หัวข้อ: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 08 มีนาคม 2560 16:24:06 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/56472602321041__3614_3619_3632_3609_3621_3651.gif) . พระนลคำหลวง . เรื่องพระนลคำหลวงเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแปลจากฉบับภาษาอังกฤษของ เซอร์โมเนียร์ โมเนียร์-วิลเลียมส์ ซึ่งก็ได้แปลมาจากต้นฉบับภาษาสันสกฤตอีกทีหนึ่ง จึงได้ทรงมีพระราชนิพนธ์คำนำประกอบไว้ว่า คำแปลภาษาไทยนั้นอาจคลาดเคลื่อนไปบ้างเพราะแปลมาถึง ๒ ชั้น เฉพาะในส่วนนิทานวจนะซึ่งเป็นการนำเรื่อง เล่าให้ทราบว่าเหตุใดจึงเกิดการเล่าเรื่องพระนลขึ้น ได้ทรงอธิบายว่าเป็นเรื่องสังเขปที่ทรงผูกขึ้นเอง มิได้แปลมาจากภาษาสันสกฤต ฉะนั้นจึงไม่มีโศลกสันสกฤตกำกับอยู่เหมือนในตอนเรื่องพระนล ซึ่งทรงใช้วิธียกโศลกสันสกฤตมาตั้ง แล้วทรงแปลแต่งเป็นภาษาไทยเป็นตอนๆ ไป นอกจากนี้เรื่องพระนลตามฉบับสันสกฤตเดิมแบ่งเรื่องออกเป็น ๒๖ สรรค (คือตอน) ก็ทรงแบ่งเป็นสรรตามเดิม และได้เพิ่ม นมัสกฤติกถา คือ บทไหว้ครู อารัมภกถา คือ บทเกริ่นความ ไว้ในตอนต้นเรื่อง และเพิ่มอุตตรกถา คือ บทลงท้ายไว้ในตอนจบด้วย ในบทนมัสกฤติกถานั้น เป็นบทไหว้ครู เริ่มด้วยไหว้พระรัตนตรัย แล้วจึงไหว้พระคเณศ ซึ่งถือกันว่าเป็นเทพเจ้าผู้ประสิทธิ์ความสำเร็จ ขจัดอุปสรรค จากนั้นก็ไหว้พระกฤษณไทวปายน หรือเรียกว่า พระวยาส ผู้แต่งเรื่องพระนล ไหว้พระอาจารย์ (พระยาอิศรโสภณ-หม่อมราชวงศ์หนู อิศรางกูร) พระอุปัชฌาย์ (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) สมเด็จพระบรมราชชนนี (สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง) ตลอดจนบรรดาทวยเทพและบรรพบุรุษทุกพระองค์ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้ทรงสักการะเหล่านี้จงช่วยขจัดภัยพิบัติ ขอให้ราชอาณาจักรสยามตั้งอยู่มั่นคง และขอให้อาณาประชาราษฎรมีความสุขปราศจากทุกข์ทั้งปวง บทอารัมภกถา กล่าวถึงเจตนาในการที่ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องพระนลคำหลวงนี้ ว่าทรงมีพระราชประสงค์เพื่อให้กุลบุตรได้เห็นแบบอย่างในการแต่งคำประพันธ์ จะได้ช่วยจรรโลงการประพันธ์ให้ยั่งยืนสืบไป บทโคลงในอารัมภกถานี้ มักมีผู้ยกมาประกอบคำกล่าวในเรื่องเกี่ยวกับบทกวีอยู่เนื่องๆ เช่น
ในบทอุตตรกถานั้น ทรงกล่าวถึงทศพิธราชธรรม อันเป็นธรรมสำหรับพระมหากษัตริย์ ๑๐ ประการ และทรงกล่าวถึงธรรมสำหรับสตรีผู้ประเสริฐ ๕ ประการ จากนั้นจึงทรงแจ้งพระปรมาภิไธย วันเดือนปีที่ทรงพระราชนิพนธ์จนสำเร็จและลงท้ายด้วยบทพระคุณของพระรัตนตรัย ผู้อ่านเรื่องพระนล นอกจากจะได้รับรสแห่งกวีนิพนธ์อันประณีตและเรื่องราวอันสนุกสนานกอปรด้วยคติสอนใจและแบบอย่างในการดำเนินชีวิตแล้ว ยังจะได้รับประโยชน์อีกประการหนึ่งซึ่งมักจะพบเสมอในบทพระราชนิพนธ์ของพระองค์ นั่นคือ ภาคผนวก ซึ่งจะเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้นในแง่ต่างๆ เช่น ลักษณะคำประพันธ์และอภิธานศัพท์ ในเรื่องพระนลคำหลวงนี้ได้ทรงอธิบายลักษณะคำประพันธ์ไว้อย่างแจ่มแจ้งว่าประกอบด้วยโคลง กลอน กาพย์ และฉันท์ ซึ่งลักษณะการใช้คำประพันธ์หลายๆ ชนิดในเรื่องเดียวนี้ เรียกว่าคำหลวง ดังเช่นเรื่องคำหลวง อื่นๆ เป็นต้นว่ามหาชาติคำหลวง นันโทปนันทสูตรคำหลวง พระมาลัยคำหลวง ฯลฯ (แต่คำหลวงนั้นอาจใช้เรียกหนังสือที่เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระมหากษัตริย์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องประกอบด้วยคำประพันธ์ต่างๆ ชนิด) นอกจากนี้ได้ทรงลำดับชนิดของคำประพันธ์ที่ใช้ในเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียดครบทุกตอน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องการประพันธ์ ในตอนอภิธานศัพท์นั้น นอกจากจะทรงอธิบายความหมายและลักษณะในการใช้รูปศัพท์แล้ว ยังได้ทรงอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครบางตัวไว้อย่างชัดเจนอีกด้วย อันจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจข้อความที่เป็นปัญหาในบางตอนได้ เช่น เมื่อพระอรชุนประลองฝีมือธนูจนได้อภิเษกกับนางกฤษณาแล้ว พานางกลับไปถึงที่พักในป่า และแจ้งแก่นางกุนตีผู้เป็นชนนีว่า ได้ลาภมาอย่างหนึ่ง นางกุนตีเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิ่งของ จึงสั่งให้แบ่งกัน ทำให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะพระเวทกำหนดว่ามารดาสั่งอย่างไรบุตรต้องปฏิบัติตาม นางกฤษณาจึงต้องเป็นชายาของกษัตริย์ปาณฑพทั้งห้าร่วมกัน ดังนี้เป็นต้น ผู้อ่านจะได้รับความรู้เกี่ยวกับศัพท์สันสกฤตตลอดจนชื่อต่างๆ ที่มักปรากฏอยู่ในมหากาพย์หรือวรรณคดีสันสกฤตเรื่องต่างๆ จากภาคผนวกนี้อย่างมากมาย เรื่องพระนลคำหลวงนี้ จึงเหมาะที่ผู้สนใจในการประพันธ์ควรจะได้อ่าน หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการเพียงเรื่องราวอันสนุกสนานเพลิดเพลินใจกอปรด้วยรสแห่งบทกวีอันไพเราะก็สามารถจะหาได้จากเรื่องพระนลนี้เช่นกัน เรื่องพระนลเป็นนิทานแทรกอยู่ในมหาภารตะ ซึ่งรจนาโดยมุนีกฤษณไทวปายน มีชื่อเรื่องว่า นโลปาขยานัม ซึ่งเซอร์โมเนียร์ โมเนียร์ วิลเลียมส์ ได้แปลความจากต้นฉบับโศลกภาษาสันสกฤตเป็นภาษาอังกฤษ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้ฉบับภาษาอังกฤษนี้ พระราชนิพนธ์เป็นวรรณกรรมคำหลวง ประกอบด้วยคำประพันธ์หลายชนิด ได้แก่ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย ด้วยมีพระราชประสงค์จะให้เป็นแบบอย่างในการประพันธ์กวีนิพนธ์สำหรับกุลบุตร ดังปรากฏในโคลงพระราชนิพนธ์อารัมภกถา ดังนี้
เนื้อหาของพระนลคำหลวงเริ่มต้นด้วย “นมัสกฤติกถา” หรือบทไหว้ครู “อารัมภ-กถา” แสดงพระราชประสงค์ในการนิพนธ์ “นิทานวัจนะ” ว่าด้วยบ่อเกิดของเรื่องพระนล แล้วจึงดำเนินเรื่องพระนล ซึ่งมีเนื้อหา ๒๖ สรรค แยกเป็น ๒ ภาษา โดยด้านซ้ายของหนังสือเป็นโศลกภาษาสันสกฤต ส่วนด้านขวาของหนังสือเป็นบทพระราชนิพนธ์ร้อยกรองภาษาไทย จากนั้นเป็น “อุตตรกถา” กล่าวถึงทศพิธราชธรรม เบญจธรรมของสตรี ระบุวันเวลาที่ทรงพระราชนิพนธ์ บทบูชาพระรัตนตรัยและสรรเสริญพระพุทธคุณ ตอนท้ายเป็นภาคผนวกอธิบายถึงลักษณะคำประพันธ์และอภิธานศัพท์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มพระราชนิพนธ์เรื่องพระนลคำหลวงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๖ แล้วเสร็จเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ทรงตรวจแก้ไขและพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ พระนลคำหลวงเป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นหนังสือแต่งดีประเภทกวีนิพนธ์ กรมศิลปากรหวังว่าหนังสือเรื่องพระนลคำหลวง จะอำนวยประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์และผู้สนใจวรรณคดีไทยโดยทั่วกัน สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร พระราชนิพนธ์คำนำ ความประสงค์ของข้าพเจ้าในการที่แต่ง “พระนลคำหลวง” นี้มีอยู่อย่างไร ได้แสดงไว้ในอารัมภกถาแล้ว จึ่งไม่จำจะต้องกล่าวซ้ำในที่นี้อีก การแต่งข้าพเจ้ารู้สึกตนอยู่ว่า ตกอยู่ในที่ลำบากมากอยู่ เพราะข้าพเจ้าเองก็หาได้เรียนรู้ภาษาสันสกฤตไม่ จึ่งจำเปนต้องอาศรัยคำแปลเปนภาษาอังกฤษของ เซอร์โมเนียร์ โมเนียร์-วิลเลียมส์อีกชั้น ๑. การที่แปลเปน ๒ ต่อเช่นนี้ คำแปลภาษาไทยก็อาจที่จะคลาดเคลื่อนจากความเดิมในภาษาสันสกฤตบ้าง. จริงอยู่ข้าพเจ้าได้พยายามตรวจสอบคำบางคำที่สงสัยในคำแปลภาษาอังกฤษนั้น เทียบกับคำแปลในพจนานุกรมอีกชั้น ๑ ด้วย; แต่ถึงกระนั้นก็อาจที่จะยังมีที่คลาดเคลื่อนอยู่บ้าง จึ่งต้องขอให้ปราชญ์ให้อภัยด้วยเถิด อนึ่งในการเขียนภาษาสันสกฤตด้วยตัวอักษรไทยเปนของยากมาก เพราะฉนั้นถ้าพลั้งพลาดไปบ้าง ก็ต้องขออภัยอีกอย่าง ๑ ด้วย ในการเขียนภาษาสันสกฤตเปนตัวไทย สิ่งซึ่งลำบากมีอยู่อย่าง ๑ คือ วิสรรค ซึ่งในหนังสือเทวนาครีเขียนเปนจุด ๒ จุดซ้อนกันเช่นนี้ และอันที่จริงก็คือวิสัญชนี (ะ) ที่ใช้ในการเขียนหนังสือไทยเรานั้นเอง แต่ไทยเราได้ใช้วิสัญชนีเปนเครื่องหมายสำหรับสระ อะ เสียแน่นอนนานมาแล้ว และฝังอยู่ในความเข้าใจของไทยเราแล้ว ว่าเปนสระอะ, เพราะฉนั้นถ้าจะใช้วิสัญชนีในที่วิสรรคเมื่อเขียนภาษาสันสกฤต ข้าพเจ้ารู้สึกว่าคงจะไม่พ้นความฉงน เช่นถ้าจะเขียนว่า “ทุะข” เช่นนี้ ก็ดูออกจะแปลกตาเสียแล้ว; แต่ก็คงยังพอสถานประมาณ. แต่ถ้าเขียน “มหาต๎มนาะ” เช่นนี้ ผู้อ่านที่ไม่เคยได้รู้จักวิสรรคของสันสกฤตเลย คงจะฉงนจนมิรู้ที่จะอ่านว่ากระไรทีเดียวเปนแน่แท้ ในการเขียนภาษาสันสกฤตด้วยตัวอักษรโรมัน โมเนียร์-วิลเลียมส์และ นักปราชญ์ชาวยุโรปอื่น ๆ เขาใช้ตัว “h” เช่นนี้แทนวิสรรค. ที่เขาเลือกเอาตัว “h” ใช้แทนวิสรรคเช่นนี้ ก็เพราะตัว “h” เปนตัวอักษรซึ่งในบางคำก็ไม่ออกเสียงเลย; เช่นคำว่า “honour” ก็อ่านว่า “ออเนอร” (หรือเขียนให้ตรงตามตัวโรมันว่า “ห์ออเนอร์”), คำว่า “why” อ่านว่า “ไว,” คำว่า “john” อ่านว่า “ชอห์น,” เช่นนี้เปนต้น. ส่วนในภาษาไทยเรา ข้าพเจ้ามาคำนึงดูก็เห็นว่า ตัว “ห” ของเราในบางแห่งก็ไม่ได้ออกเสียงเลยเหมือนกัน, เช่นในเวลาที่ใช้เปนตัวนำพยัญชนะอื่นให้เสียงสูงขึ้น, กับในเวลาที่อยู่ข้างท้ายแห่งคำ เช่น “ดำริห,” “พ่าห,” “เล่ห,” และ “โล่ห” เปนต้น, ซึ่งเพื่อให้แน่ว่าไม่ออกสำเนียงจึ่งมักจะการันต์เสียด้วยเช่น “ดำริห์” ดังนี้เปนต้น. เมื่อคำนึงดูว่า การที่ปราชญ์ยุโรปเขาได้บัญญัติใช้ตัว “h” มีจุดหมายเปนของแทนวิสรรคก็ไม่มีมูลอันใด ยิ่งไปกว่าที่ได้กล่าวมาข้างบนนี้แล้วไซร้ ข้าพเจ้าจึ่งเห็นว่า ถ้าในการเขียนภาษาสันสกฤตด้วยอักษรไทยจะใช้ตัว “ห” การันต์บ้าง ก็ดูจะไม่เขวยิ่งไปกว่า “h” ของเขาเลย; เช่นคำว่า “ทุะข” เขียนเป็น “ทุห์ข” เช่นนี้ ดูก็พอไปได้ไม่ขัดนัก. แต่การที่แผลงเช่นนี้ จำจะต้องอธิบายไว้ให้ชัดเจน ข้าพเจ้าจึ่งได้อธิบายมายืดยาวเช่นนี้ และในการที่ใช้ “ห์” แทน วิสรรคดังนี้ ถ้าปราชญ์ผู้พิถีพิถันจะรู้สึกขัดตาอยู่บ้างก็ขออภัยเสียด้วยเถิด อนึ่งหนังสือ “พระนลคำหลวง” นี้ ข้าพเจ้าได้แต่งแล้วเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๗ แต่การตรวจฉบับพิมพ์และแก้ไขแต้มเติมบทกลอนต่าง ๆ กินเวลานาน และจะทำไปโดยรีบร้อนไม่ได้ หนังสือจึ่งพึ่งจะได้ออกจำหน่าย ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ นี้ ในที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอขอบใจพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา ๑ พระยาพจนสุนทร ๑ พระปริยัติธรรมธาดา ๑ ในการที่ได้ช่วยตรวจแก้หนังสือนี้อย่างละเอียดละออ และได้ช่วยต่อแต้มกาพย์กลอนให้สละสลวยขึ้นด้วยเปนหลายแห่ง นับว่าเปนกำลังแก่ข้าพเจ้าเปนอันมาก กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ เมื่อก่อนเวลาที่ประชวรหนัก ได้ทรงเอาพระไทยใส่ช่วยแนะนำข้าพเจ้าในการแต่งหนังสือนี้เปนอันมาก ข้าพเจ้าจึ่งเว้นเสียมิได้ที่จะรำลึกถึงพระคุณของพระองค์ท่าน ผู้ที่ข้าพเจ้ามีความเคารพนับถือเปนอาจารย์ของข้าพเจ้าพระองค์ ๑ และอดนึกไม่ได้ว่า ถ้าได้มีพระชนม์ยืนยาวต่อมาจนได้ทอดพระเนตรเห็นหนังสือนี้พิมพ์สำเร็จเปนเล่มขึ้นแล้ว จะเปนที่พอพระไทยหาน้อยไม่. (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/44654355694850__3623_3594_3636_.gif) (วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๙) นมัสกฤติกถา โอม์ นโม รัต๎นต๎รยัน์ส์ ศรณํ คัจ์ฉามิ
โอม์ นโม คเณศาย วิฆ๎เนศ๎วราย
นโม วยาสาย กฤษณไทวปายนาย
นโม อุปธ๎ยาย เม
นโม ชนเน เม
นโม วิศ๎เวเทเวโภ๎ย
สิท์ธัม์ อัส๎ตุ
หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 มีนาคม 2560 15:51:30 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/14644390096266__3614_3619_3632_3609_3621_.gif) อารัมภกถา จักขอไขดำนาน เปนนิทานวัจนะ เพื่อจะแจ้งแถลงความตามเหตุเรื่องพระนล อันปนอยู่ณที่ คัมภีร์มหาภารตะ คละอยู่ในวันะบรรพ นับเปนส่วนหนึ่งนั้น อันเปนนิพนธกถา แห่งมหามุนี นามเธอมีประกาศิต กฤษณะทวปายน ประพนธ์เปนคำฉันท์ อันเรียกนามว่าโศลก ประโยคคำสำนวน ล้วนเปนที่น่าฟัง ทั้งไพเราะเหมาะกลอน ศัพท์สุนทรจับใจในนั้นไซ้รไขขาน ว่าดำนานนลนี้ พระมุนีหนึ่งไซ้ร เล่าให้ปาณฑพนาถ ผู้นิราศไร้รัฐ ซัดเซอยู่กลางป่า เรื่องมีมามากมาย จะบรรยายมากมวล ก็มิควรที่นี้ ควรที่เพียงยกเอา มาเล่าสังเขปไว้ พอแต่เพียงจักได้ ทราบคดี ฯ
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 12 มีนาคม 2560 13:26:36 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/46579620449079__3607_3617_3618_3633_3609_3605.gif)
นโลปาข๎ยานัม์
หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 31 มีนาคม 2560 11:55:57 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/56472602321041__3614_3619_3632_3609_3621_3651.gif) สรรคที่ ๑ ๏ อาสีท์ ราชา ๏ ณปางก่อนกาลนานมา มีพระราชาธิบดี ๏ นโล นาม ๏ มีนามบัญญัติวิมล ว่าพระนลผู้สามารถ เปนราชบุตร์ท้าววีรเสน ภูเบนทรทรงพลกำลัง ทั้งมีพระคุณวิเศษชัด โฉมศรีสวัสดิ์อัศวโกวิท เปนอิศวรมหาราช ในมนุษยชาติบ่มีทัน ประหนึ่งจอมสวรรค์เทวะบดี เปนที่หนึ่งเหนือผู้ใด ๆ พระเดชจอมไผทไพโรจน์ ช่วงโชติเพียงพระอาทิตย์ จิตธมุ่งณพรหมาน เชี่ยวชาญในพระไตรเพท เปนมเหศรบุรุษรัตน์ ครองนิษัธภารา โปรดการสกาทอดดวดถนัด ธธำรงสัตยวาที เปนอธิบดีผู้บังคับ อักโขหิณีทัพกลั่นแกล้ว ฝูงนางแก้วผู้มีสง่า นิยมราชาเปนยอดชาย พระหฤทัยหมายเผื่อแผ่ เนาแน่สำรวมอินทรีย์ ภูมีรักษาพิภพ ธเจนจบทางธนูศาสตร์ เปนมนูนาถณสมัยนี้ ดีประเสริฐคุณสาร สิ้นแล ฯ ๏ ตไถวาสีท์ ๏ ณกาลเมื่อนั้นไซ้ร ในอาณาเขตวิทรรภนคร มีภูธรผู้ดำรงราชย์ ผู้นามประกาศประกาศิต ๏ ภีโม ภีม ปราก๎รมห์ ๏ บพิตร์มีปรมาภิไธย ภีมะเปนใหญ่ยอดกำแหงคุณสำแดงทุกสิ่งสรรพ์ แต่ทรงธรรม์ไร้บุตรา ปราถนาบุตร์เปนอย่างยิ่ง อันพระมิ่งโมลีราษฎร์ บ่มิได้ขาดบำบวง เส้นสรวงขอโอรสา ให้บังเกิดมาให้สมฤดี ๏ ตัม์อภ๎ยคัจ์ฉัท์ พ๎รห๎มร๎ษิร์ ๏ ครั้งหนึ่งพรหมฤษีผู้ฉลาด มาสู่พระราชวังงาม นามว่าทมนปรากฎ เปนดาบสพรตกล้า จึ่งพระราชาผู้ประสงค์บุตร์ เชี่ยวชาญสุดในธรรมพิธี ต้อนรับด้วยดีทุกประการ ภัตตาหารจัดแต่งพร้อม นอบน้อมให้โดยคารวะ พระทมนเธอก็ชอบใจ จึ่งให้พรแด่พระภูบดี และเทวีผู้เสนหา ให้มีรัตนกัญญายอดนงคราญ กับกุมารอีกสาม ล้วนงดงามพูลพระยศ นางปรากฏนามมี ทมยันตีมีขวัญ สามกุมารนั้นได้นามนิยม ว่าทมทานต์และทมน ทรงคุณล้นเลิศดี มีกำลังเรี่ยวแรง ยอดกำแหงแกล้วกล้า เจ้าหล้าแสนเปรมฤทัย เพราะได้บุตรทั้งหลาย นั้นแลฯ ๏ ทมยัน์ตี ตุ รูเปณ ๏ ฝ่ายนางทมยันตี มีโฉมเฉิดเลิศโสภา พร้อมสง่าบริบูรณยศ สำรวยสดสิริวิลาศ ในโลกธาตุทั่วไป ไม่มีเสมอเสาวภาคย์ นารีนาคเอวกลมกล่อม ย่อมปรากฎยศฤๅชา อันดวงสุดานั้นถับถึง ซึ่งชนมวัยอันแง่งาม ทาสีหลามลำดับร้อย ห้อมนางน้อยอยู่พร้อมหน้า อีกสขีคณาเฟี้ยมเฝ้า เนาแน่นอนันต์สุรางคณา ดุจนางฟ้าเฝ้าเทวี ผู้มหิษีท้าวเทวนาถ อันราชธิดาท้าวภีมะ งามแจ่มจะกลางบริพาร งามสคราญบังอร สรรพาภรณวิภูษิต ยามนางสถิตท่ามกลางเหล่า ดูนงเยาว์ยงรัศมี สว่างอินทรีย์ราวไฟฟ้า กระจ่างจ้าแจ่มเวหน รูปนฤมลพ้นพิภพ ทั่วแผ่นดินจบบ่เทียมทัน เลอสรรเสมอองค์พระศรี เทวีผู้ทรงลักษณวิเศษ แม้ในเขตเมืองฟ้า หาเทพธิดาไม่เทียมนาง แม้ในหมู่สุรางค์ยักษินี หาไหนมีบ่เท่าอนงค์ น่าพิศวงสวยสวาท ประหลาทบ่เคยยล ทั่วทั้งสากลแดนมนุษ สุดที่จะหาเทียบสุนทรี รูปวดีราวนิมิตร์ ใครเห็นจิตจอดจำนง เทวดาพะวง นิ่มนฤมล ๏ นลัศ๎จ นรศาร๎ทูโล ๏ ฝ่ายพระนลผู้ยอดยิ่ง ผู้เปนสมิงในฝูงกษัตริย์ งามถนัดบ่มีเสมอ เลิศเลอลํ้าในนรคาม แม้นกามเทพรูปวิไลย ผ่องใสราวเทพองค์นั้น ฝ่ายสาวสรรค์วรนารี ผู้แวดพระบุตรีภีมราช ต่างก็กล่าวประกาศเกียรติพระนล แด่นฤมลเปนนิรันดร์ ฝ่ายทรงธรรม์ผู้ครองนิษัธ ก็ได้ฟังถนัดข่าวระบือ ฦๅถึงทมยันตีทั้งสองศรีได้สดับเหตุ คุณวิเศษแห่งกันแลกัน ปางนั้นต่างก็ผูกสมัค ต่างก็คิดรักร่วมสมร ๏ เกาน์เตย ๏ ดูก่อนพระโกนไตย ๏ อัน๎โยน๎ยํ ป๎รติ สว๎ยวร๎ธต ห๎ฤจ์ฉยห์ ตั้งแต่นี้ไซ้รต่างก็ฝัน ใฝ่ถึงกันใคร่สมสอง ร่วมคฤหาสน์ทองเสนหา กันแล ฯ ๏ อศัก๎นุวัน์ นลห์ กามํ ๏ ฝ่ายพระราชานลกษัตร์ ธข้องขัดในหฤทัย เพราะอยากจะใคร่ได้ครอบครอง นิ่มนวลลอองผ่องจำรัส รักเข้ารึงรัดร้อนเร่า ผ่านเผ้าจึ่งไปวโนทยาน ที่ระโหฐานอันเตปุระ เพื่อผ่อนพระวรินทรีย์ ๏ ส ททร๎ศ ตโตหํสํ ๏ ภูบดีจึ่งแลเห็น หงส์ลงเล่นในสวนขวัญ ปีกหงส์นั้นกอบแกมทอง ดูผุดผ่องทั่วคณปักษิณ จึ่งองค์นรินทร์ปิ่นนิษัธ เสด็จรีบรัดแล่นไป ไล่ปักษีวิมลเนตร์ ทรงเดชจับไว้ได้หนึ่ง จึ่งนกนั้นพลันสยอง ร้องคล้ายเสียงมนุษเรา ทูลพระผ่านเผ้าจอมนิษัธ ด้วยสุนทรวัจน์แช่มช้อย ไพเราะถ้อยควรพิศวง ดังนี้ ฯ ๏ หัน์ตว๎โยส๎มิ น เต ราชัน์
กริษ์ยามิ ตว ป๎ริยัม์
ทมยัน์ตีสกาเศ ต๎วาง
กถยิษ๎ยามิ ในษธ
ยถา ต๎วทันยัม์ ปุรุษํ น สา มํส๎ยติ กร๎หิจิต์ ฯ
๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตโต หํสัม์ ๏ ฝ่ายทรงธรรม์นฤบดี ฟังวาทีหงส์ฉลาด ภูวนาถชอบหฤทัย ปล่อยให้ไปดังปราถนา หงส์ทูลลานฤบดินทร์ บินไปด้วยยินดี บมิรอรีมุ่งจู่ สู่วิทรรภสโมสร ๏ วิทร๎ภนครึคัต๎วา ๏ ครั้นถึงนครวิทรรภ์ อันเปนอุดมราชฐาน ๏ ทมยัน์ต๎ยาส๎ ตทาน์ติเก ๏ หงส์ประมาณเห็นถนัด นารีรัตน์ทมยันตี หงส์ก็ร่อนรี่ลงมา เฉภาะหน้านงคราญ ฝ่ายเยาวมาลย์มิ่งมิตร์ สถิตท่ามกลางกำนัลใน ทอดพระเนตร์ไปเห็นหงส์ พิศวงรูปสิริลักษณ์ ฝ่ายนักสนมกำนัล ต่างก็สรวลสรรพ์ยินดี เร็วรี่ไล่เหล่าวิหค หงส์ตระหนกก็แยกย้าย ขจายหนีไปในสวนขวัญ นางกำนัลต่างก็วิ่งตาม ส่วนหงส์งามผู้เปนพญา ซึ่งพระธิดาเธอหวังจับ กลับหน้ามาพาที แด่พระบุตรีภีมราช ด้วยพจนาทบ่อำพราง ฯ ทมยัน์ติ นโล นาม นิษเธษุ มหีปติห์
อัศ๎วิโนห์ สห๎ฤโศ รูเป น สมาส๎ ตัส๎ย มานุษาห์
ตัส๎ย ไว ยทิ ภาร๎ยา ต๎วัม์ ภเวถา วรวร๎ณินิ
สผลํ เต ภเวช์ ชัน๎ม รูปํ เจทํ สุมัธ๎ยเม
วยํ หิ เทวคัน์ธร๎วมานุโษรคราก๎ษสาน์
ท๎ฤษ๎ฏวัน์โต น จาส๎มาภิร์ ท๎ฤษ๎ฏปูร๎วัส๎ ตถาวิธห์
ต๎วํ จาปิ รัต๎นํ นารีณาง นเรษุ จ นโล วรห์
วิศิษ๎ฏายา วิศิษ๎เฏน สํคโม คุณวาน์ ภเวต์ ฯ
๏ เอวัม์ อุก์ตา ตุ หํเสน ฯ ครั้นหงส์กล่าวแล้วฉนี้ ทมยันตีได้ฟัง นางจึ่งตรัสสั่งหงส์ไซ้ร ให้ไปทูลพระนล กล่าวยุบลเช่นกัน หงส์ก็พลันรับวาจา แล้วลานางมิ่งวิทรรภ รับถ้อยนางสั่งสิ้น รีบโบกบินกลับคืนไป ในนิษัธสมบูรณ ทูลพระนลนฤนาถ ดังธิดาราชสั่งมา แล้วก็ทูลลาพระภูมิบาล คืนสถานที่รัง นั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) สรรคที่ ๒ ๏ ทมยัน์ตี ตุ ตัจ์ฉ๎รุต์วา ๏ ตั้งแต่กาลเมื่อนั้น นางทมยันตีวิลาศ ฟังพจนาทหงส์ทอง ช่างพลอดพร้องจับใจ ดวงหฤทัยบ่อยู่กับตน เวียนวนใคร่ใฝ่ฝัน ถึงทรงธรรม์นลราช ผู้เชื้อชาติอาชาไนย ใจนางเฝ้าจินดา ถวิลหาพระบ่มิวาย แก้มโฉมฉายก็ซีดสลด หมดเลือดเผือดเสียสี ทมยันตีบังอร หล่อนนั้นนั่งแต่คำนึง รำพึงพลางถอนฤทัย ด้วยฤทธิ์ใจสร้านรัก นงลักษณ์ตั้งแต่จ้อง มองประหนึ่งใคร่เห็นคู่ ดูท่าทีนารีรัตน์ เห็นถนัดเหมือนไข้หนัก ผิวพักตร์เคยนวลลออง ก็หม่นหมองซีดโทรม โฉมพระธิดาทรามวัย หฤทัยท่วมด้วยเจตนา ยามไสยาก็ทุกข์ถนัด ยามดำรัสก็ข้องเข็ญ ยามเสวยเล่นฤๅยามใด ความสนุกไซ้รบ่มี ทั้งราตรีทิวะกาล นงคราญนอนบ่มิหลับ ตั้งแต่ส่งศัพท์ครวญครํ่า ร่ำว่าโอ้โอ๋อกกู โฉมตรูสอื้นรำพรรณ ฝ่ายฝูงกำนัลบริพาร แห่งนงคราญลำนักเนตร์ สังเกตเห็นโฉมเฉลา ทรงสร้อยเศร้าพักตร์สลด เห็นปรากฎกิริยา ว่าพระธิดาไร้สราญ คณนงคราญรีบไปเฝ้า พระผ่านเผ้าจอมวิทรรภ ทูลเสร็จสรรพทุกสิ่งอัน ฝ่ายทรงธรรม์นฤบดี ภีมราชได้สดับ สรรพสิ้นซึ่งเหตุการณ์ ภูบาลนิ่งดำริห์ใน เหตุไฉนหนอธิดากู ดูกิริยาวิปลาศ คลาดเคลื่อนไปบ่มิเสบย ทรามเชยแปลกกว่าเก่า ครั้นผ่านเผ้ามหิบาล เพ่งนงคราญผู้สุดา ราชาจึ่งเข้าพระไทย อ้ออ๋อทรามวัยอายุรุ่น สุนทรลักษณ์เปล่งศรี ทมยันตีบังอร ควรสยมพรเลือกคู่ อยู่เปนที่ภิรมย์กัน ปางนั้นพระนฤปนาถ ก็ให้ป่าวประกาศโกลา เชิญกษัตราน้อยใหญ่ ให้มาแต่ทิศานุทิศ เชิญบพิตร์จอมเมือง ผู้กระเดื่องเดชะ มาประชุมสโมสร เพื่อสยมพรพระธิดา ฯ ๏ ศ๎รุต๎วา ตุ ปาร๎ถิวาห์ สร๎เว ๏ ครานั้นวีรกษัตริย์ ทราบถนัดกิติกำจร เรื่องสยมพรพิธี ทมยันตีนงเยาว์ ทวยลูกเจ้าทั้งนั้น พร้อมกันมาสู่บุรี ตามภีมะสุรราช ตรัสประศาสน์เชิญมา เสียงพสุธาเสทือนสท้าน ด้วยฝีเท้าสารแสะรถ อันรีบจรดสู่วิทรรภ อุโฆษศัพท์โกลา ราชาแต่ละองค์ ทรงมาลัยวราภรณ อ่าอลงกรณอวดกัน พลนี่นันท์แห่แหน ครั้นถึงแคว้นธานี ภีมะมหาพาหุวร ต้อนรับทุกๆ องค์ จำนงรับโดยดี สมประเพณีทั้งหมด สมพระยศทุกกษัตร์ บ่มิข้องขัดสักน้อย รับเรียบร้อยควรยศ สิ้นแล ฯ ๏ เอตัส๎มิน์เนว กาเล ตุ ๏ ปางเมื่อมีสมาคม แห่งเหล่าบรมขัตติยะ จึ่งองค์พระเทพมุนี ผู้มีปัญญาประเสริฐ เลิศด้วยฤทธิสามารถ เปนมหาตมะมหันต์ พะเอินผันผายกระทั่ง ยังเมืองแมนแดนอินทร์๏ นารทห์ ปร๎วตัศ๎ ไจว ๏ หนึ่งคือมุนินทร์นารท หนึ่งพระบรรพตพรตกล้า เปนมหาปราชญ์ทั้งสอง เกียรติก้องทั้งแดนไตร ยามเข้าไปสู่ปราสาท แห่งเทวราชจอมสวรรค์ ทั้งสองพลันรับบูชิต ด้วยเต็มจิตทุกประการ ๏ ตาวร๎จยิต๎วา มฆวา ๏ จึ่งมัฆวานเทวราช ก้มอภิวาทน์วันทา ปราไสยถามความร้ายดี แห่งมุนีเกียรติขจาย ว่าอยู่สบายเกษมสุข ฤๅทุกข์ภัยแผ้วพาล ในสถานถิ่นมนุษ อยู่ดีดุจเคยมา ฤๅว่าภัยพิบัติพาล ในสถานถิ่นใดมี บ้างฤๅ ฯ
๏ พระมุนีนารท เฉลยพจน์เทพไท้ อันมนุษยโลกไซ้ร สุขแม้นเคยมา ฯ
๏ มัฆวาอย่าฉงน ในแดนชนนั่นแล้ ทวยกษัตร์สุขแปล้ ไปล่ทั่วดินแดน ฯ ๏ นารทัส๎ย วจห์ ศรูต๎วา ปป๎รัจ์ฉ พลว๎ฤต๎รหา ฯ ๏ จอมแมนฟังพรตเจ้า จึ่งถามเพื่อทราบเค้า ใคร่รู้เหตการณ์ ฯ ๏ ธร๎มัช๎ญาห์ ป๎ฤถิวีปาลาส์ ๏ ปัถวีบาลทั้งผอง ผู้เดินคลองเที่ยงธรรม์ อันอาจศึกบ่มิย่อ ต่อสู้ศึกบ่มิหยอน แม้ยามศรแหลมคม ยิงระดมโปรยปรู ย่อมแลดูบ่พริบตา ตั้งหน้าสู้บ่ถอยหนี ต่างตนมีดินแดน แว่นแคว้นยงคงมั่น อย่างแดนสวรรค์โอฬาร์ เปนของข้านี้ไซ้ร เหตุไหนเล่าทวยขุน สุนทรวรขัตติยา จึ่งไม่มาชุมนุมเฝ้า ตูข้าเจ้าอย่างกี้ ขอมุนีแถลงให้ทราบความ สิ้นเทอญ ฯ
๏ ฟังคำถามศักรินทร์ พระมุนินทร์นารทเจ้า จึ่งแถลงแห่งเค้า ครบถ้วนทุกประการ ฯ ๏ ศ๎ฤณุ เม มฆวัน์ เยน ๑๖ ๏ ดูกรท่านท้าวมัฆวาน ฟังข้อไขขาน อันข้าแถลงด้วยดี ๏ อันทวยเจ้าจอมธรณี ไม่มาอัญชลี ดังเช่นที่เคยขึ้นมา ๏ เหตุด้วยองค์ราชธิดา วิทรรภราชา ผู้ทรงสิริเลอสรร ๏ นางนี้ขึ้นชื่อทมยัน ตีสุดสวาทอัน วิศรุตะทั่วภพตรี ๏ มีรูปศุภลักษณ์ราศี ในพื้นปฤถิวี บ่มีจะเทียบเปรียบปาน ๏ ดูกรศักระมหาศาล อันองค์นงคราญ จะทำซึ่งกิจสยมพร ๏ เพื่อให้เยาวลักษณ์บังอร เลือกคู่สมร สมัคเปนคู่ชีวี ๏ ราชะราชาธิบดี ต่างตนเกษมศรี ต่างรีบไปสู่กรุงวิทรรภ์ ๏ ทวยเจ้าลูกจอมเขตขัณฑ์ ตั้งจิตเหมือนกัน ประสงค์เปนคู่นงพงา ๏ ต่างตนต่างเตรียมกายา ต่างคิดเปนสวา มีผู้พิทักษ์นงคราญ ๏ นี้แลเปนข้อเหตุการณ์ ขอพระผู้ผลาญ อสุระจุ่งแจ้งคดี ฯ ๏ เอตัส๎มึ ๏ พอพระมุนีนารท เผยพจน์หมดถ้อยลง พะเอินองค์โลกปาลา มาพร้อมด้วยพระอัคนี ต่างมีอานุภาพถนัด จัดเปนอมโรดม ต่างมาประนมอภิวาทน์ ท้าวเทวราชจอมสวรรค์ ครั้นยืนนิ่งฟังวจี แห่งมุนีนารท ทราบเหตุหมดทุกประการ เรื่องเยาวมาลย์เลอสรร สามเทพพลันยินดี เปล่งวจีแจ่มจ้า ว่าข้านี้ก็จะไป ในที่สยมพรนาง ตรัสพลางท้าวเทวราช ผู้องอาจแขงขลัง ต่างสั่งเกณฑ์สุรคณา และสุรพาหนเสร็จ จึ่งรีบเสด็จสู่วิทรรภ์ อันเปนที่สมาคม ปวงบรมกษัตร์ไส้ร ปราถนาจักได้ สนิทเจ้าแจ่มจันทร์ นั่นแล ฯ ๏ นโลปิ ราชา เกาน์เตย ศ๎รุต๎วา ราช๎ญาง สมาคมัม์
๏ อถ เทวาห์ ปถิ นลํ ๏ ฝ่ายเทวาทั้งสี่ เห็นภูมีนลมหิศร์ สถิตยังพื้นภูวดล ดูวิมลกษัตร์ราช เห็นสิริวิลาศแง่งาม รูปดังกามเทวะ งามแจ่มจะเจนดี บมีที่ติได้ เทพไทยผู้โลกบาล ทัศนาการเพ่งพินิศ ดูบพิตร์เปล่งศรี ราวแสงระวีรุ่งเช้า เทวราชเจ้าตลึงดู นิ่งอยู่บ่มิติงกาย ดูโฉมฉายราชา รูปใครหาไม่มีทัน เทวัญต่างเพลินพิศ พินิศพลางให้หยุดขบวน ทั้งมวลอยู่ท่ามกลาง หว่างอากาศะมรรคา แล้วลงมาจากนภดล กล่าวยุบลแด่ไท้ ผู้ผ่านนิษัธให้ สดับถ้อยสุนทร ฯ ๏ โภ โภ ไนษธ ราเชน์ท๎ร นล สัต๎ยว๎รโต ภวาน์
๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 17 พฤษภาคม 2560 16:33:05 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/46579620449079__3607_3617_3618_3633_3609_3605.gif) สรรคที่ ๓ ๏ เตภ๎ยห์ ป๎รติช๎ญาย นลห์ ๏ พระนลประนมวันทา ทูลปฏิญญาจะรับใช้ กิจใด ๆ ท่านประสงค์ จักผจงจัดด้วยดี แล้วกฤตัญชลีนอบ ยอบกายอย่างเคารพ นบกราบสี่เทพไท้ หัดถ์ประสานเรียบไว้ จึ่งเอื้อนปฤจฉา ฯ
กึ จ ตัท์ โว มยา การ๎ยํ
กถยัธ๎วํ ยถาตถัม์ ฯ
๏ เอวัม์ อุก์เต ไนษเธน มฆวาน์ อัภ๎ยภาษต ๏ องคมัฆวานฟังปุจฉา แห่งราชานิษัธเจ้า จึ่งบรรหารเหตุเค้า เงื่อนถ้วนถ่องคดี ฯ
อหัม์ อิน์โท๎รยัม์ อัค๎นิศ๎จ ตไถวายัม์ อปาม์ปติห์
ศรีราน์ตกโร น๎ฤๅณาง ยโมยัม์ อปิ ปาร๎ถิว
ต๎วํ ไว สมาคตาน์ อัส๎มาน์ ทมยัน์ไต๎ย นิเวทย
ป๎ราป๎ตุม์ อิจ์ฉัน์ติ เทวาส๎ ต๎วาง ศัก๎โรค๎นิร์ วรุโณ ยมห์
เตษาม์ อัน๎ยตมํ เทวัม์ ปติเต๎ว วรยัส๎ว ห ฯ
๏ เอวัม์ อุก์ตห์ ศัก๎เรณ นลห์ ป๎ราญ์ชลิร์ อัพ๎รวีต์
เอการ๎ถสมุเปตัม์ มาง น เป๎รษยิตุมร๎หถ ส๎ต๎ริยัม์ อุต์สหเต ปุมาน์
กถํ ตุ ชาตสังกัล๎ปห์ ส๎ต๎ริยัม์ อุต์สหเต ปุมาน์
กริษ์ย อิติ ศํศรุต๎ย ปูร๎วัม์ อัส๎มาสุ ไนษธ
เอวัม์ อุก์ตห์ ส เทไวส์ ไตร์ ไนษธห์ ปุนร์ อัพ๎รวีต์
สุรัก์ษิตานิ เวศ๎มานิ ป๎รเวษ๎ฏุํ กถัม์ อุต์สเห
ป๎รเวก์ษ๎ยสีติ ตํ ศัก๎รห์ ปุนร์ เอวัภ๎ยภาษต
ส ชคาม ตเถต๎ยุก์ต๎วา ทมยัน์ต๎ยา นิเวศนัม์
๏ ททร๎ศ ตัต๎ร ไวทร๎ภี ๑๖๏ ฝ่ายว่าพระนลทรงธรรม์ พิศโฉมแจ่มจันทร์ ธิดาวิทรรภภูธร ๏ ซึ่งสถิตสถานสถาวร งามเลิศบังอร อยู่กลางระหว่างสขีคณา ๏ ดูราศีสว่างวามตา ดูดังดวงภา ณุมาศจรัสธาตรี ๏ พิศดูสอางค์เอี่ยมศรี วรวรรณินี วิสิฐสุลักษณ์นงคราญ ๏ งามทรงสิริสุกุมาร หัดถ์กรอ่อนปาน ประหนึ่งนิมิตร์แสร้งมา ๏ เอวกลมสมทั่วกายา ยิ่งพิศเพลินตา งามเนตร์ลำนักยวนใจ ๏ แม้แสงศศิธรผ่องใส แสงเห็นเย็นใจ ไม่เทียบเท่าแสงวรนุช ๏ แสงนางกระจ่างแจ่มสุด นวลลอองผ่องผุด พิไลยะลักษณราศี ๏ ยืนชมโฉมทมยันตี นิษัธบดี ฤทัยธร้อนรุมกาม ๏ ยิ่งพิศยิ่งคิดเห็นงาม ในโลกทั้งสาม บ่มีจะเทียบเปรียบปาน ๏ แต่คนึงถึงเทพบรรหาร พระนลภูบาล ธำรงซึ่งสัตย์ปฏิญญา ๏ แขงจิตข่มความเสนหา นิษัธราชา สถิตอยู่ด้วยดุษณี ฯ ๏ สัม์ภ๎ราน์ตาห์ ปรมางคนา ๏ ฝ่ายฝูงเยาวนารี ผู้มีรูปอันงามพร้อม ๏ ตตัส๎ย ตา ไนษธํ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ๏ ครั้นเห็นจอมนิษัธ แน่ถนัดอยู่ณท่ามกลาง ต่างนางก็ลุกยืน ตื่นดูองค์พระภูธร เห็นงามงอนหนักหนา น่าประหลาดแลลาน คณนงคราญยินดี พิศภูมีนลราช ต่างอภิวาทน์บูชิต ยิ่งพิศยิ่งเพลินใจ แต่นางในบ่มิหาญ ทูลภูบาลแต่สักคำ เนตร์ดูนำจิตนิยม ชมพลางนึกในใจ ๏ อโห รูปัม์ อโห กาน์ติร์ ๏ เออกระไรรูปอร่าม เออแสงงามน่ารัก เออทรงศักดิ์เรี่ยวแรง เชิงกำแหงแกล้วกล้า ใครหนอมาที่นี่ได้ ฤๅเทพไททรงศักดิ์ ฤๅเปนยักษ์แขงขัน ฤๅคนธรรพ์ผู้ฉลาด คณนาฏนงคราญ บ่มิหาญเจรจา ทักราชาสักคำเลย ต่างนิ่งเฉยดูได้ ราวเปนใบ้ทั่วกัน งันเพื่อความเปรมปรีย์ ทุกนารีวรางคนา ดูราชาจอดจ้อง ต่างจิตต่างคิดต้อง จิตล้วนพิศวง ท่านแล ฯ ๏ อไถนํ ส๎มยมานํ ตุ ส๎มิตปูร๎วาภิภาษิณี
ทมยัน์ตี นลํ วีรัม์ อภ๎ยภาษต วิส๎มิตา ฯ
๏ กัส๎ ต๎วํ สร๎วานวัท๎ยางค มม ห๎ฤจ์ฉยว๎รธน
ป๎ราป์โตส๎ยามรวัท์ วีร ช๎ญาตุม์ อิจ์ฉามิ เตนฆ
กถัม์ อาคมนํ เจห กถํ จาสิ น ลัก์ษิตห์
สุรัก์ษิตํ หิ เม เวศ๎ม ราชา ไจโวค๎รศาสนห์
๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ไวทร๎ภ๎ยา นลัส๎ ตาม์ ป๎รต๎ยุวาจ ห
เทวทูตัม์ อิหาคตัม์
เทวาส์ ต๎วาม์ ป๎ราป์ตุม์ อิจ์ฉัน์ติ ศัก๎โรค๎นิร์ วรุโณ ยมห์
เตษาม์ อัน๎ยตมํ เทวัม์ ปตึ วรย โศภเน
เตษาม์ เอว ป๎รภาเวน ป๎รวิษ๎โฏหัม์ อลัก์ษิตห์
ป๎รวิศัน์ตํ น มาง กัศ๎จิท์ อปัศ๎ยัน์ นาป๎ยวารยัต์
เอตทร๎ถัม์ อหัม์ ภัท๎เร เป๎รษิตห์ สุรสัต์ตไมห์
เอตัจ์ ฉรุต๎วา ศุเภ พุท์ธิม์ ป๎รกุรุษ๎ว ยเถจ์ฉสิ ฯ
๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๓ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) สรรคที่ ๔ ๏ สา นมัส๎ก๎ฤต๎ย เทเวภ๎ยห์ ป๎รหัส๎ย นลัม์ อัพ๎รวี ๑๑๏ โฉมยงนิ่มนงคราญ นมัสการสี่เทวินทร์ แล้วนบนลนรินทร์ ปิ่นนิษัธรัฐธำรง ๏ ยิ้มพลางทางกราบทูล นเรนทร์สูรสุรพงศ์ ยิ่งพิศพิศวง องคพระนลพลเดชา ๏ พระองค์ทรงดำรัส ถนัดแน่แก่วิญญา ข้าขอทูลราชา อย่าคิดว่าแสร้งขัดขวาง ๏ ข้าทูลตรง ๆ คำ บ่อึ้งอํ้าฤๅอำพราง ขอจอมขัตติยางค์ สังเกตดูเพื่อรู้ใจ ๏ ป๎รณยัส๎ว ยถาศ๎รัท์ธํ ๏ ตูข้า จิตจำนง เปนข้าองค์พระทรงไชย คงมั่นไม่หวั่นไหว บ่ป่วนปั่นฤๅหันหวล ๏ ตูข้าแลสมบัติ สารพัดสิ้นทั้งมวล ทุกสิ่งจริง ๆ ล้วน ถวายท้าวด้วยยินดี ๏ สิ่งสรรพอันข้าครอง ปองมอบไว้ในภูมี ขอเพียงภูบดี ทรงเมตตา อย่าเพิกเฉย ๏ จับใจได้ฟังหงส์ ชมโฉมยงยอดยวนเชย รักร้อนไม่ผ่อนเผย เลยรักกลุ้มรุมวิญญา ๏ ราชันสันนิบาต บิตุราชประศาสน์มา ข้าหวังและตั้งตา จะคอยดูแต่ภูมินทร์ ๏ แม้ไท้ไม่สมัค รบรสรักประจักษ์จินต์ เหมือนองค์พงศ์นรินทร์ สิ้นการุญสิ้นบุญตัว ๏ จักจงปลงชีวิต ยาพิษไฟบ่ได้กลัว ฤๅนํ้าดำมืดมัว ฤๅผูกศอพออาสัญ ฯ ๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตุ ไวทร๎ภ๎ยา นลัส๎ ตาม์ ป๎รต๎ยุวาจ ห ๏ ฟังคำมารศรี ผู้บุตรีท้าววิทรรภ์ พระนลกมลสัน ติเกษมเปรมปรีดา ๏ รู้แน่ว่านงลักษณ์ นั้นสมัคเสนหา พิศนางสำอางค์ตา คิดใคร่ชมภิรมย์ชิด ๏ แต่ว่าเทวาใช้ พูดตามใจนับว่าผิด จำพูดแก่มิ่งมิตร์ เหมือนเทวัญท่านสั่งมา ๏ ชะแง้แลดูเนตร์ แสนวิเศษสุวภา ยิ้มพลางทางเจรจา ว่าโฉมยงจงฟังฉัน ๏ ติษ๎ฐัต์สุ โลกปาลาสุ ๏ โลกบาลท่านประสงค์ อนงค์น้องผ่องผิวพรรณ จะขืนจะยืนยัน สรรมนุษสุดจะหวัง ๏ จะเปรียบบ่เทียบเท่า พระเปนเจ้าทรงกำลัง กำแหงแรงฤทธิ์ขลัง รังสรรค์สิ้นทั้งดินฟ้า ๏ ตัวพี่นี้ตํ่าต้อย ถ่อยกว่าฝุ่นที่บาทา ขอจงองค์วนิดา คิดถึงเทพเสพสรวงสรรค์ ๏ ชนใดทำให้ขัด พระอมรรตยะเทวัญ จักถึงซึ่งชีวัน ตรายาอย่าสงไสย ๏ แม้นางสำอางค์องค์ สงสารพี่ที่ถูกใจ พี่ขออรไทย จงจิตเลือกสุโรดม ๏ แม้เจ้าเปนชายา แห่งเทวาภิรมย์ชม จักแสนสุโขดม สำราญรื่นและหื่นหรรษ์ ๏ จักแต่งจิตราภรณ อีกบวรภูษิตสรรพ์ มาลัยวิไลยวรรณ์ ล้วนสง่าอ่าเอี่ยมกาย ๏ อันองค์อัคนี ห้อมปัถพีได้ดังหมาย รัศมีศรีพรรณราย อาจทำลายทุกสิ่งสรรค์ ๏ เปนใหญ่ในเทวา รับบูชาทุกคืนวัน หญิงใดจักไม่พลัน เลือกเทวัญเปนคู่ครอง ๏ อีกองค์ยมราช ชนขยาดทั่วทั้งผอง ทุกตนขนหัวพอง สยอง อิทธิ์มฤตยู ๏ ละบาปบำเพ็ญธรรม์ เกรงเทวัญผู้มองดู หญิงใดจักไม่รู้ คิดใฝ่เทพเสพหรรษา ๏ อีกองค์พระทรงธรรม เปนใหญ่ลํ้าตรีโลกา กำหราบปราบพาลา แทตย์ทานพจบแขงขัน ๏ คืออินทร์ปิ่นภพไตร เปนใหญ่กว่าปวงเทวัญ หญิงใดจักไม่สรร เทพเปนคู่อยู่สุขี ๏ อีกองค์พระวรุณ สุนทรารักษ์ธาตรี ชลาธิบดี ควรเปนที่เสน่หา ๏ ขอแม่จงเชื่อมิตร์ อย่าได้คิดจิตสงกา ตั้งจิตวนิดา เลือกเทวาเจ้าสรวงสรรค์ ฯ ๏ ไนษเธไนวัม์ อุก์ตา สา ทมยัน์ตี วโจพ๎รวีต์
สมาป๎ลุตาภ๎ยาม เนต๎ราภ๎ยาม์ โศกเชนาถ วาริณา
เทเวภ๎โยหํ นมัส๎ก๎ฤต๎ย สร๎เวภ๎ยห์ ป๎ฤถิวีปเต
ว๎ฤเณ ต๎วาม์ เอว ภร๎ตารํ สัต๎ยัม์ เอตัท์ พ๎รวีมิ เต ฯ
๏ ตาม์ อุวาจ ตโต ราชา เวปมานาง ก๎ฤตญ์ชลิม์
เทาเต๎ยนาคัต๎ย กัล๎ยาณิ กถํ ส๎วาร๎ถัม์ อิโหต์สเห
กถํ ห๎ยหัม์ ป๎รติศ๎รุต๎ย เทวตานาง วิเศษตห์
ปราร์เถ ยัต๎นัม์ อารัภ๎ย กถํ ส๎วาร๎ถัม์ อิโหต์สเห
เอษ ธร๎โม ยทิ ส๎วาร๎โถ มมาปิ ภวิตา ตตห์
เอวํ ส๎วาร๎ถํ กริษ๎ยามิ ตถาภัท๎เร วิธียตาม์ ฯ
๏ ตโต วาษ๎ปากุลาง วาจํ ทมยัน์ตี ศุจิส๎ มิตา
ป๎รต๎ยาหรัน์ตี ศนไกร์ นลํ ราชานัม์ อัพ๎รวีต์
อุปาโยยัม์ มยา ท๎ฤษ๎โฏ นิรปาโย นเรศ๎วร
เยน โทโษ น ภวิตา ตว ราชัน์ กถัญ์จน
ต๎วัม์ ไจว หิ นรเศ๎รษ๎ฐ เทวาศ๎เจน์ท๎รปุโรคมาห์
อายาน์ตุ สหิตาห์ สร๎เว มม ยัต๎ร ส๎วยํวรห์
ตโตหํ โลกปาลานาง สัน์นิเธา ต๎วาง นเรศ๎วร
วรยิษ๎เย นรว๎ยาฆ๎ร ไนวํ โทโษ ภวิษ๎ยติ ฯ
๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตุ ไวทร๎ภ๎ยา นโล ราชา วิศาม์ ปเต
อาชคาม ปุนัส๎ ตัต๎ร ยัต๎ร เทวาห์ สมาคตาห์
๏ ตัม์ อปัศ๎ยัน์ส๎ ตถายาน์ตํ โลกปาลา มเหศวราห์
ท๎ฤษ๎ฏวา ไจนํ ตโตป๎ฤจ์ฉัน์ ว๎ฤต์ตาน์ตํ สร๎วัม์ เอว ตัม์ ฯ
กัจ์จิท ท๎ฤษ๎ฎา ต๎วยา ราชัน์ ทมยัน์ตี ศุจิส๎มิตา
กิม์ อพ๎รวีจ์ จ นห์ สร๎วาน์ วท ภูมิปเตนฆ
๏ ภวัท์ภิร์ อหัม์ อาทิษ๎โฏ ๑๖๏ ตูข้ารับใช้เทวัญ ไปสู่นิเวศน์อัน สถิตแห่งทมยันตี ๏ เข้าไปถึงห้องมารศรี อันพนักงานมี อยู่นิตย์พิทักษ์รักษา ๏ แต่ยามเข้าห้องโสภา เร็วดังพริบตา บ่ทันผู้ใดรอบรู้ ๏ บัดเดียวก็ถึงโฉมตรู สุดาพระภู ธเรศร์ธำรงธรณิน ๏ ด้วยอานุภาพเทวินทร์ ได้พบยุพิน ประจักษ์จำเภาะเหมาะดี ๏ อีกสาวสุรางค์สขี เห็นข้าแล้วมี ซึ่งจิตปลาดเหลือตรา ๏ ข้ากล่าวแก่โฉมพนิดา ยกย่อง เทวา นุภาพมหิทธิฤทธี ๏ แต่เจ้าเยาวยอดนารี ผู้เลิศราศี สิริวิลาศเลอสรร ๏ งวยงงหลงใหลไปครัน ประหนึ่งนางฝัน บ่มีสติตริไตร ๏ นางว่าตูข้าถูกใจ แห่งนางทรามไวย และเลือกข้าเปนคู่ครอง ๏ อันองค์เทเวศร์ทั้งผอง หล่อนไม่ใฝ่ปอง จริง ๆ เช่นนี้สุโรดม ๏ ยงยืนทศนัขประนม แล้วมิ่งทรามชม จึ่งตอบเปนข้อไขขาน ๏ ขอเชิญองค์เทพมหาศาล ผู้โลกบาล ทั้งสี่เสด็จด้วยกัน ๏ พร้อมด้วยพระนลทรงธรรม์ เรืองเดชอนันต์ ผู้เปนสมิงมิ่งคน ๏ ห้าองค์จงมาบัดดล สู่ที่มณฑล พิธีพิเศษสยมพร ๏ บัดนั้นท่ามกลางสโมสร ต่อหน้าอมร ผู้ฤทธิ์กำแหงแรงถนัด ๏ ข้าจะเลือกจอมไนษัธ ให้แลเห็นชัด แก่ตาจุ่งทั่วธาตรี ๏ มหาพาหุบดี ก็คงไป่มี ซึ่งโทษะกรใด ๆ ๏ ดั่งนี้คือคำอรไทย ข้าจดจำไว้ทุกถ้อยทุกคำจำมา ๏ ขอจอมตรีทศเทวา จุ่งได้เมตตา และโปรดวินิจตามควร ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๔ ดังนี้ ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๔ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 13 มิถุนายน 2560 16:42:39 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ)
สรรคที่ ๕ ๏ อถ กาเล ศุเภ ป๎ราป์เต ๏ ครั้นคำณวนถึงกาล ศุภวารดฤถี ดีทั้งทางสูรย์จันทร์ เปนวันสรรพวิเศษ จึ่งภูธเรศร์ภีมราช ให้ป่าวประกาศทุกขอบขัณฑ์ อัญเชิญปวงมหิบาล มาในงานสยมพร ทราบสุนทรราชสาสน ปัถพีบาลทั้งน้อยใหญ่ หฤทัยต่างก็หรรษา เหตุว่าต่างผูกสมัค ต่างจงรักมารศรี ทมยันตีโฉมเฉลา ทวยลูกเจ้าทุกบ้านเมือง รู้เรื่องแล้วจึ่งรีบไป พร้อมอยู่ในพระโรงธาร อันตระการด้วยเสาล้อม พร้อมกนกสีสลับ รับคูหาเลิศสุวรรณ ลายล้วนสรรแต่ยอดงาม ยามนฤบาลทั้งหลาย เยื้องกรายเข้าสู่ที่ ล้วนแต่มีรูปสง่า ดังมหาสิงห์ทรงกำลัง ต่างองค์นั่งลงเหนืออาสน์ อันเขาได้ลาดเรียบร้อย คอยท่าทวยลูกเจ้า ผู้ผ่านเผ้าปัถพีทรง แต่ละองค์ทรงเครื่องบวร มาลยาภรณเพริศพรรณ กอบสุวรรณราชาวดี และมณีกุณฑลสล้าง ต่างกุมสรรพสาตรา อาวุธรุทร์คำแหง สมผู้แรงยุทธลำพอง เช่นตะบองคู่มือ บ้างก็ถือพระแสงทอง อันผุดผ่องกุดั่นวาม มีด้ามรูปแลเห็น เบญจศีร์ษะอุรค ภูมินายกยศยง แต่ละองค์งามเกศา ยาวสง่ามุ่นเหมาะดี มีนาสาสรวยสมทรง งามขนงก่งเพียงธนู ดูพระพักตร์ก็ผุดผ่อง ทั้งผองงามถนัด ราวนักษัตร์ในอากาศ อันวรราชมาฬกไซ้ร เต็มไปด้วยราชทั้งหลาย คล้ายนครโภควดี ที่เต็มไปด้วยนาคฉนั้น แน่นนันท์ด้วยนรพยัคฆ์ ผู้ทรงศักดิ์เกรียงไกร ดั่งคูหาในคิรีหลวง เต็มด้วยปวงพยัคฆ์ห้าว ทุกกษัตร์ทุกท้าวจิตพ้องต้องกัน ทั่วแล ฯ ๏ ทมยัน์ตี ตโต รังคัม์ ๏ ครานั้นทมยันตี มีพักตร์อันศรีสุภา เข้ามายังพระโรงรัตน์ อันแออัดด้วยทวยพญา ปวงราชาณที่นั้น ครั้นเห็นนางประภาผ่อง ต่างก็จ้องนางจนลืมพริบ ทิพยรูปนางนั้นถูกมนัส ทวยกษัตร์ต่างก็เพ่งพิศ ต่างพินิศสุรโฉม พึงประโลมจอดใจ จะหาที่ใดไม่มีติ ปวงสิริราชา ต่างตั้งตาเพ่งพิศวง แต่ละองค์ตลึงแล ดูนวลแขบ่วางตา ๏ ภารต ๏ ดูกรภารตเจ้า จงกำหนดเค้าพจนาท ๏ ตตห์ สํกีร๎ต๎ยมาเนษุ ๏ เมื่อเขาประกาศเกียรติคุณ และสุนทรนาม กษัตร์ทั้งหลาย ๏ ททร๎ศ ไภมี ๏ จึ่งโฉมฉายลักษณา ผู้สุดาภีมกษัตร์ เห็นบุรุษรัตน์ห้าองค์ ทั้งรูปทรงเหมือนกัน สรรพภูษณาภรณ รัตนบวรงามลม้าย คล้ายคลึงกันเปนแบบเดียว นางเฉลียวฉงนดู มองเปนครู่เปรียบกัน สนเท่ห์ครันเหลือใจ ไวทรรภีบ่แน่ลง องค์ไหนนลนฤปราช แม้นางนาฏแลดู องค์ใดอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ใจก็แทบจะเชื่อมั่น ว่านั้นนลนฤบาล นงคราญนิ่งจินตัย ในหฤทัยก็ปั่นป่วน อนงค์นวลยืนดุษณี ตรองด้วยดีตริไตร ๏ กถํ หิ เทวาน์ ชานียาง ๏ ทำไฉนจะทราบถนัด รู้ชัดเทพฤทธิรงค์ น่าพะวงเหลือล้น ไหนหนอนลนฤบดี ๏ เอวํ สัญ์จิน์ตยัน์ตี สา ๏ ไวทรรภีบังอร เร่าร้อนรุมกลุ้มจิต ด้วยยิ่งคิดยิ่งยาก ดูยิ่งลำบากคับใจ นางไซ้รลองคำนึง ถึงเทวลิงค์ที่เคยฟัง ตั้งตามองดูลักษณ์ เผื่อจะประจักษ์แจ่มตา กัลยานึกในพระไทย เครื่องหมายใดผู้ใหญ่แถลง ไป่แจ้งเลยสักอัน ณเทวัญที่นี้ โอ้ใครจะช่วยชี้ ช่วยแก้สงไสย ได้นอ ฯ
๏ นิศัม๎ย ตัต์ ๏ ฝ่ายสี่ไท้เทวินทร์ ได้ยินคำวิงวอน ๏ ทมยัน์ต๎ยาส๎ กรุณัม์ ปริเทวิตัม์ ๏ อันบังอรทัมยันตี พร่ำพาทีน่ากรุณา เปนที่น่าพิศวง ความมั่นคงจงรัก แห่งเยาวลักษณ์นารี อันมีแด่นิษัธราช ทั้งมโนสอาดวิสุทธิ์ พุทธิฉลาดแหลมหลัก ภักดีรักแน่นอน ในภูธรนิษัธบดี ๏ ยโถก์ตํ จัก๎ริเร เทวาห์ ๏ ฟังมารศรีรูป วิเศษ เทเวศร์ฤทธิกำแหง จึ่งสำแดงเทวลิงค์ ให้สิ้นกริ่งใจอนงค์ ต่างองค์เทพมหิมา กายาบ่มิชุ่มชื้น เนตร์แน่วตื่นบมิพริบ ไป่กระหยิบอย่างคน อันสกลภูษณาภรณ บ่มิเปื้อนปอนแปกฝุ่น สุนทรเทพต่างสถิต บ่มิติดพื้นพระโรงธาร ฝ่ายภูบาลไนษัธ แลเห็นถนัดผิดเทวา มีฉายาเปนคู่องค์ ผ้าทรงแปกเปื้อนธุลี มาลัยมีเหี่ยวบ้าง อีกสรรพางค์เสโทท่วม รวมทั้งเนตร์ก็พริบอยู่ ชี้ให้รู้ได้ถนัด จึ่งสุดารัตนไภมี แลดูสี่เทวราช แล้วนางนาฏนฤมล พิศพระนลบุญโศลก เห็นสิทธิโชคชุมนุมเนา เยาวนารีจึ่งสรร พระทรงธรรม์ไนษัธ เปนบดีรัตนภรรดา สุรกัญญาผู้งามเนตร์ ไปยังทรงเดชเกียรติขจาย จับชายพระสพักตร์ทรง ปัดพ้นองค์พอไม่ขวาง นางชูพวงมาลี อันสอดสีสอาดตา สรวมอังศาพระนล โศภนขัตติยราช ดังนั้นประกาศปรากฎชัด นารีรัตน์เลือกพระนล เปนบดีตนเสนหา ประจักษ์ตาทั่วกัน ครานั้นได้ยินเสียง สำเนียงโอ้โอ๋ครวญ ในหมู่มวลลูกเจ้า ต่างก็โศกเศร้าเสียใจ แต่เทพไทสรรคบดี และพระฤษีทั้งผอง ต่างตนซร้องสาธุการ ด้วยสะมานจิตปลื้มปรีดิ์ ต่างยินดีสรรเสริญ เยินยกเกียรติพระนล ด้วยกระมลมนัสให้พร อยู่แล ฯ ๏ เการว๎ย ๏ ดูกรเผ่าโกรพ ๏ วีรเสนสุโต น๎ฤปห์ ๏ จึ่งพระทรงภพนฤเบนทร์ ลูกวีรเสนจอมกษัตริย์ ตรัสแก่ทมยันตี ผู้มีรูปอันชวนชม เอวกล่อมกลมองค์อรชร พระกล่าวสุนทรอ่อนหวาน แด่เยาวมาลย์ผู้พึงใจ ๏ ยัต์ ต๎วัม์ ภชสิ กัล๎ยาณิ ๏ ว่าอรไทยกัลยาณี เลือกพี่เปนภรรดา ต่อหน้ากษัตร์ทรงศักดิ เฉภาะพระพักตร์อมรเทเวศร์ ขอเยาวเรศร์จงทราบไว้ ว่าพี่ไซ้รเปนภรรดา ฟังวาจาเจ้าบ่จาง ดูรานางผู้ช่างสำรวล อนงค์นวลจงเชื่อพี่ ตราบใดมีลมปราณ ขอนงคราญอย่าสงกา จะเสนหาน้องผู้เดียว บ่มิเหลียวดูหญิงอื่น ของามชื่นจงเชื่อพี่ วาทีนี้เปนความสัตย์ ๏ ทมยัน์ตี ตถา วาค๎ภิร์๏ ครั้นธตรัสเช่นนั้น แด่ทมยันตีวิไลย นางปลื้มใจเปรมกมล เปนเหลือล้นเหลือจะชั่ง ทั้งสองต่างก็หรรษา ด้วยเสนหาเกษมสันต์ จึ่งชวนกันไปอัญชลี ก้มเกศีอภิวาทน์ แห่งเทวราชทรงศักดิ์ อัคนิเจ้าเปนประธาน นบนมัสการอ่อนค้อม น้อมมโนบูชา พระผู้เจ้าสรณา นั้นแล ฯ ๏ ว๎ฤเต ตุ ไนษเธ ไภม๎ยา ๑๖๏ ครั้นเห็นภีมราชสุดา เลือกพระราชา ผู้ครองนิษัธไพศาล ๏ จึ่งไทเทวราชโลกบาล ผู้ฤทธิ์ตระการ วิจิตร์วิโรจน์รังสี ๏ ต่างองค์เทเวศร์ต่างมี มนัสยินดี ด้วยนลแกล้วไกรสมร ๏ ต่างองค์อำนวยอวยพร สี่องค์อมร รวมแปดประการขานไข ๏ พระอินทร์ผู้ครอบครองไตร ตรึงษาธิปตัย ผู้ผัวศจีศรีสมาน ๏ ให้ท้าวนลราชมหิบาล สัมฤทธิในการ พลีและบวงสรวงสวรรค์ ๏ อีกหนึ่งยามองค์ทรงธรรม์ ดำเนินผ่านพลัน ให้ชนนิยมบารมี ๏ ฝ่ายท้าวเทวราช อัคนี ประสาทรังสี แด่ไท้ทุกเมื่อปราถนา ๏ อีกหนึ่งให้ทั่วโลกา ผ่องด้วยประภา ด้วยเดชพระเทพหุตาสิน ๏ ฝ่ายทัณฑธรเทวินทร์ ให้รสดังถวิล และธรรมสถิตนิตย์ยง ๏ พระวรุณเจ้านํ้าฤทธิรงค์ ให้ฝนอันองค์ กษัตร์จะเรียกได้ดาย ๏ อีกให้มาลีหลากหลาย สุวคนธ์ขจาย บ่มีเวลาราโรย ๏ ดังนี้สี่เทพกอบโกย พระพรต่างโอย ต่างอวยให้องค์ละสอง ๏ เสร็จประสาทพรสรวงปวงปอง เทวฤทธิ์เรืองรอง ก็กลับณตรีทิพสถาน ฯ
๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๕ ดังนี้ ฯ หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 มิถุนายน 2560 17:04:25 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ) สรรคที่ ๖ ๏ ว๎ฤเต ตุ ไนษเธ ไภม๎ยา ๏ ครั้นเยาวมาลย์ไภมี เลือกนิษัธบดีแล้วไซ้ร จึ่งเทพไท้โลกบาล ผู้ตระการรุ่งรัศมี เสด็จจากธานีวิทรรภ์ พลันพบกลีเริงรอน และทวาบรเปนเพื่อนมา สี่เทวาก็หยุดปราไศรย จึ่งองค์ไท้เทวินทร์ ผู้ภินท์อสูรแรงร้าย ตรัสทักทายกลี ด้วยวจีอันสุนทร ๏ ท๎วาปเรณ สหาเยณ กเล พ๎รูหิ ก๎ว ยาส๎ยสิ ๏ ดูก่อนกลีเกียรติกระจาย พร้อมด้วยสหายทวาบร ท่านจะรีบร้อนไปหนไหน ขอจงแถลงแจ้งใจบ้างเถิด ครานี้ ๏ ตโตพ๎รวีต์ กลิห์ ศัก๎รํ ๏ ฝ่ายกลีฟังพจมาน จึ่งตอบบรรหารศักรราชา ๏ ทมยัน์ต๎ยา ส๎วยํวรํ ๏ ว่าข้านี้รีบเร่งจร สู่สยมพรทมยันตี นางนี้ข้าปราถนา เปนสวามีคู่ครองสราญ เยาวมาลย์นี้งามถนัด ดวงมนัสข้าจอดเสนหา ๏ ป๎รหัส๎เยน์โท๎ร ๏ อินทรราชาสำรวลพลาง ทางตอบถ้อยท้าวกลี ๏ นิว๎ฤต์ตห์ ส ส๎วยํวรห์ ๏ ว่าการพิธีสยมพรไซ้ร สัมฤทธิ์ใปแล้วนะท่าน เยาวมาลย์เลือกนลนเรนทร์ เปนบดีคู่เสนหา ต่อหน้าเราเทวราช และขัตติยชาติทั่วไป ๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตุ ศัก๎เรณ ๏ สดับถ้อยไท้ศักรินทร์ ผู้เปนปิ่นเทวบดี จึ่งกลีผู้นํ้าใจพาล ดาลความโกรธจนมืดหน้า ยกมือวันทาเทพทั้งหลาย อันขจรขจายฤทธิอำนาจ แล้วกล่าวประกาศคำแช่งด่า ด้วยวาจาอันทุรวาจ ๏ เทวานาม์ มานุษัม์ มัธ๎เย ยัต์ สา ปติม์ อวิน์ทต ๏ นางบังอาจเหิมกล้า ต่อหน้าเทพฤทธิรุทร์ เลือกเอามนุษถ่อยราศี เปนบดีฉนั้นไซ้ร ๏ ตัต๎ร ตัส๎ยา ภเวน์ น๎ยาย์ยัม์ ๏ โทษนางใหญ่หลวงหนัก หมิ่นศักดิ์เทพเทวัญ ๏ วิปุลํ ทัณ์ฑธารณัม์ ๏ ควรลงทัณฑ์แก่นาง ให้เปนตัวอย่างถึงขนาด นั่นแลฯ ๏ เอวัม์ อุก์เต ตุ กลินา ๒๘๏ ยามกลีโกรธา เผยพจนา พอสิ้นพจนาท ๏ ป๎รต๎ยูจุส๎ เต ทิเวากสห์ ๏ จึ่งเทพทั้งสี่ ผู้มีสุรชาติ ก็ตรัสประภาษ ตอบคำกลี ๏ อัส๎มาภิห์ สมนุช๎ญาเต ทมยัน์ต๎ยา นโล ว๎ฤตหํ ๏ ต่อหน้าเราไซ้ร ด้วยความเต็มใจ ยินยอมยินดี โฉมนางทรามชม ทมยันตี เลือกนลบดี เปนศรีภรรดา ๏ พระนลทรงธรรม ประเสริฐเลิศลํ้า กอปสรรพคุณา ใครเลยจะไม่ มีใจเสนหา ในองค์ราชา นฤบดี ๏ องค์ใดรอบรู้ เปนธรรมมัญญู อยู่คงเวที ทรงสุจริต ในกิจกรณีย์ ประกอบการดี เปนนิจนิรันดร์ ๏ องค์ใดวิเศษ รอบรู้พระเวท ทั้งสี่ขยัน อีกทั้งได้อ่าน ตำนานสำคัญ ชื่อภาควัตอัน เปนที่ปัญจมา ๏ องค์ใดย่อมหมั่น ตั้งกิจการยัญ ในราชเคหา บำบวงด้วยดี พลีเทวา มนัสศรัทธา ในเทพทรงธรรม์ ๏ องค์ใดย่อมเว้น จากเบียดเสียดเล่น เข่นฆ่าสัตว์สรรพ์ อีกสัจวาที มีอยู่ทุกวัน อีกถ้อยคำมั่น ยืนยันยวดยง ๏ อีกถือความสัตย์ มั่นคงสารพัต ทั้งทานจำนง ตะบะบำเพ็ญ เห็นศุจีทรง ข่มจิตเองลง ธำรงผ่องใส ๏ บุรุษพยัคฆ์ ทรงคุณประจักษ์ ดังนี้แน่ใจ เธอนั้นประเสริฐ เลิศลํ้าแดนไตร ปานเทพไท ผู้โลกบาล ๏ พระนลกษัตร์ ทรงรูปสมบัติ ศรีสวัสดิ์ศุภการ ผู้บังอาจแช่ง ให้แลงแหลกลาน จะไม่เปนการ แน่แล้วกลี ๏ ผู้ใดใจโหด ทั้งเขลาทั้งโฉด โกรธคนยอดดี ขอความแช่งด่า วาจาอัปรี ทุกข์โทษจุ่งมี แด่ผู้แช่งเอง ๏ อันว่าพระนล ทรงคุณบุญล้น คนย่อมยำเกรง แม้ใครแช่งชัก ตกหนักตนเอง เพราะนึกข่มเหง ชั่วแท้กลี ๏ ผู้แช่งจะตก ไปสู่นรก หมกกลางอัคคี ทนทุกข์เวทนา ทิวาราตรี ในขุมอันที่ ฦกลํ้าจำนอน ๏ สิ้นสุรวาที แด่ผีกลี และทวาบร จึ่งสี่เทเวศร์ วิเศษสุนทร เหิรเห็จเตร็จจร ยังทิพาลัย ฯ ๏ ตโต คเตษุ เทเวษุ ๑๖๏ ครั้นเห็นเทเวศร์มเหศร์ไกร ลิลาศยาตรไป จนพ้นระหว่างทางจร ๏ จึ่งท้าวกลีจิตร้อน กล่าวแก่ทวาบร ผู้มิตรสนิทร่วมใจ ๏ ว่าเราขัดแค้นฤทัย เหลืออดต่อไป เหลือหักให้เหือดแห้งหาย ๏ ดูราทวาบรเกียรติขจาย เรานี้มุ่งหมาย เข้าสิงในตัวพระนล ๏ จะเฝ้าแต่บันดาลดล จนเสียมณฑล ทั้งปวงสมบัติพัสถาน ๏ เฝ้ากวนจนทิ้งนงคราญ ไภมีเยาวมาลย์ ผู้ยอดสนิทเสนหา ๏ ตัวเจ้าจงเข้าสิงสกา เพื่อพลิกแพลงพา ให้เสียยับยิบฉิบหาย ๏ ดั่งนี้พาทีอธิบาย ทวาบรสหาย จงช่วยเราคิดสิทธิ์สรรพ์ ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๖ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) สรรคที่ ๗ ๏ เอวัม์ ส สมยํ ก๎ฤต๎วา ๏ ครานั้นจึ่งกลีร้าย และสหายผู้ชื่อทวาบร สองซ่อนสัญญากัน เปนสัมพันธมิตร์ร่วมฤทัย พร้อมใจกันไปยังนิเวศน์ เขตอันเตปุระระโหฐาน ที่พระผู้ผ่านกรุงนิษัธ อยู่เปนศรีสวัสดิ์หรรษา สองเทวาต่างมุ่งจิต เปนนิตย์มิได้ขาด หาโอกาศทุกคืนวัน เพื่อเหตุนั้นอยู่นิษัธนาน จนกาลล่วงลับไป ได้ถึงสิบสองพรรษา กลีจึ่งหาโอกาศ ตามที่ปราถนาได้ สาเหตุไซ้รคือจอมภพ ไถ่มูตร์จบสำเร็จไซ้ร ได้เสวยนํ้ามนต์ดื่ม แต่พะเอินลืมล้างบาท ยามลิลาศไปบวงสวรรค์ ณเมื่อนั้นแลจึ่งกลี เห็นได้ทีจึ่งเข้าสิงสถิต ในดวงจิตพระนล ทั้งดลจิตพระบุษกร ผู้โสทรอนุชา ให้หาพระบุษกรนั้น มาพลันกล่าวยุยง ๏ เอหิ ทีว๎ย นเลน ไว ๏ เธอจงชวนพระเชษฐา ทอดสกาพนันกัน ตัวเธอนั้นคงชำนะ พระนลแพ้ละอย่าสงไสย ตัวเราไซ้รจะคอยบันดาล ให้ท่านชนะเปนมั่นแม่น แม้เขตแคว้นกรุงนิษัธ และสมบัติพัสถาน นลนฤบาลจะวางประจำ แล้วแพ้ระยำยิบไป นั้นแล ฯ ๏ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตุ กลินา ๏ ได้ฟังกลีเธอเสริมส่ง ส่อยุยงเสี้ยมสอน ๏ ปุษ๎กโร นลัม์ อัภ๎ยยาต์ ๏ พระบุษกรจึ่งตรงเข้าไป เฝ้าจอมไผทนลบดี ฝ่ายกลีผีทุจริต เข้าสิงสถิตในลูกสกา คอยท่าบุษกรอยู่ ยามเข้าไปสู่พระภูธร แล้วพระบุษกรผู้สามารถ อาจต่อสู้ศัตรูกล้า ทูลพระราชานลบพิตร์ ผู้สถิตอยู่เฉภาะหน้า ว่าข้าแต่พระภูธร ผู้ภราดรเหนือเกศ เชิญทรงเดชทรงสกา กล่าววาจาชวนเปนหลายหน ฝ่ายพระจุมพลมิ่งมกุฎ ฟังอนุชท้าเช่นนั้น ทรงธรรม์ฟังบ่นิ่งอยู่ได้ เพราะพระไทยชอบทางสกา ทั้งในเวลานั้นไซ้ร ไวทรรภีนางก็ฟังอยู่ ภูธรฤๅจะยอมจำนน ภูวดลก็ทรงสกาพลัน ๏ ชียเต สม นลัส๎ ตทา ๏ ครานั้นนลนฤบดี มีแต่เสียบ่มิวาย เหตุด้วยผีร้ายกลี เข้าสิงที่ลูกบาต ๏ หิรัณ๎ยัส๎ย สุวร๎ณัส๎ย ยานยุค๎ยัส๎ย วาสสาม์ ๏ ภูวนาถเสียซึ่งหิรัญ อีกสุวรรณก็พลอยหมด อีกม้ารถยวดยานสิ้น ภูมินทร์เสียจนเครื่องทรง พระองค์ไซ้รคลั่งสกา ประหนึ่งว่าวิกลจริต ผู้มีจิตจงรัก จะทูลทักบ่มิหยุด สุดจะห้ามแหนได้ พระไนษัธธรณินทร์ ผู้ผลาญอรินแขงขลัง ดูดุจคลั่งเคลิ้มสัญญา เล่นสกาบ่มิหยุดหย่อน ได้เลย ฯ ๏ ภารต ๏ ดูกรภารตบดี ๏ ตตห์ เปารชนาห์ สร๎เว ๏ จึ่งชาวบุรีนิษัธนั้น ก็พร้อมกันมาวังราช ๏ มัน์ต๎ริภิห์ สห ๏ พร้อมด้วยอมาตย์มนตรีทั้งหลาย ต่างมุ่งหมายเฝ้าภูธร เพื่อทูลวอนงอนง้อ ขอให้พระบรรเทาลง ซึ่งความพะวงเหมือนโรคร้าย แลนา ๏ ตตห์ สูต ๏ จึ่งนายสูตราชไซ้ร เข้าไปแทบพระทวาร กราบกรานแล้วแถลงเหตุ ทูลนาเรศร์ทมยันตี ๏ เทวิ ๏ ข้าแต่เทวีเหนือเกล้า ๏ เอษ เปารชโน ท๎วาริ ติษ๎ฐติ การ๎ยวาน์ ๏ บัดนี้เล่าชาวภารา พากันมานับร้อย คอยอยู่ แทบทวารอัดแอ ๏ นิเวท๎ยตาง ไนษธาย ๏ เชิญพระแม่อยู่หัวเจ้า ไปเฝ้าทูลพระราชา ๏ สร๎วาห์ ป๎รก๎ฤตยห์ ส๎ถิตห์ ๏ ว่าบรรดาพศกนิกร มาสโมสรอยู่พร้อมกัน ทั้งนั้นต่างร้อนใจ ในการที่มีเหตุร้าย มากลํ้ากลายซึ่งพระองค์ ผู้ทรงธรรมลํ้าธรณี นั่นแล ฯ ๏ ตตห์ สา วาษ๎ปกลยา ๏ ครานั้นเทวีรูปวิไลย สอึกสอื้นไห้น่าสงสาร เยาวมาลย์ไปทูลพระราชา ทุกข์เวทนาปรากฎถนัด นารีรัตนไภมี ฤดีท่วมด้วยโศกาดูร จึ่งทูลองค์พระปิ่นนิษัธ ผู้เปนรัตนภรรดา ๏ ราชัน์ ๏ อ้าพระทูลกระหม่อมแก้ว ๏ เปารชโน ท๎วาริ ๏ อันประชาชนมาคอยอยู่แล้วที่พระทวารวัง พร้อมพรั่งพากันมาเพื่อวันทาแทบพระบาท ๏ มัน์ต๎ริภิห์ สหิตห์ สร๎ไว ๏ ทั้งอมาตย์มนตรีผู้มีปัญญาแหลมหลัก ๏ ราชภัก์ติปุรัส๎ก๎ฤตห์ ๏ เพราะซื่อตรงจงรักต่อฝ่าลอองธุลี ๏ ตํ ท๎รัษ๎ฏุม์ อร๎หสิ ๏ ขอภูมีจงโปรดเกล้าให้เข้ามา ด้วยเทอญ ๏ อิต๎เยวัม์ ปุนห์ ปุนร์ ภาษต ๏ นางพระยาพรํ่าซํ้าทูล แด่นเรนทร์สูรเปนหลายเทื้อ ๏ อาวิษ๎ฏห์ กลินา ๏ ฝ่ายพระเชื้อชาติกษัตรีย์ เหตุด้วยกลีเข้าสิงอยู่ไซ้ร ๏ ตาง ตถา รุจิราปางคึ ๏ ฟังอรไทยทรงศักดิ์ ผู้ลำนักเนตร์งามงอน ๏ วิลปัน์ตึ ตถา วิธาม์ ๏ จะทูลวิงวอนอ่อนหวาน น่าสงสารปานใดก็ดี ๏ ราชา นาภ๎ย ภาษต กิญ์จน ๏ ภูมีก็คงแต่นิ่งเฉย บ่มิได้เฉลยสุนทรวาท ๏ ตตัส๎ เต มัน์ต๎ริณห์ ส๎รเว ๏ ฝ่ายว่าอมาตย์ทวยลูกขุน