หัวข้อ: หลวงปู่นาม ฐิตธัมโม วัดบ้านหนอง(วัดอัมพวนาราม) อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 19 สิงหาคม 2562 18:09:56 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/44774350896477_view_resizing_images_1_320x200.jpg) หลวงปู่นาม ฐิตธัมโม วัดบ้านหนองโก (วัดอัมพวนาราม) ต.แพง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม หลวงปู่นาม ฐิตธัมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองโก (วัดอัมพวนาราม) ต.แพง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมยุคเก่าของอีสานตอนกลางในช่วงกว่าร้อยปีที่ผ่านมา มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ช่วงต้นสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง วิทยาคมแก่กล้า ปฏิปทางดงาม และท่านยังมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านแพทย์แผนโบราณ อุทิศตนใช้วิชาแพทย์รักษาญาติโยมที่เจ็บป่วยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อัตโนประวัติ ไม่เคยมีการบันทึกไว้ แต่จากการสอบถาม นายม่อง สีวาโคตร อายุ 86 ปี ชาวบ้านหนองโก ทราบพอสังเขปว่า เดิมเป็นคนบ้านท่าสองคอน ปัจจุบันคือ ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เกิดราวปี พ.ศ.2488 ไม่ทราบชื่อบิดา-มารดา ครอบครัวท่านประกอบอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนพี่น้องชาวอีสานทั่วๆไป ในช่วงวัยเด็ก ช่วยงานครอบครัวทำมาหากิน ช่วยเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ทำไร่ไถนาด้วยความขยันขันแข็ง แต่ด้วยความที่เป็นผู้มีจิตใจโน้มเอียงเข้าหาพระธรรมพออายุกว่าสิบปีได้ขอให้บิดา มารดา นำไปบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดประจำหมู่บ้าน ครั้นเมื่ออายุ 20 ปี ขอให้บิดา-มารดา นำไปอุปสมบทที่วัดบ้านหัวขวาง ปัจจุบัน คือ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมี พระอาจารย์เจ้าอริยวงษา เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา ฐิตธัมโม จำพรรษาปฏิบัติธรรมศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความขยันขันแข็ง ที่วัดบ้านท่าสองคอน ต่อมา ตัดสินใจเดินทางเข้าไปยังกรุงเทพฯ ต้องนั่งเกวียนและเดินเท้ารอนแรมด้วยความยากลำบากกว่าจะถึงกรุงเทพฯ เข้าเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่กับการเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เมื่อศึกษาพระสูตรพระวินัยและวิปัสสนากัมมัฏฐานจนแตกฉานแล้ว ด้วยความที่เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ จึงเข้าเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามจนจบหลักสูตร ด้วยคาดหวังว่าจะนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียน ช่วยเหลือญาติโยมในชนบทอีสานบ้านเกิดที่ห่างไกลด้านสาธารณสุข หลังกลับมาตุภูมิภาคอีสาน ท่านออกท่องธุดงควัตรไปจำพรรษาอยู่ตามวัดหลายแห่ง ช่วงเวลาดังกล่าว ท่านยังได้ศึกษาวิทยาคมกับพระเกจิอาจารย์ฝั่งประเทศลาวรูปหนึ่งที่เก่งด้านวิทยาคม รวมทั้งยังเรียนอ่านเขียนอักษรขอม อักษรธรรม ทำให้หลวงปู่นามมีความรู้ในการอ่านเขียนอักขระโบราณอีกแขนงหนึ่ง พ.ศ.2445 ชาวบ้านหนองโกจึงนิมนต์ให้มาจำพรรษาที่วัด ปี พ.ศ.2457 จึงได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ทุ่มเทพัฒนาวัดบ้านหนองโกจนเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งหลวงปู่เป็นคนเจ้าระเบียบพระภิกษุ-สามเณรในปกครองต้องอยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และให้การสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม ด้วยเป็นทางเลือกหนึ่งของคนยากคนจนที่เข้ามาบวชเรียนจะได้มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนระดับสูงขึ้น หากพระภิกษุ-สามเณรรูปใดตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ก็จะส่งเสริมให้เรียนในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังนำความรู้การแพทย์แผนโบราณช่วยสงเคราะห์ญาติโยมที่ยากไร้ โดยปลูกโรงเรือนไว้เป็นที่สำหรับรักษาผู้เจ็บป่วย ในยุคนั้นจึงเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ในแต่ละวันจึงมีผู้มากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์เสริมความเป็นสิริมงคล รวมทั้งขอรับการรักษาโรคอย่างไม่ขาดสาย สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคจะนำมาพัฒนาวัดให้มีความเจริญรุ่งเรืองทุกด้าน รวมทั้งบริจาคช่วยสาธารณกุศลช่วยชุมชนท้องถิ่นอยู่เนืองๆ ท่านจะยื่นมือเข้าช่วยสนับสนุนทันทีหากเป็นสิ่งที่จะทำให้ชุมชนเจริญรุ่งเรืองและอยู่ดีมีสุข หลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนเป็นประจำ คือ สรรพสิ่งในโลกที่เกิดขึ้นเมื่อตั้งอยู่ ต่อไปก็จะเสื่อมและดับไป เมื่อปุถุชนไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงเหล่านี้ได้ จะต้องรู้จักการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท หมั่นปฏิบัติแต่กรรมดียึดศีล 5 เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างเคร่งครัดชีวิตก็จะพานพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา ในปี พ.ศ.2482 สิริอายุ 94 ปี พรรษา 74 ข่าวสดออนไลน์ |