[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 16 พฤษภาคม 2560 16:47:24



หัวข้อ: พระอุณาโลม
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 พฤษภาคม 2560 16:47:24

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/16268684839208_IMG_3332.JPG)
พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/16553317093186__MG_7897.JPG)
พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/80707206742631__MG_7898.JPG)
"พระอุณาโลม" พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระอุณาโลม

จากพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ๗ ลักขณสูตร (๓๐) ได้กล่าวถึงมหาปุริสลักษณะเรียงลำดับไว้ทั้ง ๓๒ ประการ และมหาปุริส ลักษณะ ลำดับที่ ๓๑ คือมีพระอุณาโลมบังเกิด ณ ระหว่างพระขนง มีสีขาวอ่อน ควรเปรียบด้วยนุ่น

ในทางศิลปวัฒนธรรมของพระพุทธศาสนา อุณาโลม หมายถึงวงกลมคล้ายก้นหอย หรือจุดวงกลมที่อยู่บนหน้าผากของพระพุทธรูป แสดงถึงการตรัสรู้ เป็นสัญลักษณ์ของดวงตาที่สาม จุดที่เปิดให้เห็นโลกแห่งความทุกข์ของทุกสรรพสิ่ง ถือเป็นลักษณะสำคัญ ๑ ใน ๓๒ ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดมผู้เป็นมหาบุรุษ อุณาโลมเป็นลักษณะลำดับที่ ๓๑ ของมหาบุรุษ เป็นจุดที่ส่องแสงสีขาวออกมาจากบริเวณระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง

อุณาโลมปรากฏอยู่บนงานประติมากรรมตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒ เป็นต้นมา ชาวฮินดูเชื่อว่า ตาที่สามนี้เป็นของพระอิศวรหรือพระศิวะ เทพผู้สร้างและผู้ทำลาย

ตาข้างขวาของพระศิวะเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ข้างซ้ายเสมือนดวงจันทร์ ส่วนตาที่สาม เรียกว่า "ตรีโลจนะ" หรือ "ไตรยัมพก" เป็นดวงตาของความหยั่งรู้และญาณปัญญา เชื่อว่าพระศิวะสามารถใช้ตาที่สามมองเห็นมากกว่าสิ่งที่ปรากฏ และใช้คุ้มครองคนดีให้ปลอดภัยจากความชั่วร้าย

คติฮินดูยังเชื่อว่าตาที่สามนี้คือ อัจนะ หรือจักระตำแหน่งที่ ๖ ของร่างกายมนุษย์ที่เปิดความคิดที่ทรงพลัง ช่วยให้มนุษย์สื่อสารกับโลก รับข้อมูลจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตาที่สามมีบริเวณตั้งแต่ระหว่างคิ้วไปจนถึงกึ่ง กลางหน้าผาก อาจอยู่ลึกเข้าไปถึงต่อมพิทูอิตารี และอัจนะยังเกี่ยวข้องกับต่อมไพนีลอีกด้วย ดวงตาที่สามนี้เป็นช่องทางของพลังอำนาจที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในสมองของมนุษย์

ดังนั้นชาวฮินดูจึงได้รับการแต้มจุดบริเวณกึ่งกลางหน้าผากอยู่บ่อยครั้ง สตรีที่แต่งงานแล้วจะแต้มสีแดงที่อาจทำมาจากชาด รากไม้ หรือมูลโคที่หน้าผากเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าแต่งงานแล้ว จุดแดงนี้เรียกว่า "พินทิ" มาจากคำว่า "พินทุ" แปลว่า จุด อีกกรณีหนึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปสักการะเทวาลัยก็จะได้รับการแต้มจุดแดงนี้เช่นกัน สำหรับผู้ชายจุดนี้ว่า "ติกะ"

ส่วนด้านจีนเชื่อว่า ถ้าฝึกสมาธิร่วมกับพลังชี่กงโดยเพ่งจิตไปที่ตำแหน่งตาที่สามของร่างกาย จะทำให้ผู้ฝึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพลังจักรวาลและยกระดับสมาธิได้ ลัทธิเต๋าเชื่อว่าตาที่สามตรงกับตำแหน่งจักระที่ ๖ ของร่างกายมนุษย์ เป็นศูนย์แห่งสมองส่วนหลัง

ชาวจีนนับถือเทพเจ้าสามตาหลายองค์ หนึ่งในนั้นคือ เทพเอ้อหลาง หรือ เอ้อหลางเสิน (Erlang Shen) เทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์และความถูกต้อง ผู้มีรูปลักษณ์เป็นบุรุษหนุ่ม ใบหน้าขาว มีสามตา สวมเกราะทองและหมวกสามยอด มีหอกสองคมสามปลายเป็นอาวุธคู่กาย มีสุนัขสวรรค์เป็นบริวาร

ดวงตาที่สามของเทพเอ้อหลางเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นดวงตาสวรรค์ ที่มองเห็นความจริงเท่านั้น ไม่มีอะไรปลอมแปลง ปิดบังหรือหลอกลวงได้ ทั้งยังมีพลังอำนาจรุนแรงทำลายภูเขาขนาดใหญ่ให้กลายเป็นผุยผงได้

นอกจากนี้ชาวจีนยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าอื่นๆ ที่มีสามตา ได้แก่

๑.เจ้าแม่งั้งกวงเนี่ยเนี้ย เทพที่ช่วยให้สายตาดี เป็นพระแม่ธรณี เป็นเทพประทานบุตร และเป็นแม่ซื้อคุ้มครองเด็กๆ

๒.เทพอัคนี หรือเจ้าไฟ หรือน่ำฮึงฮ่วงเต็กแชกุง และถือเป็นเทพเจ้าประจำทิศใต้ด้วย

๓.ฮั้วกวงไต้ตี่ เทพเจ้าแห่งแสงสว่างผู้ทรงพลังและมีหูทิพย์ และยังเป็นเทพผู้ควบคุมลูกน้องในการนำของกงเต๊กที่ลูกหลานได้เผาส่งให้ไปถึงมือบรรพบุรุษด้วย

กล่าวโดยสรุปจากความเชื่อทางพุทธ ฮินดูและจีน "อุณาโลม" เป็นเครื่องหมายแสดงถึงนิมิตหมายที่ดี สำหรับชาวพุทธให้ความสำคัญกับการทำอุณาโลมอย่างจริงจังเพื่อประดับพระพุทธรูป



ที่มาข้อมูล : site ข่าวสด