หัวข้อ: หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 23 ธันวาคม 2562 16:13:48 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13184319064021_view_resizing_images_2_320x200.jpg) หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี "หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ" อดีตเจ้าอาวาสวัดประสิทธิธรรม ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุดรธานี และเป็นพระคณาจารย์ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยใช้ชีวิตแบบฆราวาส แต่พอปลงกับชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย สามารถปลงได้และเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ อยู่ในสมณเพศตลอดชีวิต มีนามเดิมว่า พรหม สุภาพงษ์ เป็นบุตรคนหัวปีของนายจันทร์ และนางวันดี สุภาพงษ์ เกิดเมื่อ พ.ศ.2431 ปีขาล ที่บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บิดาและมารดาเป็นชาวนาชาวไร่ นับตั้งแต่เยาว์วัย เติบโตขึ้นมาท่ามกลางท้องทุ่งนาป่าดง ครั้นเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่ม ก็ยังคงมีความสงสัย มีความครุ่นคิดอยู่ว่า "คนเราเกิดมาแล้วนี้ จะแสวงหาความสุขที่แท้จริงได้อย่างไร อะไรคือความสุข ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน" ต่อมาได้ครองเรือน เมื่อมีอายุ 20 ปี แต่งงานครั้งแรกกับศรีภรรยาชื่อ พิมพา ต่อมาย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านดงเย็นกับศรีภรรยา และอยู่กินกันจนมีลูก 1 คน เป็นลูกชาย พอคลอดออกมา ภรรยาและลูกชายเสียชีวิตพร้อมกัน รู้ว่าความสุขท่านหายไปแล้ว แต่ในตอนนั้นท่านก็ยังอยากใช้ชีวิตแบบฆราวาสอีก กระทั่งมีภรรยาคนที่ 2 กับนางกำแพง อยู่ด้วยกันนานถึง 5 ปี แต่คราวนี้ไม่มีลูก ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน นำหมู่เลี้ยงโค-กระบือ ในสมัยนั้น กาลต่อมาพระอาจารย์สาร มาที่หมู่บ้านดงเย็น และสั่งสอนอบรมคนในหมู่บ้าน จนก็มีใจที่จะบวช และเข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2469 ขณะมีอายุได้ 37 ปี ที่วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดราชธานี มีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูประสาทคุณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า "จิรปุญโญ" เรียนรู้ข้อวัตรปฏิบัติและเดินธุดงค์เท้าเปล่ากับพระอาจารย์สารเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นจึงลาพระอาจารย์เดินธุดงค์ไปทั่วภาคอีสานและในประเทศลาว พร้อมหลานชาย 1 คน และเมื่อจะธุดงค์ไปภาคเหนือ เพื่อแสวงหาหลวงปู่มั่น ได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับหลวงปู่ชอบ พระสหธรรมิก ครั้นเมื่อได้พบหลวงปู่มั่นแล้ว ได้รับฟังโอวาทและประพฤติปฏิบัติธรรมกับองค์หลวงปู่มั่นอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ออกธุดงค์ไปกับหลวงปู่ขาว อนาลโย ไปทั่วภาคเหนือ เวลาต่อมา อยู่ที่วัดป่าสุทธาวาส และศึกษาพระธรรมวินัยกับหลวงปู่มั่น จนกระทั่งมีความรอบรู้ ธรรมะคำสั่งสอนอบรมให้แก่คณะศิษย์ ให้จงทำแต่ความดีที่มีคุณประโยชน์ จงอย่าทำความชั่ว มีสติปัญญา พิจารณาตรึกตรองให้มีทาน มีศีล มีภาวนา ก็จะบังเกิดปัญญาธรรมอันล้ำค่ามหาศาล ที่วัดบ้านดงเย็น มักมีบรรดาผู้เดินทางไปกราบนมัสการอยู่เสมอๆ แม้หนทางในสมัยนั้นการคมนาคมไม่สะดวกอย่างเช่นปัจจุบันนี้ การเข้าไปพบเพื่อนมัสการมิใช่ของง่าย ทางก็ไม่ดี อีกทั้งยังเป็นป่าไม้อันหนาแน่น ถึงกระนั้นทุกคนก็ได้พยายามจนไปถึงที่ท่านจำพรรษาอยู่อย่างน่าสรรเสริญยิ่ง มีบุคคลที่ไปทำบุญด้วยแต่มีสิ่งหวังตั้งใจมา จะพูดเตือนสติทันทีเมื่อพบหน้ากัน ดังนี้ "การที่จะทำบุญทำทานนั้นต้องมีใจตั้งมั่นและให้เกิดศรัทธาในบุญกุศลทานเสียก่อน ถ้าไม่ศรัทธา ใจไม่ตั้งมั่นแล้ว...อย่าทำ...จะไม่มีอะไรดีขึ้นเลย.." บางคราวจะมีญาติโยมชาย-หญิง ที่เดินทางไปถึง ก็เที่ยวเดินชมวัดและบริเวณต่างๆ แล้วพูดคุยในลักษณะประจบทำบุญเอาหน้าเอาตากันว่า...ฉันจะต้องมาสร้างโน่นมาสร้างนี่ จะทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แต่จิตใจนั้นมีเจตนาหวังผลหรือตั้งตัวเองให้เป็นผู้มีสนิทชิดเชื้อกับตัวท่าน มีบุญมีคุณต่อท่านแล้ว ท่านมักจะเตือนว่า ถ้าไม่ศรัทธา มีเจตนาเป็นอื่น ก็ไม่ควรจะทำ แต่ถ้าญาติโยมคนใดเข้าไปนมัสการและมีเจตนาดี มองเห็นคุณ มองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นโดยส่วนรวมแล้ว แม้ยังไม่ได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดเลย ก็จะอนุโมทนาและกล่าวขึ้นพอเป็นปฐมดังนี้ว่า "ท่านมีเจตนาดีก็ทำไปเถิด เพราะสิ่งนั้นเป็นบุญเป็นกุศล" มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2512 สิริอายุ 81 ปี พรรษา 44 ข่าวสดออนไลน์ |