบุแคเสมอมา ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า “ชิบุแค” คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของดอยอ่างขาง เพราะการเสด็จฯ ดอยสูงกว่า 1,400 เมตร ใกล้ตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ในครั้งนั้น นอกจากทำให้เกิดภาพประวัติศาสตร์การถวายชิบุแคแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้ว ยังนำมาซึ่งการก่อตั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวงตามแนวพระราชดำริ มีหน้าที่ทดลอง ค้นคว้า วิจัยพืชผลเมืองหนาวเพื่อนำไปให้ชาวเขาปลูกเป็นอาชีพแทนการปลูกฝิ่น จนถึงวันนี้นับเป็นปีที่ 41 แล้ว ชาวเขาที่อยู่ในโครงการ มีทั้งล่าหู่ (มูเซอ) เย้า ลีซอ จีนฮ่อ ไทใหญ่ และล่าสุดคือชาวปะหล่องที่อพยพหนีสงครามจากพม่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร โดยตั้งถิ่นฐานที่บ้านนอแล ไม่ไกลจากสถานีฯ เท่าใดนัก นับเป็นสีสันใหม่ในความหลากหลายทางชาติพันธุ์บนดอยอ่างขาง เพราะหญิงชาวปะหล่องนิยมสวมใส่ชุดประจำเผ่า โดยมีห่วงเงิน หรือห่วงหวายคล้องที่เอวเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ตามความเชื่อว่าบรรพชนของพวกเขาเป็นกินรีที่ลงมาเล่นน้ำ แล้วถูกนายพรานจับโดยใช้ห่วงคล้องเอวไว้ ใครไปเยือนดอยอ่างขางวันนี้ นอกจากตื่นตาตื่นใจกับสีสันไม้ดอกเมืองหนาวพราวตาแล้ว วิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมชนเผ่า แม้เพียงกำไลทำจากต้นหญ้า ก็เปี่ยมเสน่ห์ยากจะลืมเลือน เรื่อง- ภาพ... "ธีรภาพ โลหิตกุล" http://www.komchadluek.net/detail/20101009/75654/ (http://www.komchadluek.net/detail/20101009/75654/)ณอ่างขางมี‘ชิบุแค’แด่...มหามิตรล้นใจ.html หัวข้อ: Re: ณ อ่างขาง มี ‘ชิบุแค’ แด่...มหามิตรล้นใจ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 16 เมษายน 2554 10:32:34 โอย...
ขึ้นเหนือเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา เจอป้ายอ่างขาง ก็อยากแวะไปสักครั้ง แต่แหม... โปรแกรมเที่ยวมันเยอะซะเหลือเกิน ... ;D ;D ;D |