หัวข้อ: พระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตติ) วัดจักรวรรดิราชาวาส เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 07 มิถุนายน 2562 15:51:47 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/74985467270016_view_resizing_images_1_320x200.jpg) พระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตติ) วัดจักรวรรดิราชาวาส เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ พระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตติ) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เป็นพระนักปราชญ์ผู้รอบรู้ในด้านพุทธศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวรรณคดี สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และสาขาวิชาต่างๆ แก่ทุกคน โดยไม่เลือกชั้นวรรณะแต่อย่างใด มีนามเดิมว่า เกียรติ อุตสาหกุล เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.ย.2474 ปีมะแม ที่บ้านท่าลาดขาว หมู่ที่ 1 ต.ท่าลาดขาว อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ในช่วงวัยเยาว์เข้าเรียนที่โรงเรียนประชาบาลท่าลาดขาว จนสำเร็จประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนลาออกมาช่วยโยมบิดามารดา หลังจากนั้น เข้าพิธีบรรพชาที่วัดพลับพลา ต.พลับพลา อ.โชคชัย จ.นครราช สีมา เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2487 โดยมี พระครูพรหมพงศ์พิสุทธิ์ (ภู่ พรหมสโร) วัดพลับพลา เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดท่าลาดขาว ก่อนย้ายมาเรียนในกรุงเทพฯ โดยไปอยู่จำพรรษาที่วัดจักวรรดิ กระทั่งอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ สามเณรเกียรติเข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดจักรวรรดิราชาวาส แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2495 โดยมีพระคุณาจารวัตร (ไช้ สุวัณโณ) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์, สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณณกมหาเถร) เมื่อดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพเมธี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระวรญาณมุนี (เสถียร ธัมมสาโร) วัดจักรวรรดิราชาวาส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า สุกิตติ มีความหมายว่า ชื่อเสียงดี ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมต่อขึ้นไปตามลำดับ พ.ศ.2496 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค จากนั้นท่านเดินทางไปศึกษาต่อประเทศอินเดีย และสอบได้ปริญญาปฏิอาจาริยะ คือ ปริญญาโท ฝ่ายภาษาและวรรณคดีบาลี ตามหลักสูตรการศึกษาอย่างเก่าของอินเดีย รัฐบาลเทียบฐานะเท่าปริญญาตรี เกียรตินิยมของหลักสูตรระบบใหม่ โดยศึกษารวม 9 หมวดวิชา ตอบด้วยภาษาบาลีทั้งสิ้น ควบคู่กับภาษาอังกฤษ แต่ในการถามตอบด้วยภาษาบาลีทั้งสิ้น ดำเนินการสอบโดยมหาวิทยาลัยสันสกฤต แห่งรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย พ.ศ.2507 สอบได้ประกาศนียบัตรชั้นสูงภาษาฮินดี จากสถาบันการศึกษาพระพุทธศาสนานาลันทา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย พ.ศ.2508 สอบได้ปริญญาโท (M.A. ) ทางพระพุทธศาสนา ฝ่ายบาลี จากมหาวิทยาลัยมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย (ได้คะแนนเป็นที่ 2) พ.ศ.2509 ผลจากการเรียนดี ทำคะแนนในการสอบได้ดีดังกล่าว สถาบันการศึกษาพุทธศาสนานาลันทา ได้เสนอชื่อให้ได้รับทุนทำปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยพาราณสี เมืองพาราณสี รัฐอุตตระ ประเทศอินเดีย เข้าเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยพาราณสี ค้นคว้าเรียบเรียงวิทยานิพนธ์ด้านภูมิประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา โดยได้รับทุนการศึกษาในชั้นต้นจากมหาวิทยาลัยพาราณสี และต่อมาเปลี่ยนเป็นทุนที่สูงขึ้นจากรัฐบาลอินเดีย แต่ด้วยสุขภาพไม่อำนวย จึงต้องงดการศึกษา และกลับประเทศไทย ใน พ.ศ.2518 พระราชธรรมมุนี มีประวัติการทำงาน และประสบการณ์ชีวิตที่โดดเด่นคือ เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดจักรวรรดิราชาวาส โดยสอนชั้นบาลีไวยากรณ์, ประโยค ป.ธ.3 และ ป.ธ.5 และเป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมและบาลีสนามหลวง พ.ศ.2502 ได้รับคัดเลือกจากทางการคณะสงฆ์และรัฐบาล ให้เป็นรูปหนึ่งในคณะพระสงฆ์ไทยชุดแรก จำนวน 5 รูป มี สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี ไปปฏิบัติศาสนกิจประจำอยู่เป็นเวลา 3 ปี ในฐานะเลขานุการวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย พระราชธรรมมุนีได้ทำหน้าที่เทศนาสั่งสอนประชาชน ในวันธรรมสวนะตามวาระที่วัดจักรวรรดิราชาวาสจัด และเทศนาพิเศษในงานพิธีและโอกาสต่างๆ ทั้งในวัดและนอกวัด และแสดงพระธรรมเทศนาทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ตามที่ได้รับอาราธนา และได้เรียบเรียงข้อเขียนและบทความรวมหลายครั้ง ให้แก่กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำออกอากาศทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส พระอารามหลวง พระราชธรรมมุนีได้บริหารจัดการร่วมกับผู้เชี่ยวชาญสาขาอาชีพต่างๆ ผ่านมติที่ประชุมทุกฝ่าย โดยเฉพาะการปรับปรุงเสนาสนะให้อยู่ในระดับมาตรฐาน และเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ใช้สอยอย่างแท้จริง ไม่เน้นการสร้างใหม่ให้สิ้นเปลือง กระทั่งเวลา 04.30 น. วันที่ 26 ส.ค.2552 มรณภาพอย่างสงบ ด้วยอาการเลือดออกจากช่องท้องอย่างรุนแรงจากโรคกระเพาะอาหาร ที่โรงพยาบาลกลาง สิริอายุ 78 พรรษา 57 อริยะโลกที่ 6 ข่าวสดออนไลน์ |