สุนทรราชมนตรี ๏ เต ไจว ปุรวาสินห์ ๏ อีกทั้งชาวบุรีนิษัธ ซึ่งแออัดพากันมา ๏ ทุห์ขาร๎ต์ตา ๏ ต่างก็พากันเปล่งอุทาน ด้วยทุกข์ราญระทมใจ ๏ นายํม์ อัส๎ติ ๏ ว่าฉนี้ไซ้รผิดกว่าเคย โอ้กระไรเลยพระทูลเกล้า ๏ ว๎ฤๅฑิตา ชัค๎มุร์ อาลยาน์ ๏ ต่างก็เศร้าสลดใจ พากันกลับไปยังที่อยู่ ฯ ๏ ยุธิษ๎ฐิร ๏ ดูกรยุธิษเฐียร ๏ พหุน์ มาสาน์ ๏ เวลาเวียนไปเปนหลายมาส ๏ ตถา ตัท์ อภวัท์ ท๎ยูตัม์ ปุษ๎กรัส๎ย นลัส๎ย จ ๏ นลราชกับพระบุษกร บ่มิพักผ่อนการเล่นสกา ๏ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ ต๎วชียต ๏ ราชาบุญโศลกไซ้ร เสียเสมอไปทุกเวลา นั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๗ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) สรรคที่ ๘ ๏ ทมยัน์ตี ตโต ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ๏ ครานั้นนางทมยันตี เทวีเห็นแน่ถนัด อันจอมกษัตร์บุญโศลก ผู้ผดุงโลกนราธิบดี ท้าวเธอนั้นมีดวงจิต วิปริตวิกลไป หลงใหลราวเสียอารมณ์ ตระบมตระบึงเล่นสกา นางก็โศกาดูรพิลาป นางบ่มิทราบจะแก้ไฉน องค์อรไทยภีมสุดา ห่วงพระราชานั้นเปนยิ่งใหญ่ นางจินไตยด้วยกิจการ ทุกสถานอันควรแก่องค์ พระผู้ทรงปัถพี เปนที่พำนักแห่งประชากร บังอรตรึกนึกก็หวั่น ๆ ด้วยราชันท้าวเธอพะวง แต่นางก็คงจงใจ ให้ท้าวเธอโปรดเปนนิตย์ เมื่อเห็นบพิตร์นลรัตน์ เสียสมบัติพัสถาน นงคราญเหลือจะอดกลั้น เมื่อนั้นจึ่งมีวาจา แด่พฤหัตเสนาผู้ภักดี อันเปนนารีอยู่ใกล้ข้าง ทั้งเปนนางนมสนิท เข้าใจกิจสรรพการ นงคราญแน่ในความรัก ทั้งพูดมักเปนสุภาษิต มิ่งมิตร์จึงได้พาที ๏ ว๎ฤหัต์เสเน ๏ นี่แน่พฤหัตเสนา จงอย่าช้าไปประภาษ เรียกอมาตย์มาชุมนุมกัน อ้างทรงธรรม์นลให้หา ๏ อาจัก์ษ๎วยัท์ ธ๎ฤตํ ท๎รว๎ยัม์ ๏ แล้วกล่าววาจาแถลง แสดงราชทรัพย์สูญเท่าใด ๏ อวศิษ๎ฏํ จ ยัท์ วสุ ๏ อีกเท่าไรยังอยู่ดี คงมีเหลืออีกเท่านั้น ๆ ๏ ตตัส๎ เต มัน์ต๎ริณห์ สร๎เว ๏ อันทวยอมาตย์มนตรี ผู้มีจิตสวามิภักดิ์ จงรักแน่แด่นลราช ฟังพระประศาสน์ราชา ๏ อปิ โน ภาคเธยํ ส๎ยาท์ ๏ ต่างก็ว่าครานี้แล้ว เราจะไม่แคล้วความข้องขวาง พูดพลางต่างก็รีบเข้า ไปเฝ้าองค์พระนลบดี ๏ ท๎วิตียํ สมุปัส๎ถิตาห์ ๏ ครั้งนี้เปนคำรบสอง ซึ่งเขาทั้งผองผู้พศก แห่งนายกทรงธรรม์ พร้อมกันเข้ามาวันทา ๏ น๎ยเวทยัท์ ภีมสุตา ๏ จึ่งภีมสุดาเทวี ทูลพระภูบดีให้แจ้งเหตุ ๏ น จ ส ป๎รต๎ยนัน์ทต ๏ แต่ทรงเดชท้าวเธองวยงง จะฟังคำอนงค์นั้นก็หาไม่ ๏ วาก๎ยัม์ อป๎รตินัน์ทัน์ตัม์ ภร๎ตารัม์ อภิวีก์ษ๎ย สา ๏ ฝ่ายอรไทยอรรคชายา เห็นพระภรรดาบ่มิได้เฉลย บ่มิตรัสเลยแต่สักคำ ซํ้าบ่มิเอื้อเฟื้อไยดี ๏ ทมยัน์ตี ปุนร์ เวศ๎ม ว๎รีฑิตา ป๎รวิเวศ ห ๏ จึ่งทมยันตีโฉมฉาย เพื่อความอายแด่ชนนิกร บังอรรีบจรจรัล กลับคืนสู่ตำหนักจันทน์ นั้นแล ฯ ๏ นิศัม๎ย สตตํ จาก์ษาน์ ปุณ๎ยโศ๎ลกปรางมุขาน์ ๏ แต่เบื้องนั้นนางได้ทราบสาร เหตุการณ์เรื่องเล่นสกา ว่าพระราชาบุญโศลก ไร้โชคแพ้บ่มิเว้นวาย ๏ นลํ จ ห๎ฤตสร๎วัส๎วํ ๏ พระยอดชายนลกษัตร์ เสียสารพัตพัสดุดี ๆ ๏ ธาต๎รีม์ ปุนร์ อุวาจ ห ๏ เทวีร้อนอารมณ์ จึ่งตรัสแก่นางนมนั้นอีกครา ๏ ว๎ฤหัต์เสเน ปุนร์ คัจ์ฉ ๏ พฤหัตเสนาผู้ร่วมใจ แม่จงรับใช้ไปอีกหน ๏ วาร๎ษ๎เณยํ นลศาสนาต์ ๏ ออกนามพระนลจอมไผท เรียกวาร์ษไณยคนฉลาด ผู้เปนราชสารถี มาบัดนี้อย่าได้นาน ด้วยมีการกิจสำคัญ อันจะต้องใช้ไป่ควรช้า ๏ ว๎ฤหัต์เสนา ตุ ตัจ์ ฉ๎รุต๎วา ๏ พฤหัตเสนานางนม ได้สดับทมยันตี มีเสาวนีประภาษสั่ง บ่มิรอรั้งรีบออกไป ใช้ราชบุรุษผันผาย ไปตามนายวาร์ษไณย เข้าไปสู่ที่เฝ้า แห่งพระแม่อยู่หัวเจ้า ดังเสาวนี นั้นแล ฯ ๏ วาร๎ษ๎เณยัม์ ตุ ตโต ไภมี ๑๖๏ ครั้นเห็นวาร์ษไณยสารถี จึ่งรัตนนารี องค์ภีมราชสุดา ๏ ปราไศรยด้วยมธุวาจา จับใจนักหนา ไพเราะเสนาะนิ่มนวล ๏ รู้จักเทศะอันควร ทั้งกาลประมวล ประมาณช่างเหมาะเจาะจง ๏ ถึงกาละควรนวลอนงค์ กล่าวข้อความตรง จำนงให้กิจสัมฤทธิ์ดี ๏ ชานีเษต๎วํ ๏ ตรัสว่าดูราสารถี ตัวท่านรู้ดี อยู่แล้วเปนแน่แก่ใจ ๏ ยถา ราชา สัม๎ยัค์ว๎ฤต์ตห์ สทา ต๎วยิ ๏ ว่าองค์ราชายศไกร ไว้วางหฤทัย ในท่านผู้เปรื่องปรีชา ๏ วิษมัส๎ถัส๎ย ๏ บัดนี้ ย่อมเปนเวลา เดือดร้อนนักหนา ตูข้าก็พรั่นอันตราย ๏ ขอท่านจุ่งเปนสหาย เมื่อยามเคราะห์ร้าย จุ่งช่วยให้สมจินดา ๏ บัดนี้พระนฤปราชา ทรงเล่นสกา ก็แพ้แก่พระบุษกร ๏ ยิ่งแพ้ยิ่งพระภูธร ดูดังไฟฟอน ยิ่งอยากจะทรงร่ำไป ๏ อันว่าลูกบาตช่างกระไร ประหนึ่งมีใจ อันเจตจะแกล้งราชา ๏ ช่างพลิกช่างแพลงนานา ได้ดังจินดา แห่งบุษกรทุกที ๏ แต่ส่วนราชาธิบดี ลูกบาตอัปรี ทั้งกลอกทั้งกลับสับสน ๏ เหมือนมีชีวียินยล แกล้งทำพระนล ให้ป่นให้ยับย่อยไป ๏ สุห๎ฤต์ส๎วชนวาก๎ยานิ ยถาวัน์ น ศ๎ริโณติ จ ๏ แม้ผู้สนิทปานใด อันมีจิตใจ อันมุ่งจงรักภักดี พระองคบ่ฟังวาที พูดไปไยมี พระองค์บ่ฟังสักครา ๏ มมาปิ จ ตถา วาก๎ยํ ๏ แม้แต่ตัวเรานี้นา จักกล่าววาจา จะเตือนก็ปราศจากผล ๏ นาภินัน์ทติ โมหิตห์ ๏ พระบ่มิฟังสักหน จิตไท้มัวมล ด้วยโมหะมืดหนักหนา ๏ เราไม่ติโทษราชา ตามที่เปนมา จะเปนเพื่อเคราะห์แรงร้าย ๏ อันพระไนษัธฦๅสาย เธอเปนยอดชาย บ่เจตนาอาธรรม์ ๏ แม้ข้าตั้งจิตคิดขยัน ทูลเตือนราชัน ก็เปล่าประโยชน์โหดผล ๏ พระบ่มิฟังสักหน จิตไท้มัวมล ด้วยโมหะมืดหนักหนา ๏ สารเถ ๏ ดูราสารถีมีปัญญา ขอพึ่งสักครา พอคลายวิตกอกกรม ๏ ขอท่านอันเรานิยม จงช่วยให้สม ดังจิตที่คิดจินไตย ๏ ข้านี้หนักจิตเหลือใจ กลุ้มหฤทัย เพราะเกรงอุปัทว์ยายี ๏ เราเกรงหากพระสวามี คลุ้มคลั่งดังนี้ บางทีจะเกิดภัยพาล ๏ นลัส๎ย ทยิตาน์ อัศ๎วาน์ ๏ จงผูกมิ่งม้าอาชาชาญ ซึ่งนลภูบาล เธอโปรดเปนคู่หฤทัย ๏ คือสองมิ่งม้ามโนมัย อันรวดเร็วไว ประหนึ่งมโนชาญเชาวน์ ๏ อิทัม์ อาโรป๎ย มิถุนัม์ กุณ์ฑินํ ยาตุม์ อร๎หสิ ๏ จงรับลูกน้อยแห่งเรา ทั้งสองผู้เยา วลักษณ์วิไลยยศยง ๏ ขึ้นสู่พระราชรถทรง แล้วจุ่งพาตรง ไปส่งนครกุณฑิน ๏ อันที่สถิตภูมินทร์ ภีมะผู้ปิ่น วิทรรภราษฎร์ไพศาล ๏ ถึงแล้วจุ่งส่งสองกุมาร แด่พระภูบาล ผู้ผ่านวิทรรภสโมสร ๏ อีกทั้งราชรถงามงอน กับสองอัศดร จงฝากณที่เดียวกัน ๏ ส่วนตัวแห่งท่านเองนั้น จะอยู่เมืองขวัญ ก็แล้วแต่จิตจินไตย ๏ ฤๅชอบจะไปหนไหน ก็ตามแต่ใจ แห่งท่านจะมุ่งปราถนา ฯ ๏ ทมยัน์ต๎ยาส๎ ตุ ตัท์ วาก๎ยํ ๒๘๏ ฟังพระเสาวนี แห่งทมยันตี อรรคราชชายา จึ่งวาร์ษไณย ไหว้ราชกานดา สารถีราชา ทูลลาออกไป ๏ สู่ที่ศาลา ลูกขุนสภา อมาตย์วุฒิวัย จึ่งเล่าแถลง แจ้งการณ์ขานไข ตามที่อรไทย ได้ตรัสสั่งมา ๏ จึ่งมุขมนตรี ฟังแล้วด้วยดี สามัคคีปฤกษา จึ่งอนุญาตดังประภาษมา ยินยอมให้พา สองกุมารไป ๏ นายสารถี บ่มิรอรี รีบผูกรถไชย เชิญพระบุตรา ธิดาทรามไวย รีบเร่งรถไป สู่เมืองวิทรรภ์ ๏ ครั้นถึงนิเวศน์ แห่งพระทรงเดช ผู้ครองเขตขัณฑ์ จึ่งส่งอัศดร สุนทรเลอสรร กับรถสุวรรณ บ่มิรอรา ๏ เข้าเฝ้าภูมินทร์ เชิญหน่อนรินทร์ อินทรเสนา กับอินทรเสน ราเชนทร์บุตรา ถวายราชา ผู้ปิ่นธรณี ๏ บังคมแทบบาท ท้าวภีมราช เคารพด้วยดี เศร้าโศกสลด รันทดทวี สงสารภูมี นลราชฦๅชา ๏ เสร็จกิจแล้วไซ้ร จึ่งวาร์ษไณย กราบบังคมลา จากกรุงกุณฑิน บุรินหรรษา สู่อโยธยา นครเกรียงไกร ๏ ทุกข์โทมนัศ โศกรึ้งรึงรัด หวังตัดอาไลย เฝ้าท้าวฤตุบรรณ อันเกียรติเกริกไกร สุรราไช ศวรรยาธิบดี ๏ ขอสนองพระเดช พระคุณธเรศร์ ด้วยจิตเปรมปรีดิ์ ท้าวฤตุบรรณ เธอพลันปราณี ให้เปนสารถี เปนที่พึงใจ นั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๘ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 มิถุนายน 2560 16:05:11 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ)
สรรคที่ ๙ ๏ ตตัส๎ ตุ ยาเต วาร๎ษ๎เณย ๏ เมื่อวาร์ษไณยสารถี ไปจากบุรีแล้วฉนั้น ๏ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ย ทิว๎ยตห์ ๏ ทรงธรรม์บุญโศลกราช ก็บ่มิได้ขาดการสกา ๏ ปุษ๎กเรณ ห๎ฤตัม์ ราช๎ยํ ๏ จนราชาแพ้พระบุษกร จนเสียนครเสียราชย์ ๏ ยัจ์จาน๎ยัท์ วสุ กิญ์จน ๏ ภูวนาถเสียสิน ทุกสิ่งสิ้นพัสดุสรรพ์ ๏ หฤตราช๎ยํ นลํ ราชัน์ ๏ นลราชันเสียสมบัติ สารพัตเพื่อแพ้สกา ๏ ป๎รหสัน์ ปุษ๎กโรพ๎รวีต์ ๏ จึ่งพระอนุชาบุษกร ยิ้มเย้ยก่อนแล้วจึ่งกล่าว ๏ ท๎ยูตัม์ ป๎รวร๎ตตาม์ ภูยห์ ๏ ว่าเชิญท้าวเธอทอดอีกเทื้อ เผื่อว่าโชคร้ายจะกลายเปนดี ๏ ป๎รติปาโณส๎ติ กัส๎ ตว ๏ ฤๅพระบ่มีทุนพนัน หมดกันแล้วฤๅไฉน ๏ ศิษ๎ฏา เต ทมยัน์เต๎ยกา ๏ อ้อเผลอไปยังมี ทมยันตีนารีรัตน์ ๏ สร๎วัม์ อัน๎ยัช์ ชิตัม์ มยา ๏ ส่ำสมบัติอื่น ๆ ไส้ร ข้าทอดได้สิ้นแล้วมา ๏ ทมยัน์ต๎ยาห์ ปนห์ สาธุ ๏ เชิญราชาทอดอีกที วางทมยันตีเปนทุน ๏ ว๎รตตาง ยทิ มัน๎ยเส ๏ ลองเสี่ยงบุญเสี่ยงเคราะห์ ผิวะเหมาะเผื่อบุญเชย พระฮา ฯ ๏ ปุษ๎กเรไณวัม์ อุก์ตัส๎ย ๏ ฟังคำเย้ยพระบุษกร ช่างแคะค่อนยอนโยก ๏ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส์ย มัน๎ยุนา ๏ บุญโศลกเธอก็คั่งแค้น แน่นฤดีแดยัน ๏ ว๎ยาทีร๎ยเตว ห๎ฤทยํ ๏ อันพระหฤทัยเธอรุมรึง ประหนึ่งว่าจะพังพินาศ ๏ น ไจนํ กิญ์จิท์ อัพ๎รวีต์ ๏ พระบ่มิประภาษไฉนเลย บ่มิได้เฉลยคำพระน้อง ๏ ตตห์ ปุษ๎กรัม์ อาโลก๎ย ๏ พระจ้องดูพระบุษกร ผู้ช่างค่อนช่างเสียดสี ๏ นลห์ ปรมมัน๎ยุมาน์ ๏ อันพระภูมีราชานล พระกมลท่วมโทมนัศา ๏ อุต์ส๎ฤช๎ย สร๎วคาเต๎รโภ๎ย ภูษณานิ มหายศห์ ๏ แล้วราชาเปลื้องภูษณาภรณ สรรพอลงกรณอลงกฎ ประดับพระยศฦๅสาย จากพระวรกายหมดพระองค์ ๏ เอกวาสาห๎ยสํวีตห์ ๏ คงแต่ผ้าอยู่ผืนหนึ่ง อันซึ่งเจียนจะมิปรกอินทรีย์ ๏ นิศ๎จก๎ราม ตโต ราชา ๏ ป่างนี้จึ่งพระราชา ค่อยลีลาจากพระนิเวศน์ ๏ ต๎ยัก์ต๎วา สุวิปุลาง ศ๎ริยัม์ ๏ โอ้แสนสมเพชจอมกษัตร์ เคยครองสมบัติวิบูลย์ดี ๏ ทมยัน์ต๎เยกวัส๎ต๎ราถ ๏ ฝ่ายทมยันตีนารีรัตน์ ทรงสพัตร์แต่ผืนเดียวเช่นกัน ๏ คัจ์ฉัน์ตัม์ ปฤษ๎ฐโตน๎วคาต์ ๏ พลันเสด็จออกไปจากวัง ตามหลังองค์พระภรรดา ๏ ส ตยา วาห๎ยตห์ สาร๎ท์ธํ ต๎ริราต๎รํ ไนษโธวสัต์ ๏ อันพระราชาไนษัธ กับนารีรัตน์คู่เคียง ออกนอกเวียงแล้วอาไศรย อยู่ได้สามราตรี ที่ประตูไชย นั้นแล ฯ ๏ ปุษ๎กรัส๎ ตุ มหาราช ๏ ป่างนั้นไส้รจึ่งเจ้านคร คือพระบุษกรมหาราช ๏ โฆษยามาส ไว ปุเร ๏ ท้าวเธอประศาสน์บ่มิช้า ให้โฆษนาทั่วทั้งเวียงใหญ่ ๏ นเล ยห์ สัม๎ยัค์ อาติษ๎เฐต์ ส คัจ์เฉท์ พัธ๎ยตาม์ มม ๏ ถ้าแม้ผู้ใดเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่แก่พระนล ให้เอาคนนั้นพิฆาฏ ฟันฟาดเสียให้ม้วยมรณ ๏ ยุธิษ๎ฐิร ๏ ดูกรยุธิษเฐียรเจ้า ๏ ปุษ๎กรัส๎ย ตุ วาก๎เยน ๏ ครานั้นเล่าชาวนคร ฟังพระบุษกรเธอประกาศ ๏ ตัส๎ย วิเท๎วษเณน จ ๏ ต่างก็ขยาดยำเยง เกรงพระราชอาชญา ๏ เปารา น ตัส๎ย สัต์การํ กฤตวัน์โต ๏ บ่มิกล้าสนองพระคุณ สุนทรราชผู้นายตน ต่างคนก็ครวญครํ่าร่ำรัก ๏ ต๎ริราต๎รัม์ อุษิโต ราชา ๏ ราชาพำนักเนาอยู่ ที่ริมประตูอีกสามราตรี ๏ ชลมาเต๎รณ วร๎ตยัน์ ๏ พระมีแต่นํ้าเย็น เปนเครื่องดื่มแก้ระหายโหย ๏ ปีฑ๎ยมานาห๎ ก๎ษุธา ตัต๎ร ผลมูลานิ กร๎ษยัน์ ๏ ระอาโรยด้วยหิวนัก บ่มิพักเลือกสิ่งเสวย โอ้บ่เคยจะตกระกำ จำกินมูลผลาหาร ๏ ป๎ราติษ๎ฐต ตโต ราชา ๏ น่าสงสารองค์พระราชา จำต้องคลาศคลาจากนคร ๏ ทมยัน์ตี ตัม์ อัน๎วคาต์ ๏ ฝ่ายบังอรทมยันตี ด้วยภักดีตามเสด็จไป ปางประเวศแนวไพร บัดนั้นแล ฯ ๏ ก๎ษุธยา ปีฑ๎ยมานัส๎ ตุ นโล พหุติเถหนิ ๏ ครั้นดำเนินไปได้หลายเวลา ตามมรรคากลางพน จึ่งพระนลธก็อิดโรย เพื่อหิวโหยนั้นเปนที่ยิ่ง ๏ อปัส๎ยัจ์ฉกุนาน์ กาญ์ศ๎จิต์ ๏ เออโชคดีจริงเห็นนกทอง อันผุดผ่องขจิตร์มาศ ๏ ธิรัณ๎ยสท๎ฤศัจ์ฉทาน์ ๏ ร่อนลงกลาดอยู่ริมผลู อันที่ภูธรจะดำเนินไป ๏ ส จิน์ตยามาส ตทานิษธาธิปติร์ พลี ๏ จึ่งท้าวไทนิษธาธิบดี ผู้มีพลกำลังสามารถ เห็นศกุนชาติเหล่านั้นสิ ธก็ดำริห์แต่ในพระไทย ๏ อัส๎ติ ภัก์โษ๎ย มมาท๎ยายํ วสุ เจทัม์ ภวิษ๎ยตี ๏ ว่าเออนกนี่ไซ้รเหมาะหนักหนา จักได้เปนภักษาแห่งกูชัด ทั้งเปนสมบัติอันพึงปราถนา แห่งกูและชายาณวันนี้ แลนา ๏ ตตัส๎ ตาน์ ปริธาเนน วาสสา ส สมาว๎ฤโณต์ ๏ คิดแล้วภูมีคลี่ผ้าทรง แวดวงโอบฝูงวิหค ตระหลบนกเหล่านั้นไว้ หวังได้ดังจินตนา ๏ ตัส๎ยตัท์ วัส๎ต๎รัม์ อาทาย สร๎เว ชัค๎มุร์ วิหายสา ๏ โอ้อนิจจาเปนคราวเคราะห์ เฉภาะเปนนกฝูงสำคัญ มันนั้นกลับพาภูษาทรง บินลอยตรงขึ้นไปยังอัมพร ๏ อุต์ปตัน์ตห์ ขคา ๏ แล้วมันก็ไปร่อนร่าอยู่ ๏ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ทิค๎วาสสัม์ ภูเมา ส๎ถิตํ ทีนัม์ อโธมุขัม์ ๏ แลดูองค์พระภูธร เห็นล่อนจ้อนผ้าบ่มีห่ม ยืนก้มหน้า อยู่แทบพื้นดิน สิ้นสง่าร่าเริงใจ ๏ วาก๎ยัม์ เอตัท์ อาหุส๎ ตโต นลัม์ ๏ นกนั้นไซ้รมันก็เย้ยหยัน จำนรรจาเปนสำเนียงคน แด่พระนลราชา ว่าฉนี้ ๏ วยัม์ อัก์ษาห์ สุทุร๎พุท์เธ ๏ ดูราท่านผู้โฉดเขลา เรานี้แลคือลูกสกา ๏ ตว วาโส ชิหีร๎ษวห์ ๏ เราลงมาโดยความประสงค์ มุ่งตรงความฉิบหายแห่งท่านแล ๏ อาคตำ น หิ นห์ ป๎รีติห์ สวาสสิ คเต ต๎วยิ ๏ แม้ท่านมีผ้าเหลือ เพื่อห่มแม้แต่ผืนหนึ่งไส้ร ความพอใจของเรายังพร่อง จึ่งต้องลวงเอาจนได้ผ้า พระฮา ๏ ตาน์สมีก์ษ๎ย คตาน์ อัก์ษาน์ ๏ ครานั้นพระนลราช เห็นลูกบาตมันบินไป ๏ อาต๎มานํ จ วิวาสสัม์ ๏ ทั้งพระองค์ไซ้รไร้ภูษิต ผ้าจะปรกปิดก็บ่มีฉนั้น ๏ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ ตทา ราชัน์ ๏ พระราชันบุญโศลก ธก็เศร้าโศกโทรมนัศา ๏ ทมยัน์ตีม์ อถาพ๎รวีต์ ๏ จึ่งเผยพจนาตรัสประภาษ แด่ทรามสวาททมยันตี ด้วยสุนทรวาที ดั่งนี้ ฯ ๏ เยษาม์ ป๎รโกปาท์ ไอศ๎วร๎ยาต์ ป๎รจ๎ยุโตหัม์ อนิน์ทิเต
๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๙ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ) สรรคที่ ๑๐
๏ ตาง สภาม์ อุปสัม์ป๎ราป๎ย ๏ ปางเมื่อองค์สองกษัตรา มาถึงซึ่งกระท่อมไซ้ร จึ่งภูวนัยนฤรัตน์ ผู้ปิ่นนิษัธนคร ชวนบังอรมหิษี ไวทรรภียอดเสนหา มาแม่มาเชิญแม่นั่ง ดินนี้แลเปนตั่งแห่งโฉมฉาย ผ้าจะปรกกายฤๅก็ขาด เครื่องปูลาดบ่มิได้มี อันอินทรีย์แห่งเธอทั้งสอง หม่นหมองด้วยโคลนและฝุ่น สุนทรราชนารี ทมยันตีเธอเมื่อยขบ ซบองค์ลงด้วยความอ่อน นางก็นอนหลับกับธรณี ทมยันตีนารีรัตน์ เหนื่อยถนัดนางจึ่งนิทรา โอ้อนิจจาน่าสงสาร นิ่มนงคราญสุกุมารชาติ ทั้งบ่เคยขาดการกุศล มาต้องทนทุกข์แสนสาหัส ๏ นโล ราชา ๏ ฝ่ายจอมกษัตร์นลบพิตร์ ยามมิ่งมิตร์เสนหา สนิทนิทราอยู่แล้วนั้น ราชันเธอบ่มินอน เหตุด้วยภูธรหวลคำนึง รำพึงด้วยพระทรวงโศก วิโยคยากจากบุเรศร์ จากนิเวศน์วังหลวง จากปวงชนผู้ชอบพระไทย มาเดินไพรทุเรศระอา ว้าเหว่จิตอ้างว้าง อยู่ในกลางป่าสงัด ๏ เปรก๎ษย จิน์ตาม์ อุเปยิวาน์ ๏ จอมนิษัธเปล่าหฤทัย จึ่งตรึกไตรวินิจอยู่ ดังนี้ ฯ
๏ ส วินิศ๎จิต๎ย พหุธา วิจาร๎ย ปุนห์ ปุนห์ ๏ พระราชานั่งวินิจ ในดวงจิตเปนนาน ย้อนวิจารย์อีกเล่า เฝ้าไตร่ตรองเปนหลายหน แน่ฮือ ๏ อุต์สร๎คัม์ มัน๎ยเต เศ๎รโย ทมยัน์ต๎ยา นราธิปห์ ๏ พระภูวดลงวยงง จึ่งตกลงเห็นผิด คิดจะทิ้งทมยันตี ดีกว่าคงอยู่ด้วยกัน แน่นอ ฯ ๏ น ไจศา เตชสา ศัก๎ยา ไกศ๎จิท์ ธร๎ษยิตุม์ ปถิ
๏ เอวํ ตัส๎ย ตทา พุท์ธิร์ ทมยัน์ต๎ยาง น๎วร๎ตต ๏ พระพลางคิดเช่นนี้ ด้วยฤดีเคลิบเคลิ้มหลง ถึงอนงค์ทมยันตี มหิษีผู้ทรามสวาท ๏ กลินา ทุษ๎ฏภาเวน ทมยัน์ต๎ยา วิสร๎ชเน ๏ ด้วยอำนาจท้าวกลี ผู้มีอานุภาพร้าย กลายบันดาลดลใจ ให้เธอจำนงทิ้งเมียขวัญ ๏ โสวัส๎ต๎รตาม์ อาต๎มนัศ๎จ ตัส๎ยัศ๎จาเป๎ยกวัส๎ต๎รตาม์ ๏ อันพระองค์เองไซ้ร ไร้ผ้าทรงปรกกาย ฝ่ายโฉมฉายมหิษี ฤๅก็มีผืนเดียวปิด ๏ จิน์ตยิต๎วาภ๎ยคาท์ ราชา วัส๎ต๎ราท์ธัส๎ยาวกร๎ตนัม์ ๏ คิดเช่นนั้นแล้วไส้ร จึ่งไปใกล้อนงค์น้อง ปองจะปันผ้าห่ม แห่งทรามชมผืนเดียวนั้น ๏ กถํ วาโส วิกร๎เตยํ น จ พุเธ๎ยต เม ป๎ริยา ๏ ราชันนึกในพระไทย ทำฉันใดจะปันผ้า โดยชายายอดรัก บ่มิต้องพักรู้สึกตน ๏ วิจิน์ไต๎ยวํ นโล ราชา สภาม์ ปร๎ยจรัต์ ตทา ๏ องค์พระนลท่านไท้ จินไตยพลางทางเดินด้อม ในทับกระท่อมดูที ผิวะจะมีเครื่องมือใช้ ๏ ปริธาวัน์ อถ นล อิตัศ๎เจตัศ๎จ ภารต ๏ ปางนั้นไซ้รนะภารต พระนลลดเลี้ยวมอง หาสิ่งปองปราถนา เพื่อตัดผ้าแห่งนฤมล ๏ อสสาท สโภท์เทโศ วิโกศํ ขัฑ๎คัม์ อุต์ตมัม์ ๏ เที่ยวค้นในทับนั้น มิช้าพลันพบดาบ อันคมปลาบเหล็กดี แต่จะมีฝักนั้นก็หามิได้ ๏ เตนาร๎ท์ธํ วาสสัศ๎ จิต์ต๎วา นิวัส๎ย จ ปรัน์ตปห์ ๏ ท้าวไทเธอเอาดาบนั้น ฟันผ้าห่มเปนสองท่อน ภูธรห่มภาคหนึ่ง ซึ่งพอปรกปิดพระกาย ๏ สุป์ตาม์ อุต์ส๎ฤช๎ย ไวทร๎ภีม์ ป๎ราท๎รวัท์ คตเจตนห์ ๏ เห็นโฉมฉายไวทรรภี หลับสนิทดีอยู่ไส้ร จึ่งท้าวไทผู้ใจหลง หนีจากองค์อรรคชายา ผู้เปนแก้วแววตา นั้นแล ฯ ๏ ตโต นิว๎ฤต์ตห๎ฤทยห์ ปุนร์ อาคัม๎ย ตาง สภาม์ ๏ ราชาแม้เคลิ้มจิต หวลคิดถึงนิ่มเนื้อ อยากใคร่เห็นอีกเทื้อ กลับเข้าในทับ นั่นนา
๏ เอวัม์ อุก์ต๎วา ป๎ริยาม์ ภาร๎ยาง รูเปณาป๎รติมาม์ ภุวิ ๏ จอมกษัตร์ตรัสเช่นนั้น แด่แจ่มจันทร์ผู้ภรรยา อันหารูปนางใด ไม่เทียมเท่าในแดนดิน ๏ กลินาปห๎ฤตัช๎ญาโน นลห์ปราติษ๎ฐัท์ อุท๎ยตห์ ๏ แต่ภูมินทร์นลราช กลีผีกาจเข้าดลใจ จนคลั่งไคล้เวียนวิง ธจึ่งทอดทิ้งชายา ฯ
๏ ท๎วิเธว ห๎ฤทยํ ตัส๎ย ทุห์ขิตัส๎ยาภวัต์ ตทา ๏ งวยงงเพื่อทุกข์ใหญ่ ปั่นป่วนไปบ่มิหยุดหย่อน อกภูธรราวกับแยก แตกเปนสองภาคแพร่ง ๏ โทเลว มุหุร์ อายาติ ยาติ ไจว สภาม์ ป๎รติ ๏ แกว่งไกวอยู่เช่นชิงช้า พาให้จรจากทับ แล้วหวลกลับคืนไป เปนได้หลายหนฉนี้ ฯ
๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๐ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 มิถุนายน 2560 16:07:59 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ)
สรรคที่ ๑๑ ๏ อปก์ราน์เต นเล ราชัน์ ทมยัน์ตี คตก๎ลมา ๒๘๏ ปางนั้นมิช้า พอนลราชา ประเวศไพรวัน นางทมยันตี นารีเลอสรร นอนหลับแล้วนั้น พอหนำสำราญ ๏ จึ่งนางเอวอ่อน พลิกฟื้นตื่นนอน ที่ในไพรสาณฑ์ นางอยู่เอกา กลางป่ากันดาร มิ่งเยาวมาลย์ ร้อนราญฤดี ๏ มองทั่วกระท่อม ไม่เห็นพระจอม กษัตร์สามี นางโศกสาหัส ทุกข์รัดฤดี เยาวยอดนารี โรทร้องเรียกหา ฯ ๏ หา นาถ หา มหาราช ๑๖๏ อ้าองค์นิษัธราชา นาถะภรรดา พระองค์เสด็จหนไหน ๏ มหาราชาทรงไชย พระอยู่หนใด พระองค์ผู้อยู่เหนือหัว ๏ อ้าทูลกระท่อมจอมผัว น้องนี้เหลือกลัว ไฉนพระทิ้งกลางดง ๏ โอ้โอ๋ครานี้เหลือพะวง ทิ้งไว้ให้หลง พระองค์มาทอดทิ้งไฉน ๏ อยู่เดียวอนาถหวาดใจ จะเหลียวพึ่งใคร ในป่าระหงดงดอน ๏ อ้าพระองค์เอกอดิศร ทรงธรรมสุนทร ธรรมะบ่มีละเลย ๏ อันสัจวาทีที่เคย เปนนิตย์ชูเชย จะเสียซึ่งสัตย์ฤๅไฉน ๏ คำมั่นสัญญาใด ๆ อันองค์ทรงไชย เธอได้ประทานนานมา ๏ แม้ทิ้งมิ่งมิตร์กนิษฐา ก็เสียสัตยา นุสัตย์ที่ตรัสพาที ๏ อ้าพระปิยราชสามี ทิ้งน้องหมองศรี เช่นนี้ฤๅได้ใจร้าย ๏ เมียฤๅมั่นคงจงหมาย ตราบเท่าวันตาย ไม่ทิ้งพระผู้ภรรดา ๏ ทั้งจิตและกายวาจา มิเคยสักครา จะคิดทำนองปองภัย ๏ ถึงแม้พระองค์ทรงไชย ต้องคับแค้นใจ มิใช่ว่าน้องปองทำ ๏ เสียแรงพระให้ถ้อยคำ มั่นคงยงยำ จะถอนซึ่งถ้อยเธอไฉน ๏ พูดแล้วคืนคำฉันใด เช่นนั้นภูวนัย ก็เสียซึ่งสัตย์ปฏิญญาณ ๏ ต่อหน้าเทวราชโลกบาล สถิตสถาน ท่ามกลางกษัตร์สมาคม ๏ ปางนั้นพระองค์บรมรัตนนโรดม สัญญาแก่ข้ามั่นไว้ ๏ อันชนในแดนโลกัย ถึงกาลเมื่อใด ไม่แคล้วอำนาจมฤตยู ๏ เหตุฉนี้ตูข้าย่อมรู้ ผัวทิ้งแล้วอยู่ เพียงครู่หนึ่งแล้วมรณา ๏ อ้าองค์ปิยราชภรรดา อย่าหลอนภรรยา ผู้สั่นระรัวกลัวภัย ๏ จะแสร้งแฝงองค์อยู่ใย ขอเชิญชื่นใจ เสด็จมาหาเถิดบดี ๏ อ้อข้าเห็นพระสวามี เธอแอบอินทรีย์ ฤๅนึกว่าน้องบ่มิเห็น ๏ เหตุไฉนภูธรซ่อนเร้น หลังพุ่มอันเปน ลับแลกําบังสายตา ๏ ตรัสเถิดตรัสเถิดราชา อย่าเย้าภรรยา จงตรัสให้วายหายกลัว ๏ อ้าพระราเชนทร์เหนือหัว ดูเถิดความกลัว จนน้องนี้สั่นขวัญหาย ๏ เหตุใดไม่มาดังหมาย ปลอบน้องเพื่อวาย วิตกวิโยคโศกศัลย์ ๏ ส่วนตัวแห่งข้าเองนั้น ไม่พักจาบัลย์ เพื่อความเปนห่วงบ่วงใย ๏ ถึงแม้มีเหตุใด ๆ แด่ตัวเองไซ้ร ไม่พักวิตกวกวน ๏ คิดแต่ถึงพระภูวดล อยู่เดียวกมล จะเปลี่ยวจะเปล่าเศร้าหมอง ๏ นึกถึงพระทูลหัวน้อง น้องจักใคร่ร้อง ใคร่โรทพะวงสงสาร ๏ โอ้ว่าพระนลภูบาล โอ้อกโอ้ป่าน ฉนี้จะยากบากไฉน ๏ หิวโหยโรยราระอาใจ อดซํ้าจำไป ในป่าในดอนอ่อนระอา ๏ โอ้พระจะเหลียวแลหา เผื่อเห็นชายา ผู้เคยเปนเพื่อนสุขพูล ๏ ไม่เห็นน้องใต้รุกขมูล โอ้พระนเรนทร์สูร จะครํ่าจะครวญหวลหา ฯ ๏ ตตห์ สา ติว๎รโศการ๎ตา ๒๘๏ ครวญพลางนางแก้ว หฤทัยท่วม แล้ว ด้วยโศกเหลือตรา ประหนึ่งไฟฟอน ร้อนรุมอุรา โอ้อนิจจา ทุกขาทวี ๏ นิ่มนฤมล วิ่งวกเวียนวน หาพระสามี โรทร่ำกำสรวล คร่ำครวญโศกี ทุกข์ท่วมฤดี อึงมี่ไปมา ๏ ผุดลุกขึ้นมอง ทั่วทั้งในห้อง ทั้งนอกชายคา ไม่แลเห็นองค์ ยศยงราชา ก็ซุดกายา โศการํ่าไร ๏ บ้างนั่งนิ่งข่ม บังคับอารมณ์ อมโศกแต่ใน บ้างร้องอูนโอด โรทร้องก้องไพร เรียกพระภูวนัย ร้องไห้อยู่พลาง ๏ ระบมอมโศก ทรวงแสนวิโยค โศกในอกนาง ทอดถอนฤทัย รํ่าไห้ครวญคราง โอ้อกอ้างว้าง อยู่กลางดงดอน ๏ โฉมนางไภมี ผู้มหิษี วิสุทธิสมร คิดถึงพระนล ที่ทนทุกข์ร้อน จึ่งองค์เอกอร เปล่งสุรวาที ฯ ๏ ยัส๎ยาภิษาปาท์ ทุห์ขร๎โต ทุห์ขํ วิน์ทติ ไนษธห์ ๑๖๏ ผู้ใดเปนผู้อัปรี แกล้งกล่าววจี ที่แช่งฉกาจฉกรรจ์ ๏ จนองค์พระนลทรงธรรม์ ต้อง เศร้าทรวงศัลย์ และทุกข์ลำบากยากใจ ๏ ตัส๎ย ภูตัส๎ย โน ทุห์ขาท์ ทุห์ขัม์ อัภ๎ยธิกัม์ ภเวต์ ๏ ขอจงผู้นั้นจัญไร รับทุกข์ฤทัย จงท่วมด้วยความทุกข์มทันต์ ๏ จงทุกข์ยิ่งยวดกวดขัน ทุกข์กว่าทรงธรรม์ ผู้ทุกข์ทุเรศเวทนา ๏ อปาปเจตสัม์ ปาโป ย เอวํ ก๎ฤตวาน์ นลัม์ ๏ อันผู้ประสงค์ชั่วช้า และเจตนา ดลจิตพระนลหม่นหมอง ๏ อันผู้ทุจริตคิดปอง ให้ร้ายก่ายกอง ขอร้ายกระทบกระทั่งตน ๏ ตัส๎มาท์ ทุห์ขตรัม์ ป๎ราช๎ย ชีวต๎วสุขขีวิกาม์ ๏ ผู้คิดระยำทำวน จงแพ้ภัยตน และผลจุ่งมากมวลมี ๏ ตลอดยามยังชีวี ขอสุขอย่ามี ทวีแต่ทุกข์นิรันดร ฯ ๏ เอวํ ตุ วิลปัน์ตี สา ราช๎โญ ภาร๎ยา มหาต๎มนห์ ๒๘๏ ครวญพลางกันยา มิ่งเมียราชา ผู้เอกองค์อร คำนึงถึงองค์ ผู้พงศ์อดิศร ทรวงเศร้าเร่าร้อน บ่หย่อนโหยหา ๏ จึ่งนิ่มนฤมล เที่ยวมองปองค้น ด้นหาภัสดา ที่ในไพรสูง อันฝูงผีป่า มักเที่ยวไปมา เริงร่าสราญ ๏ ภีมะสุดา ราวจักเปนบ้า เที่ยวหาภูบาล คันพลางโรทร้อง กู่ก้องไขขาน ที่ในไพรสาณฑ์ กังวาฬทั่วไป ๏ หา หา ราชัน์ ๑๖๏ โอ้ทูลกระท่อมแก้วไปไหน โอ้ภูวนัย ขอเชิญเสด็จคืนมา ๏ มุหุร์ อิตัศ๎เจตัศ๎จ ธาวติ ๒๘๏ เสียงนางโหยหวล โรทรํ่าคร่ำครวญ ในแนวพนา เสียงนางกู่ดัง กระทั่งภูผา เสียงก้องกลับมา โอ้ ๆ ไปไหน ๏ โอ้อนิจจา สงสารกานดา ครวญครํ่ารํ่าไร เสียงราวนกเหยี่ยว เที่ยวโศกาลัย รํ่าพลางทางไป ในป่าอารัญ นั้นแล ฯ ๏ สหสาภ๎ยาคตาม์ ไภมีม์ ๒๘๏ ปางเมื่อไภมี องค์อรรคนารี ประเวศไพรวัน พะเอินเดินไป ใกล้โพรงหนึ่งอัน นางมิสำคัญ ว่าอันตราย ๏ จึ่งงูตัวใหญ่ โผล่จากโพรงไพร กระหวัดโฉมฉาย งูนั้นกำยำ ลํ่าสันทั่วกาย ทั้งมีโรค ร้าย คืออดอาหาร ๏ ยามงูกระหวัด ไว้ได้ถนัด รัดแน่นเยาวมาลย์ ยามนึกถึงองค์ บ่พะวงสงสาร โศกถึงภูบาล พระผู้ภรรดา ๏ หา นาถ มาม์ อิห วเน ค๎รัส๎มานาม์ อนาถวัต์ ๑๖๏ อ้าองค์พระผู้นาถา ที่พึ่งภรรยา มาเริศมาร้างห่างไป ๏ ยามตูข้ามากลางไพร เพราะเหตุที่ไร้ ที่พึ่งจึ่งถึงอันตราย ๏ ยามงูกำแหงแรงร้าย รึงรัดตวัดกาย ไว้แน่นบ่มีทางหนี ๏ ไฉนเล่าผ่านเกล้าเกศี ผู้เปนสวามี มิช่วยให้เมียพ้นภัย ๏ โอ้จอมนิษัธทรงไชย แม้ว่าเมื่อใด พระองค์คนึงถึงน้อง ๏ ทรงฤทธิ์จิตคงเศร้าหมอง เสียจิตคิดข้อง คิดขัดอึดอัดหฤทัย ๏ เมื่อยามพ้นสาปแล้วไซ้ร พระองค์ทรงไชย จะสิ้นพระเคราะห์เจาะจง ๏ เมื่อนั้นจักได้คืนคง ทุกสิ่งดังประสงค์ ทั้งจิตทั้งทรัพย์มากมี ๏ แต่ว่าในกาลบัดนี้ โอ้ภูบดี ทั้งอดทั้งอยากยากกาย ๏ ยามอดอาหารปานตาย ฤๅยามระหาย ระหวยและร้อนอ่อนใจ ๏ โอ้สมิงมิ่งคนสุรไกร จะได้ผู้ใด เปนเพื่อนในพงดงดอน ๏ โอ้โอสงสารภูธร เมียมาม้วยมรณ จะเดินผู้เดียวเอกา ฯ ๏ ตตห์ กัศ๎จิน์ ม๎ฤคว๎ยาโธ ๒๘๏ ปางนั้นพรานไพร อันหากินได้ โดยไล่มฤคา ถึงกาลกำหนด ก็จรดเที่ยวหา พะเอินเดินมา ทางป่าภาคนี้ ๏ ยินเสียงแจ่มจันทร์ ครวญครํ่ารำพรรณ สำเนียงอึงมี่ พรานนึกฉงน รีบด้นจรลี ด่วนไปยังที่ นารีรัตนา ๏ ครั้นเห็นอนงค์ ผู้เอกอรองค์ นงลักษณ์งามตา ถูกอุรคไพร ตัวใหญ่มหิมา รัดไว้แน่นหนา เกรงว่าจะตาย ๏ ฝ่ายว่านายพราน ผู้เชี่ยวชำนาญ การฆ่าทั้งหลาย จึ่งโลดโดดไป แทงได้ดังหมาย ถูกปากงูร้าย งูตายด้วยพลัน ๏ ครั้นช่วยนฤมล ให้รอดได้พ้น จากงูใหญ่นั้น พรานหานํ้าใส มาให้ขมีขมัน เพื่อนางแจ่มจันทร์ ชำระองค์อร ๏ นายมฤคชีวัน จึ่งเที่ยวเลือกสรร ผลไม้ดงดอน มาถวายนารินทร์ พอกินแก้ร้อน แล้วกล่าวสุนทร ถามอรไทย ๏ กัส๎ย ต๎วัม์ ม๎ฤคสาวาก์สิ ๑๖๏ อ้านางแน่งน้อยคือใคร ทรงโฉมวิไลย งามเนตรดังเนตรมฤคา ๏ เหตุไฉนนางแก้วโสภา จึ่งซัดเซมา ในกลางพนัสแนวดง ๏ ด้วยเหตุดังฤๅเล่าอนงค์ จึ่งทนทุกข์ทรง อนาถลำบากยากเข็ญ ๏ ดังฤๅมีเหตุอันเปน ให้นางลำเคญ ลำบากนักหนาครานี้ ฯ ๏ ทมยัน์ตี ตถา เตน ป๎ฤจ์ฉ๎ยมานา ๒๘๏ ทมยันตีงาม กำลังมีความ ทุกข์ทับทวี ได้ฟังพรานป่า ถามมาโดยดี จึ่งมารศรี ไมตรีต่อพราน ๏ องค์ อรรคเรศร์ แถลงแจ้งเหตุ เภทภัยที่พาล เล่าสิ้นทุกสิ่ง ตามจริงไขขาน ถ้วนทุกประการ แด่พรานด้วยดี ๏ ตาม์ อ๎รท์ธวัส๎ต๎รสํวีตาม์ ๑๖๏ โฉมนาง แน่งน้อยนารี ผ้าทรงอนงค์มี เพียงกึ่งซึ่งปิดวรกาย ๏ ปีนโศร๎ณิปโยธราม์ ๏ โสณีกล่อมกลมคมคาย ทั้งทรวงโฉมฉาย ก็เต็มก็เต่งเร่งชม ๏ สุกุมารานวัท๎ยางคึ ๏ ดูรูปแน่งน้อยกลอยรมย์ ดูน่านิยม ดังรูปนิมิตร์วิจิตร์มา ๏ ปูร๎ณจัน์ท๎รนิภานนาม์ ๏ พิศวงวงพักตร์ลักษณา งามดังจันทรา จำรัสจังหวัดนิภาพร ๏ อราลปัก์ษ๎มนยนาม์ ๏ งามเนตร์ดังดารากร งามขนงก่งงอน ดังศรสมเด็จมัฆวาน ๏ ตถา มธุรภาษินีม์ ๏ แสนเสนาะเพราะเสียงนงคราญ สุนทรอ่อนหวาน ปานมธุรสจดฤทัย ๏ ลัก์ษยิต๎วา ม๎ฤคว๎ยาธห์ กามัส๎ยวศัม์ อียิวาน์ ๒๘๏ นายมฤคพยาธ พิศโฉมวรนาฎ ประหลาทปลาบใจ ยิ่งพิศยิ่งรัก เหลือหักรักได้ ดวงจิตพรานไพร ยิ่งใฝ่วนิดา ๏ พรานค่อยเมียงมอง ยิ่งพิศจิตปอง นวลลอองโสภา จึ่งกล่าวสุนทร โอนอ่อนวาจา หวังให้วนิดา เมตตาแก่ตน ๏ พรานหวังตั้งจิต พูดจาสนิท ชิดนิ่มนฤมล จึงนางโฉมตรู เล็งรู้แยบยล ว่าพรานทุรชน กลจะลวนลาม ฯ ๏ ทมยัน์ต๎ยปิ ตํ ทุษฏัม์ อุปลัภ๎ย ปติว๎รตา ๒๘๏ องค์ทมยันตี จงรักภักดี บ่มีเสื่อมทราม ฟังคำพรานไพร เข้าใจเนื้อความ มันนั้นมักกาม หยาบหยามสามาญ ๏ อรไทยพิโรธ ยิ่งคิดยิ่งโกรธ ติโทษนายพราน ความแค้นแน่นหนัก นงลักษณ์เดือดดาล ประหนึ่งไฟราญ ผลาญเผาวิญญา ๏ ส ตุ ปาปมติห์ ก๎ษุท๎รห์ ๏ ฝ่ายอ้ายคนชั่ว กามะมืดมัว ใจตัวหยาบช้า จึ่งเพ่งเล็งคิด ขืนจิตวนิดา เพื่อสมปราถนา กามาภิรมย์ ๏ มันยืนชะแง้ พิศเพ่งเล็งแล นึกแน่นิยม แต่ดูราวเพลิง เริงร้อนระทม เกรงว่าจะชม ไม่สมจินดา ๏ ทมยัน์ตี ตุ ทุห์ขาร๎ตา ๏ ฝ่ายทมยันตี ทุกข์ท่วมฤดี มืแต่โศกา ซํ้าพรากบดี เปนที่พึ่งพา อีกไร้ปวงรา ไชสูรยะสรรพ์ ๏ นางนึกตรึกตรา ว่าเกินเวลา จะพูดกับมัน จึ่งเปล่งสุรวาท ประกาศไปพลัน สาปพรานไพรอัน สัปปลับอัปรี ๏ ยถาหํ ไนษธาท์ อัน๎ยัม์ มนสาปิ น จิน์ตเย ๑๖๏ ด้วยเดชะข้าภักดี ต่อองค์ภูมี ผู้จอมนิษัธปัถพิน ๏ ซื่อตรงจงรักประจักษ์จินต์ แต่พระภูมินทร์ ทั้งกายและวาจาใจ ๏ ตถายัม์ ปตตาง ก๎ษุท๎ร ปราสุร์ ม๎ฤค ชีวนห์ ๏ ขอมฤคชีวันจัญไร ผู้ทุจริตใจ ประสงค์จะล่วงประเวณี ๏ จงล้มลงแทบปัถพี มอดม้วยชีวี อย่าทันให้สมใจหมาย ๏ อุก์ตมาเต๎ร ตุ วจเน ๒๘๏ พอขาดคำแช่ง ด้วยเดชะแห่ง บารมีโฉมฉาย นายพรานก็ล้ม ระทมทอดกาย ประหนึ่งต้องสาย ฟ้าฟาดขาดใจ นั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๑ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ) สรรคที่ ๑๒ ๏ สา นิหัต๎ย ม๎ฤคว๎ยาธัม์ ป๎รตัส๎เถ กมเลก์ษณา
