หัวข้อ: ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม อุบลราชธานี เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 10 มีนาคม 2560 16:03:01 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/64774099902974_3.jpg) ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม อุบลราชธานี "พระครูอาทรพัฒนคุณ" หรือ "ญาท่านสวน ฉันทโร" วัดนาอุดม อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี ศิษย์พระอาจารย์แพง วัดสิงหาญ จ.อุบลราชธานี เกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2453 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ เกิดในสกุล แสงเขียว ที่บ้านนาทม ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตเยาว์วัย เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย สุภาพอ่อนโยน อุปนิสัย ชอบรักความสงบ มีใจใฝ่ในทางพระพุทธศาสนา เมื่อเจริญเติบโตขึ้น ชีวิตย่างเข้าสู่วัยรุ่น เป็นผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีช่วยเหลือการงานด้วยความขยันขันแข็ง อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัดสินใจเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2473 ที่วัดนาอุดม บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.พิบูลมังสาหาร (ปัจจุบัน เปลี่ยนเป็น อ.นาตาล) โดยมีพระอธิการพรมมา วัดบ้านระเว ต.ทรายมูล (ปัจจุบัน ต.ระเว) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระดี เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ฉันทโร" แปลว่า "ผู้ทรงไว้ซึ่งความพอเพียง" ภายหลังอุปสมบท พำนักและศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ฝึกฝนสวดมนต์ และปาติโมกข์ อยู่ในสำนักของเจ้าอธิการส่วน ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าอาวาสวัดนาอุดม เป็นเวลา 3 ปี จากนั้น จึงย้ายไปศึกษาเพิ่มเติมที่วัดบ้านคำหว้า เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน พ.ศ.2478 ท่านจึงย้ายไปศึกษาพระธรรมวินัยต่อที่วัดสำโรงใหญ่ ขณะนั้น พระอาจารย์หม่อน ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส ศึกษาวิชามูลกัจจายน์ และ วิชาวิปัสสนากัมมัฏฐาน ท่านเล่าว่า พระอาจารย์หม่อนเคร่งครัด ระเบียบวินัยมาก ผู้ที่จะมาศึกษาเล่าเรียนที่สำนักแห่งนี้ จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร และต้องมีความขยันอดทนเป็นอันมาก อยู่มาวันหนึ่ง พระอาจารย์หม่อน เรียกเข้าไปหาและบอกว่าจะสอนกัมมัฏฐานให้ ได้พาพระภิกษุสวนไปฝึกในป่าช้า ฝึกวิธีการกำหนดลมหายใจเข้าออก เมื่อฝึกปฏิบัติจนเป็นที่พอใจแล้วท่านก็ให้กลับไปฝึกปฏิบัติเอง ถ้าหากติดขัดประการใดก็ให้มาถาม นอกจากวิชากัมมัฏฐานแล้ว พระอาจารย์หม่อนยังได้สอนวิทยาคมต่างๆ ให้อีกด้วย นอกจากนี้ ท่านศึกษาเรียนรู้วิธีการเขียน การอ่านอักษร ขอม เขมร และอักษรธรรมอีสาน จนเกิดความชำนิชำนาญ สามารถอ่านออกเขียนได้จนคล่องแคล่ว ต่อมาท่านเดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ญาท่านกรรมฐานแพง แห่งวัดสะพือ อ.พิบูล มังสาหาร จ.อุบลราชธานี เรียนรู้การปลุกเสกวัตถุมงคล นอกจากนี้ ยังได้เรียนวิชาการลงตะกรุดต่างๆ และวัตถุมงคลอื่นๆ ในสายของสำเร็จลุน ที่ญาท่านกรรมฐานแพงได้รับการถ่ายทอดจากท่านสำเร็จลุน พ.ศ.2534 ท่านกลับไปวัดนาอุดม บ้านนาทม ซึ่งเป็นวัดที่ท่านอุปสมบทครั้งแรก ทำให้เกิดความสังเวชใจที่เห็นสภาพวัดที่ทรุดโทรม เกือบจะเป็นวัดร้าง ท่านจึงตัดสินใจกลับมาจำพรรษาที่วัดนาอุดม เพื่อต้องการฟื้นฟูวัดนาอุดมขึ้นใหม่ ซึ่งขณะนั้นพระอาจารย์ยอด ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ญาท่านสวนไปอยู่ในฐานะพระลูกวัด ท่านได้สร้างเสนาสนะขึ้นมาใหม่แทนเสนา สนะเดิมที่เก่า กำลังพังทรุดโทรม เช่น โบสถ์ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอระฆัง เมรุเผาศพ ศาลาพักศพ โรงครัว และถังเก็บน้ำ ห้องน้ำ ห้องส้วม ทำให้วัดนาอุดมเจริญขึ้นตามลำดับ ลำดับสมณศักดิ์ เมื่อปี พ.ศ.2517 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ สัญญาบัตรพัดยศชั้นตรีที่ราชทินนาม พระครูอาทรพัฒนคุณ พ.ศ.2525 ได้เลื่อนสมณศักดิ์ สัญญาบัตรพัดยศชั้นตรีเป็นชั้นโท ในราชทินนามเดิม รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะตำบลสำโรง พ.ศ.2548 ได้เลื่อนสมณศักดิ์สัญญาบัตรยศเป็นชั้นเอก ในราชทินนามเดิม มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 95 ปี พรรษา 75 อริยะโลกที่ 6 |