หัวข้อ: “ทำใจให้สงบ” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 07 กันยายน 2562 12:56:44 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/27290685060951_69753507_2393820617322542_3560.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/99056013549367_69930717_2390201334351137_5125.jpg) “ทำใจให้สงบ” หยุดคิดซะ หยุดคิดถึงสิ่งที่เราอยากได้ อยากได้เงินก็หยุดคิดถึงเงิน หยุดคิดถึงอะไร ใจเราก็กลับมาสงบ สงบแล้วเราก็มีความสุข มีความสุขที่ดีกว่าความสุขที่เราได้จากสิ่งที่เราอยากได้ เพราะว่านอกจากที่ดีกว่าแล้ว มันจะไม่ให้ความทุกข์กับเราเหมือนกับสิ่งที่เราอยากได้มา สิ่งต่างๆ ที่เราอยากได้มา เวลาได้มาใหม่ๆ มันจะให้ความสุขกับเรา แต่ต่อไปมันจะให้ความทุกข์กับเราไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีวันพลัดพรากจากกัน ต้องมีวันเปลี่ยนแปลง พอสิ่งที่เราได้มาเปลี่ยนไปมันก็ทำให้เราเสียใจได้ เช่นคนที่เรารัก เวลารักกันใหม่ๆ ก็รักกันดี พออยู่ไปอยู่มา อ้าว เขาไม่รักเราเสียแล้ว ความสุขที่ได้จากเขาก็จะกลายเป็นความทุกข์ขึ้นมาทันที นี่คือวิธีของปัญญา ต้องมองเห็นไตรลักษณ์นั่นเอง ต้องมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ใจอยากได้ว่ามันเป็นไตรลักษณ์ ว่ามันเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะว่ามันไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกข์เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะบังคับหรือรักษาให้มันให้ความสุขกับเราได้เสมอไป ต้องมีวันที่มันจะต้องหมดความสามารถในการที่จะให้ความสุขกับเรา พอมันไม่สามารถให้ความสุขกับเรา มันก็จะทำให้เราทุกข์ทำให้เราเสียใจ ทำให้เราต้องร้องห่มร้องไห้กัน อันนี้คือปัญญา ต้องฝึกคิดในทางปัญญา ให้เห็นไตรลักษณ์ในสิ่งต่างๆ ที่เราอยากได้ ให้เราเห็นไตรลักษณ์ในลาภยศสรรเสริญ ในรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ว่ามันเป็นทุกข์มันจะต้องมีทุกข์ตามมา มันเป็นสุขก็เฉพาะช่วงแรกๆ ที่ได้มา แล้วเดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นความทุกข์ ให้พิจารณาให้เห็นเหมือนกับเหยื่อที่ติดอยู่ปลายเบ็ด เหยื่อที่ติดอยู่ปลายเบ็ดนี้มันจะบังตะขอเบ็ดไว้ ปลามันมองไม่เห็นตะขอเบ็ดมันเห็นแต่เหยื่อ มันก็จะฮุบเหยื่อ พอฮุบเหยื่อแล้วพอเขากระตุกเบ็ด มันก็ไปเกี่ยวปากปลา ปลาก็ถูกจับขึ้นไปทอดไปแกง ไปตายในหม้อ เพราะปลามันไม่ฉลาด ปลาไปเห็นเหยื่อแต่ไม่คิดว่ามันมีตะขอเบ็ดเกี่ยวอยู่ติดอยู่กับเหยื่อ พอไปฮุบเหยื่อก็จะถูกตะขอเบ็ดเกี่ยวปากไป ถูกเขาจับขึ้นไปฆ่าไปแกง ฉันใดสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ก็เป็นเหมือนเหยื่อที่ติดที่ปลายเบ็ดนี้เอง พอไปฮุบมันเข้าแล้วเดี๋ยวมันจะต้องร้องจ๊ากขึ้นมาทันที จะต้องเสียอกเสียใจจะต้องโวยวาย จะต้องน้ำตาตกในกัน แต่เวลาได้มาใหม่ๆ นี้ เวลาที่เบ็ดมันยังไม่ได้เกี่ยวปากนี้ ดีอกดีใจกันเลี้ยงฉลองกัน ๗ วัน ๗ คืน แต่พอถูกตะขอเบ็ดเกี่ยวปากเข้าเท่านั้นถึงจะรู้ว่า “โอย โดนเบ็ดเกี่ยวแล้ว” แต่ถึงตอนนั้นมันก็สายไปเสียแล้ว ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ดังนั้น เราต้องพยายามฝึกคิดทางปัญญาอยู่เรื่อยๆ เวลาอยากได้อะไรอย่าไปคิดว่ามันเป็น “นิจจัง สุขัง อัตตา” ให้คิดว่ามันเป็น “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ถ้าเราปล่อยให้ไปคิดตามความรู้สึกเราจะคิดว่ามันเป็นสุข เห็นสิ่งนั้นก็อยากได้ เห็นแล้วพอได้มาแล้วจะมีความสุข แต่ไม่ได้มองเห็นว่ามันเป็นความสุขเดี๋ยวเดียว ความสุขที่มันไม่ถาวร เป็นความสุขแบบควันไฟ พอความสุขหายไปมันก็ทำให้เราต้องไปหามาเติมมาเพิ่มกันใหม่ เราจึงไปหาซื้อข้าวซื้อของมาอยู่เรื่อยๆ ซื้อมามากน้อยเท่าไรมันก็ไม่ได้ทำให้ความสุขอยู่กับเราไปตลอด ไม่เหมือนกับความสุขที่เราได้จากการทำใจให้สงบ ถ้าเราทำใจให้สงบแล้วเราใช้ปัญญาคอยกำจัดตัวที่จะมาคอยทำลายความสงบ พอตัวที่มาคอยทำลายความสงบมันถูกทำลายหมดไปแล้ว ใจของเราก็จะสงบไปตลอด จะสุขไปตลอด จะไม่รู้สึกหิวไม่รู้สึกอยากได้อะไร จะไม่มีกามตัณหาความอยากได้รูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ มาเสพ จะไม่มีความอยากเป็นนั่นเป็นนี่ ไม่อยากเป็น ส.ส. ไม่อยากเป็นนายกไม่อยากจะเป็นอะไร ความอยากไม่แก่อยากไม่เจ็บก็ไม่มี เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความแก่ความเจ็บความตายนี้มันเป็นธรรมชาติของร่างกายที่ไม่มีใครที่จะไปห้ามไปเปลี่ยนแปลงมันได้ ไปอยากไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายก็จะไปทำให้ใจทุกข์ไปเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ที่มา :- เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต สนทนาธรรมบนเขา วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน |