หัวข้อ: สนทนาธรรมเรื่องเกี่ยวกับการทรงเจ้า เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 30 เมษายน 2554 10:23:43 (http://www.seesod.com/storage34/hWWt7Y0ujO1277517249/l.jpg) http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma (http://image.ohozaa.com/im/1059564sa70zuthc1.gif) ............................คำถามจากผู้ที่งมีความสงสัย..................... ขอเีรียนถามไขข้องใจ เกี่ยวกับร่างทรง องค์เจ้าอย่างที่บ้านของกระผม ก้อมีอยู่คนนึง ที่เป็นร่างทรงแต่เจ้าทรงองค์นั้นสามารถแก้ไสยศาสตร์ แก้อาถรรพ์ได้จริงครับแต่ กระผมมิได้เชื่อ แต่ก้อไม่ได้ลบหลู่ น่ะครับ แล้วก้อมีผู้หญิงที่อายุยังหนุ่มอยู่ ซึ่งป่วยเป็น อัมพาตที่ไม่น่าจะกลับมาเป็นคนปกติได้เลยครับแต่เค้าก้อได้มารักษากับเจ้าทรงองค์นี้ และเค้าก้อสามารถหายจากเป็นอัมพาตได้ครับแต่ร่างทรงองค์ สามารถทำนายทายได้ แม่น ด้วยครับแต่ผมก้อไม่รู้นะครับ ว่าเป็นเพราะอะไร เจ้าทรงเค้ามีพลังอำนาจหรือป่าว ครับ เหรอว่าเค้าแกล้งทำ แต่ไม่ได้ลบหลู่น่ะครับ ช่วยไขข้อข้องใจด้วยครับ (http://image.ohozaa.com/im/1059564sa70zuthc1.gif) .......................................ต่อไปนี้เป็นคำตอบ................................ พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนให้มั่นคงในเรื่องของ{กรรม}สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของ ๆ ตนไม่มีใครทำให้ใครเป็นอย่างไรได้ นอกจากกรรมของบุคคลนั้นเอง หากว่าใครจะหายโรคก็เพราะกรรมที่เป็นอกุศลกรรมที่กำลังใ้ห้ผลนั้นไม่ให้ผลแล้ว หรือกรรมดีมาตัดรอนให้ผลของอกุศกรรมนั้นเสื่อมไปไม่มีใครทำอะไรใครได้ แม้แต่ผู้ที่คิดว่าเป็นหมอเข้าทรงก็ไม่พ้นจากอำนาจของกรรมหมอเข้าทรงเองก็ไม่ สามารถกหลีกเลี่ยงหรือให้พ้นจากอำนาจของกรรมได้หากว่า{กรรม}นั้นจะให้ผลหาก หมอเข้าทรงมีอำนาจจริงก็คงทำให้ตัวเองหายจากโรคได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งหมอที่รักษา ทั่วไป แต่ความเป็นจริงไมไ่ด้เป็นเช่นนั้นครับไม่มีใครเป็นใหญ่กว่า อำนาจของกรรม แม้แต่พระพุทธเจ้าเองผู้ที่ประเสริฐสูงสุดก็ไม่พ้นจากอำนาจของกรรมครับ หมอเข้าทรงจึงไมไ่ด้มีอำนาจแต่กรรมต่างหากมีอำนาจทำให้สัตว์กระเสือกกระสนไป ในที่ต่าง ๆ ใน{สังสารวัฏฏ์}และพบประสบกับทุกข์ประการต่าง ๆ การที่เขาเดาเหตุการณ์ ถูกหรือรักษาคนป่วยให้หาย จึงไม่น่าอัศจรรย์เลยเพราะไม่ใช่ทุกคนที่เขารักษาหายและ ไม่ใช่ทุกคนที่เขาเดาเหตุการณ์ถูก แต่เมื่อเราถูกอำนาจของความไม่รู้ของปุถุชนอยู่ ไม่ เข้าใจในเรื่องสัจจะที่พระองค์ทรงแสดงว่าเป็นเรื่องของกรรมของแต่ละบุคคลเราจึง เข้าใจว่าหมอเข้าทรงมีอำนาจวิเศษไม่เช่นนั้นหมอที่รักษาคนไข้บางคนที่หายจาก อัมพาตก็มีครับ เขาก็ไม่ไ่ด้มีความวิเศษหรือเข้าทรงอะไร แต่เพราะอาศัยการรักษาที่ถูก ต้องแและที่สำคัญที่สุดคือกรรมของบุคคลนั้นที่เป็นอกุศลกรรมไม่ให้ผลอีกก็หายจาก โรคนั้นจึงต้องมั่นคงในเรื่องของกรรมและมองตามความเป็นจริงก็จะเข้าใจตามที่ พระพุทธองค์ทรงแสดง ส่วนในเรื่องของอมุษย์เข้าสิงนั้นในสมัยพุทธกาลมีตัวอย่างที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎก มีตัวอย่างและก็ได้แสดงว่า คนที่รักษาศีล(อุโบสถศีล)ยักษ์ย่อมไม่เข้าสิงแต่ถ้าคนที่ ประพฤติไม่ดี ยักษ์ย่อมเข้าสิงคนที่ถูกยักษ์เข้าสิงเพราะไม่มีศีล