หัวข้อ: หลวงพ่อสมัย อาภาธโร วัดหนองหญ้านาง ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 05 มิถุนายน 2561 15:29:44 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/38335877946681_1.jpg) หลวงพ่อสมัย อาภาธโร วัดหนองหญ้านาง ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี “หลวงพ่อสมัย อาภาธโร” หรือ “พระครูอุปการพัฒนกิจ” อดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี และอดีตเจ้าอาวาสวัดหนองหญ้านาง ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี พระเกจิชื่อดังที่ให้การสงเคราะห์ญาติโยม ยามเจ็บไข้ล้มป่วยด้วยวิชาแพทย์แผนไทย มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและเปี่ยมด้วยคุณธรรม เกิดในสกุล จันทร์ประจักษ์ เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2489 ที่บ้านเลขที่ 85 หมู่ที่ 5 ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี ครอบครัวประกอบอาชีพกสิกรรม ในช่วงวัยเยาว์ เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดหนองไผ่แบน ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นได้ไปอยู่กับพระครูอุทัยธรรมวินิจ หรือ หลวงพ่อจิ๋ว สุขาจาโร เจ้าอาวาสวัดเนินเหล็ก ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวินิจประสิทธิเวช อ.เมืองอุทัยธานี จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขณะเรียนมัธยม ใช้เวลาว่างศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณ กับนายเขียว ฉลาดธัญญกิจ ซึ่งเป็นลุง ควบคู่ไปด้วยหลายปี จนพอมีความชำนาญรักษาผู้เจ็บป่วยได้บ้าง ครั้นพอถึงวัยเกณฑ์ทหาร จับได้ใบแดงเป็นทหารเกณฑ์อยู่ 2 ปี และสมัครเข้าโรงเรียนนายสิบ ประจำอยู่กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมผสมที่ 4 ค่ายจิระประวัติ จ.นครสวรรค์ พ.ศ.2512 สมัครไปรบในสมรภูมิเวียดนาม ก่อนลาออกจากราชการทหาร ต่อมา บิดา-มารดา จัดพิธีอุปสมบท เมื่อ วันที่ 21 ธ.ค.2514 ที่พัทธสีมาวัดธรรมโศภิต(วัดโด่ง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี มีพระครูอุทานธรรมโศภิต (หลวงพ่อพร้อม สุมโน) เจ้าอาวาสวัดธรรมโศภิต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูอุเทศสาธุกิจ (หลวงพ่อ หวล ปิยังกโร) เจ้าอาวาสวัดอุโปสถาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์นา มิลินโท วัดธรรมโศภิตเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “อาภาธโร” แปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งแสงสว่าง หลังอุปสมบท ย้ายไปอยู่จำพรรษาวัดหาดทนง ศึกษาพระธรรมวินัยและฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานกับหลวงปู่คำ ชาติสุโข เจ้าอาวาสวัดสุวรรณรัตนาราม (หัวทะเล) ต.หาดทนง ต่อมา พระครูอุทัยธรรมวินิจ เจ้าอาวาสวัดเนินเหล็ก เรียกให้ไปศึกษาพระปริยัติธรรมเพิ่มเติมที่วัดเนินเหล็ก สามารถสอบได้นักธรรมตรี-โท และเอกตามลำดับ พ.ศ.2516 ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองหญ้านางได้ว่างลง หลวงพ่อจิ๋ว ได้ส่งพระสมัย มารักษาการแทน ในช่วงนี้ท่านศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม จนเกิดความชำนาญเกี่ยวกับโรคเส้นภายในร่างกาย โดยเปิดบำบัดรักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เหน็บชาให้แก่ชาวบ้านที่เจ็บป่วยเป็นประจำ ทำให้กิตติศัพท์แพร่กระจายออกไปไกลยังต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน นายยา มูลเดช ศิษย์หลวงปู่เคลือบ วรธัมโม ได้นำตำราหลวงปู่เคลือบมาถวายให้ศึกษาวิชาควบคู่ไปด้วย พ.ศ.2528 เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่นักศึกษาแพทย์ด้านการแพทย์แผนไทย ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนถึงปัจจุบัน พ.ศ.2535 ได้รับประกาศนียบัตรจากมูลนิธิในโครงการพระราชดำริสวนป่าสมุนไพร สมาคมสมุนไพรแพทย์แผนโบราณแห่งประเทศไทย พ.ศ.2536 คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมสาขาภูมิปัญญาชาวบ้าน (การบำบัดโรค) ได้รับโล่และใบประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2520 เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองหญ้านาง พ.ศ.2537 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเนินแจง-หนองไผ่แบน พ.ศ.2539 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2540 รักษาการแทนเจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี พ.ศ.2541 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี และเป็นหัวหน้าหน่วยพระธรรมทูต อ.เมืองอุทัยธานี ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2541 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นโท ในราชทินนามเดิม พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม พ.ศ.2550 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม ท่านใช้วิชาการแพทย์แผนไทยบำบัดโรคภัยให้กับประชาชนที่เจ็บป่วย ทำให้วัดหนองหญ้านางเป็นที่ศึกษาดูงานด้านการแพทย์แผนไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้และประสบการณ์การบำบัดรักษาแบบพื้นบ้านที่มีศักยภาพ วันที่ 15 ธ.ค.2556 ละสังขารด้วยโรคมะเร็งตับ สิริอายุ 67 ปี พรรษา 42 อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์ |