[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 03 กรกฎาคม 2554 11:47:05



หัวข้อ: talking about ?
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 03 กรกฎาคม 2554 11:47:05
(http://image.ohozaa.com/i/487/53933210.jpg)

(http://image.ohozaa.com/i/e02/129674img0045.jpg)

(http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=21834.0;attach=1236;image)

(http://image.ohozaa.com/i/1ec/prwheel.gif)

KO - SA - NA Sometime Home

http://poerlife.fx.gs



ถาม.........ทำไม การพูดจึงไปอยู่กับเรื่องรูปเป็น{วจีวิญญัติ}

การพูดก็มีความสำคัญในชีวิตประจำวัน

ขอความกรุณาอธิบายเรื่องการพูดทำไมจัดเป็นเรื่องรูป

ทั้ง ๆ ที่เป็นช่องทางสื่อสารที่สำคัญของคน

กราบขอบพระคุณ



ตอบ.............สภาพธรรมทั้งหลายต้องอาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นดังนั้นต้องอาศัยเหตุปัจจัย

หลายๆอย่างการพูดก็เช่นกันการพูดแล้วเกิดเสียงขึ้นมา ก็ต้องอาศัยสภาพธรรม

หลายอย่าง นั่นคือต้องอาศัยสภาพธรรมที่มีจริง คือ อาศัย จิตและอาศัยรูปจึงมีการพูด

และเกิดเสียงขึ้นได้ในชีวิตประจำวันครับ ไม่ใช่เพียงแค่รูปเท่านั้นขณะที่จะพูดมี

จิตคิดจะกล่าว ขณะนั้นก็มีจิตเกิดขึ้นพร้อมๆกับรูปที่เกิดขึ้นพร้อมกัน คือ อย่างน้อย 10

รูป คือ อวินิพโภครูป 8 เสียง และ วจีวิญญัติรูปจึงทำให้มีการพูดเกิดขึ้นเกิด

เสียง ดังนั้นเพราะมีจิต อาศัยจิต จึงทำให้เกิดเสียง ที่เกิดจากจิตแต่ไม่ใช่มีเพียง

รูปเดียว คือ เสียงทีเกิดในขณะนั้น ต้องอาศับ รูปอื่น มีอวินิพโภครูป 8 และที่สำคัญ

จะต้องมี วจีวิญญัติรูป เกิดขึ้นด้วยในขณะนั้น อันเป็นอาการที่ไหวไปที่จะพูดเป็น

วจีวิญญัติ{วจีวิญญัติ}จึงเป็นเป็นอสภาวรูปคือไม่มีภาวลักษณะของตนแต่เป็น

วิการหรืออาการของสภาวรูปที่เกิดจากจิตซึ่งมีเจตนาจะพูดในขณะที่จิตเกิดขึ้นว่า

{เราจักกล่าวคำนี้ “ย่อมยังรูปให้ตั้งขึ้นพร้อมกับการเกิดขึ้นของจิตปฐวีธาตุที่มีจิตเป็น

อุปาทินนกรูป รูปที่เกิดจากกรรมทำให้เกิดเสียงขึ้นเสียงที่เกิดจากจิตนี้ไม่ใช่

{วจีวิญญัติ}ความวิการแห่งอาการที่สามารถเพื่อเป็นปัจจัยแก่การกระทบฐานเสียง

ซึ่งเป็นอุปาทินนกรูปของปฐวีธาตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานนั่นแหละชื่อว่า{วจีวิญญัติรูป}



ดังนั้น เมื่อพูดถึงการพูดที่จะต้องมีเสียงก็ไม่ได้หมายเพียงรูปเท่านั้นแต่อาศัยรูป

อื่น ๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว เพราะถ้าไม่มีรูปแล้ว มีเพียงแต่จิตก็จะไม่มีการเกิดขึ้นของ