๏ พ้นภัยพาลพาดพ้อง หมดสิ่งข้องขัดทางไป โฉมนางสำอางค์นัยน์ รีบครรไลสู่ไพรพง ๏ สงสารเยาวเรศร์ ประเวศเดียวเปลี่ยวในดง เดินในไพรระหง เรไรเร้าเศร้าวิญญา ๏ แลดูเห็นหมู่สัตว์ วิ่งเลาะลัดอยู่ไปมา ส่ำสิงห์วิ่งโผนผา พยัคฆาและเสือดาว ๏ ฝูงกวางค่อยย่างเยื้อง แลชำเลืองขนเหลืองวาว กระทิงวิ่งวู่ฉาว หมีขนยาวสนิทนิล ๏ แลดูหมู่ปักษา มีนานาลงหากิน บ้างโดดโลดบนดิน บ้างบินว่อนแล้วร่อนลง ๏ แนวพงดงดอนเปลี่ยว เปนที่เที่ยวฝูงคนดง ดัสกรก็ว่อนวง คอยข่มเหงบ่เกรงใคร ๏ แลดูหมู่พฤกษา มีนานาชอุ่มใบ ต้นรังบังสูรย์ใส อีกต้นไผ่กอกำยำ ๏ มะขามและมะเดื่อ อีกมะเกลือสนิทดำ อิงคุทสุดงามลํ้า กิงศุกลำต้นพ่วงพี ๏ อรชุนดอกขาวก่อง ดอกคำผ่องเหมือนทองดี งิ้วแดงส่องแสงสี ดีดูเพลินจำเริญตา ๏ ชมพูชมภูดี ราวกับสีสะพัตรา มะม่วงกาญจนา เนื้ออ่อนเหลืองเรืองรองราย ๏ สีเสียดช่างเสียดสี เหมือนนารีสีเสียดชาย เจ็บยามถูกหนามหวาย ไม่เหมือนเจ็บเล็บมือนาง ๏ ประทุมสีแดงจ้า ชื่นนาสาไม่จืดจาง แม้ผัวเปนเพื่อนทาง ช่วยชมพลางหว่างมรรคา ๏ หอมกลิ่นกลัมพัก อกแทบหักเจียวพี่อา คิดยามอยู่ภารา เคยอบผ้าให้เธอทรง ๏ ถึงต้นอุฑุมพร โอ้อกอ่อนระทวยองค์ นึกคราราชาสรง พระเคยนั่งตั่งหรรษา ๏ ไทรย้อยละห้อยจิต คิดคำนึงถึงภรรดา ยามครองป้องราชา เหมือนไทรร่มพระสมภาร ๏ ต้นหมากนึกหมากเมี่ยง เคยเลี้ยงในพระโรงธาร ต้นตาลนึกใบตาล อยู่งานพัดจอมปัถพี ๏ รุกขชาติกลาดเกลื่อนตา พรรณนานามากมวลมี ดูพลางหว่างวิถี พอเพลิน ๆ เดินดูไป ฯ ๏ นานาธาตุศไตร์ นัท์ธาน์ วิวิธาน์ อปิ จาจลาน์
๏ ส่ำไศลแลวากเวิ้ง เปนชั้นเชิงชะเวิกผา ผงาดธาตุนานา แกมประกอบดูชอบกล ๏ พฤกษามีดาดาษ สอาดตาดูน่ายล เย็นรื่นชื่นกมล ราวสวนหลวงลวงหลอกตา ๏ เดินผ่านธารนํ้าใส ไหลลงสระชะเชิงผา วาปีมีบุษบา หมู่มัจฉาว่ายเวียนวน ๏ สัตว์อยู่ดูหลายชาติ ทวิบาทซร้องสับสน โผแผลวสู่แนวพน จัตุบทจรดจร ๏ สัตว์ส่ำดูกำแหง ร่างกายแขงแรงเริงรอน โอ้อนงค์เอกองค์อร หล่อนขยาดเจียนขาดใจ ๏ แลโพ้นโน่นงูหลาม เลื้อยเล่นตามเหลี่ยมไศล รากษสลดเลี้ยวไป ไล่ผีป่าน่าสยอง ๏ รีบไปไม่ยั้งยับ จนนางถับแทบริมหนอง นํ้าใสไม่มีฟอง ราวคันฉ่องส่องฉายา ๏ ยอดผาสง่าแง่ แลตระหง่านลานลายตา สูงเยี่ยมเทียมเวหา พาให้นึกตรึกตรอมใจ ๏ คิดถึงปรางค์ปราสาท ในพระราชนิเวศใน อันองค์อดิศัย เธออยู่เย็นเปนหรรษา ๏ นํ้าพุพุ่งกระเซ็น กระแสเย็นเยือกกายา เหมือนบัวสุวรรณา ท่อธาราที่เคยสรง ๏ กายนางพลางชุ่มนํ้า แต่อกชํ้าแห้งเปนผง คำนึงถึงพระองค์ ปิยราชขาดปรีดี ๏ คิดพลางนางงามสรรพ องค์วิทรรภสุดาศรี ดูสัตว์สารพัตมี ในป่าดงระหงดอน ๏ กระทิงมหิงษา แลหมูป่าฝ่าดงจร หมีใหญ่ใฝ่ภมร อีกงูป่าน่าพิศวง ๏ แม้สัตว์ที่ดุร้าย บ่มิกลายกลํ้าอนงค์ เดชะสัตยายง องค์ประจักษ์ลักขณา ๏ นางซื่อถือความรัก สามิภักดิ์แด่ภรรดา สัตว์ร้ายหมายบีฑา จึ่งแพ้บารมีนาง ๏ รากษสและปิศาจ ต่างขยาดบ่อาจขวาง ต่างไปให้พ้นทาง ที่สุรางค์จะครรไล ๏ เดินเดียวเปลี่ยวอกเศร้า ราวเพลิงเผาเร่าร้อนใน ครวญคร่ำร่ำพิไร ไปเที่ยวหาพระสามี ๏ ธิดาภีมะราช บ่ขยาดภัยยายี พาลภัยใด ๆ มี แด่องค์เองไม่เกรงกลัว ๏ เดินทางหว่างไพรสาณฑ์ เยาวมาลย์ย่อมลืมตัว คำนึงถึงแต่ผัว กลัวแทนองค์พระทรงไชย ๏ ครวญคร่ำกำสรวลโศก เพื่อวิโยคภูวนัย ทุกข์ชํ้าระกำใจ เฝ้าโหยไห้ถึงภรรดา ๏ เกรงพระจะทุกข์ยาก จะลำบากยากกายา หิวโหยจะโรยรา จะอ้างว้างกลางดงดอน ๏ โศกศัลย์สั่นระรัว สั่นไปทั่วทั้งองค์อร ยืนจอดยอดสิงขร บังอรพร่ำร่ำร้องหา ฯ
๏ อ้าองค์ไนษัธเจ้า ผู้ผ่านเผ้าประชาชน อกใหญ่ไหล่วิมล สกนธ์อ่าพาหาผาย ๏ เหตุไฉนไปจากน้อง ทิ้งให้หมองอยู่เดียวดาย ในป่าน่าใจหาย ห่างถิ่นฐานบ้านเรือนคน ๏ อันองค์พระทรงเดช อัศวเมธทำกี่หน เส้นสรวงบำบวงบน บ่มิเว้นเส้นสรวงสรรค์ ๏ เหตุไฉนทรงสวัสดิ์ ผู้ทรงสัตย์ธำรงธรรม์ ลืมคำซึ่งสำคัญ สัญญาไว้ให้ภรรยา ๏ อ้าองค์ทรงเทริดหัว ผัวประเสริฐเลิศโลกา อันรสพจนา ว่าแก่น้องตรองจงดี ๏ รำฦกแลตรึกไตร สัญญาไว้สัจจะวาที นานช้ามาหลายปี ก่อนพิธีสยมพร ๏ จงจำคำหงส์ทอง รับคำน้องทูลสุนทร ลืมคำที่รํ่าวอน โอภูธรลืมไฉน ๏ หงส์ทองแถลงคำ พระองค์ซํ้าพูดจริงใจ ต่อหน้าข้าเองไซ้ร จำไม่ได้ฤๅราชา ๏ อันพระจัตุรเวท แสนวิเศษเหลือจะตรา คัมภีร์มีนานา ย่อมกล่าวมาเหมือน ๆ กัน ๏ ยกสัจจะวาที เปนของดีเลิศเลอสรร พระองค์ผู้ทรงธรรม์ ย่อมรู้แจ้งแห่งหฤทัย ๏ ขอองค์พระผู้ผลาญ ศัตรูพาลแหลกประไลย ยกสัตย์จัดเปนใหญ่ ให้เนาแน่นแฟ้นอุรา ๏ อย่าลืมพจนาท อันประกาศให้สัญญา ขอวีระราชา อย่าคืนคำจุ่งจำไว้ ๏ อันข้าผู้เปนเมีย มีที่เสียในข้อใด สิ้นรักฤๅไฉน ตัดอาไลยไม่ไยดี ๏ กลางไพรโอ้ไร้ผัว อันความกลัวมากมวลมี น้องเพรียกเรียกโดยดี เหตุไฉนพระไม่ขาน ฯ
๏ เห็นอรัณยราชร้าย ตัวเหลืองลายแรงเริงไกร ปากอ้ากายาไซ้ร เท่าถุงใหญ่ใส่สาลี ๏ มันจ้องจะปองผลาญ เปนอาหารไม่ช้าที ทูลหัวผัวครั้งนี้ จะปล่อยเมียเสียเฉย ๆ ๏ พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ ว่าไม่รักคนอื่นเลย สม่อมฉันนั้นจะเชย เปนคู่ใจไม่จืดจาง ๏ ตรัสไว้ขอให้จริง อย่าทอดทิ้งไว้กลางทาง รักจริงฤๅทิ้งขว้าง ให้ร้างรักหนักอาดูร ๏ โอ้เมียเสียสติ เพราะพระสินเรนทร์สูร นาถาอย่าเพิ่มพูล ประมูลโศกโศกาลัย ๏ เชิญตอบเมียสักคำ เมียถามซ้ำอยู่ร่ำไป เชิญตอบให้ชอบใจ ข้ามิใช่ฤๅเมียรัก ๏ เชิญดูเถิดภูธร เมียอ่อนฟกอกแทบหัก หมดเลือดเผือดผิว พักตร์ เปื้อนโคลนเลอะเปรอะธุลี ๏ แม้ผ้ามีแต่กึ่ง ซึ่งบ่ปิดมิดอินทรีย์ เดินเดียวเหลียวบ่มี ที่พึ่งพาดอนาถครัน ๏ เหมือนกวางสำอางค์องค์ ดำเนินหลงเข้าไพรวัน ห่างเหินเดินไม่ทัน พลันพรากหมู่อยู่เยือกใจ ๏ โอ้พรากจากบดี น้องก็มีแต่รํ่าไร โอ้องค์พระทรงชัย ไม่เห็นน้องหมองอารมณ์ ๏ อยู่เดียวเที่ยวละเหี่ย แต่ไม่เสียสัตย์นิยม ภักดีที่บรม ขัตติยาสวามี ๏ โอ้ทูลกระหม่อมแก้ว น้องเรียกแล้วเปนหลายที ข้าคือทมยันตี นี่พระไยไม่ขานพลัน ๏ อ้าพระประเสริฐกูล บริบูรณศีลสุธรรม์ รูปทรงทั้งองค์สรรพ์ โสภณพรั่งทั้งกายิน ๏ ข้ามองในช่องเขา แลเห็นเงาคล้ายภูมินทร์ คิดถึงคำนึงถวิล เห็นพระปิ่นนโรดม ๏ ในดงพงพนัส สงัดเศร้าเปล่าอารมณ์ เสือสิงห์วิ่งดื่นดม โอ้อกกรมเกือบอาสัญ ๏ พระนอนฤๅพระนั่ง ฤๅยืนยังเหยียบอรัณย์ โอ้ไนษัธราชัน หม่อมฉันใฝ่ใคร่เห็นองค์ ๏ ฤๅพระจะดำเนิน เลียบเขาเขินฤๅเดินดง เมียเศร้าเฝ้าประสงค์ จะพบองค์ปิ่นเกศา ๏ โอ้อกฟกอนาถ ใจจะขาดเพื่อโศกา ตัวน้องเที่ยวมองหา เพื่อไต่ถามความร้ายดี ๏ อยากถามว่าใครพบ ประสบพระผู้สามี ใครยลนลบดี บ้างฤๅไม่ในแนวพน ๏ โอ้ใครจะตอบความ อันข้าถามถึงพระนล อันไปในไพรสณฑ์ ทนทุกข์เข็ญเปนอย่างไร ๏ ข้าคอยจะฟังศัพท์ จับจิตเจาะเหมาะเหมงใจ ๏ คือคำร่ำขานไข ตอบข้อถามตาม อยากยิน ๏ คือตอบด้วยวาที ชี้ทางสู่ภูบดินทร์ ใครตอบดังถวิล จินดาชอบจะขอบใจ ฯ ๏ อรัณ๎ยราฑ์ อยํ ศ๎รีมางศ๎ จตุร๎ทํษ๎โฏ๎ร มหาหนุห์
๏ แลดูอรัณยราช ช่างเก่งกาจนี่กระไร เขี้ยวสี่สีขาวใส อีกคางใหญ่ควรสยอง ๏ ศารทูลเปนมิ่งสัตว์ ในแนวชัฏสิ้นทั้งผอง กันยากล้าจะลอง ย่องเข้าไปและไต่ถาม ๏ ดูราพญาเสือ เปนใหญ่เหนือสัตว์เกรงขาม ทั่วพงดงดอนงาม เปนถิ่นฐานท่านเคยหรรษ์ ๏ ข้าคือดไนยา แห่งราชาครองวิทรรภ์ อันนามแห่งข้านั้น ทมยันติเทวี ๏ เปนอรรคชายา นิษธาธิบดี กำแหงแรงฤทธี ปราบอมิตร์ฤทธิ์สยอน ๏ ข้าค้นนลบดี ที่พลัดพรากจากนคร องค์เดียวเที่ยวดงดอน อนาทรเศร้าโศกศัลย์ ๏ ดูรามฤเคนทร์ เอนดูข้าผู้จาบัลย์ เห็นองค์พระทรงธรรม์ บ้างฤๅเปล่า จงเล่ามา ๏ ดูราพญาไพร เอาใจช่วยด้วยสักครา ไม่เห็นพระภรรดา จงบอกมาอย่ารั้งรอ ๏ ขอเชิญมฤคเศรษฐ จงสมเพชฟังข้าขอ กินข้าเสียอย่ารอ ให้หมองหม่นทนทุกข์ไป ๏ ฟังคำคร่ำครวญโศก วิโยคเศร้าเหงาฤทัย มฤคราชกาจเก่งไกร ค่อยเมียงเมินดำเนินหนี ๏ เสือลายดุร้ายเก่ง ย่อมยำเกรงบารมี แห่งทมยันตี ผู้ภักดีต่อภรรดา ๏ สมิงวิ่งมุ่งตรง ลงไปธารละหานผา นํ้าใสไหลซ่า ๆ ไหลเรื่อยตรงลงสาคร ฯ
๏ อ้าจอมคิริราช สูงผงาดแง่สิงขร หลายยอดระยับยอน เยือนยั่วฟ้าน่ายินดี ๏ มโนหรก้อนหินสรรพ สีระยับสลับสี สูงลํ้างํ้าธาตรี ชี้สวรรค์อันพึงหมาย ๏ นานาโลหธาตุ ล้วนปลาดเหลือบรรยาย อีกแก้วแพรวพรรณราย หลายแก้วหลากมากมวลมี ๏ คีรีมหิมา สูงสง่าพนาลี เหมือนธงองค์วัชรี สีสล้างกลางไพรวัน ๏ มีสิงห์ศารทูลหาญ คชสารที่ซับมัน หมูหมีมีมากครัน กวางสุวรรณเที่ยวหรรษา ๏ ฝูงนกผกโผบิน เที่ยวเลือกกินผลนานา เริงร้องก้องกลางป่า น่าชมเล่นเย็น ๆ ใจ ๏ กิงศุกเคียงอโศก วายุโยกพิกุลไกว บุนนาคชอุ่มใบ อีกมิ่งไม้หลากหลายสี ๏ กรรณิกากลิ่นหอมรื่น มะเดื่อดื่นชื่นฤดี บุบผาสง่าสี สลับผลหล่นเกลื่อนทาง ๏ นํ้าใสไหลริน ๆ ตามซอกหินเช่นลำราง วิหคผกผันพลาง บ้าง เล่นนํ้าช่ำสราญ ๏ ดูราคิรีราช สูงผงาดเงื้อมพนานต์ ถามถึงซึ่งภูบาล ท่านรู้บ้างฤๅอย่างไร ดูก่อนสีขเรศ อจลเศรษฐสีอำไพ ยอดยงตรงขึ้นไป ใกล้จะถึงซึ่งสวรรค์ ๏ ท่านนี้เปนที่พึ่ง ซึ่งคนหลงในพงพัน มหิธรสุนทรสรรพ์ ตูข้าพลันขอวันทา ๏ ขออ่อนศีโรราบ บังคมกราบพ่อจอมผา ขอจงทรงเมตตา แด่ตูข้าราชบุตรี ๏ เปนคู่แห่งราชา ราชภรรยาผู้ภักดี อันตูแห่งข้านี้ ทมยันตีนามะไธย ๏ แล้วนางจึ่งแถลง สำแดงความตามจริงใจ แจ้งจริงทุกสิ่งไป ให้ถ่องถ้วนมวลมีมา ฯ
๏ พระบิดาข้าบาทไซ้ร ภูวนัยจอมวิทรรภ์ มหารถมหันต์ อันพิรกล้าเริงราวี ๏ ภีมราชนามทรงเดช เปนเกษตระบดี รักษาประชาชี สี่พรรณเปรมเกษมสราญ ๏ เคยทำราชสูยะ อัศวเมธวิเศษสาร อีกปวงพลีการ มักอวยทานทักษิณา ๏ หมั่นบวงปวงเทเวศร์ จึ่งเปนเศรษฐะราชา ปรากฎยศสง่า ตาสว่างกระจ่างสี ๏ บำเพญกิจประเสริฐ ประพฤติเลิศล้วนงามดี ทรงสัจจะวาที ไพเราะรสพจมาน ๏ อีกทรงศีลวัตร วิริยจัดกิจการ พร้อมทรัพย์ศฤงคาร ธรรมเที่ยงไว้ไร้มลทิน ๏ ปกป้องประชานันต์ ในวิทรรภะแดนดิน บำราบปราบอริน ฤทธิ์สยอนหย่อนแรงรณ ๏ ข้าคือดไนยา แห่งราชาเจ้าจุมพล มานอบระยอบตน อภิวาทย์ราชคีรี ๏ อนึ่งในนิษัธ รัตนราชธานี มีจอมปัถพี ผู้ชนกพระภรรดา ๏ พระนามปรากฎไป ในประเทศทุกทิศา คือองค์พระราชา วีรเสนภูบดินทร์ ๏ อันองค์วีรบุรุษ ราชบุตร์พระภูมินทร์ กล้าหาญราญอริน ทรงสวัสดิ์สัจจาทรง ๏ พระองค์ผู้ทรงรัช ครองสมบัติพัสดุยง แทนพระบิตุรงค์ ตรงตามพระประเพณี ๏ ทรงนามนลราช อรินขลาดบารมี อีกนามภูบดี บุญโศลกโลกวิชิต ๏ เลื่อมใสในพรหเมศร์ ทั้งพระเวทก็เจนจิต พูดเพราะเหมาะเปนนิตย์ บุญสถิตโสมบาน ๏ ไม่ขาดกิจพลี ใจเธอดีมักอวยทาน โยธินอรินราญ ทุกสิ่งสารอันควรมี ๏ ข้าเปนพระชายา แห่งราชานลบดี ขอจงจอมคีรี ได้เมตตาข้าผู้เข็ญ ๏ ข้าไซ้รมาไร้ศรี ไร้สามีที่ร่มเย็น อนาถา มาลำเค็ญ เปนทุกข์โศกวิโยคภัย ๏ เดินด้นเที่ยวค้นหา พระภรรดาสนิทใจ พระองค์ผู้ทรงชัย แสนประเสริฐเลิศเหล่าชน ๏ จอมเอยจอมภูผา ยอดสง่าแทบเวหน ร้อยยอดจอดตายล คนชมเพลินจำเริญใจ ๏ ดูราอจลเศรษฐ ที่ในเขตมรรคาไพร เห็นนลภูวนัย อยู่แห่งใดจงกล่าวมา ๏ พระเหมือนพญาสาร เชี่ยวชำนาญการนา ๆ กำแหงแรงพาหา ทั้งว่องไวในสิ่งสรรพ์ ๏ เหิมหาญชาญฉกาจ สัตยวาทวีรพันธุ์ พระองค์ทรงยศนั้น คือภรรดาแห่งข้านี้ ๏ อ้าจอมคีรีรัตน์ เห็นนิษัธะภูมี อันชื่อนลบดี ในถิ่นนี้บ้างฤๅไฉน ๏ อ้าจอมเขาตระหง่าน ไม่สงสารบ้างฤๅไร อยู่เดียวข้าเปลี่ยวใจ โหยไห้ร้องก้องกลางพน ๏ ไฉนจึ่งไม่ตอบ ฤๅพูดปลอบให้ชอบกล ข้าเหมือนสุดานนท์ แห่งจอมผามากำสรวล ฯ
๏ ครวญพลางนางพร้องเพรียก เรียกพระนลผู้ทรงไชย กู่ก้องท้องแถวไพร เสียงสนั่นลั่นแหล่งผา ๏ พระพิรผู้ประเสริฐ ทรงสัตย์เลิศสุธรรมา โอ้อกฟกระอา พระภรรดาบ่ได้ขาน ๏ แม้อยู่ในแนวพง ไพรระหงเถื่อนกันดาร ขอเชิญพระภูบาล มาบัดใจให้น้องชม ๏ อ้าไฉนจะได้ยิน เสียงภูมินทร์ถูกอารมณ์ เสียงฦกนึกดูสม เสียงฟ้าร้องก้องเวหน ๏ ไฉนจะได้ฟัง คำรับสั่งแห่งพระนล หวานฉ่ำชํ่ากมล ราวนํ้าทิพย์จิบยินดี ๏ ข้าน้อยคอยสำเหนียก ฟังพระเรียกไวทรรภี ฟังเสียงเพียงดนตรี ชัดจังหวะจะหรรษา ๏ จะเพราะเหมาะลม่อม เหมือนเสียงกล่อมจอมเทวา ฟังรสพจนา ส่างโศกาและจาบัลย์ ๏ ขอเชิญปลอบสักหน่อย ความละห้อยจะเหือดพลัน โอ้องค์พระทรงธรรม์ กระหม่อมฉันเหลืออาไลย ฯ
๏ บุตรีภีมราช ภูวนาถนรินทร ตรัสแก่จอมสิงขร พอให้วายหายกลุ้มใจ ๏ จึ่งทมยันตี วรเทพีพิสมัย รีบรัดตัดพงไพร ไปประเทศเขตแดนเหนือ ๏ เดินไปในพนานต์ แสนกันดารเปนล้นเหลือ อนงค์องค์นิ่มเนื้อ รอนแรมมาสามราตรี ๏ ถึงป่าที่ดาบส บำเพ็ญพรตเยี่ยงโยคี ร่มรื่นชื่นฤดี ราวสวนขวัญในชั้นฟ้า ๏ ดาบสล้วนตั้งจิต คล้ายวสิษฐจอมสิทธา ภฤคูผู้จอมบา อีกอัตรีชีโบราณ ๏ บำเพ็ญเปนเรียบร้อย อีกมักน้อยในอาหาร ข่มจิตนิตย์ทรมาน อารมณผ่องบ่หมองมล ๏ นํ้าเย็นเปนของฉัน อีกลมนั้นฉันทุกตน ใบไม้ที่ในพน เธอเอามาเปนอาหาร ๏ ตั้งจิตกำหราบจิต จึ่งเปนนิตย์จิตสำราญ บำเพ็ญบ่เว้นวาร มุ่งมรรคาหาสวรรค์ ๏ คณะพระมุนี สำรวมดีทุกคืนวัน ผ้าครองของเธอนั้น คือเปลือกไม้ใช้ปนหนัง ๏ โฉมตรูดูกุฎี แห่งฤษีทรงพรตขลัง อาศรมร่มไม้บัง น่านั่งเล่นเย็น ๆใจ ๏ แลดูเห็นหมู่สัตว์ สารพัตมาอาไศรย ฝูงลิงวิ่งร่ายไม้ สัตว์น้อยใหญ่ไม่กลัวคน ๏ ยามมาถึงอาศรม ร้าวระบมไปทั่วตน จึ่งนิ่มนฤมล เมื่อได้ยลค่อยยินดี ๏ อันนางงามขนง น่าพิศวงงามเกศี นงรามงามโสณี งามโอษฐแย้มแฉล้มแดง ๏ งามเลิศเชิดสง่า สุประดิษฐาอ่าเอี่ยมแสง เนตร์ดำราวนํ้าแฝง ในหูบเขาเง้าเงื้อมผา ๏ นางทมยันตี ผู้นารีรัตนา สมควรเปนชายา ลูกราชาวีรเสน ๏ ใจบุญสุนทเรศ แสนวิเศษบ่ต้องเกณฑ์ ระกำโอ้กรรมเวร จึ่งระกำจำระบม ๏ เหน็จเหนื่อยและเมื่อยล้า แสนระอาเศร้าอารมณ์ ครั้นถึงซึ่งอาศรม จึ่งเข้ามาขออาไศรย ฯ
หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 กรกฎาคม 2560 16:23:12 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ)
สรรคที่ ๑๒ (ต่อ) ๏ ทรามไวยอภิวาทย์ ปวงมหาตมะสุนทร ยืนก้มประนมกร อยู่ต่อหน้าคณาชี ๏ ดาบสเห็นงามสรรพ ต่างต้อนรับด้วยยินดี คณะพระมุนี ต่างอวยชัยให้พร้อมกัน ๏ เชิญนั่งตั่งสอาด แล้วประภาษแด่แจ่มจันทร์ อันกิจประสงค์นั้น เราจะพลันจัดตามใจ ๏ ได้ฟังศัพท์สุนทร นางเอวอ่อนประนมไหว้ แล้วตอบระบอบไป ข้าแต่องค์พระทรงพรต ๏ ตะบะและอัคคี ทำด้วยดีฤๅดาบส มฤคีปักษีหมด ทุกอย่างดีฤๅมีภัย ๏ กุศลศุภกิจ ย่อมสัมฤทธิ์ฤๅไฉน ธรรมาจรณะไซ้ร เสมออยู่ฤๅมุนี ๏ ดาบสตอบวาจา ว่าดูราเจริญศรี ปวงกิจสัมฤทธิ์ดี สารพัตจัดว่างาม ๏ แต่ว่าดูรานาง ผู้สำอางค์เอี่ยมองค์ราม คือใครเราใคร่ถาม จงเล่าความปราถนา ๏ แลดูรูปแน่งน้อย ดูชดช้อยทั่วกายา เปล่งปลั่งดังเลขา สุดโสภาอ่าเอี่ยมองค์ ๏ พินิศพิสมัย วิไลยเลิศประเสริฐทรง อ้านางสำอางค์องค์ จงวายโศกโศกาลัย ๏ ฤๅนางเปนเทวี สถิตที่ถิ่นแถวไพร ฤๅอยู่ภูผาใด จงขานไขเถิดเทพี ๏ ฤๅเปนผู้พิทักษ์ อารักษ์ห้วงนทีศรี อ้าแก้วกัลยาณี จงแถลงแจ้งกิจจา ๏ ทรามเชยเฉลยชี ว่าข้านี้นะเจ้าขา มิใช่เทวดา ผู้รักษาราวป่านี้ ๏ มิใช่เทวดา ผู้รักษาซึ่งคีรี มิใช่องค์เทวี รักษานํ้าลำละหาน ๏ ข้าเปนเพียงมนุษ ทุกข์ที่สุดพระอาจารย์ จะแจ้งแถลงสาร ขอแต่ท่านฟังด้วยดี ฯ
๏ ในแคว้นแดนวิทรรภ์ มีมหันต์มหิบาล ภีมะมหาศาล นามผู้ผ่านแผ่นไผท ๏ ข้าเปนพระบุตรี มหิบดีผู้ทรงชัย ทวิชจงทราบไว้ อย่าสงไสยในวาจา ๏ อีกองค์จอมนิษัธ บุรุษรัตน์เปรื่องปัญญา พระนละราชา มหายศปรากฎนาม ๏ ที่พึ่งแห่งชาวนา กล้าเกรียงไกรในสงคราม วิทยาสง่างาม คือภรรดาแห่งข้านี้ ๏ ทรงศักดิ์มักบูชา เทวดาทุกราศี พระองค์ทรงปราณี ทวิชาติบ่ขาดแคลน ๏ นิษัธเธอรักษา แผ่อาณาทั่วดินแดน ทรงเดชวิเศษแสน ทรงพลังกำลังหาญ ๏ พระทรงสัตยวาท อีกสามารถศาสตราชาญ ฉลาดอีกอาจหาญ ผลาญอรินสิ้นฤทธี ๏ เลื่อมใสในพรหเมศร์ ทวยเทเวศร์หมั่นพลี กระเดื่องรุ่งเรืองศรี ฦๅสนั่นบุรัญชัย ๏ ทรงนามนลนเรศวร์ นรเศรษฐเดชเกรียงไกร องค์เอี่ยมเทียมท้าวไท เทวราชนาถนาถา ๏ อันพระวิศาลักษ์ คือองค์อรรคะภรรดา ผ่องพักตร์ลักขณา ดังจันทราเมื่อคราบูรณ ๏ องค์พระมหิบาล มักอวยทานทรัพย์เพิ่มพูล พระเวทบริบูรณ นเรนทร์สูรสิทธิ์วิชา ๏ ยามรอญกลางณรงค์ ทรงบำราบปราบพาลา ช่วงโชติโรจน์ประภา ดังจันทราและระพี ๏ ครั้งหนึ่งจึ่งคนคิด ทุจริตจิตอัปรี ผู้ใดไม่ว่าดี อีกบ่มีใครนิยม ๏ แต่มันนั้นบังอาจ ท้านฤนาถนโรดม พระองค์ทรงอภิรมย์ ในสัตย์ธรรม์อันผ่องใส ๏ มันโกงเล่นสกา จึ่งราชาเสียสิ้นไป ราชาเสียราชัย ไร้สมบัติพัสถาน ๏ นี้แลอันตูข้า ผู้อยู่หน้าพระอาจารย์ เปนเมียพระภูบาล ผู้ประเสริฐเลิศราชา ๏ ชื่อทมยันตี ตูข้ามีปราถนา ใคร่พบพระภรรดา พอได้เห็นจะเย็นใจ ๏ ซัดเซพเนจร ผ่านดงดอนคีรีไคล เลียบสระระหว่างไพร เลียบริมนํ้าลำนที ๏ เลียบฝั่งทเลสาบ อันรื่นราบลำลาบมี เดินทางหว่างวิถี เถื่อนทุเรศเวทนา ๏ เที่ยวมองปองจะพบ ประสบพระภัสดา พระนละราชา กล้าเถกิงเริงฤทธิรณ ๏ เสียแรงกำแหงหาญ ศาสตราชาญชำนาญกล มาเที่ยวจรดล ทนทุกข์ยากลำบากกาย ๏ ดูรามหาพราหมณ์ จงตอบความตามข้าหมาย ที่นี้ที่สบาย แห่งดาบสพรตอำไพ ๏ อันองค์นลบดี ได้มานี่ฤๅไฉน จอมรัชนิษัธไซ้ร ได้มาบ้างฤๅทางนี้ ๏ โอ้ว่าข้าทนทุกข์ ลำบากบุกคลุกธุลี เดินไพรไร้วิถี เที่ยวแถวป่าทารุณดอน ๏ ดั้นด้นพนไพรชัฏ เงียบสงัดแสนสยอน ถิ่นถึกมฤคจร ส่ำเสือลายมักผายผัน ๏ แม้ข้าไม่ประสบ พบพระนลพิมลธรรม์ ต้องทนกมลศัลย์ อีกหลายวันหลายราตรี ๏ จะเฝ้าเศร้าอารมณ์ บอบระบมกรมฤดี ขอตายวายชีวี ไปสู่ที่ทิพาลัย ๏ ไร้องค์บุรุษรัตน์ สวัสดีมีฉันใด ดนูจะอยู่ไย ให้ทุเรศเวทนา ๏ จะครองซึ่งชีวาตม์ เมื่อยามปราศพระภรรดา จะกินแต่นํ้าตา โศการ่ำกำสรวลศัลย์ ๏ ดูรามหาพราหมณ์ ได้ฟังความที่รำพรรณ จงน้อมจิตพร้อมกัน กรุณาแก่ข้านี้ ๏ จงแจ้งแถลงเหตุ เภทภัยพาลพระสามี เหมือนช่วยอวยพรศรี ขอธชีช่วยเมตตา ฯ
๏ ฟังลูกภีมราช ผู้อนาถขาดสบาย เอกาอ้าโฉมฉาย ในแนวป่าน่าสงสาร ๏ คณพระดาบส จึ่งตอบรสพจมาน เล็งเนตร์วิเศษญาณ แถลงสารทำนายไป ๏ อ้าองค์กัลยาณี สุขจะมีอย่าสงไสย ทุกข์ร้อนจะผ่อนไป ในไม่ช้าอย่าฉงน ๏ ตะบะให้อำนาจ เราสามารถจะยินยล ไม่ช้าอ้านฤมล จะประสบพบภรรดา ๏ คือองค์นลรัตน์ จอมนิษัธสุสีมา กำแหงแรงฤทธา บำราบหมู่ริปูสูญ ๏ ดูราสุตารัตน์ อันกษัตร์ธรรมพิบูลย์ ประเสริฐเลิศประยูร จะส่างโศกวิโยคภัย ๏ ปวงบาปจะคลาศแคล้ว จะผ่องแผ้วพระหฤทัย จะเห็นพระทรงชัย ประดับแก้วแววอาภรณ ๏ จะกลับรับสมบัติ ดำรงรัชนั่งนคร ภิญโญสโมสร อริราบปราบสลาย ๏ ศัตรูผู้กาจเก่ง จะยำเกรงระยอบกาย ส่วนผู้เปนสหาย โศกระงับได้ฉับพลัน ๏ ดูรากัลยาณี ต่อแต่นี้จะได้หรรษ์ ประสบพบทรงธรรม์ ผู้ประเสริฐเลิศเหล่าคน ๏ ครั้นเสร็จสุรวาที แด่เทวีเมียพระนล อวยชัยให้นฤมล ทุกตนโห่ชโยชัย ๏ พูดเสร็จพระดาบส ถ้วนทั้งหมดก็หายไป อาศรมและกองไฟ ก็หายไปในบัดนั้น ฯ
๏ ครั้นเห็นประจักษ์แจ้ง พราหมณ์สำแดงอัศจรรย์ นางจึ่งตลึงงัน ยืนแน่วเนียงบ่เอียงเอน ๏ อันองค์สนุษา แห่งราชาวีระเสน ถนัดเห็นชัดเจน แล้วจึ่งตริดำริห์ใน ๏ ดู ๆ เห็นอยู่นั่น เออนี่ฝันฤๅไฉน คราวเคราะห์เหมาะฉันใด จึ่งได้เห็นเปนเช่นนี้ ๏ ไหนเล่าเหล่านักบุญ คณะคุณเจ้าฤษี ไหนเล่าเหล่ากุฎี ที่อาศรมภิรมยา ๏ อีกซ้ำลำธารเห็น นํ้าไหลเย็นเห็นชื่นตา อีกนกผกผันถา ชั่วพริบตาก็สูญหาย ๏ อีกไม้ใหญ่ ๆ เล่า เงาร่มกันตวันฉาย ดอกผลหล่นกระจาย หายหมดไปอึดใจนี้ ๏ จึ่งภีมสุดา แสนสงกาในฤดี นางทมยันตี มิรู้ที่นึกฉันใด ๏ หวลคิดจิตก็ โศก วิโยคผัวตัวอยู่ไกล ผิวพรรณอันผ่องใส ก็สลดหมดเลือดลง ๏ มีกรรมเจ้าจำจร จึ่งบังอรจรฝ่าดง โอ้เหนื่อยเมื่อยทั้งองค์ อีกมิหนำชํ้าอุรา ๏ เดินพลางทางครวญครํ่า รํ่าถึงพระภัสดา เดินย่างหว่างมรรคา ถึงฉายาอโศกไพร ๏ อโศกไม้วิเศษ จำเริญเนตร์กิ่งไสว เขียวชุ่มชอุ่มใบ นกน้อยใหญ่เล่นสำราญ ๏ รื่น ๆ ชื่นนาสา กลิ่นผกาที่เบิกบาน อนงค์ยอดสงสาร จึ่งเผยรสพจนา ฯ
๏ อ้าดูอโศกนี้ ศรีไสววิไลยตา อยู่หว่างกลางพนา เปนสง่าแห่งแนวไพร ๏ ชุ่มชื่นรื่นอารมณ์ ลมเพยพัดระบัดใบ ดูสุขสนุกใจ เหมือนแลดูจอมภูผา ๏ อโศกดูแสนสุข ช่วยดับทุกข์ด้วยสักครา โศกเศร้าเผาอุรา อ้าอโศกโรคข้าร้าย ๏ อโศกโยกกิ่งไกว จงตอบไปดังใจหมาย ได้เห็นพระฦๅสาย ผ่านมาบ้างฤๅอย่างไร ๏ พระนั้นชื่อพระนล ผู้เรืองรณอริกษัย เปนผัวนางทรามไวย นามนิยมทมยันตี ๏ พระองค์ทรงสวัสดิ์ เปนนิษัธธิบดี ทูลหัวทมยันตี มาทางนี้บ้างฤๅไฉน ๏ พระมีผ้าห่มกึ่ง ปรกกายครึ่งหนึ่งนั้นไว้ อันกายฦๅสายไซ้ร ผิวเธออ่อนสุนทรทรง ๏ เห็นเธอบ้างฤๅไม่ พระทรงชัยฤทธิรงค์ เหนื่อยยากลำบากองค์ ด้นดั้นป่าโอ้อาดูร ๏ อ้าต้นอโศกใหญ่ ตูข้าไซ้รโศกบ่สูญ พฤกษาอย่าช่วยพูล จงตัดโศกวิโยคใจ ๏ อโศกเหมาะสมญา ตัดโศกาดูรพิไร จงตอบให้ชอบใจ ตัดโศกใหญ่ให้สักที ๏ พูดพลางทางครวญคร่ำ อกระกำซํ้าโศกี โศกพลางทางเทวี เวียนอโศกยิ่งโศกศัลย์ ๏ แล้วนางค่อยดำเนิน เดินต่อไปในอรัณย์ ไปสู่ประเทศอัน เพิ่มลำบากยากหนักหนา ๏ ผ่านสรรพ์พรรณมิ่งไม้ ต้นน้อยใหญ่ในพนา ข้ามธารละหานผา ฝ่าน่านนํ้าก็จำไป ๏ เดินทางหว่างบรรพต แง่งามงดจำเริญใจ ชมถึกมฤคไพร อีกปักษีมีนานา ๏ เลียบเขาเงาเงื้อมงํ้า ผ่านน่าถํ้าลํ้าเหลี่ยมผา นทีที่ผ่านมา นางข้ามได้ใจบ่กลัว ๏ นางภีมสุดา ช่างอุส่าห์ค้นหาผัว ถึงยากลำบากตัว บ่คิดยากลำบากตน ฯ
