[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 05 ตุลาคม 2561 13:10:50



หัวข้อ: พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ (ปลด กิตติโสภโณ)
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 05 ตุลาคม 2561 13:10:50
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/54763158783316_view_resizing_images_5_.jpg)

พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ (ปลด กิตติโสภโณ)
 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร  กรุงเทพมหานคร

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ (ปลด กิตติโสภโณ) ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 14 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ.2503 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

ทรงเป็นสามเณรเปรียญ 9 ประโยค องค์แรกในรัชกาลที่ 5 และเป็นรูปที่ 2 ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อจากสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสสเทโว) วัดราชประดิษฐ์

ทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อสถาบันศาสนา โดยเฉพาะในด้านการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณร ที่ทรงทุ่มเทตลอดพระชนม์ชีพ ในยุคของท่านปรากฏนิสิตนักศึกษาพระปริยัติธรรมที่มากทั้งปริมาณและคุณภาพ

มีพระนามเดิมว่า ปลด พิณโรจน์ ประสูติขึ้นที่บ้านในตรอกหลังตลาดพาหุรัด ติดกับวัดราชบูรณะ เมื่อวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.2432 บิดาชื่อ ขุนพิษณุโลกประชานาถ (ล้ำ เกตุทัต) มหาดเล็กใกล้ชิดในรัชกาลที่ 5 และเป็นเจ้ากรมในสมเด็จเจ้าฟ้าหลวงพิษณุโลกประชานาถ มารดาชื่อ ปลั่ง เป็นญาติกับหม่อมสว่าง ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์

มีสายตระกูลสัมพันธ์กับฐานพระญาติกับตระกูลเกตุทัต หงสกุล สกุณะสิงห์ และคชาชีวะ

หลังบิดาถึงแก่กรรม มารดาพาไปอยู่กับตาและยายที่บ้านในตรอกหลังพระราชวังเดิม (กองบัญชาการกองทัพเรือในปัจจุบัน)

เริ่มเรียนบาลี เมื่อพระชันษา 8 ขวบ เรียนมูลกัจจายน์กับอาจารย์ฟัก วัดประยุรวงศาวาส เรียนธัมมปทัฏฐกถากับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (เปีย) วัดพระเชตุพนฯ และพระยาธรรมปรีชา (บุญ) ซึ่งเป็นอาจารย์สอนพระปริยัติธรรมอยู่ที่วัดสุทัศน์

เมื่อพระชันษา 12 ปี บรรพชาในสำนัก พระราชโมลี (บัว) วัดพระเชตุพนฯ เข้าแปลพระปริยัติธรรมครั้งแรกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นเปรียญธรรม 3 ประโยค

รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ ไปทรงฟังการแปลแล้ว ทรงพอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปอยู่วัดเบญจมบพิตร ทรงศึกษาพระปริยัติธรรมประโยค 4-5-6 กับสมเด็จพระวันรัต (จ่าย) เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรองค์แรก และสมเด็จพระวันรัต (ทิต อุทโย) วัดมหาธาตุฯ

ศึกษาประโยค 7-8-9 กับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหาร และทรงศึกษากับสมเด็จพระวันรัต (ทิต)

จากนั้น เข้าแปลพระปริยัติธรรมมาตามลำดับจนสำเร็จเป็นเปรียญธรรม 9 ประโยค ในปี พ.ศ.2451

ครั้นพระชันษาครบ 20 ปี รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปสมบทเป็นนาคหลวง ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงให้นามฉายาว่า กิตติโสภโณ

ในฐานะที่ทรงเป็นเปรียญ 9 ประโยค และสถิตอยู่ในอารามสำคัญ จึงทรงรับภาระหน้าที่ทางการพระศาสนาตั้งแต่พระชันษายังน้อย

ในพรรษาที่ 6 พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุทธิวงศ์ และเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร

พ.ศ.2466 ทรงเลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชเวที พ.ศ.2469 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพเวที พ.ศ.2471 เป็นเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร สืบแทนสมเด็จพระวันรัต (จ่าย) พ.ศ.2472 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมโกศาจารย์

จนถึง พ.ศ.2488 ในรัชกาลที่ 8 ได้รับสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะ ตำแหน่งเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏที่ พระพรหมมุนี

พ.ศ.2490 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ชั้นสุพรรณบัฏที่สมเด็จพระวันรัต

หลังสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ สิ้นพระชนม์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2503

สมเด็จพระสังฆราช (ปลด) ทรงเป็นพระมหาเถระที่ทรงพระเกียรติคุณทางการศึกษาของคณะสงฆ์ ด้วยทรงเกี่ยวข้องกับการศึกษาของคณะสงฆ์มาแต่ทรงอุปสมบทพรรษาแรก

ด้วยทรงเป็นกรรมการในการแปลพระปริยัติธรรมสนามหลวง และเมื่อเปลี่ยนแปลงการแปลบาลี จากสอบปากเปล่ามาเป็นสอบข้อเขียนในรัชกาลที่ 6 ก็ทรงเป็นกรรมการตรวจประโยคบาลี ในกองที่ 1 ซึ่งตรวจประโยคเปรียญเอกมาโดยตลอด

ทรงเป็นแม่กองบาลีสนามหลวง รับผิดชอบการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ติดต่อกันยาวนานถึง 25 ปี

เมื่อการปกครองคณะสงฆ์เปลี่ยนแปลงเป็นแบบมีสังฆสภา คณะสังฆมนตรี และคณะวินัยธร โดยจัดระเบียบบริหารคณะสงฆ์ส่วนกลางเป็น 4 องค์การ คือ องค์การปกครอง องค์การศึกษา องค์การเผยแผ่ และองค์การสาธารณูปการ ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484

เจ้าพระคุณสมเด็จ ก็ทรงดำรงตำแหน่งสังฆมนตรีว่าการองค์การศึกษามาแต่ต้น รวมเวลาถึง 18 ปี

สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2505 เวลา 16.27 น. ด้วยพระโรคเส้นโลหิตใหญ่ในพระสมองแตก รวมพระชันษา 73 พรรษา 11 วัน พรรษา 53 ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 2 ปี


อริยะโลกที่ 6