เสียงได้เลยดังนั้นต้องอาศัยสภาพธรรมทำหน้าที่อาศัยกันและอาศัยจิต

ด้วยอันมีความประสงค์ที่จะพูด ก็ทำให้เกิดรูปพร้อมจิตในขณะนั้น ทำให้มีการเกิดขึ้น

ของเสียงเพราะอาศัยจิตมีการกระทบริมฝีปากหรือ ธาตุดิน กระทบกันทำให้เกิด

เสียงอันมีจิตเป็นสมุฏฐานและขณะที่จิตคิดจะพูดจะเปล่งวาจาก็มีรูปอื่นอีก คือ

วจีวิญญัติรูป ที่เป็นรูปที่เป็นอาการทำให้มีการกระทบกันของสภาพธรรมที่รูปอื่นๆและ

ทำให้เกิดเสียงนั่นเองดังนั้นการพูดจึงอาศัยทั้งจิตและรูปอื่น ๆ ด้วยอาศัยการ

ทำงานร่วมกันจึงมีการพูดเกิดขึ้นได้

ดังนั้นเสียงทีเกิดจากจิต มีการประสงค์จะพูดในชีวิตประจำวันจะต้องมีรูปที่เกิด

พร้อมกันในขณะนั้นทำให้มีการเกิดของเสียงและการพูดออกมามี{อวินิพโคครูป 8}

และวจีวิญญัติและเสียงพร้อมกันในขณะนั้นเกิดเป็นคำพูด เสียงออกมาแต่เสียง

ที่ไม่เกิดจากจิตไม่มีวิญญัติรูปธรรมเป็นเรื่องละเอียดมากแม้เรื่องการพูดก็ต้อง

อาศัย จิตด้วย ไม่ใช่เพียงรูป และไม่ใช่เพียงรูปเดียวเท่านั้นแต่รูปอื่น ๆ ด้วยอัน

เป็นปัจจัยให้เกิดการพูดและถ้ามีแต่จิต ไม่มีรูปเลย ก็ไม่เกิดเสียงเช่นกันและ

ถ้ามีแต่รูป แต่ไม่มีจิตก็ไม่มีเสียงการพูด ไม่มีการเปล่วงวาจาขอสัตว์ได้เช่นกันครับ

การศึกษาพระอภิธรรมจึงแสดงให้เห็นความละเอียดของสภาพธรรมและเห็นพระ

ปัญญาคุณของพระพุทธองค์ตามความเป็นจริง และเป็นผู้พิจารณาว่าธรรมทั้งหลายมี

เหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นไม่มีเราเลย มีแต่ธรรมเท่านั้น



รูปที่มีใจครองนั้นเมื่อจิตต้องการให้รูปแสดงความหมายทางกายตามที่จิตรู้ในอาการ

นั้นขณะใดขณะนั้นจิตเป็นสมุฏฐานให้กายวิญญัติรูป คือ อาการพิเศษที่มี

ความหมายของรูปเกิดขึ้นตามที่จิตรู้ในอาการนั้น ทางตา หรือทางหน้า หรือท่าทาง

เช่น ถลึงตา ยิ้มเยาะ เหยียดหยาม หรือ ห้ามปราม เป็นต้นเมื่อจิตไม่ต้องการให้รูป

แสดงความหมาย กายวิญญัติรูปก็ไม่เกิด                                      

ขณะใดที่จิตเป็นปัจจัยให้เกิดเสียงทางวาจาซึ่งเป็นการพูดการเปล่งเสียงให้รู้

ความหมายขณะนั้นจิตเป็นสมุฏฐาน คือเป็นปัจจัยให้ วจีวิญญัติรูป เกิดขึ้นกระทบฐาน

ที่เกิดของเสียงต่าง ๆ เช่น ริมฝีปาก เป็นต้นถ้าวจีวิญญัติรูปไม่เกิดการพูดหรือการ

เปล่งเสียงต่าง ๆ ก็มีไม่ได้

กายวิญญัติรูปและวจีวิญญัติรูปเป็นอสภาวรูปที่เกิดและดับพร้อมจิต

รวมอวินิพโภครูป 8 + ลักขณรูป 4 + ปริจเฉทรูป 4 + ปสาทรูป 5 +

หทยรูป 1 + ชีวิตินทริยรูป 1 + ภาวรูป 2 + วิการรูป 3 + วิญญัติ รูป 2  รวม

เป็น 27 รูป

ในบางแห่งจะรวมวิการรูป 3 และวิญญัติรูป 2 เป็นวิการรูป 5



..................พุทธวจน.............



ได้ยินว่า....................................................

พระนาคิตเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า

ในลัทธิแห่งเดียรถีย์ภายนอกพระศาสนานี้

ย่อมไม่มีทางไปสู่พระนิพพาน

เหมือนอริยอัฏฐังคิกมรรคนี้เลย

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระบรมครู

ทรงพร่ำสอนภิกษุสงฆ์ด้วยพระองค์เอง

เหมือนดังทรงแสดงผลมะขามป้อมในฝ่าพระหัตถ์............................ฉะนั้น

http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/09.%20Track%209.wma

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสน บ้านธัมมะ 136 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230