[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 22 มีนาคม 2563 17:31:53



หัวข้อ: ปัญจภีรุกชาดก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 มีนาคม 2563 17:31:53
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/90332652504245_2f068d2d3e7d5c5b3f6210e39306d3.jpg)
ภาพวาดพุทธประวัติ โดย อ.คำนวน ชานันโท
ขอขอบคุณที่มาภาพ เว็บไซต์pinterest.com

• ปัญจภีรุกชาดก  

กุสลูปเทเส ธิติยา ทฬฺหาย จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน
วิหรนฺโต อชปาลนิโคฺรเธ มารธีตุปฺปโลภนสุตฺตนฺตํ อารพฺภ กเถสิ ฯ

--------------------

พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภพระสูตรว่าด้วยการประโลมแห่งมารธิดา ณ อชปาลนิโครธ ตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า กุสลูปเทเส ธิติยา ทฬฺหาย จ ดังนี้

เรื่องพิสดารมีว่า ในกาลที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระสูตรนั้นตั้งแต่ต้นจนจบบริบูรณ์ อย่างนี้ว่า นางตัณหา นางอรดีและนางราคา ล้วนแพรวพราวพากันมา พระศาสดาทรงกำจัดนางเหล่านั้นไปเสีย เหมือนลมพัดปุยนุ่นที่หล่นลงกระจายไปฉะนั้น พวกภิกษุพาประชุมธรรมสภา ตั้งเรื่องสนทนากันว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงลืมพระเนตรแลดูพวกมารธิดาอันจำแลงรูปทิพย์หลายร้อยอย่างแล้วเข้าไปหาเพื่อจะเล้าโลม  โอ ธรรมดาว่าพระพุทธพลน่าอัศจรรย์  พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันการที่ไม่แลดูพวกมารธิดาของเรา ผู้ทำให้อาสวะทั้งหมดสิ้นไปแล้ว บรรลุความเป็นพระสัพพัญญูแล้ว ในบัดนั้นน่ะ  ไม่น่าอัศจรรย์เลย ที่จริงในครั้งก่อน เรากำลังแสวงหาพระโพธิญาณ มิได้ทำลายอินทรีย์ทั้งหลายเสีย แลดูแม้ซึ่งรูปทิพย์ที่พวกนางยักษิณีพากันนิมิตไว้ด้วยอำนาจกิเลส ทั้งที่เรายังมีกิเลส ไปจนบรรลุถึงความเป็นมหาราชได้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระโอรสองค์เล็กที่สุด มีพระพี่ยาเธอตั้ง ๑๐๐ องค์  ความพิสดารทั้งหมด มีนัยดังกล่าวแล้วในตักกสิลชาดกนั้นแล  แปลกแต่ว่าในครั้งนั้น เมื่อชาวเมืองตักกสิลาเข้าไปอัญเชิญพระโพธิสัตว์ ณ ศาลาภายนอกพระนคร มอบถวายราชสมบัติ กระทำการอภิเษกแล้ว ชาวตักกสิลานคร พากันตกแต่งพระนครเหมือนเมืองสวรรค์ ตกแต่งพระราชนิเวศน์เหมือนวิมานอินทร์  ปางเมื่อพระโพธิสัตว์เสด็จเข้าพระนครแล้ว เสด็จขึ้นสู่บัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรในท้องพระโรงหลวง ในพระปราสาทอันเป็นพระราชสถาน ประทับนั่งด้วยลีลาศประหนึ่งท้าวเทวราชา ฝูงอำมาตย์ พราหมณ์ คหบดี และขัตติยกุมาร ต่างแต่งองค์ทรงเครื่อง แวดล้อมเฝ้าโดยขนัด นางบำเรอประมาณหมื่นหกพันนาง ล้วนแน่งน้อย เปรียบได้กับเทพอัปสร ทุกนางต่างฉลาดในการฟ้อนรำ ขับร้อง และบรรเลง  สมบูรณ์ด้วยความพริ้งเพราอย่างสูงสุด  พากันประกอบการฟ้อนรำขับร้องและบรรเลง   พระราชวังได้ครื้นเครงทั่วกัน ด้วยเสียงขับร้องและบรรเลงเพลง ประหนึ่งท้องมหาสมุทรที่กำลังคนองคลื่นเบื้องหน้า แต่เมฆฝนตกกระหน่ำแล้ว  พระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรดูศิริเสาวภาคอันบรรลุแก่พระองค์นั้น ทรงดำริว่า ถ้าเราจักดูแลรูปทิพย์ที่นางยักษิณีเหล่านั้นจำแลงเสียแล้วละก็ เราคงถึงสิ้นชีวิตไปแล้ว คงไม่ได้ดูศิริเสาวภาคนี้ดอก แต่เพราะเราตั้งอยู่ในโอวาทของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ศิริโสภาคนี้จึงบรรลุแก่เรา  ครั้นทรงดำริฉะนี้แล้ว เมื่อจะทรงเปล่งพระอุทาน ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า


