หัวข้อ: หลวงพ่อโม ธัมมรักขิโต วัดจันทนาราม ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 05 มิถุนายน 2561 15:18:39 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/93506987641255_1.jpg) หลวงพ่อโม ธัมมรักขิโต วัดจันทนาราม ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท "หลวงพ่อโม ธัมมรักขิโต" อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทนาราม ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท อดีตพระเกจิเรืองนามรูปหนึ่งของเมืองชัยนาท เกิดเมื่อปีมะเมีย ปี 2413 ณ บ้านบางยายอ้น ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ในช่วงวัยเด็ก อาศัยอยู่กับญาติ และ มีจิตใจฝักใฝ่ในธรรม จึงบรรพชา เมื่ออายุ 8 ขวบ กระทั่งอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดใหม่บำเพ็ญบุญ มีหลวงพ่อเถื่อน เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อพระสมุห์คง เป็นพระกรรมวาจาจารย์, หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง เจ้าคณะแขวงอำเภอบ้านเชี่ยน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ (บางท่านว่าพระอาจารย์ นวม วัดกลาง เป็นพระอนุสาวนาจารย์) ได้รับฉายานาม "ธัมมรักขิโต" ศึกษาเล่าเรียนทั้งวิชาภาษาไทย บาลี และพระธรรมวินัย รวมทั้งภาษาขอม เรียนกัมมัฏฐานและวิทยาคมจากหลวงพ่อเถื่อน หลวงพ่อคง และหลวงพ่อม่วง ซึ่งล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์ โดยอยู่จำพรรษาที่วัดใหม่บำเพ็ญบุญได้ประมาณ 10 พรรษา จึงไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ต่อมา หลวงพ่อคง พาไปฝากเป็นศิษย์พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข เกสโร) วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ รับการถ่ายทอดสุดยอดวิทยาคมแขนงต่างๆ ตำรายาสมุนไพรและแพทย์แผนโบราณอยู่นานถึง 5 ปี ระหว่างปี 2451-2456 ก่อนกลับมายังวัดใหม่บำเพ็ญบุญ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส สืบแทนหลวงพ่อคงที่มรณภาพ พ.ศ.2457 ญาติของท่านซื้อที่ดินติดกับวัดร้างประมาณ 30 ไร่สร้างเป็นวัดขึ้นใหม่ ชื่อว่า "วัดจันทนาราม" แล้วอาราธนานิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ด้วยเหตุที่บริเวณวัดส่วนหนึ่งมีเนินอิฐปรักหักพัง มีพระพุทธรูปหินชำรุดที่น่าสนใจอยู่องค์หนึ่ง ท่านจึงชักชวนชาวบ้านร่วมกันปฏิสังขรณ์ โดยนำเศียรพระพุทธรูป ศิลปะอู่ทอง หรืออยุธยายุคต้น ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกันนำมาต่อเข้ากับพระองค์ดังกล่าว และเรียกชื่อตามเนื้อวัตถุที่สร้างว่า "หลวงพ่อหิน" ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บารมีของหลวงพ่อโม ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวิหารคู่กับรูปหล่อหลวงพ่อโม ยามว่างจากงานพัฒนาวัด ท่านก็มักเดินทางไปแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิชาอาคมกับสหธรรมิกหลายๆ องค์ เช่น หลวงพ่อปลื้ม วัดสังฆาราม อ.สรรคบุรี หนึ่งในเกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองสรรค ที่วงการพระเครื่องรู้จักกันดี เป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย สงบสำรวม ถ่อมตน ไม่อวดอ้างและพูดน้อย มีเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง ใครเดือดร้อนหรือมีปัญหาอะไร ก็จะอนุเคราะห์ตามสมควรแก่เหตุ โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ และได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ ด้านวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม คือ "ตะกรุดโทน" มีทั้งเนื้อทองเหลืองฝาบาตร ทองเหลืองและทองแดง ในยุคแรกยังหาแผ่นโลหะได้ยาก จึงไปขอฝาบาตรพระตามวัดต่างๆ มาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วจารยันต์ในตาราง ด้วยเหตุที่ใช้ฝาบาตรทำจึงเรียกว่า "ตะกรุดฝาบาตร" ต่อมาประมาณปี 2500 ก่อนสร้างอุโบสถ ท่านจึงให้ซื้อแผ่นทองแดงมาทำตะกรุด ซึ่งเอกลักษณ์ คือ มีความยาวประมาณ 7 นิ้วขลิบมุม และมีรูค่อนข้างใหญ่สำหรับร้อยเชือกที่ทำจากผ้าขาวลงยันต์ฟั่นตีเกลียว และยาวพอที่จะคาดเอว นอกจากนี้ ยังสร้างมีดหมออาคม คล้ายกับของหลวงพ่อเดิมที่ท่านได้ไปศึกษามา ลวดลายจะเป็นแบบนาคสมพงศ์ ผิดกับของหลวงพ่อเดิมตรงที่ปลายเศียรนาค จะไม่มียันต์ใบพัด ส่วนมากจะเป็นมีดเล่มใหญ่ และเหรียญของหลวงพ่อโม สร้างเมื่อ ปี 2497 เพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องปั่นไฟใช้ในวัด จำนวนการสร้างประมาณ 2,000 เหรียญ นอกจากนี้ ก็ยังมีรูปถ่ายขาวดำอัดกระจก ตะกรุดไม้รวกยอดด้วนพอกด้วยครั่ง สิงห์งาแกะ เหรียญรูปเหมือน รูปหล่อขนาดเล็ก รูปถ่าย พัด และสีผึ้ง เป็นต้น แม้ว่าไม่เคยอาพาธถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ เพราะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่กระนั้นท่านก็ไม่พ้นหลักอนิจจังตามธรรมะแห่งพระพุทธองค์ มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2502 อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์ |