[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 03 เมษายน 2563 11:15:57



หัวข้อ: หลวงปู่ เปรื่อง ฐานังกโร วัดสันติวัฒนา ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 03 เมษายน 2563 11:15:57

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/14178198079268_view_resizing_images_4_320x200.jpg)

หลวงปู่ เปรื่อง ฐานังกโร
วัดสันติวัฒนา ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

หลวงปู่ เปรื่อง ฐานังกโร หรือ พระวินัยวงศาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสันติวัฒนา ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และอดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหล่มสัก-เขาค้อ (ธรรมยุต) พระเถระนักปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานที่ชาวเมืองเพชรบูรณ์และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปต่างเลื่อมใสศรัทธา

เกิดในสกุล รูปน้อย เมื่อวันพุธที่ 30 มี.ค.2474 ที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 2 ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ บิดา-มารดา ชื่อนายเรือง และนางน้อย รูปน้อย

ในช่วงวัยเยาว์ ศึกษาที่โรงเรียนบ้านหนองบัว จ.เพชรบูรณ์ จบชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 ช่วยครอบครัวทำไร่ ทำนา และทำสวน

ย่างเข้าวัยหนุ่มฉกรรจ์ มีจิตใจฝักใฝ่และศรัทธาหลักธรรมคำสอน ประกอบกับที่ครอบครัวได้เข้าวัดฟังธรรมและรักษาศีลเป็นประจำ จึงได้ขออนุญาตบวช

เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดศรีบุญเรือง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2495 โดยมีพระครูสุธรรมคณี วัดสามัคคีวัฒนา ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์

อยู่ทำวัตรปฏิบัติพระอุปัชฌาย์ และศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม จนกระทั่งสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก จึงได้รับหน้าที่ให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมและทำหน้าที่เป็นผู้สวดปาติโมกข์ ทุกปักขคณนาตลอดทั้งปี

พ.ศ.2510 เมื่อชาวบ้านร่วมกันสร้างวัดขึ้นใหม่ คือ วัดสันติวัฒนา ที่บ้านสักหลง จึงนิมนต์ให้มาอยู่จำพรรษาและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส

พ.ศ.2514 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต) พ.ศ. 2518 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และเจ้าคณะอำเภอหล่มเก่า-อำเภอน้ำหนาว (ธรรมยุต) จ.เพชรบูรณ์

พ.ศ.2541 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอหล่มสัก และอำเภอเขาค้อ (ธรรมยุต) จ.เพชรบูรณ์

พ.ศ.2554 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหล่มสัก-เขาค้อ (ธรรมยุต)

เป็นพระที่มีความรอบรู้ในเรื่องนวกรรม จึงก่อสร้างศาลาการเปรียญ อุโบสถ กุฏิกัมมัฏฐาน ปรับภูมิทัศน์ภายในวัดให้มีความร่มรื่น ด้วยการปลูกต้นไม้และนำพันธุ์ไม้หายากมาปลูก ทำให้ภายในวัดมีความร่มรื่นเย็นสบาย จนได้รับเกียรติคุณจากกรมการศาสนา ให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างติดต่อกันหลายปี

เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาบวชได้ศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม กำหนดให้พระภิกษุ-สามเณรต้องลงอุโบสถ ทำวัตรเช้าวัตรเย็นทุกวัน และฟังพระสวดปาติโมกข์ตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ ยังอบรมให้พระภิกษุ-สามเณรยึดมั่นปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามกฎหมายคณะสงฆ์และกฎมหาเถรสมาคม ฝึกปฏิบัติตามหลักธุดงควัตร ยึดหลักสันโดษ มักน้อยในปัจจัย 4 ไม่ยึดติดในอติเรกลาภ จึงทำให้พระภิกษุ-สามเณรที่จำพรรษาวัดแห่งนี้ ไม่เคยมีอธิกรณ์ใดๆ ให้เกิดความเสื่อมเสีย

ส่งเสริมให้พระภิกษุ-สามเณรได้รับการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม แต่ละปีจึงมีสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี โท และเอกปีละหลายรูป

รวมทั้งยังจัดส่งให้ไปศึกษาด้านกัมมัฏฐานที่สำนักวัดป่าต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ได้เข้าถึงหลักธรรมอย่างแท้จริง

พ.ศ.2549 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวินัยวงศาจารย์

เป็นพระสายปฏิบัติที่เคร่งครัด ให้การศึกษาอบรมญาติโยมและประชาชนทั่วไป ด้วยการเน้นเรื่องของการปฏิบัติตน การฝึกทำสมาธิ เพื่อสร้างฐานทางสติให้มีความมั่นคง ไม่วอกแวก และมีสติ

ภายในวัดจึงมีกุฏิกัมมัฏฐานไว้เพื่อให้ ผู้ที่ชอบความสงบเข้ามาปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ และปฏิบัติกัมมัฏฐานได้ทุกวัน แต่ละวันจึงมีผู้เดินทางมาเคารพกราบไหว้ พร้อมกับทำนุบำรุงศาสนสถานและถาวรวัตถุอย่างพร้อมสรรพ

อย่างไรก็ตาม สังขารของหลวงปู่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา อายุเข้าสู่วัยไม้ใกล้ฝั่ง มีอาการอาพาธ ตั้งแต่ปี 2560

เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2562 อาการมีแต่ทรง กับทรุด กระทั่งละสังขารอย่างสงบ ที่ห้องไอซียูโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สิริอายุ 88 ปีพรรษา 68 
ข่าวสดออนไลน์