[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ห้องสมุด => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 25 เมษายน 2553 14:50:56



หัวข้อ: the literature & art of thai classcal chapter one
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 25 เมษายน 2553 14:50:56
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/PC09000-4.jpg)

http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/05.%20Track%205.wma


 พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้นิยามคำว่า วรรณคดี ว่าหมายถึงเรื่องหรือหนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี และคณาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้คำอธิบายเพิ่มเติมไว้ในหนังสือวรรณคดีทัศนา พ.ศ. ๒๕๓๘ ว่าวรรณคดีเป็นศิลปะประเภทหนึ่งซึ่งเกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่มุ่งจะให้ ความรู้ ความบันเทิง ประสบการณ์ และแง่คิดต่าง ๆ โดยใช้ภาษาเป็นสื่อ ดังนั้นวรรณคดีไทยจึงหมายถึง หนังสือของไทยที่ได้รับการยกย่องว่า แต่งขึ้นด้วยความประณีต ด้วยศิลปะของการประพันธ์ มีเนื้อเรื่องและลีลาการดำเนินเรื่องที่โน้มน้าวให้ผู้อ่านคล้อยตามได้ อาจเรียกว่า วรรณคดีประจำชาติไทยก็ได้
วรรณคดีส่วนใหญ่มีรูปแบบคำประพันธ์ ๒ รูปแบบ คือ ร้อยกรอง และร้อยแก้ววรรณคดีแบบร้อยกรองจะเน้นการเลือกสรรถ้อยคำมาเรียบเรียงให้ สัมผัสคล้องจอง มีรูปแบบที่ชัดเจน และแตกต่างกันไป เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ซึ่งผู้แต่งสามารถแสดงความรู้สึกจินตนาการ และอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง จดจำง่ายและถ่ายทอดสืบต่อกันมาได้ง่ายแบบปากต่อปากเพราะภาษาพูดมีขึ้นก่อน ภาษาเขียน และบทร้อยกรองยังมีท่วงทำนองที่ช่วยให้จดจำง่ายยิ่งขึ้นด้วย ส่วนวรรณคดีแบบร้อยแก้วนั้นเป็นคำประพันธ์ที่นำถ้อยคำมาเรียบเรียงเป็น เรื่องราวไม่มีสัมผัสคล้องจอง และท่วงทำนองต่างๆ ถึงแม้ว่าจะเลือกสรรถ้อยคำให้สื่อความหมายได้ดีและไพเราะเพียงใด การจดจำและถ่ายทอดก็ยังยากกว่าร้อยกรองมาก
วรรณคดีไทยเริ่มมีขึ้นในราชสำนักก่อน เนื้อเรื่องจึงมักเกี่ยวกับกษัตริย์ ขุนนาง และเจ้านายชั้นสูง ผู้อ่านส่วนมากเป็นข้าราชสำนักซึ่งเป็นผู้มีการศึกษาในสมัยนั้นๆ ต่อมาจึงขยายลงมาสู่สามัญชน ในยุคเริ่มแรกวรรณคดีเป็นแบบร้อยกรอง ดังนั้น ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น วรรณคดี เช่น พระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน และรามเกียรติ์ จึงเป็นแบบร้อยกรอง ครั้นเมื่อวัฒนธรรม ตะวันตกเริ่มแพร่เข้ามาสู่สังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์รูปแบบวรรณคดีจึงเปลี่ยนไป โดยมีร้อยแก้วเกิดขึ้นมา เนื้อหาเรื่องราวเปลี่ยนแปลงเป็นชีวิตของสามัญชนบ้าง เช่น วรรณคดีเรื่องมัทนะพาธา นิทราชาคริต เงาะป่า เป็นต้น
แม้ว่าวรรณคดีไทยจะมุ่งให้ความ บันเทิงและความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่านเป็นสำคัญ แต่จินตกวีได้สอดแทรกเรื่องราวของยุคนั้นสมัยนั้น เข้าไปในเรื่องด้วยอย่างเหมาะสมกลมกลืนนอกจากจะทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึก เหมือนได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วยแล้ว ยังเสมือนเป็นกระจกเงาที่สะท้อนภาพสังคมในยุคนั้น ผู้อ่านจึงได้รับความรู้หลากหลายทั้งด้านภาษา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี แนวความคิด ความเชื่อ และความรู้เรื่องพืชพรรณไม้ไปพร้อม ๆ กัน


หัวข้อ: Re: the literature & art of thai classcal chater one
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 25 เมษายน 2553 14:53:37
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/PC09000-4.jpg)


ในอดีตวิถีชีวิตของคนไทยเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับพืชพรรณไม้มาตลอด สิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวันตั้งแต่อาหารหลัก ผัก ผลไม้ เชื้อเพลิง ในการหุงต้มอาหาร เส้นใยที่ถักทอเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม แม้แต่เครื่องประทินผิวเพื่อความงามของผู้หญิงก็ได้มาจากพรรณไม้ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็รักษาด้วยพืชสมุนไพร การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพิธีกรรมทางศาสนาตามความเชื่อของแต่ละบุคคลก็ใช้ พรรณไม้เป็นสำคัญ ดังนั้น วรรณคดีจึงเป็นเสมือนตำราว่าด้วยเรื่องพืชพรรณไม้ที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะไม่เพียงแต่บอกถึงความหลากหลายของพืช ลักษณะ ความงดงาม การมีกลิ่นหอม ยังบอกถึงคุณค่าและการใช้ประโยชน์ซึ่งแสดงถึงภูมิปัญญาของคนไทยอีกด้วยการ สอดแทรกเรื่องพรรณไม้ในวรรณคดีไทยมักอยู่ในบทชมป่า ชมสวนเปรียบเทียบความสวยงามของพรรณไม้กับผู้หญิง บทเกี้ยวพาราสี และบทอาลัยรัก ผู้อ่านจึงได้ทั้งอรรถรส และความรู้ไปพร้อมกัน
วรรณคดีประเภทนิราศเป็นเรื่องที่แต่ง ขึ้นระหว่างการเดินทางจึงถ่ายทอดสภาพบ้านเมืองธรรมชาติ ลำน้ำ ป่าเขาลำเนาไพร ในเส้นทางที่ผ่านไป ทำให้มีการพรรณาถึงพรรณไม้มากมายที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติและอยู่ร่วมกันเป็น สังคมพืชนิราศหลายเรื่องสะท้อนให้เห็นความสมบูรณ์ของป่า ความบริสุทธิ์สะอาดของแหล่งน้ำ ซึ่งคนสามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ วรรณคดีนิราศที่กล่าวถึงพรรณไม้มากที่สุด ได้แก่นิราศสุพรรณของสุนทรภู่ กล่าวถึงพรรณไม้ ๑๘๕ ชนิด และนิราศธารทองแดงของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ กล่าวถึงพรรณไม้ ๑๓๓ ชนิด
พรรณไม้ในวรรณคดีไทยนอกจากจะเป็น พันธุ์ไม้พื้นเมืองแล้ว ยังมีไม้ปลูก พืชผัก ไม้ผลไม้ดอกหอม อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นไม้ต่างประเทศแต่มีการนำเข้ามาปลูกในเมืองไทยเป็นเวลานานมากแล้ว จนเป็นที่รู้จักคุ้นเคยของคนไทย บางชนิดเจริญเติบโตได้ดีและขยายพันธุ์ไป
ทั่วท้องถิ่น จนเข้าใจว่าเป็นพืชพื้นเมืองของไทย
นอกจากนั้นยังมีไม้ประดับที่ปลูกเพื่อความสวยงามอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นที่ นิยมอยู่ในปัจจุบัน และคนส่วนใหญ่อาจเข้าใจว่าเป็นพรรณไม้ต่างประเทศที่เพิ่งนำเข้ามา เช่น ดาวเรือง เบญจมาศ หงอนไก่ ยี่เข่ง และยี่โถ เมื่อได้อ่านวรรณคดีจะทราบได้ทันทีว่า แท้จริงแล้วไม้ประดับต่างถิ่นเหล่านี้มีปลูกในเมืองไทยมานานแล้ว บางชนิดมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
ชื่อของพรรณไม้บางชนิดในวรรณคดี มีการเขียนสะกดแตกต่างออกไปจากคำทั่วไปบ้างทั้งนี้ เพื่อให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ เช่น มะม่วง เป็นหมากม่วง ลำใย เป็นรำไย และกระทุ่ม เป็นกทุ่ม เป็นต้น ถึงแม้ว่าวรรณคดีไทยจะให้ความรู้ในเรื่องพรรณไม้อย่างมากมายและมีคุณค่ายิ่ง แต่บางบทบางตอนอาจมีข้อขัดแย้งกับความเป็นจริงอยู่บ้าง ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นเพราะกลอนพาไป เช่น ในเรื่องอิเหนา ตอนเดินป่า ได้บรรยายพรรณไม้ที่พบไว้ว่า