๏ ทมยันติโสภณ นฤมลอ้าองค์อร เลาะลัดตัดดงดอน อ่อนระอาหลายราตรี ๏ ยามเห็นพวกพณิช นางมิ่งมิตร์ก็ยินดี ช้างม้ามามากมี อีกทั้งรถจรดมา ๏ เดินผ่านน่านนที อันเปนที่น่ารมยา นํ้าเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกวนชลธาร ๏ ลำกว้างว่างระลอก บ่กระฉอกกระฉ่อนฉาน ไม้อ้อกอใกล้ธาร แลละลานเขียวขจี ๏ โกญจาลงมาเล่น ดูเยือกเย็นเล่นวารี เคียงคู่อยู่ยินดี อ้าสุขีดีกว่าเนียง ๏ จากระวากมันจากคู่ เสียงก้องกู่ ๆ ก้องเสียง จนคู่จู่มาเคียง สำเนียงกลับศัพท์หรรษา ๏ ตนุดำนํ้าว่าย สำส่อนส่ายมวลมัจฉา ต่างปลาต่างชิดปลา อ้าอกนางห่างสามี ๏ นทีมีมากหาด ดาดาษเกาะดูเหมาะดี แม้มากับสามี จะช่วยชี้ให้เธอชม ๏ เดินทางห่างภรรดา โอ้ระอาเศร้าอารมณ์ ใจเหี่ยวเปลี่ยวอกกรม บ่อยากชมนทีศรี ๏ ครั้นเห็นพวกพณิช นางมิ่งมิตร์จิตยินดี องค์พระมหิษี แห่งพระนลเห็นพ้นภัย ๏ จึ่งนางนิ่มอนงค์ ดำเนินตรงจงเข้าไป ไม่ช้ามาถึงใน ที่ท่ามกลางระหว่างชน ๏ รูปร่างนางเหมือนบ้า ดูหน้าตาก็แปลกคน ผ้าปิดบ่มิดตน มีกึ่งผืนยืนจังงัง ๏ หน้าซีดซ้ำฝุ่นเปรอะ ทั้งโคลนเลอะดูเกรอะกรัง ผมเฟอะฝุ่นเตอะตัง ดูรุงรังทั่วทั้งกาย ฯ
๏ บ้างเห็นตัวโฉมฉาย ก็ขวัญหายเจียวแม่ฮา บ้างลัดตัดเข้าป่า รีบไปซ่อนซอนซอกพง ๏ บ้างยืนนิ่งพินิศ พิศกายนางอย่างพะวง ๏ บ้างโกรธนิ่มอนงค์ ส่งเสียงขู่อยู่แหว ๆ ๏ บ้างพูดเชิงเย้ยหยัน ว่าตัวนั่นอะไรแฮ บ้างเคืองชำเลืองแล บ่นพึมพำพร่ำด่านาง ๏ บ้างคิดจิตเมตตา แลเห็นท่าว่าหลงทาง ถามเหตุเภทภัยพลาง อีกถามนางว่าชื่อไร ๏ ตัวนางนี้ใครเล่า เปนลูกเต้าเหล่ากอใคร จำนงประสงค์ใด ในแนวป่าพนารัญ ๏ เราเห็นซึ่งตัวนาง ต่างพิศวงอนงค์ครัน รูปร่างนางเช่นนั้น นั่นคนป่าฤๅว่าไร ๏ ฤๅเทพธิดา ผู้รักษาซึ่งแนวไพร ฤๅสูอยู่ไศล ฤๅทุ่งใหญ่ในกลางทาง ๏ จงบอกแต่โดยจริง อย่าประวิงและอำพราง เผื่อตูรู้จักนาง จะได้พึ่งซึ่งบารมี ๏ จงแจ้งแถลงลักษณ์ เปนนางยักษ์แรงฤทธี ฤๅเปนรากษสี ฤๅเทวีศรีสุรางค์ ๏ อนงค์จงเมตตา คุ้มเกรงข้าผู้เดินทาง ให้ปลอดตลอดหว่าง วิถีดงพงไพรสณฑ์ ๏ บันดาลบรรหารสุข นฤทุกข์ทั่วทุกตน เกษมเปรมกมล อีกพาหนปราศปวงภัย ๏ โปรดช่วยอำนวยพร สุนทรเลิศเถิดอรไทย ศรีสิทธิ์ฤทธิชัย ประสาทให้เถิดเทวี ฯ
๏ ได้ฟังนายพ่อค้า กล่าววาจาอันสุนทร ทมยันติบังอร อันประเสริฐ กำเนิดดี ๏ ตอบคำสํ่าสุรพจน์ มธุรสหวานวาที โศกเศร้าเฝ้าโศกี ที่จำใจไร้ภรรดร ๏ นางดูผู้เปนใหญ่ ในคณพเนจร หัวน่าพานิกร พณิชน้อมพร้อมกันไป ๏ ทั้งหนุ่มอีกทั้งแก่ แลอุเทศนำทางไพร แด่ผู้เปนนายไซ้ร อรไทยตอบวาจา ๏ เราเปนนางมนุษ ทุกข์ที่สุดจะพรรณนา เรานี้ศรีสุดา แห่งนราธิบดินทร์ ๏ เปนราชสนุษา และชายาแห่งภูมินทร์ บัดนี้มีใจจินต์ จำนงหาพระสามี ๏ อันองค์วิทรรภนาถ คือบิตุราชเกิดเกศี อันองค์พระสามี ปิ่นนิษัธปัถวิบาล ๏ ทรงนามนลราช ศรีวิลาศและอาจหาญ ไม่แพ้อริพาล นี้ภูบาลอันข้าหา ๏ ตัวท่านเดินผ่านทาง พบพระบ้างฤๅพ่อค้า อันพระภัสดา เปนสมิงมิ่งขวัญคน ๏ ศัตรูหมู่อมิตร์ สยอนฤทธิ์ทุกแห่งหน จงแจ้งแห่งยุบล บอกแก่ข้ามาด้วยดี ฯ
๏ ฟังเพราะเสนาะพจน์ มธุรสเยาวมาลย์ จึ่งนายพณิชการ นามขนานว่าศุจี ๏ เฉลยซึ่งปุจฉา ว่าข้าแต่พระเทวี ขอจงทรงฟังดี ตูข้านี้ทูลกิจจา ๏ ข้านำคณจร ฝ่าดงดอนอรัญมา อันนละราชา บ่ประสบพบกลางไพร ๏ ระหว่างกลางดงดอน เห็นกุญชรฉกาจไกร เสือดาวเลียบราวไพร อีกเสือใหญ่กระหึมหาญ ๏ อีกหมีที่กินผึ้ง ซึ่งเห็นคนด้นดงดาล กระทิงมหิงษาน วิ่งพลุกพล่านผ่านหน้าไป ๏ อีกฝูงมฤคิน เที่ยวหากินริมทางไคล ในพงดงนี้ไซ้ร ไม่เคยพบประสบคน ๏ ในไพรอันใหญ่กว้าง บ่มีทางจรดล นอกจากนฤมล บ่พบคนมาแต่เพรง ๏ ขอองค์ยักษราช จงอย่าขาดความคุ้มเกรง แม้ใครจะข่มเหง ไวศรวัณช่วยกันภัย ๏ อันท้าวมณีภัทร์ ช่วยขจัดซึ่งจัญไร อุบาทว์บำราศไกล จากเหล่าข้าวณิชากร ๏ ได้ฟังคำเฉลย จึ่งทรามเชยมิ่งสมร ถามนายพณิชพร อีกทั้งเหล่าบริพาร ๏ อันท่านจะไปไหน สู่แดนใดจงไขขาน จะไปในพนานต์ จงเมตตาแก่ข้านี้ ๏ พณิชตอบวาจา ข้ามุ่งแคว้นแดนเจที สุพาหุภูมี ธำรงรัชด้วยสัตยธรรม์ ๏ คณาแห่งข้านี้ มิช้าทีถึงเขตขัณฑ์ จิตน้อมมาพร้อมกัน เพื่อลาภาหากำไร ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๒ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ) สรรคที่ ๑๓ ๏ สา ตัจ์ ฉ๎รุต๎วานวัท๎ยางคี สาร๎ถวาหวจัส๎ ตทา ๏ ฝ่ายอรไทยผู้งามสรรพ ครั้นสดับคำนายพ่อค้า ผู้เปนสาร์ถวาหะ ควบคุมคณพณิชนั้น ๏ ชคาม สห เตไนว สาร๎เถน ปติลาลสา ๏ นางก็พลันหฤทัยน้อม ไปพร้อมด้วยกองพ่อค้า เพื่อเที่ยวค้นหาองค์บดี ในที่อรัญนั้นสืบไป ๏ อถ กาเล พหุติเถ วเนหมติ ทารุเณ ๏ ครานั้นไซ้รเขาก็ดำเนิน เดินทางไปได้หลายวัน ในแนวอรัญประเทศ อันเถื่อนทุเรศทารุณหนักหนา ฯ ตฑาคัม์ สร๎วโต ภท๎รัม์
ปัท๎มเสาคัน์ธิกัม์
๏ เดินไปได้วันหนึ่ง จึ่งถึงบึงในอรัญ แลเลิศประเสริฐสรรพ์ ครั้นได้เห็นดูเย็นตา ๏ บัวหลวงมีดาษดื่น หอมกลิ่นรื่นชื่นนาสา โอ้อกฟกอุรา หอมเหมือนผ้าที่เคยทรง ๏ บึงกว้างสำอางค์ตา พวกพ่อค้าสมจำนง มีหญ้าน่าประสงค์ พอเลี้ยงสัตว์รีบตัดมา ๏ ชอบบึงซึ่งเยี่ยมใหญ่ สดไสวมากมาลา ต่างพรรณเหลือพรรณนา ส่งกลิ่นฟุ้งจรุงใจ ๏ พณิชจิตบ่เศร้า เขาสำรวลกันร่วนไป แต่นางเจ้าห่างไกล พระภรรดรอ่อนอกกรม ๏ หอมกลิ่นผกากรอง คิดถึงห้องสองเคยรมย์ โอ้อกฟกระบม กลิ่นยิ่งหอมยิ่งตรอมทรวง ๏ อยู่วังนั่งในสวน มาลีล้วนลออดวง ชะอุ่มเป็นพุ่มพวง ปวงปลูกไว้ให้เราเชย ๏ กลิ่นแซมแกมกลิ่นรัก จึ่งหอมนักนะอกเอ๋ย ผัวไกลไร้เสบย ได้กลิ่นหอมจึ่งตรอมใจ ๏ นานาผลาผล สุก ๆ หล่นกล่นเกลื่อนไป ลองลิ้มชิมดูไซ้ร หวานกระไรชื่นใจครัน ๏ หวานผลวิมลรส ยิ่งกำสรดกรรแสงศัลย์ คำนึงถึงทรงธรรม์ พลันรสกลืนกลายขื่นขม ๏ หวานใดไม่หวานหนัก เท่ารสรักสมัคสม ไร้รักหนักอารมณ์ หวานเหมือนขมอมโศกา ๏ แลดูหมู่ปักษิน บ้างโบกบินบ้างกินปลา บ้างร้องก้องพนา เพรียกหาคู่ดูเหมือนเนียง ๏ อ้านกวิหคหาญ อยากใคร่วานเจ้าส่งเสียง ช่วยน้อมจิตพร้อมเพรียง ส่งสำเนียงเชิญพระมา ๏ นํ้าบึงซึ่งน่าเพ่ง ดูใสเหน่งเล็งเห็นปลา เลี้ยวไล่กันไปมา บ้างเล่นล่อริมกอบัว ๏ ธาราน่าลงเล่น อาบนํ้าเย็นเย็นแต่ตัว ใจโศกวิโยคผัว เย็นแต่ตัวหัวอกร้อน ฯ ๏ สุปริศ๎ราน์ตวาหาส๎ เต ฝ่ายนิกรพณิคชน เห็นพาหนนั้นเหนื่อยล้า ๏ นิเวษาย มโน ทธุห์ ๏ จึ่งพากันคิดลงนํ้า อาบให้ช่ำชื่นใจ ๏ สัม์มเต สาร๎ถวาหัส๎ย ครั้นได้เห็นสัญญา แห่งนายสาร์ถวาหะนั้น ๏ วิวิศุร์ วนัม์ อุต์ตมัม์ ๏ ทุกคนก็หันเข้าที่ละเมาะ อันเหมาะเปนที่พักสบาย ๏ อุวาส สาร๎ถห์ ส มหาน์ เวลาม์ อาสาท๎ย ปัศ๎จิมาม์ ๏ พอตวันบ่ายก็มาถึง ซึ่งตำบลนั้นอันสำราญ เปนสถานที่ควรสถิต จึ่งคณพณิชก็พร้อมใจ แรมอยู่ที่กลางไพร นั้นแล ฯ ๏ อถาร๎ท์ธราต๎รสมเย ๏ ครั้นได้เวลาเที่ยงคืนถนัด ในป่าชัฏนั้นก็สงัดทั่วไป อันปวงพณิชไซ้รต่างก็หลับนอน ด้วยเหนื่อยอ่อนมากลางทาง ๏ หัส๎ติยูถัม์ อุปาคมัต์ ๏ ปางนั้นพะเอินช้างโขลงหนึ่ง ซึ่งแต่ละตัวล้วนซับมัน พากันลงมายังบึง ซึ่งเปนที่มันกินนํ้าเย็น ๏ อถาปัศ๎ย สาร๎ถํ ตํ ๏ ครั้นมันแลเห็นพณิชคณา พร้อมด้วยคชาพาหนกล่นเกลื่อน จึ่งช้างเถื่อนเมื่อมาผ่าน กลิ่นช้างบ้านก็ขจรไป ช้างไพรกำลังคลั่งมัน ก็พร้อมกันแล่นไปด้วยหาญ อันจะต้านทานกำลังกรี อันมีแรงนั้นเหลือวิไสย รวดเร็วไปประหนึ่งศิลา กลิ้งลงมาจากยอดคีรี ลงสู่ที่หูบละหาน ครืน ๆ ปานเสียงฟ้าคราง ตามทางที่มันมาไซ้ร ต้นไม้หักโค่นกลิ้ง ทั้งกิ่งทั้งต้นกล่นกลาด ดาดาษไปทั่ววิถี คณกรีบ้ามันคลั่ง บ่มิรอรั้งวิ่งตรงไป ยังตำบลไพรที่พณิชตั้ง พักริมฝั่งบึงสบาย อันปทุมรายดาษดา นั้นแล ฯ ๏ เต ตัม์ มมร๎ทุห์ สหสา เจษ๎ฏมานัม์ มหีตเล ๏ ฝ่ายว่าคณพณิช นอนหลับสนิทอยู่กับพื้นดิน ฝูงกรินวิ่งมาเหยียบป่น สุดจะดิ้นรนพ้นไปได้ ต่างก็ตกใจร้องหวลโหย โอย ๆ โว้ยอะไรกัน บ้างก็ผลุนผลันวิ่งหนี วิ่งจี๋ ๆ จู่เข้าไป ในที่รกหมกแมกหนาม บ่มิมีความคิดชีวัง บ้างก็ยืนจังงังปากอ้า เพราะว่ายังบ่มิตื่นดี ฝ่ายคณกรีก็เอางาแทง เอางวงแว้งทุบซํ้า เอาตีนย่ำยับเตะส่ง คนก็ล้มลงบ้างกระเด็น บ้างก็เห็นอูฐของตนล้ม ระทมทอดวอดวายชนม์ ปนกับฝูงคนเลี้ยง อันวิ่งเลี่ยงรีบลี้ไป ทั่วกันไซ้รระส่ำระสาย วิ่งโวยวายรักชีวี บ้างก็ทุบตีซึ่งเพื่อนกัน ซึ่งกีดกั้นกันหนทาง บ้างดูราววิกลจริต สิ้นคิดสิ้นสติตรอง โรทร้องก้องพนาดอน นอนกลิ้งเกลือกกับธรณี บ้างรีบหนีขึ้นต้นไม้ เพราะตกใจเหลือประมาณ บ้างก็ลานปานเสียอารมณ์ ล้มลงแล้วก็เลยไม่ลุก ทุก ๆ ตนย่อมป่นปี้ บ้างม้วยชีวีอยู่ริมทาง เหตุด้วยช้างอันดุร้าย ทำอันตรายเอาฉนั้น อันว่าคณพณิชนี้ ซึ่งมั่งมีมากหลาย บ้างกระจัดกระจายไปในป่า โอ้อนิจจาบ้างก็บรรไลย อยู่ที่กลางหว่างไพร นั้นแล ฯ ๏ ราชัน์ ๏ ดูกรจอมไผททรงธรรม์ ๏ อาราวห์ สุมหางศ๎จาสีต์ ๏ ปางนั้นความเซ็งแซ่ แม้ผู้ใดยินก็พึงตกใจ ๏ ไต๎รโลก๎ยภยการกห์ ประหนึ่งว่าไตรโลกยนี้ มีความเสทือนด้วยภัยพิบัติ ๏ เอวัม์ เอวาภิ ภาษัน์โต วิท๎รวัน์ติ ภยาต์ ตทา ๏ ยามเมื่อกระจัดกระจายกันไป เพื่อกลัวภัยอันใหญ่นั้น เขาต่างกล่าวกันนานา มีอาทิว่าดังนี้ ฯ ๏ เอโษค๎นิร์ อุต์ถิตห์ กัษ๎ฏัส๎ ๏ โอ้โหกรรมเอยกรรมมี มาเกิดอัคคี ขึ้นแล้วในที่อาไศรย ๏ ต๎รายธ๎วํ ธาวตาธุนา ๏ เร็ว ๆ เข้าเถิดเกิดไฟ อย่ามัวร่ำไร จงหนีให้รอดชีวัน ๏ รัต๎นราศิร์ วิศีร๎โณยํ ๏ เฮ้ย ๆ รัตนะเหล่านั้น เปนของใครกัน จึ่งทิ้งกระจัดกระจายไว้ ๏ ค๎ฤห๎ณีธ๎วํ กิม์ ป๎รธาวถ ๏ จงเก็บแก้วก่อนเปนไร จะด่วนไปไหน กระไรไม่รักสิ่งดี ๏ สามาน๎ยัม์ เอตัท์ ท๎รวิณัม์ ๏ อันปวงสมบัติรัตน์มณี ทุก ๆ คนมี หุ้นส่วนจึ่งควรเก็บไป ๏ น มิถ๎ยาวจนัม์ มม ๏ โอ้โหโอกลัวข้าไฉน จะหลอกหลอนไย มิใช่เวลาหลอกหลอน ๏ ปุนร์ เอวาภิธาส๎ยามิ ๏ เฮ้ย ๆ ช้า ๆ มาก่อน เฮ้ย ๆ อย่าร้อน อย่ารีบกันไปให้ฉิบหาย ๏ จิน์ตยธ๎วํ สกาตราห์ ๏ เฮ้ย ๆ แน่เจ้าทั้งหลาย ขี้ขลาดปางตาย อย่าเสียสติตริตรอง ฯ ๏ ตัส๎มิน์ส๎ตทา วร๎ตมาเน ทารุเณ ชนสํก๎ษเย ๏ ปางเมื่อกองพณิชกร อันนอนระเนระนาดดาษดา ด้วยว่ามีเหตุทารุณ ทำให้ชุลมุนกันทั่วไปฉนี้ ๏ ทมยัน์ตี จ พุพุเธ ๏ จึ่งทมยันตีราชกัญญา ตื่นจากนิทราขึ้นด้วยพลัน ๏ ภยสัน์ต๎รัส๎ตมานสา ๏ อันมนัสแห่งนางพญาไซ้ร เต็มไปด้วยความสดุ้งสท้าน ๏ อปัศ๎ยัท์ ไวศสํ ตัต๎ร ๏ เยาวมาลย์เห็นซึ่งเหตุร้าย ผู้คนตายอยู่ดาษดา ๏ สร๎วโลกภยํกรัม์ ๏ อันเปนที่น่าพึงกลัว แม้ทั่วโลกก็อาจสยอน ๏ อท๎ฤษ๎ฏ๎ปูร๎วํ ตัท์ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา พาลา ปัท๎ม นิเภก์ษณา ๏ โอ้บังอรเยาวเรศร์ ผู้มีเนตร์แม้นปทุมมาน แต่ก่อนกาลนางฤๅบ่เคยเห็น เหตุอันเปนร้ายแรงฉนี้ ๏ สํสัก์ตวทนาศ๎วาสา อุต์ตัส๎เถา ภยวิห๎วลา ๏ เทวีบัดนั้นก็กลั้นหายใจ เพราะตกพระไทยเหลือจะพรรณนา นางพญา ค่อย ๆ แขงขืน ค่อย ๆ ลุกยืนแทบมิอาจยัน ฯ ๏ เย ตุ ตัต๎ร วินิร๎มุก์ตาห์ สาร๎ถาต์ เกจิท์ อวิก์ษตาห์ ๏ ปางนั้นพวกพ่อค้า ซึ่งรอดชีวาเหลืออยู่ไซ้ร และที่รอดภัยพิบัติมหันต์ อันมีจำนวนประมวลน้อย ๏ เตพ๎รุวัน์ สหิตาห์ สร๎เว ๏ ต่างก็ละห้อยโหยหวล ทั้งมวลร้องพรรณนา ๏ กัส๎เยทํ กรมณห์ ผลัม์ ๏ ว่าอ้านี้เปนผลกรรม ใครหนอทำกรรมไว้ ๏ นูนํ น ปูชิโตส๎มาภิร มณีภัท๎โร มหายศาห์ ๏ อันเทพไทมณีภัทร์ ผู้ทรงสวัสดิ์มหายศา ได้รับบูชาแล้วมิใช่ฤๅ เหตุใดหือจึ่งมีภัย ท้าวไวศรวัณกำแหง แรงฤทธิเรืองศักดา ผู้เปนยักษาธิบดี ร่มเกศีปวงพ่อค้า อีกนานาเนกวัตถุสรรพ์ อันมีอานุภาพใหญ่ เราทั้งหลายไซ้รได้พลี บูชาดีแล้วสิ้นไซ้ร เหตุไฉนนกอันให้โชค จะบอกโศลกลางผิด วิปริตไปหนักหนา ฤๅดาราฤกษ์มิเหมาะ ฤๅดาวเคราะห์ขัดขวาง เราเดินทางมาจึ่งร้าย เปนอันตรายใหญ่หลวง เหตุทั้งปวงจึ่งบังเกิดมี มากฮือ ฯ ๏ อปเร ต๎วพ๎รุวัน์ ทีนา ช๎ญาติท๎รว๎ยวินาก๎ฤตาห์ ๏ ปางนี้จึ่งบางคน ซึ่งเศร้ากมลเพื่อไร้ญาติ อีกลาภขาดทรัพย์สูญ อาดูรพลางทางว่า ๏ ยาสาวัท๎ย มหาสาร๎เถ นารี ห๎ยุน์มัต์ตทร๎ศนา ๏ ดูราสาร์ถะบดี นรีผู้ยืนอยู่นั่น อันท่าทางอย่างบ้าไซ้ร คือผู้ใดเราอยากรู้ ดูอาการนางพิกล ทั่วทั้งตนวิปริต รูปร่างผิดมนุษเรา เอานางมาด้วยไฉน ฤๅว่านางไซ้รเจตนา ทำมายาทารุณใหญ่ ให้พวกเราต้องฉิบหาย ล้มตายกันมากฉนี้ ฤๅรากษสียักษิณีกาจ ฤๅนางปิศาจจัญไร มาบันดาลภัยพิบัติ ดูถนัดเที่ยงแท้ นางนี้แน่เปนตัวบาป สันดานหยาบยิ่งใหญ่ ยิ่งดูไปยิ่งเห็นจริง อันหญิงบาปหยาบช้า เจตนาฆ่าพวกพณิช คิดทำลายสรรพสมบัติ ให้ทุกข์ถนัดแก่เราไซ้ร จะไว้ไยนางกาลี มีแต่จะนำความฉิบหาย และความตายมาสู่เรา จงเอาดินเอาฝุ่นถม จงระดมด้วยไม้ไผ่ จงไล่ตีด้วยพลอง จงถองทุบด้วยกำปั้น เพื่อนางนั้นมันตายไป เพื่อให้สาแก่ใจ บัดนี้เถิด ฯ ๏ ทมยัน์ตี ตุ ตัจ์ ฉ๎รุต๎วา วาก๎ยํ เตษาง สุทารุณัม์ ๏ ครานั้นไซ้รทมยันตี ฟังวจีพวกพ่อค้า อันหยาบช้าทารุณราญ เตรียมจะประหารให้ตาย ๏ ห๎รีตา ภีตา จ สํวิค๎นา ป๎ราท๎รวัท์ ยัต๎ร กานนัม์ ๏ นางนึกอายเปนพ้นไป ทั้งกลัวภัยเปนที่สุด นางจึ่งรีบรุดเร็วร้อน เข้าในดงดอนไปซ่อนตน ๏ อาศังกมานา ตัต์ ปาปัม์ อาต๎มานัม์ ป๎รยเทวยัต์ ๏ นฤมลถูกเขาซัด จัดเอาบาปมาบ้าย โฉมฉายเศร้าสลดพระไทย จึ่งปริเทวนาไป ดั่งนี้ ฯ
นานุพัธ๎นาติ กุศลํ กัส๎เยทํ กร๎มณห์ ผลัม์
น ส๎มราม๎ยศุภํ กิญ์จิต์ ก๎ฤตํ กัส๎ยจิท์ อัน๎วปิ
กร๎มณา มนสา วาจา กัส๎เยทํ กร๎มณห์ ผลัม์
นูนํ ชัน์มาน์ตรก๎ฤตัม์ ปาปัม์ อาปติตัม์ มหัต์
อปัศ๎ จิมาม์ อิมาง กัษ๎ฏาม์ อาปทัม์ ป๎ราป์ตวัต๎ยหํ
ภร๎ต๎ฤราช๎ยาปหรณํ ส๎วชนาจ์ จ ปราชยห์
ภร๎ต๎รา สห วิโยคัศ๎จ ตนยาภ๎ยาง จ วิจ๎ยุติห์
นิร๎นาถตา วเน วาโส พหุว๎ยาลนิเษวิเต
๏ อถาปเรท๎ยุห์ สัม์ป๎ราป์เต ๑๖ ๏ ฝ่ายพวกผู้รอดชีวี ยามรุ่งสุริย์ศรี ก็ต่างวิโยคโศกศัลย์ ๏ จึ่งชวนกันพ้นไพรวัน ทุกตนทั่วกัน ก็รํ่าพิไรไปมา ๏ บ้างเสียภราดรบิดา บ้างเสียบุตรา บ้างเสียซึ่งมิตร์ไมตรี ๏ ต่างตนต่างรีบจรลี เพื่อพ้นจากที่ อันทุกข์ถนัดขัดใจ ฯ
ป๎ราป์ต๎วยํ สุจิรํ ทุห์ขํ นูนํ อัท๎ยปิ ไว มยา
หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 กรกฎาคม 2560 16:31:12 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ) สรรคที่ ๑๓ (ต่อ) นาป๎ราป์ตกาโล ม๎ฤยเต ศ๎รุตํ ว๎ฤท์ธานุศาสนัม์
ยัท์ นาหัม์ อัท๎ย ม๎ฤทิตา หัส๎ติยูเถน ทุห์ขิตา
น ห๎ยไทวํ ก๎ฤตํ กิญ์จิน์ นราณาม์ อิห วิท๎ยเต
น จ เม พาลภาเวปิ กิญ์จิต์ ปาปก๎ฤตํ ก๎ฤตัม์
กร๎มณา มนสา วาจา ยัท์ อิทํ ทุห์ขัม์ อาคตัม์
มัน๎เย ส๎วยํวรก๎ฤเต โลกปาลาห์ สมาคตาห์
ป๎รต๎ยาข๎ยาตา มยา ตัต๎ร นลัส๎ยาร๎ถาย เทวตาห์
นูนํ เตษาม์ ป๎รภาเวน วิโยคัม์ ป๎ราป์ตวัต๎ยหัม์ ฯ
๏ เอวมาทีนิ ทุห์ขาร๎ตา สา วิลัป๎ย วรางคนา๒๘ ๏ จึ่งเอกองค์อร อรรคเรศสุนทร เธอศัลย์กรรแสง โอ้โอผลกรรม ซ้อนซ้ำสำแดง นางบ่รู้แจ้ง แจ่มแท้กรรมใด ๏ โอ้ทมยันตี นิราศสามี อ้างว้างกลางไพร นางจึ่งกำสรวล คร่ำครวญหาไป สงสารทรามไวย ปิ้มจะอาสัญ ๏ พะเอินพบพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติงาม เพศพรหมจรรย์ อันร่วมมรรคา กับพาณิชนั้น แต่โชคดีครัน บ่อันตราย ๏ นางเลิศเลอสรร ผู้งามราวจันทร์ ยามศารทะฉาย จึ่งค่อยยุรยาตร์ นวยนาฎกรกราย จากอรัญร้าย พร้อมด้วยทวยพราหมณ์ ๏ เดินไปได้นาน จึ่งนิ่มนงคราญ มาถึงเมืองงาม แลดูกำแพง แขงสู้สงคราม บ่มิต้องคร้าม ขยาดอรี ๏ นี้คือนคร สถิตสุนทร แห่งท้าวเจที ขึ้นชื่อฦๅชา สุพาหุศรี สุรเกียรตี รู้สัตยวิไสย ฯ ๏ อถ ป๎รวิเวศ ปุโรต์ตมัม์ ๑๖ ๏ ยามนางประเวศเวียงไชย โอ้ว่าทรามไวย ใครเห็นก็น่าใจหาย ๏ ผ้าปิดบ่มิดวรกาย เพราะผ้าโฉมฉาย สิมีอยู่เพียงกึ่งเดียว ๏ รุงรังทั้งผอมซีดเซียว เผ้าผมเปนเกลียว ทั้งกายก็หม่นมลทิน ๏ ชาวเมืองวิ่งดูอรพินทุ์ ทุกคนเชื่อสิ้น ว่านางนี้บ้าน่าหยัน ๏ ต่างเรียกพวกพ้องมองกัน ต่างคนเห็นขัน ชวนกันมาเยาะเทวี ๏ ปางนางสู่ราชบุรี แห่งท้าวเจที กษัตร์สุระฦๅฉาว ๏ บรรดาทารกลูกชาว บุรีเกรียวกราว วิ่งตามกระตู้วู้ไป ๏ เด็กล้อมห้อมขุ่นวุ่นใจ นางรีบครรไล กระทั่งที่วังบดีศร ฯ
ชเนน ก๎ลิศ๎ยเต พาลา ทุห์ขิตา ศรณาร๎ถินี
ตาท๎ฤค์ รูปํ จ ปัศ๎ยามิ วิโท๎ยตยติ เม ค๎ฤหัม์
อุน์มัต์ตเวศา กัล๎ยาณี ศ๎รีร์ อิวายตโลจนา ฯ
๏ เอวัม์ อัป๎ยสุขาวิษ๎ฏา พิภร๎ษิ ปรมํ วปุห์
ภาสิ วิท๎ยุท์ อิวาเภ๎รษุ ศํส เม กาสิ กัส๎ย วา
น หิ เต มานุษํ รูปัม์ ภูษไณร์ อปิ วร๎ชิตัม์
อสหายา นเรภ๎ยัศ๎จ โนท๎วิชัส๎ยมรป๎รเภ ฯ
๏ ตัจ์ ฉ๎รุต๎วา วจนํ ตัส๎ยา ไภมี วจนัม์ อัพ๎รวีต์
มานุษีม์ มาง วิชานีหิ ภร๎ตารํ สมนุว๎รตาม์
ไสรัน์ธ๎รึ ชาติสัม์ปัน์นาม์ ภุชิษ๎ยาม์ กามวาสินีม์
ผลมูลาศนาม์ เอกาง ยัต๎รสายัม์ป๎รติศ๎รยาม์
อสํเข๎ยยคุโณ ภาร๎ตา มาง จ นิต๎ยัม์ อนุว๎รตห์
ภัก์ตาหัม์ อปิ ตัง วีรํ ฉาเยวานุคตา ปถิ
ตัส๎ย ไทวาต์ ป๎รสังโคภูท์ อติมาต๎รํ ส๎ม เทวเน
ท๎ยูเต ส นิร๎ชิตัศ๎ไจว วนัม์ เอก อุเปยิวาน์
ตัม์ เอกวสนํ วีรัม์ อุน์นัต์ตัม์ อิว วิห๎วลัม์
อาศ๎วาสยัน์ตี ภร๎ตารัม์ อหัม์ อัป๎ยคมํ วนัม์
ส กทาจิท์ วเน วีรห์ กัส๎มึศ๎จิต์ การณาน์ตเร
ก๎ษุต์ปรีตัส๎ ตุ วิมนาส๎ ตัท์ อัป๎เยกํ ว๎ยสร๎ชยัต์
ตัม์ เอกวสนา นัค๎นัม์ อุน์มัต์ตวัท์ อเจตสัม์
อนุว๎รชัน์ตี พหุลา น ส๎วปามิ นิศาส๎ ตทา
ตโต พหุติเถ กาเล สุป์ตาม์ อุต์ส๎ฤช๎ย มาง ก๎วจิต์
วาสโสร๎ท์ธัม์ ปริจ์ฉิท๎ย ต๎ยัก์ตวาน์ มาม์ อนาคสัม์
ตัม์ มาร๎คมาณา ภร๎ตารํ ทห๎ยมาณา ทิวานิศัม์
สาหํ กมลคร๎ภาภัม์ อปัศ๎ยัน์ตี ห๎ฤทิ ป๎ริยัม์
น วิน์ทาม๎ยมรป๎รข๎ยัม์ ป๎ริยัม์ ป๎ราเณศ๎วรัม์ ป๎รภุม์ ฯ
ตาม์ อัศ๎รุปริปูร๎ณาก์ษีม์ วิลปัน์ตึ ตถา พหุ
ราชมาตาพ๎รวีต์ อาร๎ตาม์ ไภมีม์ อาร๎ตตรา ส๎วยัม์
วสัส๎ว มยิ กัล๎ยาณิ ป๎รีติร์ เม ปรมา ต๎วยิ
ม๎ฤคยิษ๎ยัน์ติ เต ภัท๎เร ภร๎ตารัม์ ปุรุษา มม
อปิ วา ส๎วยัม์ อาคัจ์เฉต์ ปริธาวัน์ อิตัส๎ตตห์
อิไหว วสตี ภัท๎เร ภร๎ตารัม์ อุปลัปส๎ยเส ฯ
ราชมาตุร์ วจห์ ศ๎รุต๎วา ทมยัน์ตี วโจพ๎รวีต์
สมเยโนต์สเห วัส๎ตุํ ต๎วยิ วีรป๎รชายินี
อุจ์ฉิษฏํ ไนว ภุญ์ชียาง น กุร๎ยาม์ ปาทธาวนัม์
น จาหัม์ ปุรุษาน์ อัน๎ยาน์ ป๎รภาเษยํ กถัญ์จน
ปราร๎ถเยท์ ยทิ มาง กัศ๎จิท์ ทัณ์ฑ๎ยัส๎ เต ส ปุมาน์ ภเวต์
พัธ๎ยัศ๎จ เตสก๎ริน์ มัน์ท อิติ เม ว๎รตัม์ อหิตัม์
ภร๎ตุร์ อัน๎เวษณาร๎ถํ ตุ ปัศ๎เยยัม์ พ๎ราห๎มณาน์ อหัม์
ยัท๎เยวัม์ อิห กร๎ตว๎ยํ วัต์ส๎ยาม๎ยหํ อสํศยัม์
อโตน๎ยถา น เม วาโส วร๎ตเต ห๎ฤทเย ก๎วจิต์ ฯ
๏ ตาม์ ป๎รห๎ฤษ๎เฏน มนสา ราชมาเตทัม์ อัพ๎รวีต์
สร๎วัม์ เอตัต์ กริษ๎ยามิ ทิษ๎ฏ๎ยา เต ว๎รตัม์ อีท๎ฤศัม์
เอวัม อุก์ต๎วา ตโต ไภมึ ราชมาตา วิศาม์ ปเต
อุวาเจทํ ทุหิตรํ สุนัน์ทาง นาม
ไสรัน์ธ๎รีม์ อภิชานิษ๎ว
สุนัน์เท เทวรูปิณีม์
วยสา ตุล๎ยตาม์ ป๎ราป์ตา สขี ตว ภวัต๎วิยัม์
เอตยา สห โมทัส๎ว นิรุท๎วิค๎นมนาห์ สทา ฯ
๏ ตตห์ ปรมสํห๎ฤษ๎ฏา สุนัน์ทา ค๎ฤหัม์ อาคมัต์
ทมยัน์ตีม์ อุปาทาย สขีภิห์ ปริวาริตา ฯ
๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๓ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 28 สิงหาคม 2560 17:48:34 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif)
สรรคที่ ๑๔ ๏ อุต์ส๎ฤช๎ย ทมยัน์ตึ ตุ นโล ราชา ๒๘๏ ฝ่ายนลบดี จากทมยันตี มีจิตร้าวราญ ทุกข์ร้อนรอนทรวง เปนห่วงเยาวมาลย์ รีบเข้าไพรสาณฑ์ เพื่อตัดอาไลย ๏ เดินไปมิช้า องค์พระราชา ก็แลเห็นไฟ แรงร้อนรุ่งโรจน์ ช่วงโชติแสงใส เปลวเพลิงเริงใหญ่ ในพนาลี ๏ ได้ยินเสียงร้อง อึกระทึกกึกก้อง จากกองอัคคี เสียงเหมือนคนเรา ถูกเผาและมี ทุกข์ท่วมทวี เหลือที่จะทน อาภิธาว นเลต๎ยุจ์ไจห์ ๏ ๑๖๏ โอย ๆ เร็วเถิดพระนล ฟังเสียงเพียงคน ที่ร้อนฤเหลือพรรณนา ๏ ปุณ๎ยโศ๎ลเกติ จาสก๎ฤต ๏ อีกร้องก้องราวอรัณยา เรียกองค์ราชา อ้าบุญโศลกฦๅไชย ๏ มา ไภร์ อิติ นลัศ๎ โจก์ต๎วา พระนลจึ่งตอบคำไป สำเนียงเสียงใส อย่ากลัวจะช่วยทันที ๏ มัธ๎ยัม์ อัค๎เนห์ ป๎รวิษ๎ยตัม์ ๏ ตรัสพลางทางพระภูมี ก็รีบจรลี เข้ากลางที่เพลิงเริงร้อน ๏ ททร๎ศ นาคราชานํ ศยานํ กุณ์ฑลีก๎ฤตํ ๒๘๏ ที่กลางเพลิงกาจ เห็นนาคราช อันใกล้ไฟฟอน กายขดเปนวง ทั่วองค์เหลือร้อน ปิ้มว่าจะมรณ บ่อาจหนีไป ๏ ส นาคห์ ป๎ราญ์ชลิร์ ภูต๎วา เวปมาโน นลํ ตทา อุวาจ ๏ กายนาคนั้นสั่น เพราะเกรงชีวัน จะต้องบรรไลย กราบลงตรงบาท นลราชฦๅไชย แล้วนาคจึ่งไข ขานข้อกิจจา ฯ มาง วิท์ธิ ราชัน์ นาคํ กร๎โกฏกํ น๎ฤป
มยา ป๎รลัพ์โธ มหร๎ษิร์ นารทห์ ส มหาตปาห์
เตน มัน๎ยุปรีเตน ศัก์โตส๎มิ มนุชาธิปห์
ติษ์ฐ ต๎วํ ส๎ถาวร อิว ยาวเทว นล ก๎วจิต์
อิโต เนตา หิ ตัต๎ร ต๎วํ ศาปาท์ โมก์ษ๎ยสิ มัต์ก๎ฤตาต์
ตัส๎ย ศาปาท์ น ศัก์โตส๎มิ ปทาท์ วิจลิตุม์ ปทัม์
อุปเทก์ษ๎ยามิ เต เศ๎รยัส๎ ต๎ราตุม์ อร๎หติ มาม์ ภวาน์
สขา จ เต ภวิษ๎ยามิ มัต์สโม นาส๎ติ ปัน์นคห์
ลฆุศ๎จ เต ภวิษ๎ยามิ ศีฆ๎รัม์ อาทาย คัจ์ฉ มาม์ ฯ
๏ เอวัมํ อุก์ต๎วา ส นาเคน์โท๎ร พภูวางคุษ๎ฐมาตรกห์ ๒๘๏ พอขาดวาจา จึ่งนาคราชา ผู้เรืองฤทธิไกร สำแดงแผลงฤทธิ์ นิมิตร์ตัวไซ้ร ให้ย่อมลงไป เพียงเท่าอังคุษฐ์ ๏ จึ่งนลนเรนทร์ หยิบตัวนาเคนทร์ ซึ่งเบาที่สุด ออกพ้นจากเพลิง เถกิงวรุตม์ ง่ายดายประดุจ ยกก้อนสำลี ๏ พานาคราช มาที่อากาศ เย็นโล่งโปร่งดี ถึงที่อันว่าง ห่างเปลวอัคคี พ้นภัยไม่มี อันตรายา ๏ พอพระจะวาง ลงที่ระหว่าง กลางวันมรรคา จึ่งกรรโกฎก อุรคราชา เผยพจนา แด่พระภูธร ฯ ๏ ปทานิ คณยัน์ คัจ์ฉ ส๎วานิ ไนษธ กานิจิต์
ตัต๎ร เตหัม์ มหาพาโห เศ๎รโย ธาส๎ยามิ ยัต์ ปรัม์
๏ ตตห์ สํข๎ยาตุม์ อารัพ์ธัม์ อทศัท์ ทศเม ปเท ๒๘๏ ครั้นเธอย่างไป พอบรรจบได้ สิบขุมบาทา จึ่งนาคราช เก่งกาจหนักหนา กัดพระราชา มิทันรู้ดี ๏ พอนาคราช กัดภูวนาถ บ่มิช้าที พระรูปราชัน อันเปล่งปลั่งศรี ก็กลายจากดี เปนรูปเลวทราม ๏ พระนลภูวนัย พะวงสงไสย บ่ได้ทราบความ ยืนพิศดูองค์ รูปทรงอร่าม กลับกลายหายงาม ฉนี้ฉันใด ๏ ฝ่ายว่านาคินทร์ กลับกลายกายิน จากรูปคนไป เปนรูปอย่างงู แลดูภูวนัย เห็นเธอสงไสย ใคร่รู้เหตุการณ์ ๏ จึ่งกรรโกฎก ภุชงคนายก ทูลพระภูบาล ด้วยมธุรส สุพจมาน แจ่มแจ้งแห่งสาร ถี่ถ้วนมวลมี ฯ ๏ มยา เตน์ตร๎หิตํ รูปํ น ต๎วํ วิท๎ยุร์ ชนา อิติ
ยัต์ ก๎ฤเต จาสิ นิก๎ฤโต ทุห์เขน มหตา นล
วิเษณ ส มทีเยน ต๎วยิ ทุห์ขํ นิวัต์ส๎ยติ
วิเษณ สํว๎ฤไต๎ร์ คาไตรร์ ยาวัต์ ต๎วาง นวิโมก์ษ๎ยติ
ตาวัต์ ต๎วยิ มหาราช ทุห์ขํ ไว ส นิวัต์ส๎ยติ
อนาคา เยน นิก๎ฤตัส๎ ต๎วัม์ อนร๎โห ชนาธิป โก๎รธาท์ อสูยยิต๎วา ตํ รัก์ษา เม ภวตห์ ก๎ฤตา
น เต ภยํ นรว๎ยาฆ๎ร ทํษ๎ฏ๎ริภ๎ยห์ ศต๎รุโตปิ วา
พ๎รห๎มร๎ษิภ๎ยัศ๎จ ภวิตา มัต์ป๎รสาทาท์ นราธิป
ราชัน์ วิษนิมิต์ตา จ น เต ปีฑา ภวิษ๎ยติ สํค๎ราเมษุ จ ราเชน์ท๎ร ศัศ๎วัช์ ชยัม์ อวาป์ส๎ยสิ
คัจ์ฉ ราชัน์ อิตห์ สูโต วาหุโกหมิติ พ๎รุวัน์
สมีปํ ฤตุปร๎ณัส๎ย ส หิ เวทาก์ษไนปุณัม์
อโยธ๎ยาง นครึ รัม๎ยาม์ อัท๎ย ไว นิษเธศ๎วร ส เตก์ษห๎ฤทยํ ทาตา ราชาศ๎วห๎ฤทเยน ไว
อิก์ษ๎วากุกุลชห์ ศ๎รีมาน์ มิต๎รํ ไจว ภวิษ๎ยติ
ภวิษ๎ยสิ ยทาก์ษัช๎ญ เศ๎รยสา โยก์ษ๎ยเส ตทา
สเมษ๎ยสิ จ ทาไรส๎ ต๎วัม์ มา ส๎ม โศเก มนห์ ก๎ฤถาห์
ราช๎เยน ตนยาภ๎ยาง จ สัต๎ยัม์ เอตัท์ พ๎รวีมิ เต
ส๎วรูปํ จ ยทา ท๎รัษ๎ฏุม์ อิจ์เฉถาส๎ ต๎วํ นราธิป สํส๎มรตว๎ยัส๎ ตทา เตหํ วาสัศ๎เจทํ นิวาสเยห์
อเนน วาสสาจ์ฉัน์นห์ ส๎วรูปัม์ ป๎รติปัต์ส๎ยเส ฯ
๏ เการว ๒๘๏ ดูกรทรงภพ ผู้แก้วโกรพ ธรรมาธิปตัย ถึงเธอลำบาก ยากเย็นเข็ญใจ ควรอดทนได้ ดังเยี่ยงพระนล ๏ อิต๎ยุก์ต๎วา ป๎รทเทา ตัส๎ไม ทิว๎ยํ วาโสยุคํ ตทา ๏ เราจะแถลง ถ้อยคำสำแดง พจนานุสนธิ์ ภุชงค์พูดแล้ว ผ่องแผ้วกะมล ยื่นให้พระนล ซึ่งผ้าทิพสอง ๏ พระนลราชา ก็เปรมปรีดา รับผ้าเรืองรอง ทั้งเธอจดจำ ถ้อยคำทั้งผอง อันนาคนั้นปอง กล่าวแล้วด้วยดี ๏ ฝ่ายนาคราช พ้นภัยร้ายกาจ เกษมเปรมปรีดิ์ จึ่งบังคมลา นราธิบดี หายไปกับที่ ต่อหน้าภูบาล นั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๔ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif) สรรคที่ ๑๕ ๏ ตัส๎มิน์ อัน์ตรหิเต นาเค ๏ ครั้นเห็นพญา นาคะราชา อันตรธาน ๏ ป๎รยเยา ไนษโธ นลห์ ๏ จึ่งนลรัตน์ นิษัธภูบาล รีบดำเนินผ่าน อรัณยะวา ๏ ไปได้สิบวัน จึ่งพระทรงธรรม์ ถึงพระภารา แห่งฤตุบรรณ มหันตราชา อันแสนสง่า มหาธานี ๏ จึ่งเข้าไปเฝ้า องค์ขัตติยเจ้า ทรงปัถพี ทูลตามงูสอน สุนทรวจี พูดเหมือนคนที่ สามัญทั้งหลาย ฯ ๏ วาหุโกหัม์ ๑๖๏ ตูข้าพระบาทชื่อนาย วาหุกถวาย กรัญชลี ภูมินทร์ อัศ๎วานาง วาหเน ยุก์ตห์ ป๎ฤถิว๎ยาง นาส๎ติ มัต์สมห์
อร๎ถก๎ฤจ์เฉ๎วษุ ไจวาหัม์ ป๎รัษ๎ฏโว๎ย ไนปุเนษุ จ ๑๖๏ ฤๅพระประสงค์อรรถอุดม ในวิทยนิยม ณอัศวกิจเจนใจ ๏ ฤๅพระประสงค์ทรงใช้ คนคล่องว่องไว จะรับสนองภูบาล อัน์นสํส๎การัม์ อปิ จ ชานาม๎ยัน๎ไยร์ วิเศษตห์ ๏ อีกหนึ่งการแต่งอาหาร ข้าบาทชำนาญ วิเศษบ่แสร้งเสกสรร ยานิ ศิล๎ปานิ โลเกส๎มิน์ ยัจ์ จาน๎ยัต์ สุทุษ๎กรัม์
สร๎วํ ยติษ๎เย ตัต์ กร๎ตุํ ๑๖๏ ข้าบาทคงจะพยายาม ทำให้สฤษดิ์ตาม พระหฤทัยปราถนา ฤตุปร๎ณ ภรัส๎ว มาม์ ๏ ขอพระฤตุบรรณมหา ธรรมิกราชา ธิราชจงโปรดเกศี ฯ ฤตุปร๎ณ อุวาจ ๒๘๏ ท้าวฤตุบรรณ ฟังถ้อยทรงธรรม์ นิษัธบดี มิได้กินแหนง ว่าแปลงอินทรีย์ พระภูบดี จึ่งตอบคำไป ฯ วส วาหุก ภัท๎รํ เต สร๎วัม์ เอตัต์ กริษ๎ยสิ