กุลสูปเทเส  ธิติยา  ทฬฺหาย  จ
อวตฺถิตตฺตา  ภยภีรุตาย
น  รกฺขสีนํ  วสมาคมิมฺห
ส  โสตฺถิภาโว  มหตา  ภเยน  เม

แปลว่า เราไม่ลุอำนาจแห่งพวกนางรากษส เพราะเด็ดเดี่ยวมั่นคงในคำชี้แจงของท่านผู้ฉลาด และเพราะไม่หวาดหวั่นต่อความเป็นภัย และความสยดสยองสวัสดิภาพจากภัยอันใหญ่หลวงนั้น จึงมีแก่เรา ฯ

มีอรรถาธิบายว่า เพราะความเด็ดเดี่ยวมั่นคง คือเพราะความเพียรอันเด็ดขาดแน่นอน ในคำชี้แจงของท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย คือในโอวาทของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย และเพราะไม่หวาดหวั่นต่อภัยเล็กน้อยที่ทำจิตต์ให้สะดุ้ง ทั้งต่อภัยใหญ่ที่ทำให้ร่างกายสวั่น หมายความว่าภัยแม้ทั้งสองถึงจะเป็นอารมณ์ที่น่าสยดสยองว่า ขึ้นชื่อว่ายักษิณีเหล่านี้มักกินมนุษย์ทั้งนั้น เพราะความไม่หวาดหวั่นสยดสยองเสียเลย คือถึงจะเห็นอารมณ์ที่น่าสยดสยอง ก็ไม่ยอมท้อถอย  จึงไม่ต้องมาสู่อำนาจแห่งนางรากษสเหล่านั้น ในทางอันกันดารด้วยยักษ์ ท่านกล่าวความข้อนี้ไว้ว่า เราได้มีความเด็ดเดี่ยวมั่นคงแล้วในคำชี้แจงแห่งท่านผู้ฉลาด และเราได้มีสภาวะไม่ถอยหลัง เพราะไม่มีความกลัวและความหวาดเสียว เหตุใด เหตุนั้นเราจึงไม่มาสู่อำนาจของพวกรากษส ดังนี้ สวัสดิภาพ คือความเกษมจากภัยอันใหญ่หลวง คือจากทุกข์โทมนัสที่เราต้องประสบในสำนักของพวกนางรากษส ของเรานั้น ก็คือความมีปีติโสมนัสอย่างเดียวนี้เกิดแล้วแก่เราในวันนี้ ฯ

พระมหาสัตว์ทรงแสดงธรรมด้วยพระคาถานี้ ด้วยประการฉะนี้ ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม บำเพ็ญบุญมีให้ทานเป็นต้น เสด็จไปตามยถากรรม ฯ

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า เราตถาคต ได้เป็นราชกุมารผู้ไปครองราชย์สมบัติ ณ กรุงตักกสิลา ในครั้งนั้นแล ฯ


จบปัญจภีรุกชาดก