หัวข้อ: พระเทพวรมุนี (วิบูลย์ กัลยาโณ)วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 04 มิถุนายน 2562 16:16:03 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/30941108324461_view_resizing_images_6_320x200.jpg) พระเทพวรมุนี (วิบูลย์ กัลยาโณ) อดีตเจ้าคณะศรีสะเกษ วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ [/b]พระเทพวรมุนี (วิบูลย์ กัลยาโณ) [/b] อดีตเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และอดีตเจ้าอาวาสวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม พระอารามหลวง พระนักปราชญ์ของอีสานใต้ ที่มีวัตรปฏิบัติอันน่ายกย่อง เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสของชาวเมืองศรีสะเกษ มีนามเดิมว่า วิบูลย์ บุญพอ เกิดเมื่อ วันที่ 8 เม.ย.2478 ที่บ้านหนองกุง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประชาบาลวัดบ้านหนองกุง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ โดยมีเจ้าอธิการอ้วน โสภโณ วัดโนนค้อ ต.โนนค้อ เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาได้ย้ายมาเรียนนักธรรม ที่วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้เป็นสามเณรอุปัฏฐากใกล้ชิด พระเทพวรมุนี (เสน ปัญญาวชิโร) เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษขณะนั้น พ.ศ.2496 สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ จากสำนักศาสนศึกษา วัดมหาพุทธาราม หลังจากนั้น พระเทพวรมุนี (เสน ปัญญาวชิโร) ได้ฝากฝังพระเถระผู้ใหญ่ให้ไปจำพรรษา ที่วัดสวนพลู แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ จนกระทั่งได้รับการอุปสมบทที่วัดนั้น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2498 โดยมีพระครูสังฆวิธาน เจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า กัลยาโณ มีความหมายว่า ความงดงาม หรือความดีงาม พ.ศ.2499 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ที่สำนักเรียนวัดมหาพฤฒาราม กรุงเทพฯ พ.ศ.2500-2507 เป็นนิสิตคณะพุทธศาสตร์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และได้สมัครสอบครูได้วุฒิทางครู คือ วุฒิครู พ. และวุฒิ พ.ป.ตามลำดับ ระหว่างนี้ มีความสนใจงานหนังสือพิมพ์เป็นสาราณียกร ออกหนังสือพิมพ์รายคาบที่มหามกุฏราชวิทยาลัย สนใจติดตามฟังปาฐกถาของบุคคลสำคัญ รวมทั้งชอบอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นชีวิตจิตใจ พ.ศ.2509 พระครูสิริกันทราลักษ์ เจ้าคณะอำเภอขุนหาญ (ในขณะนั้น) พิจารณาแล้วเห็นว่าท่านเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสุพรรณรัตน์ (วัดบ้านพราน) ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านก็เริ่มต้นชีวิตการทำงานเพื่อส่วนรวมและพระพุทธศาสนามาโดยตลอด ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2509 เป็นเจ้าอาวาสวัดสุพรรณรัตน์ (วัดบ้านพราน) ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พ.ศ.2511 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พ.ศ.2515 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2518 เป็นเจ้าคณะอำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พ.ศ.2525 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ.2532 เป็นเจ้าอาวาสวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.ศ.2536 เป็นเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายมหานิกาย ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2525 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะจังหวัดชั้นพิเศษ ในราชทินนามที่ พระครูวิจิตรธรรมวาที พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ (สป.) ในราชทินนามที่ พระวิบูลธรรมวาที พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชวรรณเวที พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพวรมุนี พระเทพวรมุนี เป็นพระเถระผู้ใหญ่ผู้เป็นพหูสูต รอบรู้ในหลักวิชาการต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม มีความคล่องตัวในด้านต่างๆ รวมทั้งมีความสนใจในการค้นคว้าหาความรู้ อ่านตำราหนังสือมาก ชอบเขียนเอกสารบทความต่างๆ มีพรสวรรค์ในด้านวาทศิลป์ เป็นนักพูด นักปาฐกถา นักเทศน์บรรยายธรรม อีกทั้งเป็นพระนักพัฒนาที่เปี่ยมด้วย ภูมิรู้ ภูมิธรรม สามารถปรับใช้ความรู้ และประสบการณ์ในการปฏิบัติภารกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน และประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ พระเทพวรมุนี มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ธ.ค.2551 เวลา 08.54 น. ด้วยโรคระบบทางเดินอาหาร หลังเข้ารับการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพียง 15 วัน สิริอายุ 74 ปี พรรษา 52 อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์ |