[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 12:55:36



หัวข้อ: หลวงพ่อสุพรรณ ฐิตปัญโญ วัดประทุมเมฆ อ.เมือง จ.สุรินทร์
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 12:55:36

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/25827883142563_view_resizing_images_3_320x200.jpg)

หลวงพ่อสุพรรณ ฐิตปัญโญ
วัดประทุมเมฆ อ.เมือง จ.สุรินทร์

พระครูปทุมสังฆการ หรือ หลวงพ่อสุพรรณ ฐิตปัญโญ เจ้าอาวาสวัดประทุมเมฆ อ.เมือง จ.สุรินทร์ และเจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์ เป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคม หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคหนึ่ง และยังคงรักษาข้อวัตร สืบทอดปฏิปทาชั้นครูมิผิดแผก

เกิดในสกุล บุญยอม เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2497 การศึกษาเรียนจบชั้น ป.4 ที่โรงเรียนบ้านทำนบ ต.โสน อ.ขุขันธ์ บิดา-มารดาชื่อ นายยอน-นางบูรณ์ บุญยอม มีภูมิลำเนาบ้านโคกหลัก ต.ห้วยตามอญ อ.ภูสิงห์ เป็นลูกคนสุดท้าย ในจำนวนพี่น้อง 5 คน

พ.ศ.2513 เข้าบรรพชา ที่วัดบ้านขนุน โดยมีเจ้าอธิการแรม ปาปรหิโต เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาไปอยู่ที่วัดห้วยตามอญ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ในปี 2514 เรียนพระปริยัติธรรม ที่วัดพรหมสุรินทร์ ในปี 2515 สอบได้นักธรรมชั้นตรี ย้ายไปที่วัดประทุมเมฆ สุรินทร์ ปี 2516 สอบได้นักธรรมชั้นโท ปี 2517 สอบได้นักธรรมชั้นเอก ในปีเดียวกันนี้ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ไปนมัสการหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ เพื่อปรนนิบัติรับใช้ และถวายตัวเป็นศิษย์

ในยุคนั้น หลวงพ่อมุม เป็นเกจิชื่อดัง มีวิทยาคมแก่กล้า เปี่ยมด้วยเมตตา อาคมขมังเวท ถ่ายทอดวิทยาคม เขียนตะกรุด ลงยันต์ วิชาสวดสะเดาะเคราะห์เสริมสิริมงคล และบทสวดแบบมุขปาฐะ เป็นบทสวดพระคาถาที่หลวงพ่อมุมหวงแหนมาก แต่ก็ถ่ายทอดให้จนครบถ้วน

ต่อมา พ.ศ.2518 ลาสิกขาไปช่วยมารดาประกอบอาชีพทำนาปลูกข้าว ตัดไม้ปลูกสร้างบ้านเรือนให้มารดาได้พักอาศัย

ในปี พ.ศ.2520 เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดบ้านขนุน ต.โสน โดยมีพระครูพิทักษ์คณานุศิษย์ (หลวงพ่อแรม) เป็นพระอุปัชฌาย์

ภายหลังอุปสมบท ไปจำพรรษาที่วัดห้วยตามอญ อ.ภูสิงห์ พ.ศ.2521 ไปจำพรรษาที่วัดประทุมเมฆ สุรินทร์ จึงเรียนจบชั้น ม.3 ที่โรงเรียนปริยัติธรรมโกศลวิทยา (ศึกษาผู้ใหญ่) วัดกลางสุรินทร์ ไปเรียนต่อจบชั้น ม.ศ.5 ที่โรงเรียนชุมญาติวิทยา พ.ศ.2530 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประทุมเมฆ พ.ศ.2532 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาส

พ.ศ.2533 ได้รับมอบหมายจากเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ให้ไปเป็นผู้ประสานงานที่ดินจัดตั้งวัด เนื่องจากมีข้อพิพาทไม่สามารถหาข้อยุติได้ เมื่อท่านได้เข้าไปร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยจึงสามารถจัดสร้างวัดหนองโจงโลง ต.ตาวัง อ.บัวเชด สำเร็จ

พ.ศ.2537 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลในเมืองสุรินทร์ เขต 2 พ.ศ.2540 ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสพร้อมได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลในเมือง เขต 2

พ.ศ.2540 สร้างเมรุ 2 เตา เป็นเตาเผารุ่นปลอดสารพิษ เป็นเงิน 5 ล้าน 6 แสนบาท พ.ศ.2541 จัดตั้งมูลนิธิประทุมเมฆ เพื่อการศึกษาแก่พระภิกษุ-สามเณร

พ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2543 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2545 ท่านได้จัดสร้างศาลาบำเพ็ญกุศลทรงไทย คู่แฝด เป็นเงิน 3 ล้านบาท พร้อมได้รับพระราชทานรางวัลเสมาธรรมจักร สาขา ผู้สนับสนุนกิจการคณะสงฆ์จากสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พ.ศ.2546 สร้างกุฏิทรงไทย 2 ชั้น 16 ห้องพัก และได้รับรางวัลอุทยานการศึกษา จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

มีคำสอนเตือนใจเสมอว่า ให้ปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรมมีความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่บุคคลอื่น ก็จะทำให้จิตใจสบาย พร้อมคติธรรม ธมฺมจารี สุขัง เสติ ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข

ครั้นศิษยานุศิษย์ทราบว่าท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อมุม จึงพยายามจัดสร้างวัตถุมงคลแต่ท่านไม่อนุญาต แต่ท่านได้เขียนแผ่นทองลงอักขระขอมแผ่เมตตาอธิษฐานจิต จะมอบให้กับคนที่ต้องการเท่านั้น ไม่มีการจำหน่าย

ปวารณาตนรับใช้พระพุทธศาสนาด้วยจิตศรัทธาอย่างมั่นคง
  ข่าวสดออนไลน์