ศีฆ๎รยาเน สทา พุท์ธิร์ ธ๎ริยเต เม วิเศษตห์
ส ต๎วัม์ อติษ๎ฐ โยคํ ตํ เยน ศีฆ๎รา หยา มม
ภเวยุร์ อัศวาธ๎ยัก์โษสิ เวตนํ เต ศตํ ศตาห์
ต๎วาม์ อุป์ปัส๎ถาส๎ยตัศ๎ไจว นิต๎ยํ วาร๎ษ๎เณยชีวเลา
เอตาภ๎ยาง รํส๎ยเส สาร๎ท์ธํ วส ไว มยิ วาหุก
๏ เอวัม์ อุก์โต นลัส์ส๎ เตน น๎ยวสัต์ ตัต๎ร ปูชิตห์ ๒๘๏ ดังนี้ดำรัส แห่งจอมกษัตร์ ตรัสชวนให้อยู่ และพระนลไซ้ร ท้าวไทเอ็นดู ก็ได้กินอยู่ เปนสุขสำราญ ๏ อยู่ริมวังจันทร์ แห่งฤตุบรรณ อันมโหฬาร กับวาร์ษไณย หัยกิจชำนาญ และชีวลชาญ เชิงกิจพาชี ๏ ถึงกายจะสุข ใจไม่สนุก ทุกข์ท่วมฤดี คิดถึงโฉมยง องค์ไวทรรภี โศกบ่ได้มี ว่างเว้นสักวัน ๏ และทุกทิวา ยามเมื่อเวลา เย็นย่ำสายัณห์ พระนลเธอพร่ำ ครวญครํ่ารำพรรณ ด้วยโศลกโศกศัลย์ บทหนึ่งดังนี้ ฯ ก๎ว นุ สา ก๎ษุต์ปิปาสาร๎ตา ศ๎ราน์ตา เศเต ตปัส๎วินี ส๎มรัน์ตี ตัส๎ย มัน์ทัส๎ย กํ วา สาท๎โยปติษ๎ฐติ ฯ ๏ เอวัม์ พ๎รุวัน์ตํ ราชานํ นิศายาง ชีวโลพ๎รวีต์ ๒๘๏ ราชารำพรรณ เปนนิตย์เช่นนั้น น่าปลาดใจ จึ่งนายชีวล กะมลสงไสย คืนวันหนึ่งไซ้ร จึงถามราชัน ฯ กาม์ อิมาง โศจเส นิต๎ยํ โศ๎รตุม์ อิจ์ฉามิ วาหุก ฯ
๑๖๏ เออเกลอวิโยคโศกศัลย์ บ่นถึงใครกัน เปนนิตย์นิรันตร์ร่ำไป ๏ บอกกันบ้างเถิดเปนไร วาหุกไฉน จึงรอให้เพื่อนเตือนถาม อายุษ๎มัน์ กัส๎ย วา นารี ยาม์ เอวัม์ อนุโศจสิ ๏ ใครเล่าเปนผัวนางงาม จงเล่าไปตาม ที่จริงทุกสิ่งเกลอเอ๋ย ๏ มหาจำเริญเชิญเฉลย อย่าปิดบังเลย เผื่อเราจะช่วยดังหมาย ๏ ตัม์ อุวาจ นโล ราชา ๒๘๏ พระนลราชา สดับวาจา ชีวลสหาย จะปิดข้อความ จะถามวุ่นวาย พระจึ่งขยาย ไขข้อคดี ฯ มัน์ทป๎รัช๎ญัส๎ย กัส๎ยจิต์ อาสีท์ พหุมตา นารี ตัส๎ยาท๎ฤฒตรํ วจห์ ๏ แต่ว่าภัสดานางนั้น สติจะฟั่น จะเฟือนละแน่จริงนา ๏ ได้กล่าวคำมั่นสัญญา แล้วลืมวาจา ประหนึ่งมิได้ไขขาน ส ไว เกนจิท์ อร๎เถน ตยา มัน์โท ว๎ยยุช๎ยต
วิป๎รยุก์ตห์ ส มัน์ทาต๎มา ภ๎รมัต๎ยสุขปีฑิตห์ ๑๖๏ คลั่งคลุ้มกลุ้มในอุรา จึ่งหนีภรรยา ผู้ควรจะรักร่วมใจ ๏ เลาะลัดตัดดงพงไพร อกร้อนคือไฟ เพราะทุกข์บ่เว้นบีฑา ทัห๎ยมนห์ ส โศเกน ทิวาราต๎รัม์ อตัน์ท๎ริตห์ ๏ คํ่าเช้าเศร้าศัลย์ฝันหา นางแก้วกันยา ผู้เคยสนิทชิดชม นิศากาเล ส๎มรัน์ส๎ ตัส๎ยา โศ๎ลกัม์ เอกัม์ ส๎ม คายติ
ส วิภ๎รมัน์ มหึ สร๎วาง ก๎วจิท์ อาสาท๎ย กิญ์จน ๑๖๏ ชายนั้นซัดเซเร่ไคล แทบทั่วพื้นไผท เพราะอกประหนึ่งอัคคี วสัต๎ยนร๎หัส๎ ตัท์ ทุห์ขัม์ ภูย เอวานุสํส๎มรัน์ ๏ จะพักแห่งใดก็ดี สุขคงบมี เพราะทุกข์คงท่วมวิญญา ๏ แม้นอนก็ไม่เต็มตา เพราะชายนั้นนา รู้สึกว่าตนสามาญ สา ตุ ตัม์ ปุรุษํ นารี ก๎ฤจ์เฉ๎รป๎ยนุคตา วเน ต๎ยัก์ตา เตนาล๎ปปุณ๎เยน ทุษ๎กรํ ยทิ ชีวติ
เอกา พาลานภิช๎ญา จ มาร๎คาณาง อตโถจิตา ก๎ษุต์ปิปาสาปรีตางคี ทุษ๎กรํ ยทิชีวติ
ส๎วาปทาจริเต นิต๎ยํ วเน มหติ ทารุเณ ต๎ยัก์ตา เตนาล๎ปภาเค๎ยน มัน์ทป๎รัช๎เญน มาริษ ฯ
๏ อิต๎เยวัม์ ไนษโธ ราชา ทมยัน์ตีม์ อนุส๎มรัน์ ๒๘๏ ดังนั้นราชา ไนษัธมหา พาหุฤทธี ครวญคร่ำกำสรวล หวลคิดถึงศรี ทมยันตี ผู้ยอดจอดใจ ๏ อัช๎ญาตวาสํ น๎ยวสัท์ ราชพัส๎ ตัส๎ย นิเวศเณ ๏ ดังนั้นพระอยู่ บ่มีใครรู้ ว่าพระคือใคร พระจึ่งเนานาน สำราญอยู่ใน นิเวศน์ท้าวไท เทิดแคว้นโกศล นั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๕ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 สิงหาคม 2560 18:11:29 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif)
สรรคที่ ๑๖ ๏ ภีมห์ ๏ ฝ่ายจุมพลภีมราช วิทรรภนาถนาถา ๏ ห๎ฤตราช๎เย นเล ๏ ราชาแจ้งอุปัทวเหตุ ว่านลนเรศร์ไร้สมบัติ ๏ สภาร๎เย เป๎รษ๎ยตางคเต ๏ อีกองค์รัตนนารี ผู้มหิษีก็ตกยาก แสนลำบากยากเข็ญ บ่เปนสุขทั้งสองรา ๏ ท๎วิชาน์ ป๎รัส๎ถาปยามาส ๏ จึ่งราชาภีมะ ธตรัสใช้ทิชาจารย์ ผู้ชำนาญเดินดง ให้แสวงองค์นลกษัตร์ ให้สมบัติไปใช้สอย บ่มิน้อยพอแก่การ แล้วภูบาลภีมะราช จึ่งประภาษสั่งพราหมณ์ ดังนี้ ฯ ๏ ม๎ฤคยัธ๎วํ นลํ ยูยํ ทมยัน์ตี จ เม สุตาม์
อัส๎มิน์ กร๎มณิ สัม์ปัน์เน วิช๎ญาเต นิษธาธิเป
ควาง สหัส๎รํ ทาส๎ยามิ โย วัส๎ ตาวานยิษ๎ยติ
อค๎รหารางศ๎จ ทาส๎ยามิ ค๎รามํ นครสัม์มิตัม์
น เจจ์ฉัก๎ยาวิหาเนตุํ ทมยัน์ตี นโลปิ วา
ช๎ญาตมาเต๎รปิ ทาส๎ยามิ ควาง ทศ ศตํ ธนัม์ ฯ
๏ อิต๎ยุก์ตาส๎ เต ๏ ปวงพราหมณ์ได้ฟังสาร แห่งภูบาลบพิตร์ ต่างก็มิจิตปรีดา พากันท่องเที่ยวไป ในทิศานุเทศ เข้ายังเขตภารา และมหานคร ค้นภูธรนลราช และรัตนนาฎมหิษี แต่เหล่าชีบ่มิพบ ประสบองค์ท้าวนล ฤๅนฤมลภีมะสุดา นั้นเลย ฯ ๏ สุเทว ๏ ครานั้นสุเทพทิชะ ๏ ตตัศ๎เจทิปุรึ รัม๎ยาง ๏ มาถึงพระเวียงราช แห่งภูวนาถเจที อันเปนที่รมเยศร์ วิเศษแม้นเมืองสวรรค์ ๏ วิจิน๎วาโนถ ไวทร๎ภีม์ ๏ ครานั้นพราหมณ์ได้ยล นิ่มนฤมลนารี ไวทรรภีศรีสอาด อยู่ในราชนิเวศน์ อันวิเศษโสภิต นางสถิตเคียงกายา แห่งสุนันทานารี ราชบุตรีศรีวิลาศ พิศนางนาฎเลอสรร อันเคยมีรูปวิไลย บัดนี้ไซ้รมัวหมอง บ่มิผ่องเพียงเก่า เศร้าเหมือนแสงตวัน อันมีเมฆฝนบัง ยังมีแสงแต่อ่อน ผ่อนเผยออกแต่น้อย พราหมณ์ชะม้อยดูนาง อันสำอางลออเนตร์ เห็นเยาวเรศหมองศรี ทั้งอินทรีย์ซูบผอม ย่อมเปนที่ จับใจ พราหมณ์ตรึกไตรในจิต นี่ฤมิ่งมิตร์ไภมี ดูเปนที่น่าสมเพช เวทนาสาวคำ จึ่งรำพึงในใจ ดังนี้ ฯ ๏ ยเถยัม์ เม ปุรา ท๎ฤษ๎ฏา ตถารูเปยัม์ อังคนา
ก๎ฤตาร๎โถส๎ยัท๎ย ท๎ฤษ๎เฏ๎วมาง โลกกาน์ตาม์ อิว ศ๎ริยัม์
ปูร๎ณจันท๎รนิภาง ศ๎ยามาง จารุว๎ฤต์ตปโยธราม์
กุร๎วัน์ตีม์ ป๎รภยา เทวี สร๎วา วิติมิรา ทิศห์
จารุปัท๎มวิศาลาก์ษีม์ มัน๎มถัส๎ย รตีม์ อิว
อิษฏาม์ สมัส๎ต โลกัส๎ย ปูร๎ณจัน์ท๎รป๎รภาม์ อิว
วิทร๎ภสรสัส๎ ตัส๎มาท์ ไทวโทษาท์ อิโวท์ธ๎ฤตาม์
มลปังกานุลิป์ตางคีม์ ม๎ฤณาลีม์ อิว โจท์ธ๎ฤตาม์
เปาร๎ณมาสีม์ อิว นิศาง ราหุค๎รัส๎ตนิศากราม์
ปติโศกากุลาง ทีนาง ศุษ๎กโส๎รตาง นทีม์ อิว
วิธ๎วัส๎ตปร๎ณกมลาง วิต๎ราสิตวิหังคมาม์
หัส๎ติหัส๎ตปราม๎ฤษ๎ฏาง ว๎ยากุลาม์ อิว ปัท๎มินีม์
สุกุมารีม์ สุชาตางคึ รัต๎นคร๎ภค๎ฤโหจิตาม์
ทัห๎ยมานาม์ อิวาร๎เกณ ม๎ฤณาลีม์ อิว โจท์ธ๎ฤตาม์
รูเปาทาร๎ยคุโณเปตาม์ มัณ์ฑนาร๎หาม์ อมัณ์ฑิตาม์
จัน์ท๎รเลขาม์ อิว นวาง โว๎ยม๎นิ นีลาภ๎รสํว๎ฤตาม์
กามโภไคห์ ป๎ริไยร์ หีนาง หีนาม์ พัน์ธุชเนน จ
เทหํ ธารยตึ ทีนาม์ ภร๎ต๎ฤทร๎ศนกางก๎ษยา
ภร๎ตา นาม ปรํ นาร๎ยา ภูษณาม์ ภูษไณ วินา
เอษา หิ รหิตา เตน โศภมานา น โศภเต
ทุษ๎กรํ กุรุเตต๎ยัน์ตํ หีโน ยัท์ อนยา นลห์ ธารยัต๎ยาต๎มโน เทหํ น โศเกนาวสีทติ
อิมาม์ อสิตเกศาน์ตาง ศตปัต๎รายเตก์ษณาม์ สุขาร์หาง ทุห์ขิตาง ท๎ฤษ๎ฏ๎วา มาปิ ว๎ยถเต มนห์
กทา นุ ขลุ ทุห์ขิตาง ปรํ ยาส๎ยติ ไว ศุภา
ภร๎ตุห์ สมาคมาต์ สาธ๎วี โรหิณี ศศิโน ยถา
อัส๎ยา นูนัม์ ปุนร๎ลาภาท์ ไนษธห์ ป๎รีติเมษ๎ยติ
ราชา ราช๎ยปริภ๎รัษ๎ฏห์ ปุนร์ ลัพ์ธ๎วา จ เมทินีม์
ตุล๎ยศีลวโยยุก์ตาง ตุล๎ยาภิชนสํว๎ฤตาม์
ไนษโธร๎หติ ไวทร๎ภึ ตํ เจยัม์ อสิเตก์ษณา
ยุก์ตํ ตัส๎ยาป๎รเมยัส๎ย วีร๎ยสัต์ต๎ววโต มยา สมาศ๎วาสยิตุม์ ภาร๎ยาม์ ปติทร๎ศนลาลสาม์
อหัม์ อาศ๎วาสยาม๎เยนาม์ ปูร๎ณจัน์ท๎รนิภานนาม์ อท๎ฤษ๎ฏปูร๎วาม์ ทุห์ขัส๎ย ทุห์ขาร๎ตาง ธ๎ยานตัต์ปราม์
๏ เอวํ วิม๎ฤษ๎ย ๏ ครั้นธชีไตร่ตรอง มองดูลักษณนาง พลางดูรูปศริระตระการ ทั่วสงสารบ่เทียมถึง ๏ สุเทโว พ๎ราห๎มโณพ๎รวีต์ ๏ จึ่งสุเทพพราหมณ์ดี ทูลบุตรีภีมะราช ด้วยวาทอันสุนทร เพื่อบังอรทราบกิจจา ดังนี้ ฯ ๏ อหํ สุเทโว ไวทร๎ภิ ภ๎ราตุส๎ เต ทยิตห์ สขา
ภีมัส๎ย วจนาท์ ราช๎ญัส๎ ต๎วาง อัน๎เวษ๎ฏุม์ อิหาคตห์
กุศลี เต ปิตา ราช๎ญิ ชนนี ภ๎ราตรัศ๎จ เต
อายุษ๎มัน์เตา กุศลิเนา ตัต๎รเส๎ถา ทารเกา จ เตา
ต๎วัต์ก๎ฤเต พัน์ธุวร๎คาศ๎จ คตสัต์ต๎วา อิวาสเต
อัน๎เวษ๎ฏาโร พ๎ราห๎มณาศ๎จ ภ๎รมัน์ติ ศตโศ มหีม์ ฯ
๏ ยุธิษ๎ฐิร ๏ ดูกรยุธิษฐิร ๏ อภิช๎ญาย สุเทวํ ตํ ทมยัน์ตี ๏ ครั้นยุพินทมยันตี รู้จักธชีสุเทพแล้ว นางแก้วก็ดำรัสถาม ถึงความสุขสมบูรณ แห่งประยูรญาติและสหาย จึ่งโฉมฉายวิทรรภสุดา ทอดทัศนาสุเทพ ผู้เพื่อนเสพยสามัคคี กับพระพี่ผู้รัก นงลักษณ์ทรงพระโศกา ๏ สุนัน์ทา ๏ ฝ่ายสุนันทานารี เห็นโฉมศรีโศกาดูร พูลเทวศทวีจัด ยามดำรัสด้วยธชี ๏ ชนิต๎ร๎ยาห์ กถยามาส ๏ พระกุมารีสุนันทา ถามพระมารดาทรงวัย ๏ ไสรัน์ธ๎รี โรทีติ ๏ เหตุฉันใดนางรูปงาม จึ่งมีความโศกสอื้นไห้ เพื่อเหตุไฉนพูดกับพราหมณ์ นงรามจึ่งต้องหมองศรี นางนี้คือ นางใด ทำไฉนจักได้ทราบคดี ๏ อถ เจทิปเตร๎ มาตา ๏ ปางนั้นพระศรีมาตุราช แห่งพระภูมินาถเจทินคร จึ่งเสด็จจรจากห้องใน ไปยังที่พราหมณ์สถิต อยู่ด้วยมิ่งมิตร์นงราม บอกให้พราหมณ์ยืนจำเภาะหน้า แล้วนางพระยาวุฒิวัย จึ่งตรัสถามสุเทพไป ดังนี้ ฯ ๏ ภาร๎ยา กัส๎เยยํ สุตา วา กัส๎ย ภาวินี
กถํ จ ภ๎รัษ๎ฏา ช๎ญาติโภ๎ย ภร๎ตุร๎ วา วามโลจนา
ต๎วยา จ วิทิตา วิป๎ร กถัม์ เอวํคตา สตี
เอตัท์ อิจ์ฉาม๎ยหํ โศ๎รตุํ ต๎วัต์ตห์ สร๎วัม์ อเศษตห์
ตัต์เต๎วน หิ มมาจัก์ษ๎ว ป๎ฤจ์ฉัน์ต๎ยา เทวรูปินีม์ ฯ
๏ เอวัม์ อุก๎ตัส๎ ตยา ราชัน์ สุเทโว ท๎วิชสัต์ตมห์ ๏ ฝ่ายสุเทพทวิช สิทธิปัญญาเยี่ยมเค้า ฟังสารพระแม่เจ้า ตรัสถาม สุโขปวิษ๎ฏ อาจัษ๎เฏ ทมยัน์ต๎ยา ยถาตถัม์ ฯ ๏ พราหมณ์นั่งลงโดยควร ทูลทั้งมวลหมดไซ้ร เรื่องนางวิทรรภให้ เสร็จสรรพ์ ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๖ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif) สรรคที่ ๑๗ วิทร๎ภราโช ธร๎มาต๎มา ภีโม นาม มหาท๎ยุติห์
สุเตยํ ตัส๎ย กัล๎ยาณี ทมยัน์ตีติ วิศ๎รุตา
ราชา ตุ ไนษโธ นาม วีรเสนสุโต นลห์ ภาร๎เยยํ ตัส๎ย กัล๎ยาณี ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ย ธีมตห์
ส ท๎ยูเต นิร๎ชิโต ภ๎ราต๎รา ห๎ฤตราโช๎ย มหีปติห์
ทมยัน์ต๎ยา คตห์ สาร๎ท์ธํ น ป๎ราช๎ญายต กร๎หิจิต์
เต วยํ ทมยันต๎ยร๎เถ จรามห์ ป๎ฤถิวีม์ อิมาม์
เสยัม์ อาสาทิตา พาลา ตว ปุต๎รนิเวศเน
อัส๎ยา รูเปณ สท๎ฤศี มานุษี น หิ วิท๎ยเต
อัส๎ยา เห๎ยษ ภ๎รุโวร์ มัธ๎เย สหชห์ ปีป๎ลุร์ อุต์ตมห์
ศ๎ยามายาห์ ปัท๎มสังกาโศ ลัก์ษิโตน์ตร๎หิโต มยา
มเลน สํว๎ฤโต ห๎ยัส๎ยาศ๎ฉัน์โนเภ๎รเณว จัน์ท๎รมาห์
จิห๎นภูโต วิภูต๎ยร๎ถัม์ อยํ ธาต๎รา วินิร๎มิตห์
ป๎รติปัต์กลุษัส๎เยน์โท๎ร เลขา นาติวิราชเต
น จาส๎ยา นัศ๎ยเต รูปํ วปุร์ มลสมาจิตัม์
อสํส๎ก๎ฤตัม์ อปิ ว๎ยัก์ตัม์ ภาติ กาญ์จนสัน์นิภัม์
อเนน วปุษา พาลา ปิป๎ลุนาเนน สูจิตา
ลัก๎ษิเตยัม์ มยา เทวี นิภ๎ฤโตค๎นิร์ อิโวษ๎มณา ฯ
๏ ตัจ์ฉ๎รุต๎วา ๏ เทวีได้ฟังสาร แห่งทิชาจารย์สุเทพกล่าว เปนเรื่องราวถ้วนถี่ ตามคดีดังปุจฉา ๏ สุนัน์ทา โสธยามาส ๏ จึ่งสุนันทามารศรี เอาวารีมาสระสรง ๏ ปิป๎ลุป๎รัจ์ฉาทนัม์ มลัม์ ๏ ชำระผงแปกเปื้อน อันกลบเกลื่อนไฝนาง ๏ ส มเลนาปก๎ฤษ๎เฏน ๏ ปางเมื่อปวงมลทิน หมดไปสิ้นแล้วไซ้ร ๏ ปิป๎ลุส๎ ตัส๎ยา ว๎ยโรจต ๏ อันว่าไฝงามขำ แห่งสาวคำก็ประจักษ์ ๏ ทมยัน์ต๎ยาส๎ ตทา ว๎ยเภ๎ร ๏ แทบพระพักตร์ผ่องขวัญ แห่งทมยันตีสม ๏ นภสีว นิศากรห์ ๏ เหมือนนิศากรโอภาส กลางนภากาศแจ่มจ้า ๏ สุนัน์ทา จ ราชมาตา จ ๏ จึ่งสุนันทากุมารี กับพระชนนีนั้นไซ้ร ๏ ปิป๎ลุํท๎ฤษ๎ฏ๎วา ๏ แลเห็นไฝแน่ชัด ดูถนัดแน่นอน ๏ รุทัน์เต๎ยา ตาม์ ปริษ๎วัช๎ย ๏ สองบังอรสอื้นพลาง ทางสร้วมกอดพระไภมี ๏ มุหูร๎ตัม์ อิว ตัส๎ถตุห์ ๏ ต่างนารีต่างพิศ พินิจนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ๏ อุต์ส๎ฤช๎ย วาษ๎ปํ ศนไก ๏ แล้วจึ่งกลั้นชลนัยน์ เพื่อทรามไวยส่างโศกา ๏ ราชมาเตทัม์ อัพ๎รวีต์ ๏ ราชมาตาทรงยศ จึ่งเผยพจน์วาที ดังนี้ ฯ ๏ ภคิน๎ยา ทุหิตา เมสิ ปิป๎ลุนาเนน สูจิตา
อหํ จ ตว มาตา จ ราช๎ญัส๎ ตัส๎ย มหาต๎มนห์ สุเต ทศาร๎ณาธิปเตห์ สุทาม๎นัศ๎ญจารุทร๎ศเน
ภีมัส๎ย ราช๎ญห์ สา ทัต์ตา วีรพาโหร์ อหัม์ ปุนห์
ต๎วํ ตุ ชาตา มยา ท๎ฤษ๎ฏา ทศาร๎เณษุ ปิตุร์ ค๎ฤเห
ยไถว เต ปิตุ เคหํ ตไถว มม ภาวินี
ยไถว จ มไมศ๎วร๎ยํ ทมยัน์ติ ตถา ตว ฯ
๏ ตาม์ ป๎รห๎ฤษ๎เฏน มนสา ทมยัน๎ตี ๏ ฟังสารราชินี ทมยันตีเลิศแก้ว ปิติจิตผ่องแผ้ว สุขรมย์ ป๎รณัม๎ย มาตุร์ ภคินีม์ อิทํ วจนัม์ อัพ๎รวีต์ ฯ ๏ ประณมประณตนอบ ระยอบกราบพระน้า จึ่งแถลงพจนอ้า ออกสาร ฯ ๏ อัช๎ญายมานาปิ สตี สุขัม์ อัส๎ม๎ยุษิตา ต๎วยิ
สร๎วกาไมห์ สุวิหิตา รัก์ษ๎ยมานา สทา ต๎วยา
สุขาต์ สุขตโร วาโส ภวิษ๎ยติ น สํศยห์
จิรวิโป๎รษิตาม์ มาตุร์ มาม์ อนุช๎ญาตุม์ อร๎หสิ
ทารเกา จ หิ เม นีเตา วสตัส๎ ตัต๎ร พาลเกา
ปิต๎รา วิหีเนา โศการ๎เตา มยา ไจว กถํ นุ เตา
ยทิ จาปิ ป๎ริยํ กิญ์จิท์ มยิ กร๎ตุม์ อิเหจ์ฉสิ
วิทร๎ภาน์ ยาตุม์ อิจ์ฉามิ ศีฆ๎รัม์ เม ยานัม์ อาทิศ ฯ
๏ วาฒัม์ อิเต๎ยว ตาม์ อุก์ต๎วา ห๎ฤษ๎ฏา มาต๎ฤษ๎วสา ๏ ฟังหลานผู้ยาใจ ชอบหฤทัยไม่น้อย จึ่งพระน้าสั่งคล้อย อย่าง ถวิล คุป์ตาม์ พเลน มหตา ปุต๎รัส๎ยานุมเต ตตห์ ๏ จัดพลพฤนท์แน่นนันท์ แวดแจ่มจันทร์แห่ห้อม โดยพระราชบุตรพร้อม จิตตาม ป๎ราส๎ถาปยัท์ ราชมาตา ศ๎รีมตึ ๏ นงรามไปเปนสุข นิรทุกข์สดวกได้ โดยพระน้าจัดให้ เสร็จสานต์ นรวาหินา ยาเนน ห๎ยัน์นปานปริจ์ฉทาม์ ฯ ๏ ทรงยานคนหามดี มีทุกสิ่งสพัตร์ผ้า เข้านํ้าองค์พระน้า จัดสรรพ์ ฯ ๏ ตตห์ สา นจิราท์ เอว ๏ ดังนั้นพอเวลา ลุล่วงมามิทันนาน ๏ วิทร๎ภาน์ อคมัต์ ปุนห์ ๏ จึ่งนงคราญเสด็จถึง ซึ่งวิทรรภสโมสร ๏ ป๎รห๎ฤษ๎ฏห์ สมปูชยัต์ ๏ จึ่งพระวรพันธุทั้งหลาย เห็นโฉมฉายกลับบุรี ต่างก็ยินดีเต็มใจ รับอรไทยที่รัก นงลักษณ์เห็นพระสัมพันธุ์ พร้อมกันสุขสบายอยู่ อีกทั้งคู่ปิยกุมาร ก็สำราญสโมสร อีกพระบิดรมารดา และคณาสขินารี ที่เคยรักร่วมใจ ต่างผ่องใสสุขเกษม เปรมกมลทั่วกัน จึ่งทมยันติเทวี ประสงค์ศรีศุภสวัสดิ์ จัดพลีเทพมหาศาล บริจาคทานอันควร แก่มวลหมู่พราหมณ์ทั้งหลาย ๏ อตร๎ปยัต์ สุเทวํ ๏ ฝ่ายสุเทพมีความชอบ มหาราชตอบแทนคุณ การุญเพื่อพราหมณ์อุส่าห์ พาพระดไนยาคืนนคร ภูธรให้โคพัน อีกรางวัลให้บ้าน และประทานทรัพย์มากล้น จึ่งสุเทพสุดพ้น ปรีดี ฯ ๏ สา ว๎ยุษ๎ฏา รชนี ตัต๎ร ปิตุร์ เวศ๎มนิ ภาวินี ๏ นางเนาในราชฐาน แห่งภูบาลบิตุรไท้ โดยสงบอยู่ได้ หนึ่งคืน วิศ๎ราน์ตา มาตรัม์ อิทํ วจนัม์ อัพ๎รวีต์ ฯ ๏ พอตื่นนางเผยพจน์ กําสรดแก่แม่เจ้า ประมวลครวญคร่ำเค้า ทุกขา ฯ มาง เจท์ อิจ์ฉสิ ชีวัน์ตีม์ มตห์ สัต๎ยัม์ พ๎รวีมิ เต
นรวีรัส๎ย ไจตัส๎ย นลัส๎ยานยเน ยต
๏ ทมยัน์ต๎ยา ตโถก์ตา ตุ ๏ ฟังยุบลรำพรรณ แห่งทมยันติบังอร พระสุนทรราชมารดา ก็โศกาดูรเทวศ ชลเนตร์พรั่งหลั่งไหล อาบนองไปทั่วพักตร์ แต่นงลักษณ์มิได้เฉลย เผยพจน์ตอบฉันใด ปางนั้นไซ้รเหล่ากำนัล ครั้นได้เห็นมิ่งสมร ทรงสท้อนถอนฤทัย สอื้นไห้อยู่พลาง คณานางต่างก็ร่ำร้อง เสียงกึกก้องโฮ ๆ ว่าโอ้ ๆ ทูลกระหม่อมแก้ว แล้วก็ร่ำโศกาอยู่ในปรางค์รัตนา นั้นแล ฯ ๏ ตโต ภีมัม์ มหาราชัม์ ๏ ครานั้นนางพระยาเจ้า จึ่งไปเฝ้าบังคมบาท ภีมะมหาราชฦๅไชย กราบทูลไขข้อคดี ๏ ทมยัน์ตี ตว สุตา ภร๎ตารัม์ อนุโศจติ ๏ ว่านางทมยันตี ศรีสุดาของฝ่าพระบาท คิดถึงผัวหล่อนมิได้ขาดเฝ้าโศกศัลย์ จนสิ้นอายไปหมดพลันเผยพจนา วอนหม่อมฉันด้วยวาจาน่าจับใจ ขอให้ช่วยกรุณาหาตัวพระบุญโศลก นางจึงจะว่างส่างโศกกำสรวลศัลย์ กระหม่อมฉันก็คิดสงสารเปนพ้นไป ขอพระองค์ผู้ทรงไผทจงได้ทรงพระเมตตา ช่วยให้สมเจตนา นั้นเถิด ฯ ๏ ตยา ป๎รเทศิโต ราชา ๏ ฝ่ายสมเด็จพระราชานรบดี ฟังสารซึ่งพระเทวีมาทูลเล่า พระผ่านเผ้าจึ่งตรัสให้หาทิชาจารย์ ผู้เคยรับพระบริหารใช้ไปในนานากิจ เธอจึ่งให้พราหมณ์ไปทุกทิศทุกจังหวัด ตรัสกำชับให้เที่ยวค้นหานลราช ๏ ตโต วิทร๎ภาธิปเตร์ นิโยคาท์ พ๎ราห๎มณาส์ ตทา ๏ คณพราหมณทวิชาติรับบริหาร แห่งสมเด็จพระภูบาลผู้ผ่านวิทรรภ์ ก็พร้อมกันไปเฝ้าพระทมยันตี กราบทูลเพื่อพระเทวีทรงทราบไว้ ว่าข้าพระองค์นี้จะไปตามพระบัญชา แห่งสมเด็จพระบิดา บัดนี้แล ฯ ๏ อถ ตาน์ อัพ๎รวีต์ ไภมี ๒๘๏ ปางนั้นเทวี สุรไภมี จึ่งสั่งทวิชา จะไปแห่งใด ในแคว้นนานา จงกล่าววาจา รจนาว่าวอน ๏ ทุกแห่งชุมนุม ประชาประชุม สรรพสโมสร จงพร่ำร่ำพจน์ เปนบทสุนทร ขับร้องท่องกลอน ดังนี้รํ่าไป ฯ ๏ ก๎ว นุ ต๎วํ กิตว ๏ โอ้นักสกาของข้าเอ๋ย กระไรเลยดั้นด้นไปหนไหน แบ่งเอาผ้าข้าคลุมแล้วดุ่มไป ช่างกระไรไม่คิดเมตตากัน ช่างทอดทิ้งเมียขวัญอันสวาท ให้อนาถนอนร้างกลางไพรสัณฑ์ เมียซื่อตรงจงรักภักดีครัน นั่งคอยผัวอยู่นั้นเช่นสั่งไว้ แสนฟูมฟกอกผ่าวราวไฟผลาญ ให้ร้อนราญทรวงเริงเหมือนเพลิงไหม้ ห่มแต่ผ้ากึ่งผืนนั้นยืนไว้ พอจะไอ้ต่างหน้าสวามี โอ้วีระบุรุษมกุฎเกศ จงสมเพชภรรยามารศรี ผู้โศกเศร้าทุกทิวาราตรี เชิญบดีมาปลอบประโลมนาง ๏ เอวัม์ อัน๎ยัจ์ จ วัก์ตว๎ยํ ๒๘๏ อีกหนึ่งพึงร่ำ สำออยถ้อยคำ ศัพท์ซ้ำสำอางค์ เผื่อเธอสดับ จะกลับคิดพลาง ถึงข้าผู้ร้าง ห่างพระสามี ๏ อันวายุจัด ในดงพงชัฏ ตวัดธุลี ไม่เท่าความโศก วิโยคสามี เหมือนวายุพี พัดเพลิงเริงร้อน ๏ ดังนี้ข้าเจ้า วิโยคโศกเศร้า โศกเร้าเริงรอน จงช่วยพูดจา ว่ากล่าววิงวอน เพื่อพระภูธร คำนึงถึงพลาง หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 สิงหาคม 2560 18:18:19 สรรคที่ ๑๗ (ต่อ)
๏ ภร๎ตว๎ยา รัก์ษณียา จ ปัต๎นี หิ ปตินา สทา ๏ อันเมียดีควรที่จะเคียงผัว และฝากตัวฝากใจมิให้ห่าง เพื่อผัวรักรักษาภรรยาพลาง ถ้วนทุกอย่างคํ้าจุนอุดหนุนกัน อ้าพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์กำแหง มิเสียแรงทรงธรรมลํ้ามหันต์ ขาดน่าที่ทั้งสองของสำคัญ ไม่คํ้าจุนเมียขวัญไม่มาครอง เสียแรงเคยขึ้นชื่อฦๅว่าปราชญ์ เชี่ยวฉลาดรู้ดีไม่มีสอง อีกเมตตาแก่ข้าทูลลออง ชนทั้งผองชมไท้ว่าใจดี ไฉนเล่าละเลยทำเฉยอยู่ ฤๅพระรู้ว่าเมียเสียราศี เมียนี้สิ้นวาศนาบารมี พระบดีจึ่งสลัดตัดอาลัย อ้าองค์พระสมิงมิ่งมนุษ ข้านี้สุดแสนฟกหัวอกไหม้ กรุณาข้าบ้างเถิดเปนไร โอ้ไท้นเรศวรควรปราณี ข้าเคยฟังพระดำรัสถนัดว่า ความเมตตาเปนธรรมประเสริฐศรี ยิ่งกว่าธรรมอื่น ๆ หมื่นแสนมี อ้าบดีเมตตาข้าเถิดเอย ๏ เอวัม์ พ๎รุวาณาน์ ยทิ วห์ ๒๘๏ เมื่อยามกล่าวกลอน กล่อมศัพท์สุนทร อย่าเหม่อเผลอเลย แม้เห็นชายใด ดูไม่เสบย ฤๅกล่าวเฉลย เผยพจน์อย่างใด ๏ จงสังเกตดู สืบสวนให้รู้ ว่าผู้นั้นใคร และอยู่แห่งหน ตำบลบ้านไหน เผื่อพราหมณ์จะได้ พบปะพระนล ๏ ชายใดสดับ สุนทรกลอนศัพท์ รับตอบชอบกล พราหมณ์จงจดจำ ทุกคำยุบล แล้วรีบจรดล มาบอกแก่เรา ๏ อย่าเดินเนิ่นช้า แถลงวาจา อย่าทำใจเบา เผื่อเธอเข้าใจ รับใช้จากเรา เธอจะให้เฝ้า สมปราถนา ๏ สืบดูจงดี ว่ามั่งว่ามี ฤๅอนาถา ฤๅจะถวิล ทรัพย์สินนานา สืบให้รู้มา ปราถนาฉันใด ฯ ๏ เอวัม์ อุก์ต๎วา ๑๖๏ ปางเมื่อไภมีทรามไวย เสร็จแจ้งแถลงไข สำนวนสุนทรอ่อนหวาน ๏ จึ่งเหล่าพราหมณาทิชาจารย์ รีบไปทุกฐาน ทุกทิศทุกเทศเขตขัณฑ์ ๏ เที่ยวค้นพระนลทรงธรรม์ อันมีอนันต์ อเนกโศกเศร้าศรี ๏ ค้นในนานาบุรี ทุกราชธานี ทุกถิ่นทุกด้าวราวนิคม ๏ บ้านน้อยนานาหาตบม ค้นตามอาศรม สำนักสิทธาอาไศรย ๏ ต่างพราหมณ์พยายามเที่ยวไป ค้นเท่าใด ๆ บ่พบประสบนลนรินทร์ ๏ เจรจาถามหาภูมินทร์ ภิปรายหลายลิ้น หลายอย่างต่าง ๆ ภาษา ๏ กล่าวกลอนสุนทรวาจา ดังจดจำมา แต่องค์พระทมยันตี ๏ ขับร้องพร้องพจน์พาที แซมเสียงดนตรี เสนาะสำเนียงเสียงหวาน ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๗ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif) สรรคที่ ๑๘ ๏ อถ ทีร๎ฆัส๎ย กาลัส๎ย ๏ ครั้นเมื่อล่วงกาลนานมา ๏ ปร๎ณาโท นาม ไว ท๎วิชห์ ๏ จึ่งทวิชาจารย์ผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามสมัญญา ว่าปรรณาทปรากฏ จรจรดกลับยังนคร เฝ้าบังอรไภมี ทูลคดีบ่ได้ช้า ๏ ทมยัน์ติ ๏ ว่าข้าแต่พระเทวี ทมยันตีสิริวิลาศ ยามข้าบาทเที่ยวค้น หาพระนลไนษัธไซ้ร ข้าเข้าไปถึงอโยธยา มหานครเกษมสันต์ ณที่นั้นข้าได้เฝ้า ผู้ผ่านเผ้าอยุธยา ฤตุบรรณภางคาสุรี ภูมีฟังคำกลอน อันพระนางสอนให้ขับ จนสิ้นศัพทกระแส แต่ฤตุบรรณราชา มหายศมั่งคั่ง บ่ได้รับสั่งเฉลยพจน์ อีกทั้งหมดราชบริษัท อันแออัดสันนิบาต อยู่ในราชวราคาร ฟังสารแล้วบ่ได้เฉลย เลยสักคำสักคน ข้ากล่าวยุบลซํ้าไป ก็บ่มีใครกล่าวตอบสาร ๏ อนุช๎ญาตํ ตุ มาง ราช๎ญา ๏ ครั้นภูบาลกล่าวอนุญาต ให้ข้าบาทถอยออกมา พ้นจากน่าพระที่นั่ง ข้ามายับยั้งอยู่ผู้เดียว ๏ ฤตุปร๎ณัส๎ย ปุรุโษ ๏ ครั้นเหลียวไปจึ่งประสบ พบราชบุรุษผู้รับใช้ ในองค์ท้าวฤตุบรรณ ๏ วาหุโก นาม นามตห์ ๏ อันมีนามปรากฎมา ว่าวาหุกเสวี เปนสารถีแห่งนเรนทร์ เห็นรูปร่างนั้นวิปริต แขนสั้นผิดชนสามัญ แต่แขงขันการขับขี่ มีชื่อถนัดในอัศวการ ทั้งชำนาญมีฝีมือ ขึ้นชื่อทางเปนพ่อครัว ตัวเอกแต่งโภชนา ชายนั้นมาถอนใจใหญ่ และสอื้นไห้เปนหลายครั้ง แล้วเริ่มตั้งกระทู้ถาม ความร้ายดีที่ไปมา แล้วจึ่งเผยวาจาสุนทร เปนสุรพจน์บทกลอน ดังนี้ ฯ ๏ ไวษัม๎ยัม์ อปิ สัม์ป๎ราป์ตา ๏ ถึงแม้ยามชอกช้ำระกำใจ สัตรีใดเชื้อเลิศเสริฐสมร ย่อมรู้จักข่มตนและทนร้อน จึ่งบังอรถึงฟ้าสุราลัย ถึงแม้ผัวทิ้งไปด้วยใจโฉด หล่อนจะโกรธภรรดาก็หาไม่ อันหญิงดีอยู่ดีไม่มีภัย เพราะความดีคุ้มได้ดังเกราะทอง ถึงแม้ผัวใจชั่วมั่วโมหัน และผัวนั้นล้างสุขสิ้นทั้งผอง ทั้งทอดทิ้งเมียไว้ไม่อยู่ครอง นางบ่ข้องเคืองผัวผู้ตัวทราม อันชายนั้นดั้นด้นค้นหากิน นกมันบินโฉบผ้าต่อหน้าหยาม จึ่งต้องเที่ยวทนทุกข์ทุกโมงยาม แม่งามขำบ่ได้โกรธสักนาที ถึงอย่างไรใจดีฤๅใจชั่ว เมื่อเห็นผัวคงเศร้าฤดีศรี โอ้ไร้เมืองไร้เครื่องบำเรอดี ทุกข์ทวีหิวโหยโรยแรงเอย ฯ ๏ ตัส๎ย ตัท์ วจนํ ศ๎รุต๎วา ๏ ฟังคำเฉลยแห่งเสวี สารถีฤตุบรรณราช ข้าเห็นว่าฉลาดแหลมอยู่ ข้าจึ่งจรจู่รีบมา เพื่อทูลกิจจาถ้วนถี่ พระเทวีได้ทรงสดับ สิ้นศัพท์พจนสุนทร กลอนกล่าวมาดังนี้แล สุดแต่จะทรงประมาณ การจะควรทูลพระจอมกษัตร์ ฤๅจะมีดำรัสฉันใด ข้าจะได้รับเหนือเกล้า ขอพระแม่อยู่หัวเจ้า จุ่งเอื้อนเสาวนี สั่งเทอญ ฯ ๏ เอตัจ์ฉ๎รุต๎วา ๏ ฟังคดีถ้อยแถลง แห่งปรรณาทวิปราจารย์ จึ่งเยาวมาลย์นฤมล อัสสุชลนองทั้งสองเนตร์ แล้วจึ่งประเวศโดยลับ ถับถึงที่พระมาตุราช อภิวาททูลวิงวอน ด้วยสุนทรวาจา ดังนี้ ฯ ๏ อยัม์ อร๎โถ น สํเวโท๎ย ภีเม มาตห์ กถัญ์จน ๏ ขอพระมารดาบังเกิดเกศ จงได้ทรงสมเพชแก่ตูข้า สิ่งใด ๆ ที่จะทูลพระมารดา ขอจงอย่าทูลภีมะทรงไชย ลูกขอประทานอนุญาต จะประศาสน์สั่งกิจน้อยใหญ่ แก่พราหมณ์สุเทพผู้ไว้ใจ ในที่เฉภาะพักตร์พระมารดร ขอพระแม่อย่าภิปรายขยายเรื่อง ให้ฦๅเลื่องถึงภีมะทรงศร ลูกคิดแก้ให้เหือดความเดือดร้อน พระมารดรโปรดช่วยให้สมใจ เมื่อตัวข้าตกระกำลำบาก พ้นความยากความเข็ญพบเย็นได้ จนกลับสู่พงศ์พันธุ์แล้วนั้นไซ้ร เพราะสุเทพผู้ใหญ่ได้พามา ขอให้สุเทพผู้ประเสริฐ ไปโดยมงคลเลิศเชิดสง่า กระทั่งนครอยุธยา รับพระนลราชามาพลันเอย ฯ ๏ ป๎รณาโท ท๎วิชสัต์ตโม ๏ ปางนั้นปรรณาทธชี ศรีทวิชเปนยอดไซ้ร ได้สำเร็จกิจด้วยดี ผ่อนอินทรีย์สำราญ จึ่งนงคราญไวทรรภี ด้วยปรีดีรู้คุณ จึ่งเจือจุนบำนาญ ด้วยธนสารมากมาย อีกโฉมฉายดำรัส ตรัสรับรองไว้ล่วงหน้า ๏ วิป๎ร ๏ ว่าดูกรวิปราจารย์ แม้ภูบาลนลนเรนทร์ ผู้เปนปิยสวามี ถึงบุรีนี้แล้วไซ้ร ตูข้าจะให้ซึ่งสินเสริม เพิ่มพูลยิ่งกว่าเก่า ตามที่เราให้แล้วไซ้ร เพราะท่านได้ทำกิจ สัมฤทธิโดยเรียบร้อย ดีไม่น้อยเชิงฉลาด แสนสามารถว่องไว หาผู้ใดจะเปรียบบ่ปาน เพราะเหตุท่านช่วยฉนี้ เราจึ่งมีท่วงท่า พบภรรดาผู้พรากกัน ดังนั้นท่านผู้ยอดพราหมณ์ มีความชอบจะตอบแทน บ่มิหวงแหนสิ่งใด ๏ เอวัม์ อุก์ต๎วา ๏ ครานั้นไซ้รปรรณาท ได้ฟังประศาสน์โฉมฉาย ก็ถวายอาศีรพาท ประสาทศุภมงคล แด่นิรมลมิ่งขวัญ ครั้นสัมฤทธิ์กิจแล้ว จิตผ่องแผ้วเปนนักหนา บังคมลานิ่มนงคราญ กลับไปเคหสถาน บัดนั้นแล ฯ ๏ ยุธิษ๎ฐิร ๏ ดูกรท่านยุธิษเฐียร ผู้ทรงเพียรฟังยุบล จักอนุสนธิความ ตามเรื่องเดิมนั้นต่อไป ๏ ตตห์ สุเทวัม์ อาภาษ๎ย ทมยัน์ตี ๏ จึ่งอรไทยทมยันตี เรียกสุเทพธชีมาแล้ว นางแก้วอยู่เฉภาะหน้า พระมารดาประเสริฐศรี นางเทวีทุกข์โศก เพื่อวิโยคพระบดีศร บังอรมีสวนีประศาสน์ แด่ทวิชาติผู้มีปัญญา๏ คัต๎วา สุเทว ๏ ว่าดูกรสุเทพผู้ใหญ่ ท่านจงไปยังนคร ที่สโมสรสถิต แห่งบพิตร์เปนเจ้า ผู้ผ่านเผ้าอยุธยา เผยพาจาทูลทรงธรรม์ ฤตุบรรณนฤบดี ทำทีประหนึ่งจรไป บ่มิตั้งใจจงเจาะ จำเภาะเพื่อทำนูลสาร ท่านจงแถลงแจ้งพจน์ เปนมธุรสบทกลอน ดังนี้ ฯ ๏ อาส๎ถาส๎ยติ ปุนร์ ไภมี ทมยัน์ตี ส๎วยํวรัม์ ๏ โฉมยงองค์ทมยันตี ผู้บุตรีภีมะราชทรงศร จะตั้งกิจพิธีสยมพร เพื่อเลือกคู่สู่สมรใหม่อีกองค์ อันราชาสามนต์ทุกตนเล่า ทั้งลูกเจ้าพร้อมใจใฝ่ประสงค์ จึ่งรีบไปกรุงวิทรรภ์ยรรยง เพราะหวังได้เอกอนงค์เปนชายา กำหนดวันกระชั้นอยู่เต็มที คือยามรุ่งพรุ่งนี้อย่ากังขา แม้พระองค์ผู้ทรงมหิทธา รออยู่ช้าอีกไซ้รไม่ทันกาล พออาทิตย์อุไทยไขแสง มิทันแรงร้อนแดดจะแผดผลาญ นางจะเลือกภรรดาคู่ชีวานต์ พระภูบาลอย่านิ่งนอนฤทัย ฝ่ายพระนลบดีสามีเก่า นงเยาว์บ่รู้ว่าอยู่ไหน จะล้มตายหายจากไปแล้วไซ้ร ฤๅยังอยู่ฉันใดไม่รู้เอย ฯ ๏ เอวํ ตยา ยโถค์โต ไว ๏ ฟังทรามเชยประศาสน์สอน จำสุนทรถ้อยถ้วนสรรพ์ ครานั้นสุเทพธชี ลาเทวีวรรณวิไลย รีบไปยังอโยธยา เฝ้าราชาฤตุบรรณ แล้วจึ่งพลันขับร้อง พร้องพจน์บทกลอนสาร ดังเยาวมาลย์สั่งมา แด่มหาราชา บัดนั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๘ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif) สรรคที่ ๑๙ ๏ ศ๎รุต๎วา วจห์ สุเทวัส๎ย ๏ ได้ทรงสดับสุนทร กลอนสุเทพทูลแถลงข่าว ๏ ฤตุปร๎โณ นราธิปห์ ๏ จึ่งท่านท้าวฤตุบรรณ ธรรมิกนราธิปนาถ จึ่งมีราชบรรหาร โดยอ่อนหวานวาจา แด่วาหุกสารถี ดังนี้ ฯ ๏ วิทร๎ภาม์ ยาตุม์ อิจ์ฉามิ ทมยัน์ต๎ยาห์ ส๎วยํวรัม์ เอกาห๎นา หยตัต์ต๎วัช๎ญ มัน๎ยเส ยทิ วาหุก ฯ