หัวข้อ: Re: the literature & art of thai classcal chater one
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 25 เมษายน 2553 14:57:40
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/PC09000-4.jpg)


ยี่เข่งและยี่โถเป็นไม้ประดับต่างถิ่น ซึ่งคงมีปลูกในอุทยาน หรือสวนดอกไม้ตามบ้านเท่านั้นไม่มีขึ้นในป่า อาจเป็นไปได้ว่า ทรงพระราชนิพนธ์ขณะที่ประทับในอุทยานและเห็นดอกไม้ ๒ ชนิดนี้จึงได้นำมาใส่ไว้ในบทกลอนด้วยอย่างไรก็ตาม ข้อขัดแย้งเหล่านี้มีเพียงส่วนน้อยซึ่งไม่มีผลต่ออรรถรสและคุณค่าของวรรณคดีไทย
ส่วนใหญ่หนังสือพรรณไม้ หรือดอกไม้ในวรรณคดีที่มีการจัดพิมพ์กันอยู่จะเน้นไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ดอกหอม ดังนั้น เพื่อให้ได้รับความรู้ที่แตกต่างออกไปบ้าง ในที่นี้ จึงจะเลือกพรรณไม้ในวรรณคดีที่มีบทบาทสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนไทยในรูปแบบ ต่างๆ กัน ได้แก่ พันธุ์ไม้ที่ใช้ทำสีย้อมผ้า พันธุ์ไม้ดอกหอมที่ใช้ทำงานประดิษฐ์ต่าง ๆ และบูชาพระ พันธุ์ไม้ที่เกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเชื่อ พันธุ์ไม้ที่ใช้เป็นยารักษาโรค พันธุ์ไม้น้ำและพันธุ์ไม้ชายน้ำ พันธุ์ไม้ประดับต่างถิ่น และพันธุ์ไม้ที่ชื่อมีปัญหา มาบรรยายให้เป็นที่รู้จักและตระหนักถึงคุณค่า ทั้งนี้ เพื่อให้พันธุ์ไม้เหล่านี้ได้มีส่วนกระตุ้นให้ผู้อ่านมีจิตสำนึกในการ อนุรักษ์บ้าง

พอเข้าป่าพาใจให้ชื่น

หอมรื่นดอกดวงพวงบุปผา
   
สาวหยุดพุดจีบบีบจำปา

กรรณิการ์มหาหงษ์ชงโค
   
ลำดวนดอกดกตกเต็ม

ยี่เข็งเข็มสารภียี่โถ
   
รสสุคนธ์ปนมะลิผลิดอกโต

ดอกส้มโอกลิ่นกล้าน่าดม



..................................อิเหนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒............................


ผู้เรียบเรียงไม้ในวรรณคดีไทยตอน ๑ โดย นางวิยดา เทพหัตถี


.....................................ข้อมูลจากศาลานุกรมไทย........................................



หัวข้อ: Re: the literature & art of thai classcal chapter one
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 26 เมษายน 2553 15:08:55

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/244/40244/images/junior1.jpg)

 (:LOVE:) (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:QEcpPDCQuJjgcM:http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/244/40244/images/wbb6387.jpg)  (:LOVE:)