[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 21 พฤศจิกายน 2561 15:20:40



หัวข้อ: พระครูพิทักษ์นันทคุณ (สงวน จารุวัณโณ) วัดอรัญวาส ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 21 พฤศจิกายน 2561 15:20:40
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/70642726040548_1_1024x768_.jpg)

พระครูพิทักษ์นันทคุณ (สงวน จารุวัณโณ)
 วัดอรัญวาส ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน

เมืองน่าน เป็นเมืองที่ปิดล้อมด้วยขุนเขาและป่าทึบ แต่ปัจจุบันป่าไม้ถูกตัดทำลาย หลายชุมชนร่วมต่อสู้รักษาได้ และอีกหลายชุมชนได้เรียนรู้พิษภัยจากการสูญเสียป่ารอบชุมชน จึงเริ่มหันมาอนุรักษ์ป่าประยุกต์พิธีกรรมความเชื่อทางศาสนา

การบวชต้นไม้ (พญาไม้) การทอดผ้าป่าต้นไม้สู่ชุมชนการสืบชะตาน้ำ-ป่า เป็นกุศโลบายสร้างความอุดมสมบูรณ์กลับคืนสู่ป่าเขา สู่ขุนน้ำลำห้วยต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง

หนึ่งในคณะที่เอาจริงเอาจังกับการนี้เป็นอย่างยิ่งคือกลุ่มฮักเมืองน่าน มี "พระครูพิทักษ์นันทคุณ" (สงวน จารุวัณโณ) เจ้าอาวาสวัดอรัญวาส ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน เป็นประธาน

เป็นชาวบ้านกิ่วม่วง ต.ดู่พงษ์ อ.สันติสุข จ.น่าน มีนามเดิมว่า สงวน พันธ์ชา เกิดวันที่ 25 พ.ย.2501 เป็นบุตรของนายมา พันธ์ชา อาชีพเป็นพรานป่าล่าสัตว์ และทำการเกษตรพื้นที่สูง

ชีวิตในวัยเด็ก เติบโตในสภาพแวดล้อมของภูเขาป่าไม้ และความสมบูรณ์ของพืชพรรณ-สัตว์ป่า และมักติดตามพ่อเข้าป่าล่าสัตว์อยู่เสมอ

อยู่มาวันหนึ่ง พ่อไปป่ายิงค่างแม่ลูกอ่อนตกลงมาจากยอดไม้ เมื่อมาถึงบ้านก็จัดการลอกหนังค่างตัวแม่เอาออกไปตากแดดที่หน้าบ้าน ส่วนลูกค่างจับขังไว้ในกรง

ลูกค่างไม่ยอมกินอาหารเอาแต่ร้องอยู่ตลอดเวลา ด้วยความสงสารท่านจึงปล่อยออกจากกรง ทันทีที่เป็นอิสระลูกค่างกลับวิ่งไปกอดจูบหนังแม่ค่างที่ตากเอาไว้ เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจ อยากบอกพ่อให้เลิกล่าสัตว์ก็ทำไม่ได้ เพราะครอบครัวอยู่ได้ด้วยอาชีพนี้

ภาพติดอยู่ในสำนึกและความทรงจำตลอดมา ทำให้ไม่อยากเบียดเบียนให้ชีวิตใดเดือดร้อน

เมื่อยังเป็นเด็ก คณะพระธรรมทูตจะเวียนไปในหมู่บ้านปีละ 2 หน ชอบตามแม่ไปฟังธรรมแล้วนำมาเล่าให้ญาติๆ ฟังต่อที่บ้าน จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก็ถวายตัวเป็นศิษย์ที่วัดดอนใหม่ ต.พงษ์ อ.แม่จริม จ.น่าน

ในปี พ.ศ.2514 บวชเป็นสามเณร จากนั้นจึงได้เดินทางกลับมาอยู่วัดดู่พงษ์ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมชั้นตรี และจบนักธรรมชั้นเอกใน 3 ปี ต่อมาเมื่ออายุได้ 17 ปี ช่วยเป็นครูสอนนักธรรมชั้นตรีและชั้นโทที่โรงเรียนดู่พงษ์ ระหว่างนี้ชาวบ้านกิ่วม่วงได้นิมนต์ให้กลับมาอยู่บ้านเกิดโดยมอบที่ดินให้สร้างอาศรม

เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2521 ณ วัดป่าอ้อย ต.ดู่พงษ์ มีพระครูนันทรัตนญาณ เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2522 จำพรรษาอยู่ที่วัดอรัญญาวาส ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน เพื่อศึกษาปริยัติธรรมบาลีจนสอบได้ประโยค 1-2 ที่สำนักเรียนวัดพญาภู ต.เวียงใต้ อ.เมืองน่าน

ในปี พ.ศ.2525 ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส แทนเจ้าอาวาสที่มรณภาพ และไม่นานนักก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระฐานานุกรม ตำแหน่งที่ พระปลัดสงวน จารุวัณโณ และตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าน้าวในปีเดียวกัน

พ.ศ.2530 บ้านกิ่วม่วงเกิดภาวะขาดแคลนน้ำเป็นเวลาร่วมเดือน ถึงขนาดต้องขอให้รถน้ำจากอำเภอนำน้ำมาส่ง เพราะป่าที่หมดไป ท่านจึงขอให้ชาวบ้านรักษาต้นไม้ที่เหลือ ไม่ไปตัดฟัน

อีกทั้งยังจัดแบ่งหมวดหมู่ความรับผิดชอบป่า ทั้งออกกฎระเบียบว่าหากมีผู้ตัดไม้ จะปรับต้นละ 10-200 บาท รวมทั้งของกลางและเลื่อยตัดไม้ไว้เป็นสมบัติกลาง

ในช่วงต้นชาวบ้านบางคนเกิดความไม่เข้าใจ หาว่าท่านไปเบียดเบียนที่ทำกิน จึงไม่ยอมทำตามและต่อต้าน ท่านก็ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ อาศัยการเทศน์และพูดชี้แจงบ่อยๆ จนสร้างความเข้าใจได้ในที่สุด และบ้านกิ่วม่วง กลายเป็นหมู่บ้านป่าชุมชนหมู่บ้านแรกในจังหวัดน่าน

นอกจากนี้ ยังใช้กุศโลบายต่างๆ มาเพื่อการอนุรักษ์ป่า อาทิ พิธีบวชต้นไม้ และนำเอาพระพุทธรูปไปเป็นประธานป่าในเขตหวงห้าม สำหรับชาวบ้านทั่วไปที่ยังนับถือผีอยู่ก็เอาศาลพระภูมิมาตั้งไว้คู่กันด้วย

ดังภาษิตที่ว่า "พระดี ผีดุ ช่วยกันรักษาป่า"

นับแต่เริ่มพิธีกรรมบวชป่าครั้งแรกที่บ้านกิ่วม่วงในเดือนพฤษภาคม 2533 ป่าบริเวณนั้นก็ไม่ค่อยมีคนเข้าตัดฟันต้นไม้

พ.ศ.2534 พิธีกรรมบวชป่าก็ขยายครอบคลุมพื้นที่ป่าขุนน้ำพงษ์นับแสนไร่

วันที่ 5 ธ.ค.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี ที่พระครูพิทักษ์นันทคุณ

พ.ศ.2536 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญาวาส 


อริยะโลกที่ 6