๏ เกาน์เตย ๏ ดูกรภูบาลทรงยศ ผู้โอรสนางกุนตี ขอภูมีจงนึกถึงใจ แห่งภูวนัยจอมนิษัธ ๏ เอวัม์ อุก์ต๎วา ๏ เมื่อเธอฟังดำรัสราชา จอมอยุธยาดังนั้น พระนลพลันพูลทุกข์ สุขสิ้นสูญจากใจ พระไนษัธดำริห์ ตริในมโนโอ้ชํ้า แสนระกำกรมโศก ยิ่งกว่าโรคใด ๆ พระจึ่งคำนึงใน ดังนี้ ฯ ๏ ทมยัน์ตี วเทท์ เอตัท์ กุร๎ยาท์ ทุห์เขน โมหิตา
อัส๎มทร๎เถ ภเวท์ วายัม์ อุปายัศ๎จิน์ติโต มหาน์
น๎ฤศํสํ วต ไวทร๎ภี กร๎ตุกามา ตปัส๎วินี
มยา ก๎ษุเท๎รณ นิก๎ฤตา ก๎ฤปนา ปาปพุท์ธินา
ส๎ต๎รีส๎วภาวัศ๎จโล โลเก มม โทษัศ๎จ ทารุณห์
ส๎ยาท์ เอวัม์ อปิ กุร๎ยาต์ สา วิวาสาท์ คตเสาห๎ฤทา
มม โศเกน สํวิค๎นา ไนราศ๎ยาต์ ตนุมัธ๎ยมา
ไนวํ สา กร๎หิจิต์ กุร๎ยาต์ สาปัต๎ยา จ วิเศษตห์
ยัท์ อัต๎ร สัต๎ยํ วาสัต๎ยํ คัต๎วา เวต์ส๎ยามิ นิศ๎จยัม์
ฤตุปร๎ณัส๎ย ไว กามัม์ อาต๎มาร๎ถํ จ กโรม๎ยหัม์
๏ อิติ นิศ๎จิต๎ย มนสา วาหุโก ทีนมานสห์ ๏ ตรองดูใจระบมทุกข์ วาหุกใจยิ่งเศร้า ทรวงโศกเหมือนโรคเร้า ราญฤดี ก๎ฤตาญ์ชลิร์ อุวาเจทัม์ ฤตุปร๎ณํ นราธิปัม์ ฯ ๏ อัญชลีพระทรงธรรม์ ฤตุบรรณราชไท้ นบนอบระยอบไหว้ จำนรรจา ฯ ๏ ป๎รติชานามิ เต วาก๎ยํ คมิษ๎ยามิ นราธิป
เอกาห๎นา ปุรุษว๎ยาฆ๎ร วิทร๎ภนครึ น๎ฤป
๏ ตตห์ ปรีก์ษาง อัศ๎วานาง จัก๎เร ๏ ปางนั้นไซ้รเสวี วาหุกศรีสูตราช รับอนุญาตแห่งราชา ภางคาสุรียศยง จึ่งตรงไปอัศวศาลา เพื่อเลือกม้ามีฝีเท้า ฝ่ายพระเจ้าฤตุบรรณ ทรงธรรม์เร้าเร่งเตือน บ่มิให้เชือนเฉื่อยช้า วาหุกอัศวโกวิท ก็ตั้งจิตเลือกฟั้น สรรอัศดรที่จรไว เลือกได้สี่ม้าดี มีกำลังยังยง คงแขงทางกลางวิถี มีพลังยังยวด ทั้งสี่รวดเร็วนัก เล็งลักษณ์ไร้โทษต่าง ๆ นาสิกกว้างคางใหญ่ถนัด อีกเห็นชัดสิบขวัญ อันกำเนิดเลิศดี ที่ริมฝั่งสินธู จรจู่เร็วราวลมกล้า ๏ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ตาน์ อัพ๎รวีต์ ราชา ๏ ฝ่ายพระราชาดูสินธพ ทรงภพตรัสปฤจฉา ดังว่าไม่พอพระไทย เธอดำรัสตรัสไป ดังนี้ ฯ ๏ กิม์ อิทัม์ ป๎ราร๎ถิตํ กร๎ตุม์ ป๎รลัพ์ธว๎ยา น เต วยัม์
กถัม์ อัล๎ปพลป๎ราณา วัก์ษ๎ยัน์ตีเม หยา มม
มหทัธ๎วานัม์ อปิ จ คัน์ตว๎ยํ กถัม์ อิท๎ฤไศห์ ฯ
เอโก ลลาเฏ เท๎วา มูร๎ธ๎นิ เท๎วา เท๎วา ปาร๎โศ๎วปปาร๎ศ๎วโยห์
เท๎วา เท๎วา วัก์ษสิ วิช๎เญเยา ป๎รยาเณ ไจก เอว ตุ
เอเต หยา คมิษ๎ยัน์ติ วิทร๎ภาน์ นาต๎ร สํศยห์
ยาน์ อัน๎ยาน์ มัน๎ยเส ราชัน์ พ๎รูหิ ตาน์ โยชยามิ เต ฯ
ต๎วัม์ เอว หยตัต์ต๎วัช๎ญห์ กุศโล ห๎ยสิ วาหุก
ยาน์ มัน๎ยเส สมร๎ถางส๎ ต๎วํ ก๎ษิป๎รํ ตาน์ เอว โยชย ฯ
๏ ตตห์ สทัศ๎วางศ๎จตุรห์ ๏ ครานั้นองค์พระนล ผู้จำแลงตนเปนวาหุก ทุกสิ่งได้สมฤดี จึ่งนำสี่อัศดร สุนทรกุลสุดสง่า ทั้งกิริยาดีเสมอกัน พลันเข้าผูกเทียมรถราช ฝ่ายพระภูมินาถยงยศ พอเห็นรถผูกเสร็จ ก็เสด็จขึ้นทรง เพราะประสงค์จะรีบไป ครานั้นไซ้รหัยรัตน์ เห็นถนัดก้มกายอยู่ เข่าคู้แทบพื้นแผ่นดิน จึ่งพระพงศ์พิรนลราช ตรัสประภาษปลอบวอน ด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน จึ่งอัศวชาญเดโชพลัง ฟังพิระราชแล้วชื่นใจ ภูวนัยจับสายขับ กระชับหัดถ์ถนัดดี แล้วภูมีเรียกให้ นายวาร์ษไณยผู้ฉลาด เชิงขับชาติพาชี ขึ้นมณีรถด้วย เพื่อช่วยขับอาชาไนย แล้วทรงไชยเคลื่อนรถ จรดเร็วไปในมรรคา จากนครอโยธยา บัดนั้นแล ฯ ๏ เต โจท๎ยมานา วิธิวาวัท์ วาหุเกน หโยต์ตมาห์ ๏ ครานั้นยามวาหุก เร่งรุกม้าทั้งสี่ ให้จรลีเต็มฝีเท้า เก้าไปเร็วเต็มสามารถ จึ่งหัยราชเผ่นโผน ราวจะกระโจนสู่อากาศ ผงาดแขงแรงถนัด ราวจักสลัดสารถี ให้หลุดที่รถทรง ฝ่ายองค์วรราชา อโยธยาธิบดี เห็นทั้งสี่อัศวรัตน์ วิ่งไวถนัดราวพายุผัน ทรงธรรม์นั่งพินิศ คิดประหลาทหลากเหลือ เพื่อความเร็วนั้นไซ้ร ๏ วาร๎ษ๎เณยัศ๎จิน์ตยามาส ๏ ฝ่ายวาร์ษไณยคงยศ ยินเสียงรถลั่นอุโฆษ ยลม้าโลดแล่นไป อาไศรยด้วยผู้ขับ บังคับได้ดังจิต เห็นหัยกิจชาญกล้า แห่งวาหุกตัวดี วาร์ษไณยมีความหลากใจ จึ่งได้นึกตรึกใน ดังนี้ ฯ ๏ กึ นุ ส๎ยาท์ มาตลิร์ อยํ เทวราชัส๎ย สารถิห์
ตถา ตัล์ลัก์ษณํ วีเร วาหุเก ท๎ฤษ๎ยเต มหาต์
ศาลิโหโต๎รถ กึ นุ ส๎ยาท์ ธยานาง กุลตัต์ต๎ววิต์
มานุษํ สมนุป๎ราป์โต วปุห์ ปรมโศภนัม์
อุตาโห ส๎วิท์ ภเวท์ ราชา นลห์ ปรปุรัญ์ชยห์
โสยํ น๎ฤปติร์ อายาต อิต๎เยว สมจิน์ตยัต์
อถ วา ยาง นโล เวท วิท๎ยาง ตาม์ เอว วาหุกห์
ตุล๎ยํ หิ ลัก์ษเย ช๎ญานํ วาหุกัส๎ย นลัส๎ย จ
อปิ เจทํ วยัส๎ ตุล๎ยํ วาหุกัส๎ย นลัส๎ย จ
นายัม์ นโล มหาวิรัส์ ตัท์วิท๎ยัศ๎จ ภวิษ๎ยติ
ป๎รัจ์ฉัน์นา หิ มหาต๎มานัศ๎จรัน์ติ ย๎ฤถิวีม์ อิมาม์
ไทเวน วิธินา ยุก์ตาห์ ป๎รัจ์ฉัน์นาศ๎จาปิ รูปตห์
ภเวต์ ตุ มติเภโท เม คาต๎รไวรูป๎ยตาม์ ป๎รติ
ป๎รมาณาต์ ปริหีนัส๎ตุ ภเวท์ อิติ มติร์ มม
วยห์ป๎รมาณํ ตัต์ ตุล๎ยํ รูเปณ ตุ วิปร๎ยยห์
นลํ สร๎วคุไณร์ ยุก์ตัม์ มัน๎เย วาหุกัม์ อัน์ตตห์ ฯ
๏ เอวํ วิจาร๎ย พหุโศ ๏ ย้อนแย้งแยกย้ายยัก ตระหนักนึกตรึกไตร นายวาร์ษไณยนั่งนึก เห็นพิฦกลานตา ยิ่งตรึกตรายิ่งฉงน อันพระนลกับวาหุก แทบทุกสิ่งเสมอกัน แต่รูปนั้นและผิดแผก แปลกกันไกลไฉนนี่ นายสารถีพระบุญโศลก เศร้าโศกคิดหลายครั้ง ยังกลับตรองอีกเล่า ๏ ฤตุปร๎ณัส๎ ตุ ราเชน์โท๎ร ๏ ฝ่ายพระเจ้าฤตุบรรณ ทรงธรรม์นั่งเคียงกาย นายวาร์ษไณยสารถี ภูมีเพ่งพิศเพลิน จำเริญตาดูวาหุก แสนสนุกชอบหฤทัย ดูว่องไวหัยการ ภูบาลดูสารถี ขับพาชีแกล้วกล้า ดูท่วงท่าเหมาะเนตร์ เหลือวิเศษบ่มีปาน ภูบาลปลื้มฤทัย ในการดูผู้สามารถ น่าปลาดยินดี โปรดวาหุกสารถี นั้นแล ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๑๙ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 30 สิงหาคม 2560 17:40:43 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif)
สรรคที่ ๒๐ ๏ ส นทีห์ ปร๎วตางศ๎ไจว วนานิ จ สรางสิ จ ๏ ลิ่ว ๆ เร่งรัดอัศดร ราวนกเขจร ก็เขจรันดั้นมา ๏ ยามรถผายผันมรรคา จึ่งพระราชา ภางคาสุรีศรียศ ๏ เห็นผ้าทรงคลุมใสสด ตกลงจากรถ ที่นั่งลงยังปัถพี ๏ แม้เธอรีบร้อนจรลี เห็นผ้าทรงศรี วิลาศก็นึกเสียดาย ๏ จึ่งตรัสแก่นลฦๅสาย หยุดหน่อยเถิดนาย เพื่อหยิบผ้าห่มลักษณา ๏ ยั้งหน่อยเถิดนายมหา พุทธีปรีชา รั้งม้าซึ่งหาญชาญเชาวน์ ๏ พอให้วาร์ษไณยไปเอา ผ้าห่มให้เรา แล้วจึ่งค่อยจรต่อไป ฯ ๏ พระนลทูลตอบภูวนัย ผ้าทรงนั้นไซ้ร ตกไกลอยู่กลางหว่างพนานต์ ๏ อยู่หลังราวโยชน์ประมาณ อันพระภูบาล จะกลับก็เปลืองเวลา ฯ ๏ ฟังคำพระนลตอบมา องค์ท้าวภางคา สุรีบ่ตอบฉันใด ๏ จนเห็นพิเภตก์กลางไพร อันเต็มเพียบไป ด้วยผลทั้งต้นเต็มสลอน ฯ ๏ เพ่งดูพฤกษาผลาภรณ จึ่งพระภูธร ดำรัสแด่วาหุกพลัน ๏ ดูราสารถีคนขยัน แลดูต้นนั้น จะหันกูเชี่ยวสังขยา ๏ คนเราจะสิทธิ์วิทยา ทุก ๆ อย่างหา ยากนักจะมีชนไหน ๏ บุรุษผู้เดียวผู้ใด จะเชี่ยวชาญไป ในสรรพสิ่งสุดหมาย ๏ ดูราวาหุกยอดชาย อันใบทั้งหลาย แห่งต้นเสมอพิเภตก์ไพร ๏ รู้ฤๅว่าหล่นเท่าใด กูจะขานไข ว่ามีอยู่ร้อยเอ็จประมาณ ๏ มีร้อยเอ็จใบพฤกษาน แลผลตระการ ก็นับร้อยเอ็จคณนา ๏ ส่วนใบที่ติดสาขา ทั้งสองนั้นมา ห้าโกฏิจำนวนมวลมี ๏ ถ้าเก็บสองสาขานี้ มาดูให้ดี ทั้งกิ่งที่ย่อมพร้อมสรรพ์ ๏ นับผลที่สาขานั้น มีอยู่สองพัน และร้อยหย่อนห้าผลาผล ฯ ๏ วาหุกชักรถภูวดล หยุดหว่างกลางถนน แล้วทูลมหาราชา ๏ อันซึ่งทรงรัชตรัสมา แลดูด้วยตา บ่เห็นถนัดชัดเจน ๏ ข้าบาทจักทำให้เห็น ทั้งนี้จำเปน จะฟันสมอจึ่งควร ๏ ยามข้าได้นับสรรพมวล ตรวจโดยถี่ถ้วน แล้วจึ่งจะเชื่อนัยนา ๏ ข้าขอโอกาศราชา ฟันกิ่งพฤกษา พิเภตก์นั้นตรวจด้วยพลัน ๏ ถ้าแม้มิทำฉันนั้น ไหนจะรู้กัน ว่าถูกฤๅผิดแน่นอน ๏ ข้าบาทจะนับผลากร ให้เห็นยิ่งหย่อน ต่อหน้าชนาธิบดี ๏ ขอวานวาร์ษไณยสารถี ถือสายขับนี้ สักครู่พอรั้งพาชิน ฯ ๏ นฤปตอบนายอัศวิน เวลาจะสิ้น จะเสียเพื่อยั้งอยู่ไย ๏ วาหุกประสงค์จงใจ ตามจิตตนไซ้ร จึ่งทูลพระปิ่นอยุธยา ๏ แม้พระมิโปรดรอรา ขอเชิญราชา เสด็จจรัลพลันไป ๏ พร้อมนายสารถีวาร์ษไณย ถนนนี้ไซ้ร บ่เลี้ยวบ่ลดบทจร ฯ ๏ ท้าวฤตุบรรณบดีศร ตอบพจนากร ด้วยพจมานหวานดี ๏ ดูราวาหุกสารถี ในพื้นปัถพี ผู้ใดจะเทียบเปรียบสู ๏ สูเอยฉลาดรอบรู้ เชิงอัศวกู ต้องพึ่งให้พาสู่วิทรรภ์ ๏ กูไว้ใจสูมากครัน สูอย่ากีดกัน ซึ่งการดำเนินเดินไป ๏ อันสูประสงค์สิ่งไร กูจะตามใจ วาหุกทุกสิ่งเสร็จสรรพ์ ๏ ขอเพียงให้ถึงวิทรรภ์ ก่อนพระสุริยัน จะเย็นจะยํ่าคํ่าลง ฯ ๏ วาหุกทูลจอมสุริยวงศ์ ข้าบาทประสงค์ แต่เพียงได้นับผลสมอ ฯ ๏ ขอโปรดให้ดังข้าขอ นับเสร็จไม่รอ จะรีบตระบึงถึงวิทรรภ์ ๏ ปางนั้นพระองค์ทรงขันธ์ ตอบคำจำนรรจ์ จะนับก็นับไว ๆ ๏ จงเริ่มด้วยกิ่งหนึ่งไซ้ร อันกูชี้ให้ อย่ามัวพะวงสงกา ๏ เริ่มนับเถิดอย่ารอรา เพื่อความปรีดา แห่งสูผู้อยากรู้จริง ๏ พระนลบ่ได้ประวิง ลงรถรีบวิ่ง ไปหักเอากิ่งลงมา ฯ ๏ นับสิทธิ์พิสมัยนักหนา จึ่งทูลราชา ผู้จอมจังหวัดโกศล ๏ ข้านับแล้วชัดถนัดยล จำนวนถ้วนผล พอเท่าพระองค์ทำนาย ๏ กำลังพลังฦๅสาย ยิ่งชนทั้งหลาย ดนูได้เห็นเจนตา ๏ อันวรวิสิษฐวิทยา ข้าใคร่ทราบว่า มีนัยอยู่เปนไฉน ฯ ๏ ราชาใคร่เดินต่อไป จึ่งตรัสเฉลยไข บ่เบือนบ่ปิดปิดบัง ๏ กูรู้หัวใจสกาขลัง จึ่งชาญฉมัง ฉลาดวิธีสังขยา ฯ ๏ วาหุกทูลพระราชา แม้ทรงกรุณา ประทานวิชาสกาดี ๏ ข้าจะตอบแทนภูมี ด้วยความยินดี ถวายอัศวหฤทัย ฯ ๏ ราชาฤตุบรรฦๅไชย โดยหวังจะได้ ดำเนินไปพลันทันประสงค์ ๏ หัวใจวิทยาม้าทรง เธอก็จำนง จึ่งตอบว่ายอมตามใจ ๏ กูจะสอนอักษหฤทัย เพื่อสูจักได้ วิชาสกาช่ำชอง ๏ อัศวหฤทัยกูปอง มาแลกกันของ วิเศษทั้งคู่ดูสม ฯ ๏ ตรัสแล้วฤตุบรรณนโรดม สอนวิทยาคม สกานั้นให้พระนล ๏ พอชาญสกาโกศล กลีผีซน ก็ออกจากองค์ภูมินทร์ ๏ พิษกรรโกฎกนาคินทร์ ก็คลายแรงสิ้น และออกทางโอษฐนฤบาล ๏ อีกทั้งไฟแช่งแรงราญ แห่งกลีผีพาล ก็ออกมาพ้นกายา ๏ ต่อนั้นเหน็จเหนื่อยเมื่อยล้า องค์พระราชา บ่ใคร่รู้สึกวรกาย ฯ ๏ แต่ฝ่ายกลีผีร้าย พิษนาคเหือดหาย ก็กลับเปนรูปเดิมที ๏ พระนลนิษัธบดี กริ้วโกรธกลี จึ่งคิดจะแช่งแรงร้อน ๏ กลีเกรงเดชภูธร กายสั่นพลันกร ประนมทำนูลภูวนัย ๏ ข้าขอประทานอภัย จะตอบทรงไชย ด้วยพรให้เกียรติพูลทวี ๏ อินทรเสนะชนนี แสนโกรธเทวี เธอสาปดนูแรงราญ ๏ นางสาปเมื่อยามภูบาล ทิ้งนางกลางพนานต์ ให้ร้อนลำบากยากเข็ญ ๏ ตั้งแต่นั้นมาราเชนทร์ ข้าสิงกาเยนทร์ พระองค์อยู่ด้วยเดือดแด ๏ อีกพิษนาคราชนั้นแล เผาเผือเหลือแก้ ทุกวันทุกคืนยืนยง ๏ ข้าขอพึ่งบุญพระองค์ ขอราชาจง สดับซึ่งศัพทวาจา ๏ ทั่วแดนแผ่นโลกมนุชา ผู้ไม่ลืมวา ทะสรรเสริญภูวนัย ๏ บ่มิต้องมัวกลัวภัย พระคุณทรงไชย จะคุ้มอำนาจกาจกลี ๏ ข้าพรั่นสั่นกลัวภูมี โปรดข้าครานี้ อย่าสาปให้ทุกข์ทวีคูณ ฯ ๏ พระนลฟังคำทำนูล จึ่งพระนเรนทร์สูร ระงับซึ่งความโกรธลง ๏ กลีกลัวพระสุรวงศ์ ประณตบทบงสุ์ แล้ววิ่งเข้าสิงพิเภตก์ไพร ๏ ยามสนทนานั้นไซ้ร บ่มีผู้ใด ได้เห็นนอกจากจอมนิษัธ ฯ ๏ ปางนั้นพระปิ่นนิษัธรัฐ ครั้นเสร็จกำจัด ซึ่งปวงเสนียดเนาใน ๏ ทั้งกลีผีร้ายหายไป รีบรัดบัดใจ เสร็จสังขยาผลาผล ๏ ชื่นชมสมสิทธิ์จิตวิมล จึ่งองค์พระนล ธเรืองจำรัสรัศมี ๏ กลับขึ้นรถรัตนมณี นวลลอองผ่องศรี เร่งหัยราชปราดไป ๏ ฝ่ายต้นสมอพิเภตก์ไพร เปนไม้จัญไร มาตั้งแต่ครั้งกลีสิง ฯ ๏ สี่หัยราชรามงามวิ่ง เร็วรวดยวดยิ่ง ประหนึ่งว่านกผกผิน ๏ พระนลรื่นรมย์สมถวิล ก็เร่งพาชิน ประดุจพระพายผายผัน ๏ หมายมุ่งสู่กรุงศรีวิทรรภ์ งามราชาอัน มหายศาสง่างอน ๏ พระนลผ่านพ้นดงดอน กลีจึ่งจร กลับคืนยังเคหสถาน ฯ ๏ ดังนี้ผีร้ายแรงหาญ ล่าพ้นผู้ผ่าน แผ่นปัถพีบดีศร ๏ แคล้วจากกลีผีบอน จึ่งพระภูธร คงขาดแต่รูปเคยทรง ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๐ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif) สรรคที่ ๒๑ ๏ ตโต วิทร๎ภาน์ ส์มป์ราป์ตํ สายาห๎เณ สัต๎ยวิก๎รมัม์ ๏ รถเลื่อนเคลื่อนไปในวิถี สดศรีวิไลยราวหงส์ พอเวลาสายันห์ตวันลง ก็ถึงตรงน่าวิทรรภเวียงไชย ฯ ๒ คำ ฯ ฤตุปร๎ณํ ชนา ราช๎เญ ภีมาย ป๎รต๎ยเวทยัน์ ๏ บัดนั้น ฝ่ายนายประตูน้อยใหญ่ เห็นท้าวฤตุบรรณนั้นไซ้ร มาใกล้จะถึงธานี แบ่งปันกันอยู่ระวังการ แทบที่ทวารกรุงศรี ตัวนายไปเฝ้าจอมบุรี เพื่อทูลคดีเหตุการณ ฯ ๔ คำ ฯ ๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวภีมะราชมหาศาล ทราบเหตุปลื้มเปรมกมลมาลย์ จึ่งมีบรรหารสั่งไป จงเชิญพระจอมอยุธยา เข้าสู่ภาราอย่าช้าได้ แล้วจงทูลองค์ภูวนัย ให้เสด็จตรงยังวังนี้ ฯ ๔ คำ ฯ ๏ บัดนั้น นายประตูประณตบทศรี รีบจากพระโรงรูจี ไปที่ทวารเวียงไชย ฯ ๒ คำ ฯ ส ภีมวจนาท์ ราชา กุณ์ฑินัม์ ป๎ราวิศัต์ ปุรัม์ ๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์ฤตุบรรณเปนใหญ่ ว่าพระจอมวังรับสั่งใช้ ให้เชิญภูวเรศร์ประเวศวัง ฯ ๒ คำ ฯ ๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวฤตุบรรณกำลังขลัง ได้ยินระบอบชอบฟัง จึ่งตรัสสั่งเลื่อนรถเข้าสู่เวียง ฯ ๒ คำ ฯ นาทยัน์ รถโฆเษณ สร๎วาห์ สวิทิโศ ทิศห์ ๏ รถขวัญ เสียงสนั่นแดนดินได้ยินเสียง ไพเราะเหมาะหมายคล้ายจำเรียง ฟังเพียงเพลงเพราะเหมาะใจ ยินถึงพระยาม้าต้น ของพระนลทรงฤทธิ์อดิศัย อันอยู่ในโรงที่ข้างใน ก็ดีใจต่างร้องก้องกังวาฬ ต่างตัวเริงร้องลำพองเต้น ราวกับเห็นพระนลมหาศาล เห็นม้าท่าเปรมกมลมาลย์ พนักงานต่างคิดฉงนนัก ฯ ๖ คำ ฯ ทมยัน์ตี ตุ ศุศ๎ราว รถโฆษํ นลัส๎ย ตัม์ ๏ เมื่อนั้น ฝ่ายทมยันตีมีศักดิ์ นั่งอยู่ในราชสำนัก นงลักษณ์ยินเสียงรถพระนล ครืน ๆ อธึกกึกก้อง คล้ายฟ้าร้องเมฆคำรามยามฝน ได้ยินเสียงอกเต้นเห็นชอบกล นฤมลยินศัพท์ก็จับใจ เผยพระแกลแลดูราชรถ เห็นเลี้ยวลดตามท้องถนนใหญ่ สารถีขับม้าอาชาไนย ดูไปใจวาบปลาบวิญญา ดูราวพระนลกมลครรภ เธอทรงขับพาชีสี่สง่า ทั้งดูพาชีที่ขับมา ก็คล้ายม้านลราชปลาดครัน ยูงเกาะหลังคาปราสาทสล้าง พระยาช้างยืนโรงแขงขัน ยินฝีเท้ามิ่งม้ามาครานั้น อีกเสียงรถเลื่อนลั่นสนั่นวัง ยูงรำแพนแอ่นอกร่าร้อง พระยาช้างร้องก้องเหมือนเสียงสังข์ ทั่วทั้งวังขวัญสนั่นดัง เหมือนเสียงเมฆกำลังวรรษกาล ฯ ๑๒ คำ ฯ ๏ เพ่งพิศดูรถสดสี นางทมยันตีศรีสมาน ดูยามเข้ามาน่าพระลาน เยาวมาลย์จึ่งนึกตรึกไตร ฯ ๒ คำ ฯ ๏ ยถาเสา รถนิร๎โฆษห์ ปูรยัน์นิว เมทินีม์ ๏ ฟังเสียงรถนั้นลั่นเลื่อน เหมือนเสทือนแทบเมทินีไหว ยินเสียงก็ปลื้มประหลาทใจ คำนึงในนึกแน่ว่าท้าวนล แม้วันนี้ไม่พบนลราช พักตร์พิลาศเพียงจันทร์ณเวหน ไม่พบองค์ผู้ทรงคุณอนนต์ คงจะวอดวายชนม์เปนแน่นอน แม้มิได้พิรพงศ์วงศ์สวรรค์ มารับขวัญปลอบโยนด้วยโอนอ่อน แม้วันนี้เริดร้างห่างพระกร คงเร่าร้อนดาลดิ้นสิ้นชีวัง แม้พระไนษัธขัตติเยศร์ ไม่เสด็จแม้นเมฆอุโฆษขลัง เราจะเข้ากองไฟไม่รอรั้ง ให้ไหม้ดังสีทองรองเรือง แม้ราชาไม่มาณวันนี้ เหมือนสีหราชกาจกระเดื่อง ฤๅเหมือนช้างงาสง่าเมือง ก็คือเครื่องฆ่าเราให้บรรไลย นึกไปจะได้ยินพระตรัสปด ฤๅทำคดสักสิ่งบ่นึกได้ บ่เคยยินวาจาด่าผู้ใด ภูวนัยพูดตรงทรงธรรม์ คิดสูงรู้ถ่อมพร้อมกลั่นกล้า พระไทยดียิ่งกว่ากษัตร์สรรพ์ อันสิ่งเลวทรามหยามหยาบนั้น ทรงธรรม์จักทำหาไม่เลย ทุกค่ำเช้าเฝ้านึกถึงพระคุณ แสนจะขุ่นวิญญานิจจาเอ๋ย หฤทัยร้างรักสมัคเชย ไร้เสบยทรวงร้าวราวจะราน ฯ ๑๖ คำ ฯ ๏ เอวํ วิลปมานา สา ๏ คร่ำครวญนวลนงทรงพิลาป แปลบปลาบอกไหม้เหมือนไฟผลาญ แขงพระไทยขึ้นบนพระวิมาน ดูภูบาลบุญโศลกฦๅไชย เห็นรถทรงอยู่กลางหว่างพระลาน มหิบาลฤตุบรรณเปนใหญ่ อยู่พร้อมด้วยนายวาร์ษไณย อีกวาหุกผู้ไกรพาชี วาร์ษไณยโจนลงมิได้ช้า วาหุกลงรถสดสี ปล่อยซึ่งสายขับพาชี ดังนี้หยุดรถราชา ฯ ๖ คำ ฯ โสวตีร๎ย รโถปัส๎ถาท์ ๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวฤตุบรรณนาถา พอรถหยุดที่กลางหว่างชลา ลงจากมหารถยาน ดำเนินขึ้นสู่ปราสาท โอภาสพิไลยไพศาล หวังพบภีมราชแรงชาญ ผู้ผ่านวิทรรภธรณิน ฯ ๔ คำ ฯ ตัม์ ภีมห์ ป๎รติชค๎ราห ปูชยา ปรยา ตตห์ ๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวภีมะราชทรงศิลป์ ต้อนรับฤตุบรรณภูมินทร์ เสร็จสิ้นสมควรทุกสิ่งไป พระคิดว่าเจ้ากรุงอยุธเยศร์ ไม่มีเหตุจะมานั้นหาไม่ เพราะมิรู้ว่าธิดายาใจ คิดอุบายลวงให้เธอนั้นมา พระจึ่งถามพระจอมอยุธเยศร์ เหตุใดเสด็จถึงเมืองข้า พาซื่อมิรู้ว่าเธอมา เพราะประสงค์ธิดานงลักษณ์ ฯ ๖ คำ ฯ ฤตุปร๎โณปิ ราชา ส ธีมาน์ สัตยปราก๎รมห์ ๏ เมื่อนั้น องค์ท้าวฤตุบรรณมีศักดิ์ ความคิดฉลาดแหลมนัก ทั้งประจักษ์แกล้วกล้าเปนพ้นไป เหลียวดูในวังรัตนา ท้าวพระยาลูกเจ้าหามีไม่ สยมพรพิธีไม่มีไว้ อีกมิได้เห็นพราหมณ์ชุมนุมกัน รู้ว่ามาเสียทีไม่มีผล จึ่งพระจอมโกศลรังสรรค์ ตอบว่าข้ามาเฝ้าพระทรงธรรม์ เพื่อบังคมคัลพระทรงไชย ฯ ๖ คำ ฯ ราชาปิ จ ส๎มยัน์ ภีโม มนสา สมจิน์ตยัต์ ๏ เมื่อนั้น ภีมราชฟังคำเฉลยไข ตรองดูแล้วกริ่มยิ้มใน สงสัยในกระแสวาที อันจะสู้ดั้นด้นสถลมารค ลำบากร้อยโยชน์มาถึงนี่ สู้ผ่านบ้านเมืองมากมี เพื่อที่จะกราบกรานกู เพื่อเหตุเล็กน้อยเพียงนี้ไซ้ร จะอุส่าห์มาไกลกระไรอยู่ จำจะนิ่งรอรั้งฟังดู บางทีจะได้รู้ต่อไป คิดพลางทางถามข่าวคราว เรื่องราวสนทนาปราไสย แล้วตรัสว่าเธอมาทางไกล เชิญไปพักร้อนผ่อนพระกาย ฯ ๘ คำ ฯ ส สัต์ก๎ฤตห์ ป๎รห๎ฤษ๎ฏาต๎มา ป๎รีตห์ ป๎รีเตน ปาร๎ถิวห์ ๏ เมื่อนั้น พระปิ่นโกศลฦๅสาย ได้รับต้อนรับล้วนสบาย สมหมายยินดีปรีดา บังคมสมเด็จวิทรรภราช อภิวาทราชันหรรษา เสด็จจากพระโรงรจนา ลีลาตามกรมวังไป ฯ ๔ คำ ฯ ราชเป๎รไษ๎ยร์ อนุคโต ทิษ๎ฏํ เวศ๎ม สมาวิศัต์ ๏ กรมวังนำองค์พระทรงศักดิ์ ถึงพระตำหนักสดใส ฤตุบรรณพร้อมนายวาร์ษไณย เสด็จขึ้นอาไศรยด้วยสราญ ฯ ๒ คำ ฯ วาหุโก รถัม์ อาทาย รถศาลาม์ อุปาคมัต์ ๏ เมื่อนั้น ฝ่ายว่าวาหุกใจหาญ จึ่งนำพระราชรถยาน สู่สถานโรงรถด้วยพลัน จึ่งแก้สี่อัศวราช แล้วกราดแต่งเสร็จขมีขมัน ปลอบม้าให้สงบทั่วกัน แล้วตัวนั้นนั่งพักบนรถทอง ฯ ๔ คำ ฯ ทมยัน์ตี ตุ โศการ๎ตา ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ภางคาสุรึ น๎ฤปัม์ ๏ เมื่อนั้น ฝ่ายทมยันตีหม่นหมอง ยามชะแง้แลจากบัญชรทอง มองท้าวภางคาสุรี อีกเห็นวาร์ษไณยเต็มตา ทั้งวาหุกนายสารถี นางกลับมาตรองหมองฤดี เปนที่สุดพ้นพรรณนา ฯ ๔ คำ ฯ กัส๎ไยว รถนิส๎วนห์ ๏ รถใครฟังเสียงสำเนียงยวด เร็วรวดจับใจเปนหนักหนา คล้ายรถพระนลราชา แต่ว่าบ่เห็นองค์พระนล ฤๅว่าวาร์ษไณยได้ศึกษา รู้วิชาทันแทนแสนฉงน ยามฟังรถจรดจรดล จึ่งคล้ายเสียงพระนลเธอขับเอง ฤๅฤตุบรรณนั้นเรียนรู้ พอสู้นลราชกาจเก่ง รถแล่นจึ่งดังวังเวง เพียงพระไนษัธเองขับมา ฯ ๖ คำ ฯ เอวํ สา ตร๎กยิต๎วา ตุ ทมยัน์ตี ๏ เสร็จนึกตรึกไตรในฤดี จึ่งทมยันตีศรีสง่า ตรัสเรียกสาวใช้คนหนึ่งมา ใช้ไปเฝ้าราชาด้วยฉับพลัน ฯ ๒ คำ ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๑ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif) สรรคที่ ๒๒ ๏ คัจ์ฉ เกศินิ ชานีหิ ก เอษ รถวาหกห์ ๏ นี่แน่เกศินีนงเยาว์ ตัวเจ้าไหวพริบทุกสิ่งสรรพ์ จงไปสืบสาวข่าวมาพลัน รัถพ่าห์ผู้นั้นคือผู้ใด โน่นแน่เขานั่งอยู่บนรถ เจ้าเห็นปรากฎอยู่หรือไม่ คนรูปพิการนั้นเปนไร แขนสั้นนั้นไซ้รเห็นฤๅยัง เออตัวเจ้าตัวดีจงไปหา อย่าให้เขาเคืองแค้นคั่ง ค่อย ๆ พูดจาอย่าตึงตัง อย่ารอรั้งรีบถามเอาความมา เจ้าผู้ฉลาดอาจปลอบ ให้เขาชอบถูกใจได้นะหวา ถามแล้วให้เขาตอบมา แต่ด้วยวาจาอันสัตย์จริง ตัวกูไม่วายสงกา แต่อกข้าเต้นตึกด้วยนึกกริ่ง หฤทัยสั้น ๆ ขันยิ่ง ฤๅพระนลแน่จริงใคร่แจ้งใจ แล้วเจ้าจงลองกล่าวสุนทร คำกลอนซึ่งกูสั่งให้ พราหมณ์ปรรณาทประภาษแล้วไซ้ร ดังนี้ทีจะได้เห็นชัด เจ้าเอวบางจงพลางสังเกตคำ จดจำคำตอบให้ถนัด จงจำแม่นมาสารพัต ไปเถิดจงรัดรีบไป ฯ ๑๔ คำ ฯ ตตห์ สมาหิตา คัต๎วา ทูตี วาหุกัม์ อัพ๎รวีต์ ๏ บัดนั้น เกศินีกัญญาอัชฌาไศรย ก้มเกล้าทูลลาอรไทย ไปหาวาหุกด้วยทันที รู้ว่าทมยันติบังอร ประทับแทบบัญชรปราสาทศรี นางจึ่งไม่รั้งรอจรลี ไปหาสารถีดังบัญชา ฯ ๔ คำ ฯ ส๎วาคตํ เต มนุษ๎เยน์ท๎ร กุศลํ เต พ๎รวีม๎ยหัม์ ๏ ครั้นถึงจึ่งกล่าวคำสุนทร ดูก่อนมิ่งมนุษแกล้วกล้า ข้าขอคำนับด้วยปรีดา ท่านมาครั้งนี้ด้วยดี ดูราบุรุษเลอสรร เราเปนข้าแจ่มจันทร์จำรัสศรี ทรงนามพระทมยันตี เธอมีเสาวนีสั่งใช้ ให้มาไต่ถามความร้ายดี ท่านนี้ลีลามาแต่ไหน เข้ามาธานีวันนี้ไซ้ร เพื่อประสงค์สิ่งใดจึ่งได้มา ขอท่านจงตอบข้อความ ที่เราถามตามจริงเถิดเจ้าข้า พระไวทรรภีศรีสุดา ตรัสใช้เรามาเพื่อเหตุนี้ ฯ ๘ คำ ฯ ศ๎รุตห์ ส๎วยํวโร ราช๎ญา เกาศเลน มหาต๎มนา ๏ เมื่อนั้น วาหุกฟังคำมารศรี จึ่งตอบคำไปด้วยไมตรี บ่มิได้มีเกี่ยงงอน ว่าองค์สมเด็จพระบพิตร์ ผู้สถิตโกศลสโมสร ทรงทราบข่าวพิธีสยมพร แห่งบังอรองค์ทมยันตี พราหมณ์ทูลพระองค์ผู้ทรงขัณฑ์ ว่า วิทรรภ์สุดามารศรี จะเลือกคู่ใหม่กันวันพรุ่งนี้ ภูมีจึ่งรีบเสด็จมา เลือกม้าฝีเท้าอันยิ่งยวด เร็วรวดมาร้อยโยชน์กว่า ม้าวิ่งเร็วยิ่งกว่าวาตา ตูข้าสารถีพระภูบาล ฯ ๘ คำ ฯ อถ โยเสา ต๎ฤตีโย วห์ ส กุตห์ กัส๎ย วา ปุนห์ ๏ บัดนั้น นางเกศินีได้ฟังสาร จึ่งถามต่อไปมิได้นาน ขอท่านจงแถลงให้แจ้งใจ ชายคนที่สามซึ่งมาด้วย จงช่วยแก้ความสงสัย เขานั้นชื่อเรียงเสียงไร เปนชาวเมืองใดแจ้งคดี ส่วนตัวท่านเองชาวใด เหตุไฉนจึ่งเปนสารถี ขอท่านมีใจไมตรี ตอบถามข้านี้ด้วยเถิดนาย ฯ ๖ คำ ฯ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ย ไว สูโต วาร๎ษ๎เณย อิติ วิศ๎รุตห์ ๏ เมื่อนั้น วาหุกจึ่งตอบนางโฉมฉาย ข้านี้ยินดีจะบรรยาย ขยายข้อจริงทุกสิ่งไป เขาโน้นเปนนายสารถี แห่งภูมีบุญโศลกเปนใหญ่ มีนามว่านายวาร์ษไณย เขาไซ้รขึ้นชื่อฦๅชา เมื่อยามพระนลจากสมบัติ เขาไปจากนิษัธเวียงสง่า เข้าไปพึ่งบุญกรุณา แห่งท้าวภางคาสุรี ตูข้าทางม้าเชี่ยวชำนาญ ขึ้นชื่อในการขับขี่ สารถีฤตุบรรณภูมี อีกประกอบซึ่งศรีโภชนา ฯ ๘ คำ ฯ อถ ชานาติ วาร๎ษ๎เณยห์ ก๎ว นุ ราชา นโล คตห์ ๏ เมื่อนั้น วาหุกจึ่งถอนใจใหญ่ แลดูเกศินีศรีประไพ แล้วเฉลยคำไปด้วยสัจจัง เมื่อยามพระนลกมลเฟือน แชเชือนกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่ง เขารับลูกเธอไปไม่รอรั้ง เพื่อหวังประโยชน์แห่งกุมาร ครั้นกิจเขาเสร็จสำเร็จแล้ว ก็คลาศแคล้วไกลจากราชฐาน ในส่วนพระไนษัธภูมิบาล เขาบ่รู้เหตุการณ์ต่อไป อันข่าวพระนลพลบดี จะได้มีใครทราบนั้นหาไม่ เธอเที่ยวคเนจรซ่อนไป ในที่ทั่วโลกโลกา ทั้งรูปทรงนั้นสิวิปริต แผกผิดบ่มีใครรู้หน้า พระนลรู้ผู้เดียวเท่านั้นนา เพราะว่าคงเหลือเก่าแต่ดวงใจ ฝ่ายองค์พระนลเองเล่า จะบอกเค้าแก่ใครนั้นหาไม่ พระจะสู้ทนกรรมกรำไป ตราบเท่ากษัยชีวิตตน ฯ ๑๒ คำ ฯ โยสวโยธ๎ยาม์ ป๎รถมํ คตวาน์ พ๎ราห๎มณัส๎ ตทา ๏ บัดนั้น เกศินีรู้สึกนึกฉงน ได้ฟังระบอบเห็นชอบกล นฤมลจึ่งตอบพจมาน อันพราหมณ์ผู้แรกไปถึง ซึ่งอโยธยาไพศาล ได้กล่าวคำขององค์พระนงคราญ ท่านจำได้บ้างฤๅอย่างไร ฯ ๔ คำ ฯ ก๎ว นุ ต๎วํ กิตว ๏ โอ้นักสกาของข้าเอ๋ย กระไรเลยดั้นด้นไปหนไหน แบ่งเอาผ้าข้าคลุมแล้วดุ่มไป ช่างกระไรไม่คิดเมตตากัน ช่างทอดทิ้งเมียขวัญอันสวาท ให้อนาถนอนร้างกลางไพรสัณฑ์ เมียซื่อตรงจงรักภักดีครัน นั่งคอยผัวอยู่นั้นเช่นสั่งไว้ แสนฟูมฟกอกผ่าวราวไฟผลาญ ให้ร้อนราญทรวงเริงเหมือนเพลิงไหม้ ห่มแต่ผ้ากึ่งผืนนั้นยืนไว้ พอจะได้ต่างหน้าพระสามี โอ้วีระบุรุษมกุฏเกศ จงสมเพชภรรยามารศรี ผู้โศกเศร้าทุกทิวาราตรี เชิญบดีมาปลอบประโลมนาง ฯ ๘ คำ ฯ ตัส๎ยาส๎ ตัต์ ป๎ริยัม์ อาข๎ยานัม์ ป๎รวทัส๎ว มหามเต ๏ ครั้นกล่าวกลอนตามสอนแห่งเทวี เกศินีคอยมองจ้องบ่ว่าง สังเกตดูกิริยาท่าทาง แล้วนางจึ่งพูดต่อไป