หัวข้อ: หลวงปู่เหลา จุนโท วัดประชาบำรุง จังหวัดมหาสารคาม เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 12 พฤศจิกายน 2560 11:49:31 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/46954300544328_view_resizing_images_1_.jpg) หลวงปู่เหลา จุนโท - "พระโพธิญาณมุนี" วัดประชาบำรุง จังหวัดมหาสารคาม "พระโพธิญาณมุนี" หรือ "หลวงปู่เหลา จุนโท" อดีตเจ้าอาวาสวัดประชาบำรุงและอดีตเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม (ธ) เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวมหาสารคาม มาอย่างยาวนานจากอดีตตราบจนปัจจุบัน อัตโนประวัติ พระโพธิญาณมุนี มีนามเดิมว่า เหลา นาสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2443 ที่บ้านท่าแร่ ต.กุดฆ้องชัย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ หลังจบชั้นประถมศึกษา ออกมาช่วยงานครอบครัวทำไร่ทำนาหาเลี้ยงชีพตามวิถีชีวิตของคนอีสาน เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ.2463 กราบลาบิดามารดาเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง เข้าพิธีอุปสมบทที่พระอุโบสถวัดพิชยญาติการาม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ หลังอุปสมบท มุมานะศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม พ.ศ.2466 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2469 ยังศึกษาแผนกบาลีสามารถสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค จากสำนักเรียนวัดบรมนิวาส จากนั้นปฏิบัติหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอยู่ที่วัดปทุมวนาราม จนถึงปี พ.ศ.2473 เดินทางกลับอีสานบ้านเกิดมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระจันทราวาส อ.พล จ.ขอนแก่น พร้อมกับได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพล เนื่องจากหลวงปู่เหลา เป็นพระที่มีความรู้และวัตรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย ในปี พ.ศ.2498 ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประชาบำรุง จ.มหาสารคาม ว่างลง ท่านได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ให้ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ ต่อมา ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม (ธ) จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในราชทินนามที่พระโพธิญาณมุนี หลวงปู่เหลา ให้ความใส่ใจต่อภาระในศาสนาด้านคันถธุระและด้านวิปัสสนาธุระ ท่านได้สร้างความเจริญเรียบร้อยแก่พระพุทธศาสนาอย่างมากมาย แม้หลวงปู่เหลา จะมีตำแหน่งทางปกครองเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ แต่หากปีใดงานในหน้าที่ไม่มีความยุ่งยาก ท่านมักจะออกเดินธุดงควัตรไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งในภาคอีสาน โดยเฉพาะเทือกเขาภูพาน ท่านไปเป็นประจำเพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามรอยพระตถาคต รวมทั้งเป็นวิถีปฏิบัติของพระสายธรรมยุต ด้านการเผยแผ่หลักธรรม หลวงปู่เหลาได้ออกอบรมศีลธรรมแก่พุทธศาสนิกชนตลอดปี และให้ความสำคัญการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านรับหน้าที่ครูสอนพระปริยัติธรรม หากพระภิกษุสามเณรรูปใดตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ท่านจะมีทุนการศึกษาให้พร้อมกับสนับสนุนให้เรียนสูงยิ่งขึ้น ทำให้สำนักเรียนวัดประชาบำรุงในยุคนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง นอกจากนี้ ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาทำให้วัดประชาบำรุง มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ อาคารเรียนพระปริยัติธรรม กำแพงแก้ว ศาลาการเปรียญ เป็นต้น อีกทั้งด้วยความที่เป็นคนรักธรรมชาติ ท่านจะพาพระภิกษุ-สามเณร ปลูกต้นไม้ภายในวัดทุกปี พร้อมกับรักษาต้นไม้เก่าโดยห้ามไม่ให้ตัดฟันทำลาย ทำให้บรรยากาศภายในวัดมีแต่ความร่มรื่นร่มเย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมยิ่งนัก หลวงปู่เหลา ปฏิบัติหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์อย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างให้คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองปฏิบัติตาม ตลอดเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ฝ่ายธรรมยุต และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประชาบำรุง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวมหาสารคามและพื้นที่ใกล้เคียงมาโดยตลอด ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วัดประชาบำรุง จึงมีพุทธศาสนิกชนมาร่วมทำบุญและรับฟังพระธรรมจากหลวงปู่เหลาเป็นจำนวนมาก สำหรับปัจจัยที่ได้มาก็นำมาพัฒนาสาธารณูปโภคสาธารณูปการภายในวัด รวมทั้งบริจาคช่วยเหลือกิจกรรมของชุมชนมาโดยตลอด หลักธรรมคำสอนที่หลวงปู่เหลา อบรมสอนญาติโยม เป็นเรื่องของความไม่เที่ยงของสังขาร สรรพสิ่งในโลกมีเกิด มีเสื่อม และมีดับ ความตายนั้นแขวนคอทุกย่างก้าว ดังนั้นการดำเนินชีวิตจะต้องไม่ประมาท หมั่นประพฤติปฏิบัติแต่กรรมดี ล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ท่านมีอาการอาพาธเรื้อรัง ด้วยโรคมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก สุดท้ายมรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2508 สิริอายุ 64 ปี พรรษา 44 อริยะโลกที่6 ข่าวสดออนไลน์ |