[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 11 เมษายน 2563 17:02:08



หัวข้อ: อุภโตภัฏฐชาดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดา
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 11 เมษายน 2563 17:02:08
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/98719896624485_06pfcp_1_Copy_.jpg)
ภาพพาหุง : ครูเหม เวชกร

• อุภโตภัฏฐชาดก
อกฺขี ภินฺนา ปโฏ นฏฺโฐติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ ฯ

พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับ ณ วิหารเวฬุวัน ทรงพระปรารภพระเทวทัต ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อกฺขี ภินฺนา ปโฏ นฏฺโฐ ดังนี้ ฯ

เรื่องมีว่า ในครั้งนั้นพวกภิกษุพากันยกเรื่องขึ้นในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ขอนไม้ไฟไหม้สองข้าง ท่ามกลางเปื้อนคูถ ไม่อำนวยประโยชน์สมเป็นไม้ในบ้านแม้ฉันใดเล่า พระเทวทัตก็ฉันนั้นเหมือนกัน บวชแล้วในพระศาสนา อันประกอบด้วยธรรมอันจะพาออกจากทุกข์ได้ เห็นปานฉะนี้ ยังพลาดเสื่อมถอยจากประโยชน์ทั้งสองด้านเสียได้ คือเสื่อมถอยจากโภคะแห่งคฤหัสถ์ ทั้งไม่สามารถทำประโยชน์แห่งความเป็นสมณะให้สมบูรณ์ได้ พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อกี้พวกเธอประชุมสนทนาเรื่องอะไรกัน เมื่อพวกภิกษุกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในครั้งนี้เท่านั้นที่เทวทัตพลาดจากประโยชน์ทั้งสองด้าน แม้ในอดีต ก็ได้เคยพลาดจากประโยชน์ทั้งสองด้านมาแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้.

อตีเต พาราณสิยํ  พฺรหฺมทตฺเต  รชฺชํ  กาเรนฺเต ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดา ในครั้งนั้น พวกพรานเบ็ดพากันอยู่ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง ครั้งนั้นพรานเบ็ดคนหนึ่ง ถือเบ็ดไปกับลูกชายรุ่นหนุ่มไปที่บึงซึ่งพวกพรานเบ็ดพากันจับปลาโดยปรกติอยู่ แล้วลงเบ็ด เบ็ดติดที่ตอๆ หนึ่งใต้น้ำ พรานเบ็ดไม่สามารถจะดึงมาได้ ก็คิดว่า เบ็ดนี้คงติดปลาตัวใหญ่ เราต้องส่งลูกชายไปหาแม่ ให้ก่อการทะเลาะกับพวกคนใกล้เคียง เมื่อเป็นเช่นนี้ใครๆ ก็จะไม่คอยจ้องจะเอาส่วนแบ่งจากปลาตัวนี้ แล้วบอกกับลูกชายว่า ไอ้หนู เจ้าไปเถิด บอกแม่ถึงเรื่องที่เราได้ปลาตัวใหญ่ ให้แม่เขาก่อการทะเลาะกับคนใกล้เคียงเสียด้วย ครั้นเขาส่งลูกไปแล้ว เมื่อไม่อาจจะดึงเบ็ดมาได้ เกรงสายเบ็ดจะขาด จึงแก้ผ้าวางไว้บนบก ลงไปในน้ำ เพราะอยากได้ปลาหาได้พิจารณาว่าปลาหรือมิใช่ไม่ จึงกระทบเข้ากับตอนัยน์ตาแตกทั้งสองข้างเลย ผ้านุ่งที่วางไว้บนบกเล่า ขโมยก็ลักไปเสีย เขาเจ็บปวดเอามือกุมนัยน์ตาไว้ ขึ้นจากน้ำ ซมซานแสวงหาผ้านุ่ง ฝ่ายภรรยาของเขาคิดว่า เราต้องทะเลาะกันเสีย ทำให้ใครๆ ไม่คอยจ้องจะขอส่วนแบ่งจงได้ จึงเอาใบตาลประดับหูข้างหนึ่งเท่านั้น ตาข้างหนึ่ง เอาดินหม้อทาเสีย คว้าลูกหมาใส่สะเอว เดินไปสู่บ้านเรือนที่ใกล้เคียง ทันใดนั้นหญิงเพื่อนกันคนหนึ่ง พูดกะนางอย่างนี้ว่า แกเอาใบตาลมาประดับที่หูข้างเดียวเท่านั้น ตาข้างหนึ่งก็มอมเสีย อุ้มลูกหมาใส่สะเอวปานว่าเป็นลูกรัก เดินไปทั่วบ้านทั่วเรือน แกเป็นบ้าไปเสียแล้วหรือ นางกล่าวว่า ข้าไม่ได้เป็นบ้า แกมาด่าข้ามาว่าข้าอย่างไม่มีเหตุ คราวนี้ข้าจักไปหานายอำเภอให้ปรับแกเสียแปดกระษาปณ์ ครั้นทะเลาะกันอย่างนี้แล้ว ทั้งสองคนก็พากันไปสำนักงานนายอำเภอ ครั้นนายอำเภอชำระเรื่องทะเลาะของนางทั้งสองนั้น เลยปรับนางนั้นซ้ำเข้าอีก คนทั้งหลายก็มัดนางนั้นเร่งรัดว่า เจ้าจงให้ค่าปรับ แล้วเริ่มเฆี่ยน รุกขเทวดาเห็นความเป็นไปนี้ของนาง และความวอดวายนั้นของผัวนางในป่า ก็ยืนที่ค่าคบต้นไม้ กล่าวว่า เหวยบุรุษ การงานของแกเสื่อมเสียหมดแล้วทั้งในน้ำทั้งบนบก แกพลาดเสียแล้วจากประโยชน์ทั้งสองด้าน แล้วกล่าวคาถานี้ว่า


อกฺขี ภินฺนา ปโฏ นฏฺโฐ       สขีเคเห จ ภณฺฑนํ
อุภโต ปทุฏฺฐา กมฺมนฺตา               อุทกมฺหิ ถลมฺหิ จ
 

แปลว่า นัยน์ตาทั้งคู่แตกแล้ว ผ้านุ่งหายเสียแล้ว เพื่อนบ้านก็ร้าวฉานกัน การงานทั้งหลายเสียหายทั้งสองด้าน ทั้งในน้ำ ทั้งบนบก ฯ

มีอรรถาธิบายว่า การงานในฐานะทั้งสองของเจ้าเสียหายแตกหักไปหมดทีเดียว อย่างนี้ คือ การงานในน้ำเสียหายเพราะนัยน์ตาแตก และผ้านุ่งถูกขโมยลัก การงานบนบกเสียหาย เพราะเมียทำความร้าวฉานกับเพื่อนบ้าน ถูกจับมัดเฆี่ยนลงทัณฑ์ ฯ

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พรานเบ็ดในครั้งนั้น ได้มาเป็นเทวทัต ส่วนรุกขเทวดา ได้มาเป็น เราแล ฯ


จบ  อุภโตภัฏฐชาดก