การเข้าทรงจึงเป็นเรื่องของความไม่รู้และเ็ป็นการเพิ่มความไม่รู้กับผู้{เสพคุ้น}และ เพิ่มความสงสัยให้กับผู้พบเห็นพระพุทธองค์ทรงติเตียนการกระทำเหล่านั้นคือการ เป็นหมอทรงเจ้า เพราะไม่ใช่ปัญญาไม่เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสกับเป็นการเพิ่ม กิเลส เพิ่มความไม่รู้กับผู้ทำเองและผู้เสพคุ้นด้วยอันเป็น{ติรัจฉานวิชา}คือ วิชา ที่ทำให้กั้นสวรรค์ คือไม่สามารถไปสุคติภูมิได้และกั้นมรรค ผล คือไม่สามารถบรรลุได้ เลยเพราะเป็นความไม่รู้ การกล่าวความจริงที่เป็นสัจจะจึงไม่ใช่การลบหลู่แต่ประโยชน์คือความเข้าใจพระ - ธรรมที่เป็นความเห็นถูกอันจะนำมาซึ่งประโยชน์ของตนและผู้อื่น อำนาจที่วิเศษจึงไม่ใช่การเดาใจหรือรักษาคนหายแต่อำนาจวิเศษที่สูงสุงดือพระ- ธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าที่เป็น{อนุสาสนีปาฏิหารย์}อันมีปาฏิหารย์สามารถทำให้ผู้ ป่วยทางใจที่ไม่รู้มีปัญญาขึ้นจนสามารถดับกิเลสหมดอันเป็นสิ่งที่ยากแสนยากกว่า โรคทางกายนั่นคือรักษาโรคใจ เรื่อง การเป็นหมอเข้าทรง พระพุทธเจ้าติเตียนและเป็นติรัจฉานวิชา วิชาที่กั้นสวรรค์และการบรรลุธรรม พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม 1 ภาค 1 หน้าที่ 14 ข้อความบางตอนจากพรหมชาลสูตร {๒๔} ๖. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิด ด้วย{ติรัจฉานวิชา}อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขา ให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย{ติรัจฉานวิชา}เห็นปานนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคลฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์ หย่าร้าง ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้ายให้ ยาผดุงครรภ์ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้างร่ายมนต์ให้คางแข็งร่ายมนต์ให้ มือสั่นร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจกเป็นหมอทรง หญิงสาวเป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์พ่นไฟทำพิธีเชิญขวัญ สิ่งที่ควรพิจารณา คือ สิ่งที่กำลังกล่าวถึง(การเข้าทรง)นั้น เป็นเหตุเป็นผลหรือ ไม่ เป็นไปเพื่อความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏหรือไม่หรือว่าเป็นไป เพื่อความไม่รู้เป็นไปเพื่อความ{งมงาย}เป็นไปเพื่อเพิ่มอกุศลให้มีมากขึ้น สิ่งที่ควรฟังควรศึกษา ที่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาเป็นไปเพื่อ ความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่าง ๆ เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มั่นคงในความเป็น จริงของ{สภาพธรรม}นั่นก็คือ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง พระธรรม ที่พระองค์ทรงแสดงเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก - เห็นถูกไม่ใช่เพื่อความไม่รู้ และ ไม่มีโทษมีภัยแก่ผู้ที่ศึกษาด้วยจุดประสงค์ที่ถูกต้องเลยมีแต่คุณประโยชน์โดยส่วน เดียวเท่านั้นยิ่งศึกษามากเข้าใจมาก ยิ่งมีประโยชน์มากเท่านั้น เพราะศึกษาเท่าใด ก็ยังไม่พอจนกว่าจะเป็นผู้ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุด คือ พระอรหันต์ เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้นความประพฤติในชีวิตประจำวันก็จะเป็นไป ในทางที่เป็นกุศลมากยิ่งขึ้น ตามกำลังแห่งความเข้าใจ ทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ ควบคู่ไปกับการเป็นผู้มีศรัทธาที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสม ปัญญาต่อไป............................... (http://image.ohozaa.com/im/1059564sa70zuthc1.gi) (:LOVE:)ข้อมูลจากการสนทนาธรรมที่่มูลนิธิบ้านธรรมะ บุคโล ดาวคะนอง ธนบุรีท่านใดมีความประสงค์ที่จะหาความรู้ทางธรรม เรียนเชิญสอบถามได้ที่มูลนิธิดังกล่าวขอรับ ขออนุโมทนาขอรับ (:LOVE:) http://www.facebook.com/itsariyathanakorn (http://www.facebook.com/itsariyathanakorn) http://twitter.com/soka45 (http://twitter.com/soka45) http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/) My Forums..................http://forums.212cafe.com/boxser/board-15/topic-81.html (http://forums.212cafe.com/boxser/board-15/topic-81.html) ............................บทส่งท้าย................... (http://image.ohozaa.com/im/1059564sa70zuthc1.gif) ถ้ามีความตะขิตตะขวงใจในเรื่องของผู้รับ ทำให้จิตของผู้ให้ไม่ผ่องใส ขณะนั้นอกุศลจิตเกิดสลับกับกุศลจิต การใส่บาตรกับพระภิกษุ ในขณะที่จิตนอบน้อมต่อพระภิกษุ ขณะนั้นจิตเป็น{กุศล} เพราะเหตุว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่า พระภิกษุรูปใดเป็นพระอริยบุคคล ข้อประพฤติของพระภิกษุทุกรูป โดยพระวินัยบัญญัติแล้ว เสมอเหมือนกับความประพฤติของพระอรหันต์ (http://image.ohozaa.com/im/1059564sa70zuthc1.gif) {สัพพะธานัง ธัมมะทานัง ชินาติ} การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวงผู้ปฏิบัติธรรมย่อมอยู่เย็นเป็นสุขทั้งในโลกนี้และใน โลกหน้าด้วยการมี ศีล สมาธิ ปัญญา คือ การงดเว้นไม่กระทำความชั่วทั้งปวงประพฤติแต่ความดีทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว จะบังเกิดความสุขอันแท้จริงที่สุขสงบ ผู้ประพฤติ ปฏิบัติธรรมเท่านั้นจึงจะหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ และการเคารพรัก ดูแลบิดามารดา หรือผู้มีพระคุณ ของตนให้เป็นสุข เป็นมงคลอันสูงสุด เทวดาจะปกปัก รักษาปกป้องคุ้มครองให้ท่านปราศจากโรคาพยาธิ มีความเจริญทั้งแก่ตนเองและผู้ที่อยู่รอบข้างอันจะมีผลให้ท่าน กินก็เป็นสุข หลับก็เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข และเมื่อท่านสิ้นอายุขัยจากโลกนี้แล้วท่านก็จะมีแต่ความสุขในเบื้องหน้า ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำไม่ว่าในวันใด ๆ ขอส่งผลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคุณพ่อ - คุณแม่และญาติพี่น้องพร้อมทั้งตัวข้าพเจ้า รวมถึงได้รับบุญกุศลในการที่ ข้าพเจ้าได้เผยแพร่พระธรรม ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว มีปู่ย่าตา ยายทั้งหลายได้มารับผลบุญนี้ด้วย หากผลบุญที่ข้าพเจ้าส่งไปไม่ถึงญาติข้าพเจ้าอาจอยู่ในที่ ๆ ไม่พร้อมที่จะรับบุญนี้ ข้าพเจ้าขอมอบบุญกุศลนี้ให้กับพยายมราชและขอฝากผลบุญไว้กับพยายมราชช่วยนำ ส่งให้กับญาติของข้าพเจ้าต่อไปด้วยเทอญ.............................................. ......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน......................... ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ...................... (http://image.ohozaa.com/im/1059564sa70zuthc1.gif) |