ขอเชิญนายขยายซึ่งกลอนเก่า ซึ่งจะยังนงเยาว์ให้ปลื้มได้ อันพระไวทรรภีเทวีไซ้ร อยากใคร่ยินคำซํ้าอีกครา เมื่อครั้งพราหมณ์กล่าวกลอนสุนทรสาร นายได้ขานไขตอบชอบนักหนา พระไวทรรภีศรีสุดา อยากใคร่ยินวาจาซํ้าอีกที ฯ ๖ คำ ฯ เอวัม์ อุก์ตัส๎ย เกศิน๎ยา ๏ เมื่อนั้น พระนลทรงสวัสดิ์รัศมี ทรงฟังคำนางเกศินี พาทีสิ้นศัพท์ก็จับใจ เศร้าส้อยละห้อยหวลคำนึง คิดถึงความหลังตั้งหม่นไหม้ อัสสุชลคลอคลองนองนัยน์ แทบจะกลั้นมิได้ในครานั้น ทุกข์นักหนักอกแสนฟกชํ้า แต่ทรงธรรมเงือดงดอดกลั้น เสียงเครือเหลือแก้ในครานั้น แล้วรำพรรณเผยพจน์บทกลอน ฯ ๖ คำ ฯ ไวษัม๎ยัม์ อปิ สัม์ป๎ราป์ตา โคปายัน์ติ กุลัส๎ต๎ริยห์ ๏ ถึงแม้ยามชอกชํ้าระกำใจ สัตรีใดเชื้อเลิศประเสริฐสมร ย่อมรู้จักข่มตนและทนร้อน จึ่งบังอรถึงฟ้าสุราลัย ถึงแม้ผัวทิ้งไปด้วยใจโฉด หล่อนจะโกรธภรรดาก็หาไม่ อันหญิงดีอยู่ดีไม่มีภัย เพราะความดีคุ้มได้ดังเกราะทอง ถึงแม้ผัวใจชั่วมั่วโมหัน และผัวนั้นล้างสุขสิ้นทั้งผอง ทั้งทอดทิ้งเมียไว้ไม่อยู่ครอง นางบ่ข้องเคืองผัวผู้ตัวทราม อันชายนั้นดั้นด้นค้นหากิน นกมันบินโฉบผ้าต่อหน้าหยาม จึ่งต้องเที่ยวทนทุกข์ทุกโมงยาม แม่งามขำบ่ได้โกรธสักนาที ถึงอย่างไรใจดีฤๅใจชั่ว เมื่อเห็นผัวคงเศร้าฤดีศรี โอ้ไร้เมืองไร้เครื่องบำเรอดี ทุกข์ทวีหิวโหยให้โรยแรง ฯ ๑๐ คำ ฯ เอวัม์ พ๎รุวาณัส๎ ตัท์ วาก๎ยํ นลห์ ปรม ทุห์ขิตห์ ๏ ตรัสเสร็จพระนลกมลเศร้า เพราะทุกข์เร้าทุ่มมาแสนกล้าแขง เหลือจะกลั้นชลนัยน์อันไหลแรง ก็สอื้นกรรแสงโศกา ฯ ๒ คำ ตตห์ สา เกศินี คัต๎วา ๏ บัดนั้น เกศินีสังเกตท่วงท่า ทั้งฟังกลอนสุนทรวัจนา เห็นว่าสำคัญเปนมั่นคง จึ่งกล่าวคำอำลานายวาหุก ขอให้นายคลายทุกข์สุขส่ง พูดเสร็จทรามสงวนนวลอนงค์ ตรงเข้าไปยังวังใน ฯ ๔ คำ ฯ ทมยัน์ไต๎ย น๎ยเวทยัต์ ๏ ครั้นถึงจึ่งก้มอัญชลี กราบทมยันตีศรีใส แล้วทูลแด่องค์อรไทย ตามที่ตรัสใช้ไปสืบการณ์ ข้าไปพบวาหุกสารถี แห่งภางคาสุรีมหาศาล กล่าวกลอนสุนทรพจมาน ตามเช่นนงคราญเสาวนี วาหุกฟังคำที่รํ่าว่า ดูท่าเศร้าหมองไม่ผ่องศรี แล้วจึ่งกล่าวตอบวาที เช่นที่ทวิชานำมาทูล พูดเสร็จก็โศกสอื้นไห้ โศกมิใคร่ระงับดับสูญ เห็นแท้แน่ท่าเหลืออาดูร ข้าจึ่งรีบมาทูลด้วยฉับไว ฯ ๘ คำ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๒ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif) สรรคที่ ๒๓ ๏ ทมยัน์ตี ตุ ตัจ์ฉ๎รุต๎วา ๏ ครานั้นโฉมทมยันตี ฟังคดีข้าหลวงมาทูลไข พระทรวงโศกสิ้นสนุกเปนทุกข์ใจ ราวกับไข้เร่าร้อนอุระรำคาญ นางรำพึงคำนึงดูยุบล เชื่อว่าชายนั้นคือนลผู้แกล้วหาญ นางใคร่รู้แน่ฤทัยมิได้นาน จึ่งตรัสแก่นงคราญเกศินี เจ้าจงกลับไปใหม่ไปแลดู เพื่อรู้จักวาหุกสารถี สังเกตดูกิริยาและท่าที จงจดจำให้ดีทุกสิ่งอัน เจ้าจงไปยืนเน่งและเพ่งพิศ อยู่ชิด ๆ วาหุกคนขยัน คอยดูลักษณ์เล่ห์กลคนสำคัญ ดูเขานั้นจะสำแดงมาอย่างไร นี่แน่แม่คนดีศรีสวัสดิ์ จงสังเกตให้ถนัดให้แน่ได้ แม้เขากระทำใด ๆ จำไว้เพื่อมาเล่าให้เราฟัง จงคอยมองจ้องตามหาความรู้ จงคอยดูยามเดินและยืนนั่ง มองทุกสิ่งให้ถนัดสัจจัง ให้รู้ทั้งสิ่งชั่วและสิ่งดี เจ้าจงระวังอย่าพลั้งเผลอ อย่ามัวเหม่อมองอื่นนะโฉมศรี แม้ว่าเขาประสงค์ซึ่งอัคคี เกศินีอย่าหาให้ตามใจ หรือแม้ว่าเขาจะเรียกขอนํ้า งามขำจงอย่าได้หาให้ คอยดูเขาว่าจะทำประการใด ดังนั้นไซ้รจะถนัดซึ่งอัศจรรย์ เมื่อเจ้าได้แลเล็งเพ่งพินิศ เห็นจริตวาหุกทุกสิ่งสรรพ์ จงอุตส่าห์จดจำซึ่งสำคัญ ทุกสิ่งอันเอามาเล่าอย่าอำพราง เจ้าอย่าได้เผอเรอเผลอจิต คอยสังเกตนิมิตไว้ทุกอย่าง จะเปนแบบเทวัญอันสำอาง ฦๅเปนอย่างมนุษสุดแต่การ เจ้าเห็นแล้วอย่าได้ลืมแต่สักอย่าง ดูตลอดท่าทางกำแหงหาญ แล้วและเจ้าโฉมเฉลาจงเอาภาร เก็บเอามาไขขานทุกสิ่งไป ฯ ทมยัน์ไต๎ยวัม์ อุก์ตา สา ชคานาถ จ เกศินี ๏ ครานั้นเกศินีศรีสมาน รับบรรหารจึ่งบังคมประนมไหว้ ทูลลาทมยันตีศรีวิไลย รีบคลาไคลไปอีกครั้งตามสั่งนาง สังเกตดูกิริยานายม้าต้น นฤมลจำไว้ได้ทุกอย่าง ทุกท่วงทีกิริยาท่าทาง สาวสุรางค์ก็รีบกลับคืนมา กราบบังคมพระนางทมยันตี ทูลคดีละเอียดละออเปนหนักหนา ทุก ๆ อย่างดังเช่นที่เห็นมา กัญญาเล่าทุกสิ่งตามจริงไป เล่าถึงปวงนิมิตโดยพิสดาร ทุกประการที่จดจำได้ ทั้งอย่างคนอย่างเทวดาไซ้ร ปรากฎในวาหุกทุกสิ่งอัน เขานั้นประพฤติพิเศษยิ่ง ทุก ๆ สิ่งเหลือประเสริฐเลิศเลอสรร ไม่เคยยินเคยยลเหมือนคนนั้น ทุก ๆ สิ่งอัศจรรย์เสียสุดใจ เมื่อยามเดินถึงประตูช่องกุฎ จะต้องมุดต้องก้มก็หาไม่ ประตูนั้นพลันหลีกสูงขึ้นไป เพื่อจะให้เขาลอดสดวกดาย อันสมเด็จพระบิดามหาราช ประศาสน์สั่งพนักงานห้องเครื่องทั้งหลาย หาเครื่องใหญ่เครื่องเคียงเรียงราย ไว้ถวายท่านท้าวฤตุบรรณ พร้อมขัชชะโภชนาสารพัต ทั้งเนื้อปลาเนื้อสัตว์จัดสรร ล้วนของดีจริง ๆ ทุกสิ่งอัน ทั้งนั้นเปนของควรแก่ขัตติยา เพื่อชำระภักษาทั้งหลายนี้ เขาตั้งหม้อดี ๆ ไว้คอยท่า พอเขาเดินมามองจ้องด้วยตา นํ้าก็เต็มขึ้นมาเอง ๆ พลัน ครั้นเสร็จกิจชำระภักษาไซ้ร นายวาหุกลุกไปจากที่นั่น เก็บเอาหญ้าแห้งมาหนึ่งกำพลัน แล้วบัดนั้นถือชูเชิดไว้ พอหญ้าแห้งถูกแสงตวันฉาน บ่มินานสักอึดใจหนึ่งได้ ก็ลุกโรจน์โชติช่วงเปนดวงไฟ ราวสับใครสีก่อขึ้นเร็วรา กระหม่อมฉันแลดูอยู่ที่นั้น ก็พลันพิสมัยเปนหนักหนา จึ่งตั้งใจจะรีบเข้ามา เพื่อทูลแถลงกิจจามิช้าที แต่ชงักเจียวเพคะขณะนั้น ยืนตลึงขึงงันอยู่กับที่ เห็นสิ่งอัศจรรย์อีกทันที คราวนี้น่าตระหนกตกใจ อันไฟลุกคึก ๆ พิฦกเหลือ จะไหม้เนื้อชายนั้นหามิได้ เอาเพลิงนั้นถือในมือไว้ ราวกับไฟนั้นเย็นเล่นสบาย เมื่อเขานั้นประสงค์ซึ่งนํ้าท่า นํ้าก็หลั่งไหลมาได้เหมือนหมาย ยามเสร็จชำระสระกาย นํ้าก็หายแห้งไปดังใจปอง ตามทูลโฉมฉายทั้งหลายไซ้ร ดูก็แปลกเหลือใจไม่มีสอง ทั้งได้เห็นหลากหลายเปนก่ายกอง ยังมองเห็นอัศจรรย์นั้นอีกราย คือเขาเก็บบุบผามาบัดนั้น แล้วค่อยปั้นค่อยบีบกลีบขยาย ดอกไม้แห้งจวนโรยทุก ๆ ราย ก็กลับกลายสดชื่นคืนดี มิหนำซ้ำกลับตั้งขึ้นได้หมด อีกทั้งเห็นปรากฎกลับสดสี และกลับหอม ออมอบตระหลบดี เหมือนมาลีแรกผลิพิฦกนัก หม่อมฉันเห็นแจ่มจริงทุกสิ่งไป จึ่งได้จดจำไว้แน่ตระหนัก รีบมาทูลอรไทยวิไลยลักษณ์ ขอพระนางทรงศักดิ์จงเมตตาฯ ๏ ทมยัน์ตี ตุ ตัจ์ฉ๎รุต๎วา ๏ ครานั้นพระนางทมยันตี ฟังคดีนางกำนัลมาสรรว่า แสดงเสร็จท่วงทีกิริยา แห่งราชาบุญโศลกบรรฦๅฤทธิ์ ยิ่งทราบกิจการทั้งหลายนั้น นวลจันทร์ยิ่งนึกแน่จิต ว่าแน่แล้วพระนลสวามิศร์ เธอสถิตอยู่ใกล้ในนคร เห็นเชิงแน่ภรรดามหายศ ผู้ปรากฎกำแหงศักดิ์สโมสร จำแลงเปนวาหุกสูตสุนทร ผู้ชำนาญอัศดรวิเศษดี คิดถึงองค์ทรงศักดิ์ผู้รักยิ่ง นางยอดมิ่งหม่นหมองไม่ผ่องศรี สอื้นพลางทางเผยพระวาที แด่นางเกศินีนงเยาว์ เจ้าจงไปอีกครั้งอย่ารั้งรอ คอยดูพอเขาเผลอเถิดนะเจ้า จงหยิบเครื่องที่วาหุกได้คลุกเคล้า มาให้เราชิมดูให้รู้ที ฯ สา คัต๎วา วาหุกัส๎ยาเค๎ร ๏ ครานั้นนางข้าหลวงรับ ๆ สั่ง รีบไปยังวาหุกสารถี คอยรอพอเผลอเหม่อดี นารีจึ่งค่อยย่องเข้าไป เห็นเครื่องต้นแต่งปรุงจรุงกลิ่น สมถวิลหยิบเอาชิ้นหนึ่งได้ ยังอุ่น ๆ รีบถือติดมือไป ถวายองค์อรไทยไม่รอรา ฯ โสจิตา นลสิท์ธัส๎ย มางสัส๎ย พหุศห์ ปุรา ๏ ครานั้นโฉมงามผู้ทรามเชย เคยเสวยซึ่งสรรพมังสา ซึ่งพระนลเคยปรุงแต่ก่อนมา วนิดาจำรสได้แน่ใจ ครั้นนางลองทรงชิมซึ่งอาหาร ที่ข้าหลวงนงคราญนำมาให้ นางร้องกรีดหวีดขึ้นด้วยทันใด ว่าสูตราชนั้นไซ้รคือพระนล เสวยพลางทางคนึงถึงความเก่า นงเยาว์ขุ่นข้องหมองหม่น เสวยนํ้าบ้วนพระโอษฐด้วยนํ้ามนต์ ต้องตามโสภณประเพณี แล้วตรัสเรียกสองกุมารา ผู้สุดเสนหาทั้งสองศรี ตรัสใช้ให้นางเกศินี นำไปหาสารถีด้วยฉับพลัน ฯ ๏ อิน์ท๎รเสนาง สห ภ๎ราต๎รา สมภิช๎ญาย วาหุกห์ ๏ ครานั้นวาหุกชำเลืองมา เห็นนางอินทรเสนาสุดาสวรรค์ อีกกุมารพี่ชายผู้พรายพรรณ มาพร้อมกันกับนางเกศินี ลุกขึ้นรับขวัญมิทันช้า สร้วมกอดกุมาราทั้งสองศรี ด้วยความรักเยี่ยมยอดจอดฤดี เหลือที่จะหักความรักลง พิศดูลูกน้อยผู้กลอยจิต จุมพิตชื่นชมสมประสงค์ แลดูกุมารทั้งสององค์ รูปทรงราวเทพบุตรา ดู ๆ ก็นึกสงสาร สองกุมารไร้พ่อเสนหา ทุกข์ถ่วงทรวงซํ้าชํ้าอุรา ก็ฟูมฟายชลนาโศกาลัย แต่พระจอมนิษัธขัตติเยนทร์ รู้สึกว่านางเห็นสอื้นไห้ จึ่งปล่อยสองลูกน้อยกลอยใจ แล้วตรัสไปแด่นางเกศินี ว่าฉันเห็นกุมารทั้งคู่ ดูคล้ายลูกฉันเองทั้งสองศรี เมื่อแลเห็นพี่น้องทั้งสองนี้ ฉันจึ่งมีความโศกโศกาลัย แต่ส่วนตัวหล่อนรุ่นดรุณี จะมานี่บ่อย ๆ หาควรไม่ ฉวยว่าคนสังเกตเห็นไซ้ร เครื่องจะให้กล่าวโทษนา ๆ หล่อนกับฉันแด่เดิมไม่เคยคุ้น จะเกิดความวามวุ่นขายหน้า เชื่อฉันเถิดอย่าได้โกรธา นงพงาจงไปเถิดด้วยดี ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๓ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 31 สิงหาคม 2560 17:48:20 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ)
สรรคที่ ๒๔ ๏ สร๎วํ วิการํ ท๎ฤษ๎ฏวา ตุ ปุณ๎ยโศ๎ลกัส๎ย ธีมตห์ ๏ ครานั้นเกศินีศรีสมร ฟังสุนทรพจนาสารถี สังเกตเห็นกิริยาท่าที แห่งภูมีบุญโศลกฦๅชา จึ่งลากลับเข้ายังในวังราช บังคมบาทแม่อยู่หัวสุดสง่า แล้วจึ่งทูลแถลงแจ้งกิจจา ทุกสิ่งสารพัตสิ้นที่ยินยล ฯ ทมยัน์ตี ตโต ภูยห์ เป๎รษยามาส เกศินีม์ ๏ ครานั้นโฉมทมยันตี ฟังคดีทราบสร้านทุกเส้นขน จึ่งตรัสแด่เกศินีนิรมล เราขอวานอีกหนเถิดเปนไร เราอยากพบพระนลวิมลราช เจ้าและอาจช่วยเราสำเร็จได้ วานไปเฝ้าพระมาตุราชไซ้ร และขานไขทูลความตามสั่งมา ว่าข้าได้เพ่งพิศพินิศนัก สังเกตลักษณ์วาหุกแล้วทุกท่า ข้าแสนพะวงสงกา คิดว่าเขาคือพระนลผู้ทรงชัย แต่ว่ารูปร่างกายนั้นผิดแผก ดูแปลกชวนหลงและสงไสย แต่ข้านี้เหลือที่จะหักใจ อยากจะใคร่แลดูประจักษ์ดี ข้าอยากขอประทานพระมารดร โปรดให้เขาบทจรมาในนี่ หรือจะโปรดอนุญาตให้ข้านี้ ออกไปยังที่เขาหยุดพัก การทั้งนี้สุดแท้แต่พระองค์ จะทูลพระบิตุรงค์ให้ตระหนัก หรือไม่ทูลก็ตามแต่นงลักษณ์ ขอแต่อย่าให้ชักชืดไป ฯ ๏ เอวัม์ อุก์ตา ตุ ไวทร๎ภ๎ยา ๏ จะกล่าวถึงพระแม่อยู่หัวเจ้า ได้ฟังข้าหลวงเล่าคดีไข พระนางไม่รอรั้งชั่งฤทัย รีบไปทูลภีมะราชา เล่าความตามคำรํ่าขยาย อภิปรายแห่งธิดาเสนหา พระจอมเมืองมิได้ขัดอัธยา พระมารดาก็โปรดประนอมตาม ฯ สา ไว ปิต๎ราภ๎ยนุช๎ญาตา มาต๎รา จ ๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสง่า ครั้นทราบว่าพระบิดรไม่ย้อนถาม ทั้งสององค์ทรงอนุญาตตาม เจ้านงรามสมถวิลก็ยินดี จึ่งเชิญพระนลวิมลเดช ให้ประเวศวังในวิไลยศรี ให้เชิญถึงพระตำหนักรูจี โดยภูมีจอมวังสั่งให้มา ฯ ๏ ตาง ส๎ม ท๎ฤษ๎ฏ๎ไวว สหสา ทมยัน์ตี นโล น๎ฤปห์ ๏ ครานั้นพระนลวิมลราช เข้าถึงในตำหนักมาศเลขา แลดูทมยันตีศรีโสภา ดูมิได้วางตาด้วยจับใจ ดูพลางทางคนึงรำพึงโศก คิดถึงยามวิโยคอันโศกใหญ่ ความทุกข์รุกเร้าให้เศร้าใจ อัสสุชลล้นไหลลงอาบพักตร์ ฯ ตาง ตุ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ตถายุก์ตํ ทมยัน์ตี นลํ ตทา ๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสอาด เห็นพระนลนฤราชผู้ทรงศักดิ์ เสด็จเดินเข้ามาเฉภาะพักตร์ นงลักษณ์วูบวาบปลาบฤทัย พิศพลางนางคำนึงถึงความหลัง อัสสุชลพลั่ง ๆ หลั่งไหล แสนโศกราวโรคสถิตใจ น่าสงสารทรามไวยอนาทร นุ่งผ้ากาษายวัสอยู่ ดูประหนึ่งหญิงหม้ายไร้สมร ทั้งเกศารุงรังไร้อาภรณ อีกแปกปอนหมองหม่นเปนมลทิน นางพิศดูวาหุกสารถี คิดใคร่ลองดูทีเพื่อรู้สิ้น นางจึ่งกล่าวสุนทรกลอนวาทิน เพื่อลองดูภูมินทร์ให้แน่ใจ ดูราวาหุกฉลาดลํ้า จงตอบคำเราเถิดอย่าไถล อันชายใดขึ้นชื่อว่าซื่อไซ้ร และสถิตเที่ยงในคลองธรรม์ ชายเช่นนี้มีฤๅที่ทิ้งขว้าง เหินห่างเมียนอนในไพรสัณฑ์ ฤๅว่ามีที่ทอดทิ้งกัน ให้โศกศัลย์อ้างว้างอยู่กลางดง ก็ใครเล่าทิ้งเมียไปเสียได้ ปล่อยไว้ให้พะว้าพะวงหลง มิเสียแรงเมียรักภักดียง ผัวไม่จงใจถนอมกล่อมเมียเลย ช่างทิ้งได้ในพงดงสงัด โศกถนัดอนาถานิจจาเอ๋ย ใครหนอทิ้งเมียงามผู้ทรามเชย ท่านอย่าเย้ยเราจะบอกด้วยสัจจัง ชายผู้ทิ้งมิ่งเมียเหมือนเสียคน คือพระนลบุญโศลกกำลังขลัง เล่าไปไม่น่าเชื่อเหลือจะฟัง แต่จริงดังเราว่าอย่าติดใจ โอ้พระมหิบดีศรีวิโรจน์ ไฉนเธอกริ้วโกรธหารู้ไม่ ข้าประพฤติผิดพาลประการใด ฤๅชั่วช้าอย่างไรจึ่งโกรธา เหตุไฉนพระลี้หนีข้าเจ้า ให้โศกเศร้าอ้างว้างอยู่กลางป่า ยามข้าสนิทนิทรา พระราชาหนีไปเหมือนไม่รัก โอ้เสียแรงไม่ยอมพร้อมใจ ไปเปนเมียเทวัญบรรฦๅศักดิ์ อุส่าห์เลือกภูวนัยตามใจรัก เพราะสมัครักแท้แน่จริง เสียแรงจงรักและภักดี ทั้งได้มีราชบุตรชายหญิง ช่างกระไรหฤทัยเธอดำจริง จึ่งทอดทิ้งเมียได้ไม่เมตตา ต่อหน้าพระอัคนีศรีสวัสดิ์ เธอจับหัดถ์ข้าน้อยไว้แน่นหนา แล้วแถลงซึ่งสัจจวัจนา ต่อหน้าเทวดาทิพาลัย เธอตรัสว่าจะถนอมกล่อมเกลี้ยง บำรุงเลี้ยงมิให้อนาถได้ อันพระวาจาสัตย์ซึ่งตรัสไว้ ไฉนมาหายไปไม่คงทน ตรัสพลางนางทมยันตี สอื้นโศกีหมองหม่น ยิ่งคิดยิ่งซํ้าชํ้ากมล อัสสุชลไหลหลั่งพะพลั่งพรู ฯ ๏ นโล ท๎ฤษ๎ฏ๎วา ๏ ครานั้นพระนลวิมลรัตน์ เห็นนางกษัตร์โศกศัลย์รำพรรณอยู่ พิศดูโฉมวนิดาผู้ตาตรู โอ้พรํ่าพรูชลเนตร์เวทนา เจ้างามขำตาดำนิลสนิท ยิ่งพินิศจิตสงสารเปนหนักหนา พระแลดูงามสรรพผู้จับตา แล้วจึ่งเผยพจนาประภาษไป อันตัวพี่เพลี่ยงพลํ้าซํ้าเสียราชย์ เพราะอำนาจการพนันบันดาลให้ มิใช่เพราะผิดลงด้วยจงใจ มิใช่ทำชั่วช้าสามาญ เหตุด้วยกลีผีร้าย มุ่งหมายอาฆาฏแสนอาจหาญ ดลใจให้พี่นี้เดือดดาล จึ่งทิ้งเจ้าเยาวมาลย์คู่ชีวา เหตุฉนั้นยามน้องต้องพลัดพราก ไปจากสามีเสนหา ต้องทุกข์ร้อนจรดลด้นพนา ทุกทิวาราตรีมีแต่ครวญ ครั้งนั้นเจ้าได้สาปผู้คิดร้าย มุ่งหมายกระทำให้กำสรวล อันคำแช่งแรงเหลือแม่เนื้อนวล ล้วนถมเทลงตรงกลี แต่นั้นมากลีก็เข้าสิง แนบนิ่งอยูในกายพี่ ร้อนรนเปนพ้นพันทวี ด้วยเหตุที่คำแช่งกำแหงราญ ร้อนขึ้นทุกทีทวีหนัก บ่ได้มีผ่อนพักทวีผลาญ เหมือนก่อเพลิงเติมเพลิงเถกิงกานต์ เพลิงผลาญราญรุมสุมฤดี แต่บัดนี้กลีผีร้าย แพ้พ่ายอำนาจตะบะพี่ ทั้งพี่บำเพ็ญด้วยดี จึ่งอาจปราบกลีนั้นแพ้ไป ดูราเทวีศรีศุภา สารพัตสิ่งทุกข์ขุกไข้ สิ้นแล้วนะแก้วตาผู้ยาใจ อย่าสงไสยในคำแห่งพี่ยา อันตัวพี่ผีออกพ้นตัวแล้ว ทั้งคลาศแคล้วปวงบาปอันแน่นหนา พี่จึ่งรีบทำใจไม่รอรา รีบมาหาเจ้าเยาวมาลย์ มุ่งมาหาน้องผู้ต้องจิต หวังนิยมชมชิดยอดสงสาร ไม่มีอะไรนอกนั้นมาบันดาล ไม่ต้องการประโยชน์อื่นไกล อันนารีผู้มีผัวสมัค บำรุงรักจ่อจิตพิสมัย ได้ให้ถ้อยให้คำจำมั่นไว้ เหตุไฉนจะเสียซึ่งวาที เหตุไฉนจึ่งจำนงจงใจ หาผัวใหม่คลอเคลียให้เสียศรี ไฉนคิดผิดไปได้ดังนี้ เจ้าภีรุจงแถลงให้แจ้งใจ พระนฤบดีภีมกษัตร์ แต่งทูตไปสู่รัฐทั้งน้อยใหญ่ เที่ยวร้องป่าวฉาวความทั่วไป ใจความทุกแห่งต้องกัน ว่าโฉมนางไภมีศรีสวัสดิ์ จะเลือกทวยกษัตร์แขงขัน เปนภรรดาที่สองครอบครองกัน เกษมสันต์เชยชมภิรมย์ใจ นางพระยาธิดานรบดี จะมีที่กีดขวางก็หาไม่ นางจะหาภรรดายาใจ เลือกใหม่ตามแต่จิตจำนง ท้าวภางคาสุรีบรมนาถ ทราบประกาศตั้งใจใฝ่ประสงค์ จึ่งเสด็จด่วนมาโดยตรง เพราะหวังได้อนงค์เปนชายา ฯ ๏ ทมยัน์ตี ตุ ตัจ์ฉ๎รุต๎วา ๏ ครานั้นโฉมทมยันตี เทวีฟังพลางทางก้มหน้า ครั้นเมื่อพระนลราชา ปริเทวะว่าทุกสิ่งอัน จึ่งประนมก้มเกล้าเกศา ทั่วทั้งกายานั้นเทิ้มสั่น แล้วเฉลยเผยพจน์ไปพลัน ทูลพระนลทรงธรรม์ด้วยจริงใจ ว่าพระทูลกระหม่อมจอมผัว อย่านึกว่าน้องชั่วเช่นนั้นได้ น้องมิได้คิดคดขบถใจ ตราบบรรไลยซื่อตรงจงรัก เสียแรงเลือกนิษธาธิบดี เปนสามีปรากฎยศศักดิ์ สู้ละเลยเทวาสุรารักษ์ หวังพำนักพึ่งพระนลจนวันตาย อันพวกพราหมณ์ส่งไปในสิบทิศ ด้วยจำนงจงจิตมุ่งหมาย ให้ค้นหาราชาผู้ยอดชาย พราหมณ์ทั้งหลายรับสั่งไปเหมือนกัน ถึงแห่งใดให้หมั่นขับร้อง พร้องคำเปนกลอนสุนทรสรร พรรณนาครวญครํ่ารำพรรณ ตามที่กระหม่อมฉันได้สอนไป ณวันหนึ่งจึ่งพราหมณ์นามปรรณาท ผู้ฉลาดรู้วิชาน้อยใหญ่ ไปถึงโกศลเกรียงไกร เข้าในนิเวศน์ฤตุบรรณ พราหมณ์พบพระองค์ทรงยศ เปนนายขับรถอยู่ที่นั่น พราหมณ์กล่าวถ้อยคำรำพรรณ ทรงธรรม์ก็ตอบคำมา พราหมณ์กลับมาเล่าแล้วไซ้ร จึ่งสงไสยสมเหมาะเฉภาะท่า หม่อมฉันคิดอุบายได้ขึ้นมา เพื่อลวงพระราชามาที่นี้ อันผู้จะขับมิ่งม้า ดั้นมาร้อยโยชน์เต็มที่ ภายในวันเดียวนั้นไม่มี ในโลกนี้นอกจากพระจอมคน เพื่อเปนพยานสัจจะวาท ขอกราบแทบเบื้องบาทพระสักหน แม้ไม่จริงดังแถลงแจ้งยุบล ขอให้ป่นปี้ไปในพริบตา ถึงในดวงใจไม่เคยคิด ทุจริตต่อพระองค์ทรงเกศา ไม่เคยคิดติฉินท์นินทา หรือว่าเคี้ยวคดขบถใจ ขอท้าวเจ้าลมอุดมศักดิ์ ผู้มักเที่ยวทั่วโลกรอบได้ เปนพยานเห็นทั่วภพไตร จงได้เปนพยานข้านี้ ถ้าแม้ข้าคิดคดขบถไซ้ร ขอให้พระภูตะสักขี ทำลายปราณประหารชีวี ให้เปนที่ปรากฎด้วยพลัน อนึ่งขอให้พระผู้กระจ่าง ส่องสว่างเวหนบนสวรรค์ ผู้เสด็จเยี่ยมภพจบทุกวัน พระองค์นั้นเปนพยานวาจา ถ้าแม้ข้าคิดคดขบถไซ้ร ขอพระไฟบนสวรรค์อันแสงกล้า ทำลายปราณประหารชีวา เพื่อให้ปรากฎชัดถนัดยล อีกขอพระจันทิมามหายศ ผู้อยู่หมดทั่วไปทุกแห่งหน ทั้งทราบสิ้นสรรพกิจในจิตคน เปนพยานบันดาลผลจงมากครัน ถ้าแม้ข้าคิดคดขบถไซ้ร ขอจงไท้เทเวศร์วิเศษสรรพ์ ทำลายปราณประหารชีวัน ด้วยฉับพลันปรากฎทุกประการ สามเทพมหิทธิ์ฤทธิ์เดช แสนวิเศษกำแหงแรงหาญ บำรุงแคว้นแดนไตรให้สราญ ขอจงเปนพยานวาจา ขอทรงสำแดงให้ถนัด เปนพยานความสัตย์แห่งข้า ฤๅแม้ไม่ทรงพระเมตตา จงทิ้งข้าเสียพลันในวันนี้ ฯ เอวัม์ อุก์ตัส๎ ตยา วายุร์ อัน์ตรีก์ษาท์ อภาษต ๏ จะกล่าวถึงเทวดาวายุราช ได้ยินคำประกาศแห่งโฉมศรี จึ่งเปล่งเสียงตรัสมามิช้าที เปนพยานเทวีวิไลยวรรณ ว่าดูราพระนลวิมลรัตน์ เรานี้กล่าวแต่สัตย์ทุกสิ่งสรรพ์ อันนิ่มนางโฉมแชล่มแจ่มจันทร์ บาปนั้นบ่มีติดกาย ราชันพิรพงศ์ผู้ทรงฤทธิ์ ศีละนิธิ์ในองค์แม่โฉมฉาย หล่อนรักษามั่นไว้ไม่กระจาย มิได้มีบุบสลายเปนมลทิน ภายในสามปีมานี้ไซ้ร เราได้หมั่นมองดูรอบรู้สิ้น ทั้งคุ้มเกรงรักษายอดนารินทร์ บ่มิให้ภัยภินอนงค์นาง อันอุบายคิดมาในครานี้ นางหวังดีต่อเธอผู้อยู่ห่าง อันร้อยโยชน์วันเดียวจะเดินทาง ได้เหมือนอย่างเธอนี้จะมีใคร อันเธอควรเกษมสันต์ณวันนี้ เพราะประสบไภมีศรีใส อีกพระนางไภมีก็ดีใจ เพราะเหตุได้พบปะพระภรรดา ท่านจงเลิกสงกาสารพัต สองกษัตร์จงได้หรรษา เชิญประโลมรับขวัญภรรยา ผู้เยี่ยมยอดเสนหายาใจ ฯ ตถา พ๎รุวติ วาเยา ตุ ปุษ๎ปว๎ฤษ๎ฏิห์ ปปาต ห ๏ สิ้นกระแสวาจาวายุราช อันประกาศคุณนางสอางค์ใส ก็ถนัดอัศจรรย์ทันใด เทพไทโปรยบุบผาสุมามาลย์ ยินเสียงบรรเลงเพลงสวรรค์ เสนาะนันท์สำเนียงเสียงหวาน ลมรับศัพท์มาพาสราญ เพลงประสานส่งใจให้เปรมปรีย์ ฯ ๏ ตัท์ อัท์ภูตตมํ ท๎ฤษ๎ฏ๎วา นโล ราชาถ ๏ ครานั้นพระนลวิมลกษัตร์ เห็นถนัดบุบผชาติสอาดสี อีกได้ฟังวังเวงเพลงดนตรี เสนาะที่ตำหนักจันทน์ชั้นใน ดูทมยันตีศรีสวาท ภูวนาถจับจิตพิสมัย สิ้นความกินแหนงแคลงฤทัย เชื่อแน่ในความสัตย์แห่งชายา จึ่งทรงห่มผ้าทิพย์สีสอาด ปราศจากลอองผ่องสง่า แล้วรำพึงถึงนาคราชา ในพริบตารูปเดิมก็คืนคง ฯ ไภมีม์ อปิ นโล ราชา ภ๎ราชมาโน ยถา ปุรา ๏ ครานั้นพระนลวิมลราช งามพิลาศเหมือนเดิมไม่มีผิด ทอดพระเนตร์ยอดหญิงผู้มิ่งมิตร์ พระจุมพิตไภมีศรีศุภา กอดนางพลางกอดสองลูกแก้ว ทั้งสามองค์ล้วนแล้วเสนหา ได้เริดร้างห่างสมานนานมา กลับมาพบสามราแสนเปรมปรีย์ นางพระยาศุภลักษณ์ลำนักเนตร์ แลดูองค์ทรงเดชวิเศษศรี ปลื้มเปรมเกษมสันต์พันทวี ซบพักตร์ลงตรงที่พระทรวงเธอ นึกถึงความเก่าก็เศร้าโศก ยามวิโยคทูลเกล้าเศร้าเสมอ นึกยามได้ประสบพบเธอ สุขก็เลอลบทุกข์สนุกใจ ฝ่ายพระสมิงคนนลราช พิศโฉมงามทรามสวาทแทบร้องไห้ อนิจจาซูบผอมเพราะตรอมใจ ทั้งฉวีเคยใสมาหมองมล แต่ยินดีที่ได้กลับมารับขวัญ ได้สร้วมสอดกอดกันแล้วอีกหน พิศดูมิ่งนารีศรีวิมล จึ่งพระนลแย้มยิ้มพริ้มพราย ฯ ๏ ไวทร๎ภีชนนี ๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระชนนี แห่งนางไวทรรภีโฉมฉาย เสด็จสู่ปราสาทขวัญพรรณราย แล้วถวายอภิวันท์พระภรรดา แล้วกราบทูลภีมะราชชาติกษัตร์ เรื่องบุตรีนารีรัตน์ศรีสง่า กับพระนลวิมลรัตน์ผู้ภัสดา ล้วนกิจจาตามจริงทุกสิ่งอัน มหาราชก็ประศาสน์ตอบเทวี ว่าพระนลภูมีผู้แขงขัน เมื่อชำระสระสนานแล้วนั้น จะได้ปรองดองกันกับลูกรัก ตัวเรายินดีเปนที่สุด ยอดบุรุษสิ้นเคราะห์เห็นเหมาะหนัก วันพรุ่งนี้เราจะพบประสบพักตร์ แห่งพระองค์ทรงศักดิ์ด้วยยินดี ฯ ๏ ตัส๎ย เตา สหิเตา ราต๎รึ กถยัน์เตา ปุราตนัม์ ๏ จะกลับกล่าวถึงพระองค์ทรงนิษัธ กับพระนารีรัตน์มหิษี ชื่นชมภิรมยาในราตรี ทั้งสองศรีต่างสนทนากัน ต่างเล่าเรื่องยากแค้นในแดนดอน เล่าถึงยามพเนจรในไพรสัณฑ์ เล่าถึงเหตุเภทภัยในไพรวัน ต่างก็เล่าสู่กันทุกสิ่งไป ต่างยินดีบัดนี้เกษมสานต์ เนาสถานภีมราชเปนใหญ่ ต่างองค์บำเรอหฤทัย เพื่อให้สุขพร้อมประนอมรัก ทั้งพระไวทรรภีศรีสวัสดิ์ ทั้งพระนลไนษัธบรรฦๅศักดิ์ แสนสนุกสุขชมภิรมย์รัก ต่างชักชวนกันให้ยินดี ถึงสี่ปีที่ร้างห่างเมียขวัญ มาพบกันปลื้มเปรมเกษมศรี สมประสงค์จงจินต์จึ่งยินดี เปรมปรีย์เหลือล้นคณนา ฝ่ายทมยันตีศรีสมร ได้พบพระภรรดรเสนหา เหมือนฝนโปรยโรยพื้นพสุนธรา ก็เกิดผลนา ๆ ทั่วไป ฯ ๏ ไสวํ สเมต๎ย ว๎ยปนีย ตัน์ท๎ราง ๏ สิ้นเหนื่อยเมื่อยล้าเพราะผาศุก ส่างทุกข์สุขล้นกมลใส ทุก ๆ สิ่งสมถวิลจินตัย ผ่องประไพเพียงจันทร์เมื่อวันเพ็ญ ฯ ๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๔ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ) สรรคที่ ๒๕ ๏ อถ ตาง ว๎ยุษิโต ราต๎ริ นโล ราชา ส๎วลังกฤตห์
๏ ตโต พภูว นคเร สุมหาน์ หร๎ษชห์ ส๎วนห์
ฤตุปร๎โณปิ ศุศ๎ราว
๏ ตัม์ อานาย์ย นโล ราชา
๏ น เมปราธํ ก๎ฤตวาน์ส๎ ต๎วํ ส๎วัล๎ปัม์ อปิ
๏ เอวัม์ อุก์ต๎วา ทเทา วิท๎ยาม์ ฤตุปร๎ณาย ไนษธห์
๏ เรื่องพระนลสรรคที่ ๒๕ ดังนี้ ฯ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: พระนลคำหลวง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 31 สิงหาคม 2560 18:00:59 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRcixNAZYJHOyLFcplBlGK3VnZcTlhEExZMesTdiKD2gO-TSReJ)
สรรคที่ ๒๖ ๏ ส มาสัม์ อุษ๎ย เกาน์เตย ภีมัม์ อามัน์ต๎ร๎ย ไนษธห์
๏ สาน์ต๎วิโต ไนษเธไนวัม์ ปุษ์กรห์ ป๎รต๎ยุวาจ ห ๑๖๏ ปางนั้นบุษกรฟังสาร แห่งพระภูบาล ผู้ผ่านนิษัธปัถพี ๏ เธอตรัสพจมานหวานดี ได้ฟังดังนี้ ค่อยคลายขยาดอาชญา ๏ อภิวาทแทบเบื้องบาทา บุญโศลกราชา แล้วทูลเฉลยโองการ ๏ ขอให้พระเกียรติภูบาล แผดแผ่ไพศาล อย่ามีเวลาเสื่อมกษัย ๏ ขอจงพระชนมะวัย ยืนยืดยังไป ประจวบแทบหมื่นพรรษา ๏ พระองค์ทรงพระกรุณา ประทานชีวา แด่ข้าผู้ผิดคิดร้าย ๏ เท่านี้พระคุณมากมาย ข้าจะไม่วาย คิดถึงพระคุณปราณี ๏ มิหนำซํ้าพระภูบดี ประทานบุรี เปนที่สำนักอาไศรย ๏ ข้าขอเปนข้าภูวนัย กว่าจะประไลย มิให้พระองค์ขุ่นเคือง ฯ ๏ ดังนั้นพักอยู่ในเมือง บ่มิระคายเคือง จนครบกำหนดหนึ่งมาส ๏ บุษกรทูลลาภูวนาถ เชษฐาธิราช ก็โปรดให้ไปตามประสงค์ ๏ พร้อมด้วยบริพารวารวงศ์ มุ่งหมายไปตรง ยังเมืองที่อยู่สโมสร ๏ อีกด้วยพยุหแสนยากร เปนทัพสลับสลอน อีกพร้อมด้วยเหล่าบริจา ๏ ดังหนึ่งอาทิตยาภา เด่นในเวหา สง่าประไพไขศรี ฯ
๑๖๏ ปางนั้นทมยันตีสมร ทราบข่าวภรรดร เสด็จก็ปลื้มเปรมปรีดิ์ ๏ ด้วยว่าเงินทองของดี สมบัติรัตน์มณี ก็เตรียมสำเร็จเสร็จสรรพ ๏ เผื่อว่าพระผัวจะกลับ เสด็จมารับ ไปยังนครนิษัธ ๏ จะได้พรั่งพร้อมสมบัติ มิได้ข้องขัด ฤๅบกฤๅพร่องสิ่งใด ๏ ทั้งพระบิตุรงค์ทรงชัย ก็เอื้อเอาใจ ช่วยเพื่อสำเร็จปราถนา ๏ อีกอวยพรสรรพ์นานา นางศรีสุดา ก็สุดเกษมเปรมปรีย์ ๏ ครั้นเมื่อพระนลบดี เสด็จถึงธานี พระนางก็แสนสุขสราญ ๏ จึ่งพร้อมด้วยพระภูบาล ขึ้นเฝ้าพระผ่าน พิภพวิทรรภสโมสร ๏ ฝ่ายท้าวภีมราชภูธร ผู้ขลังกำลังกร กำลังปีติเติบโต ๏ ประทานพระพรชโย อีกทั้งยโศ สถิตที่สองลูกรัก ๏ ใครคิดขบถต่อทรงศักดิ์ ขอโทษประจักษ์ จงพลันแถลงแจ้งใจ ๏ ให้มันฉับพลันบรรลัย ชีวิตกษัย ด้วยแสนลำบากยากเข็ญ ๏ ใครซื่อถือธรรมบำเพ็ญ ผลดีจงเห็น เปนสุขสวัสดิ์สถาพร ๏ ขอนลไนษัธภูธร กับมิ่งบังอร จงนิระทุกข์สุขนิตย์ ๏ สองกษัตร์จึ่งก้มโมลิต รับพรบพิตร์ ผู้ผ่านวิทรรภภารา ๏ แล้วสองประนมหัดถา ถวายบังคมลา มาจากปราสาทรังสรรค์ ๏ ได้ฤกษ์ยาตราพลขันธ์ จากแดนวิทรรภ์ เข้าสู่นิษัธรัชฐาน ฯ
๏ จบเรื่องพระนลเท่านี้ ๚ะ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40879698097705_22_l..gif)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) |