หัวข้อ: หลวงพ่อหวก สุขุโม วัดสุขุมาลัยชัยมงคล บ้านกระวัน ต.บ้านไทร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 11 ธันวาคม 2561 15:28:03 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/96635308323634_1_1024x768_.jpg) หลวงพ่อหวก สุขุโม (พระครูสุขุมธรรมวาที) วัดสุขุมาลัยชัยมงคล บ้านกระวัน ต.บ้านไทร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พระครูสุขุมธรรมวาที หรือ หลวงพ่อหวก สุขุโม อดีตเจ้าอาวาสวัดสุขุมาลัยชัยมงคล บ้านกระวัน ต.บ้านไทร อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เป็นพระนักเทศน์ นักปฏิบัติธรรมและเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เปี่ยมด้วยเมตตา มุมานะปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีนามเดิม หวก ไพสนิท เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ต.ค.2473 ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย ที่บ้านอำปึล หมู่ที่ 12 ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ในช่วงวัยเยาว์ เข้าศึกษาที่โรงเรียนประชาบาลเทนมีย์ บ้านอำปึล จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พ.ศ.2491 ขณะอายุได้ 18 ปี เข้าพิธีบรรพชา ที่วัดพฤทักษิณ สอบนักธรรมสนามหลวงได้ชั้นตรี และลาสิกขาเพื่อดูแลบิดาเป็นเวลา 2 ปี อายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดพฤทักษิณบ้านอังกัญ ตำบลเทนมีย์ มีพระครูสถิตรัตนโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสถิตสมณธรรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการสวน ธัมมวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุขุโม ซึ่งแปลว่าผู้มีความสุขุม มั่นคง หนักแน่น เด็ดขาด จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัย และวิปัสสนากัมมัฏฐาน 7 พรรษา เริ่มฝึกหัดจากพระนักเทศน์ เพื่อจดจำสร้อยนำ ทำนอง และลีลาการพูด จากนั้นได้นำไปประยุกต์ใช้เทศน์ให้เหมาะสมในงานนั้น ตลอดเวลาไม่เคยเทศน์ชื่นชมเอาใจเจ้าภาพ เน้นเลือกเทศน์ตามหลักพระพุทธศาสนาเป็นหลักในปี 2500 เรียนจบนักธรรมเอก สามารถอ่าน เขียน คัมภีร์ ใบลาน ภาษาขอม ได้อย่างคล่องแคล่ว จากนั้นได้จำพรรษาที่วัดบ้านด่าน อ.กาบเชิง ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ ย้อนกลับไปจำพรรษาที่วัดทุ่งสว่าง 1 กระทั่งในปี 2507 ราษฎรในละแวกบ้าน กระวับ ต.บ้านไทร ได้ร่วมแรงกันจัดสร้างวัดขึ้น ซึ่งมีธรณีสงฆ์เนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา เพื่อไว้ประกอบศาสนกิจ แต่ยังขาดแคลนเจ้าอาวาสปกครอง ดังนั้น ชาวกลุ่มอุบาสก อุบาสิกา จึงได้ไปอาราธนานิมนต์ไปเป็นเจ้าอาวาส และพร้อมใจกันจัดตั้งชื่อว่า วัดสุขุมาลัยชัยมงคล โดยท่านได้ริเริ่มก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ศาลาการเปรียญ อุโบสถ เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ พ.ศ.2525 อนุญาตให้ศิษยานุศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคล เป็นเหรียญรูปเหมือนรุ่น 1 โดยใช้ยันต์อรหัง 8 ทิศ จำนวน 10,000 เหรียญ และพระผงรูปเหมือน จำนวน 7,000 องค์ เพื่อแจกจ่ายในงานทอดผ้าป่าสามัคคี สมทบทุนสร้างอุโบสถ เมื่อทางวัดแจกจ่ายหมด (ไม่จำหน่าย) ซึ่งได้แบ่งให้เยาวชนแคนาดา ในคราวเข้ามาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-แคนาดา ในหมู่บ้านกระวัน เมื่อมีผู้ขอจัดสร้างอีกครั้งแต่ท่านปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า "วัตถุมงคลเป็นสิ่งที่สร้างขึ้น มีผู้คนลุ่มหลงในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ ทำให้คนมัวเมากับสิ่งวัตถุ ไม่มีสิ่งใดจะดีเทียบเท่าความประพฤติและปฏิบัติของตัวเราเอง" หลวงพ่อหวกแต่เดิมท่านตั้งใจว่าจะบวชเรียนเพื่อบูชาพระคุณให้บิดามารดา 3 พรรษา เมื่อได้บวชแล้วจิตใจลึกซึ้งในพระธรรม จึงไม่สึกและได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านไทร มีวัดในปกครอง 5 วัด ในปี 2543 ท่านได้จัดงานบุญใหญ่ เทศน์มหาชาติ 7 วัน มีประชาชนแห่เข้ามาร่วมงานนับหมื่นคน ได้เงิน 1 ล้าน 5 แสนบาท คำเทศน์ของท่านที่ลูกศิษย์ได้ยินเสมอ คนเรานั้นเมื่อตายไปแล้วร่างกายก็ไปสู่เชิงตะกอนและหลุมฝังศพ แต่ส่วนจิตใจเรานั้นถ้ามาทำความดีก็รู้ตัวว่าดี ไปทำชั่วก็รู้ตัวว่าทำชั่ว ผลที่ได้รับก็คือความเดือดร้อนใจ นี่คือสวรรค์ในอก นรกในใจ สวรรค์คือโลกที่เต็มไปด้วยความสุขกายสบายใจเรียกว่าโลกสวรรค์ นรกคือโลกที่เต็มไปด้วยความร้อนใจนั่นเอง คติธรรมเหล่านี้ท่านต้องการสะกิดให้ผู้คนทำความดี อย่าทำชั่ว เมื่อคนเราไม่มีสิ่งที่รั้งใจให้กลัว เพื่อไม่ให้ทำชั่ว ก็จะพากันไปทำแต่สิ่งชั่วร้าย อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความทนอยู่ไม่ได้ อนัตตา ความไม่แน่นอนเหล่านี้ ไม่ใช่ตัวตน ให้สังเกตดูตัวเรา อะไรก็ของเรา แต่สิ่งเหล่านั้นจะคงอยู่ตามเราชอบหรือเปล่า ช่วงบั้นปลายชีวิต อาพาธเป็นโรค เบาหวานและโรคไต พยายามดูแลรักษาตัวเอง ฉันยาสมุนไพรมาหลายปี แต่อาการไม่ดีขึ้น กระทั่งวันที่ 18 ก.พ.2545 ละสังขารด้วยโรคชรา สิริอายุ 72 ปี พรรษา 51 ที่มา ข่าวสดออนไลน์ |