หัวข้อ: the rain for a father of thailand เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 24 เมษายน 2553 20:16:05 (http://image.ohozaa.com/i3/004194357.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/17.wma เมื่อกล่าวถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร เต็มไปด้วยความยากลำบาก หลายครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินไปในท้องที่ห่างไกล เพื่อทรงรับทราบความยากลำบากและปัญหาของประชาชน พระองค์มิได้ทรงย่อท้อและมิได้ทรงแสดงให้เห็นความยากลำบากให้ประชาชนได้เห็น เมื่อทรงทราบสภาพปัญหาของประชาชนในท้องที่ต่าง ๆ แล้วจะทรงพระราชทานแนวพระราชดำริแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนองรับไปขยายผลต่อ ซึ่งจากแนวพระราชดำรินั้นได้กลายเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั่วทุกหนแห่งของประเทศพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านการเกษตรที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งคือ พระราชดำริด้านการจัดการน้ำ ด้วยทรงตะหนักถึงความสำคัญของน้ำที่มีผลต่อความอยู่รอดของชีวิต ทั้งพืช สัตว์ หรือแม้แต่มนุษย์เราก็ตาม ดังพระราชดำรัสพระราชทานเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2539 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ความตอนหนึ่งว่า หลักสำคัญว่า ต้องมีน้ำ น้ำบริโภคและน้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำ คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน เกษตรกรไทยพึ่งพาน้ำฝนเพื่อการเกษตรเป็นหลัก แต่เมื่อสภาพอากาศของโลกเปลี่ยนไป น้ำยิ่งมีความสำคัญทวีมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเกิดฝนแล้งในฤดูกาลอย่างรุนแรง เกษตรกรและประชาชนในชนบทเดือดร้อนเพราะขาดน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค และส่วนหนึ่งต้องอพยพสู่เมืองใหญ่กลายเป็นปัญหาด้านอื่น ๆ ตามมา ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ ครั้งเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงสังเกตเห็นเช่นเดียวกับปีก่อนๆ ที่เคยเสด็จเป็นประจำว่า มีกลุ่มเมฆปริมาณมากปกคลุมเหนือพื้นที่ระหว่างเส้นทางนั้น แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวจนเกิดฝนตกได้ เป็นเหตุให้เกิดสภาวะแห้งแล้งและฝนทิ้งช่วงยาว ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน จึงทรงมีพระราชดำริว่าน่าจะมีลู่ทางที่คิดค้นหาเทคนิคด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้ฝนตกได้ และต่อมาได้ทรงพระราชทานแนวพระราชดำรินี้แก่ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ทำการค้นคว้า หัวข้อ: Re: the rain for a father of thailand เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 24 เมษายน 2553 20:41:05 (http://image.ohozaa.com/i3/004194357.jpg) หลังจากนั้นในพ.ศ. 2512 จึงจัดตั้งหน่วยงานศึกษาภาคสนามในการเร่งเมฆให้กลายเป็นฝนในพื้นที่ทดลองที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีผลแตกต่างที่ฝนไม่ตกตรงเป้าหมาย แต่ก็มิได้ทรงท้อถอย ในพ.ศ. 2514 รัฐบาลได้สนับสนุนให้มีการศึกษาทดลองโครงการทำฝนเทียมเพื่อสนองพระราชดำริโดยทำการวิจัยและใช้แหล่งต้นน้ำของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและอ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์ จัดโครงการทำการเร่งเมฆหลายครั้งในภาคกลางและภาคใต้ ตลอดจนเร่งเมฆที่ จ.นครสวรรค์ ต่อมานั้น พ.ศ. 2514 จึงมีการตั้งสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง ทำหน้าที่ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบสภาวะแห้งแล้ง และศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำฝนหลวงจวบจนพ.ศ. 2535 คณะรัฐมนตรีจึงตั้งสำนักฝนหลวงและการบินเกษตรขึ้น ปัจจุบันการทำฝนหลวงที่นำสารเคมีผสมขึ้นโปรยบนอากาศให้เมฆจับตัวและใช้กระบวนการซูเปอร์แซนด์วิช เพื่อโจมตีกลุ่มเมฆที่อ้วนเต็มที่นั้น ได้ทำให้ฝนสามารถตกตามต้องการ นับเป็นความสำเร็จที่ทำให้ ฝนหลวงพระราชทาน นี้สามารถแก้ปัญหาความแห้งแล้งอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งในปี พ.ศ. 2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประดิษฐ์ตำราประมวลขั้นตอนกรรมวิธีการทำฝนหลวง โดยใช้คอมพิวเตอร์ด้วยพระองค์เอง ซึ่งรวมกรรมวิธีซูเปอร์แซนด์วิช ที่ทรงคิดค้นขึ้นใหม่ด้วย ในต่อมาเรียกภาพการ์ตูนนี้ว่า ตำราฝนหลวงพระราชทานได้พระราชทานให้คณะปฏิบัติการฝนหลวงเป็นแนวทางในการปฏิบัติเรื่อยมา ปัจจุบัน โครงการฝนหลวง ได้ช่วยบรรเทาความแห้งแล้งและก่อให้เกิดน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักในพระอัจฉริยะภาพอย่างแพร่หลายทั้งในระดับประเทศและระดับโลกได้พระราชทานให้คณะปฏิบัติการฝนหลวงเป็นแนวทางในการปฏิบัติเรื่อยมา ปัจจุบัน โครงการฝนหลวง ได้ช่วยบรรเทาความแห้งแล้งและก่อให้เกิดน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักในพระอัจฉริยะภาพอย่างแพร่หลายทั้งในระดับประเทศและระดับโลกการทำฝนจนเป็นที่ประจักษ์ในระดับโลกมาแล้ว ในโอกาสนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรับสนองพระราชดำริปฏิบัติหน้าที่ รับสนองกิจการงานอันก่อเกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติให้อยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืนนานสืบไป............................................ ข้อมูลจาก........................................กองเกษตรสารนิเทศ |