[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 16 เมษายน 2563 19:52:37



หัวข้อ: โคธชาดก • อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕ พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิ์ในกำเนิดเหี้ย
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 เมษายน 2563 19:52:37
(https://i.ytimg.com/vi/NatpOQzz40s/hqdefault.jpg)
ขอขอบคุณภาพจาก i.ytimg.com

• อรรถกถากัณฏกวรรค ที่ ๑๕
๑.โคธชาดก

น  ปาปชนสํเสวีติ  อิทํ  สตฺถา  เวฬุวเน  วิหรนฺโต  เอกํ  วิปกฺขเสวึ  ภิกฺขุํ  อาพฺภ กเถสิ ฯ

พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเวฬุวัน ทรงพระปรารภภิกษุผู้คบหาฝ่ายผิดรูปหนึ่ง ตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า น ปาปชน สํเสวี  ดังนี้ ฯ

เรื่องปัจจุบันก็เหมือนๆ กับที่กล่าวไว้ในมหิฬามุขชาดกนั้นแล

อตีเต พาราณสิยํ  พฺรหฺมทตฺเต  รชฺชํ  กาเรนฺเต ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิ์ในกำเนิดเหี้ย ครั้นเติบโตแล้ว มีเหี้ยหลายร้อยเป็นบริวาร พำนักอยู่ในโพรงใหญ่ใกล้ฝั่งแม่น้ำ บุตรของพระโพธิสัตว์นั้นชื่อว่าโคธปิลลิกะ ทำความสนิทสนมเป็นเพื่อนเกลอกันกับป่อมข่างตัวหนึ่ง เหย้าหยอกกันกับมัน ขึ้นทับมันไว้ด้วยคิดว่า เราจักกอดป่อมข่าง ฝูงเหี้ยพากันบอกความพิสวาสระหว่างโคธปิลลิกะกับป่อมข่างตัวนั้น ให้พญาเหี้ยทราบ  พญาเหี้ยจึงเรียกบุตรมาหา กล่าวว่า ลูกเอ๋ย เจ้าทำความพิสวาสในที่ไม่ควรเลย ธรรมดาพวกป่อมข่างมีชาติต่ำ ไม่ควรทำความพิสวาสกับมัน ถ้าเจ้าขืนกระทำความพิสวาสกับมัน สกุลเหี้ยแม้ทั้งหมดจักต้องพินาศเพราะอาศัยมันแน่นอน ตั้งแต่นี้เจ้าอย่าได้ทำความพิสวาสกับมันเลยนะ เขาคงกระทำอยู่เช่นเคย แม้ถึงพระโพธิสัตว์จะพูดบ่อยๆ ก็ไม่อาจห้ามความพิสวาสระหว่างเขากับมันได้ จึงดำริว่า อาศัยป่อมข่างตัวหนึ่ง ภัยต้องบังเกิดแก่พวกเราเป็นแน่ ควรจัดเตรียมทางหนีไว้ในเมื่อภัยนั้นบังเกิด แล้วให้ทำปล่องลมไว้ข้างหนึ่ง กล่าวถึงบุตรของพญาเหี้ยนั้น ก็มีร่างกายใหญ่โตขึ้นโดยลำดับ แต่ป่อมข่างคงเท่าเดิมเท่านั้น โคธปิลลิกะคงโถมทับป่อมข่าง เมื่อนึกว่าจักกอดมันอยู่เรื่อยๆ มา เวลาที่โคธปิลลิกะโถมทับป่องข่าง เป็นเหมือนเวลาที่ถูกยอดเขาทับฉะนั้น เมื่อมันลำบาก คิดว่า ถ้าไอ้เหี้ยนี้กอดเราอย่างนี้สักสองสามวันติดต่อกัน เราเป็นไม่มีชีวิต ต้องร่วมมือกับพรานคนหนึ่งล้างตระกูลเหี้ยนี้เสียให้ได้ ฯ

ครั้นวันหนึ่ง ในฤดูแล้ว ฝนตกแล้ว ฝูงแมลงเม่าพากันบินออกจากจอมปลวก ฝูงเหี้ยพากันออกจากที่นั้นๆ กินฝูงแมลงเม่า พรานเหี้ยผู้หนึ่งถือจอบไปป่ากับฝูงหมา เพื่อขุดโพรงเหี้ย ป่อมข่างเห็นเขาแล้วคิดว่า วันนี้ความหวังของเราสำเร็จแน่ เข้าไปหาเขาแล้ว หมอบอยู่ในที่ไม่ห่าง ถามว่า บุรุษผู้เจริญ แกเที่ยวไปในป่าทำไม พรานตอบว่า เที่ยวหาฝูงเหี้ย ป่อมข่างกล่าวว่า ข้ารู้จักที่อาศัยของเหี้ยหลายร้อยตัว แกจงหาไฟและฟางมาเถิด แล้วนำเขาไปที่นั้น ชี้แจงว่า แกจงใส่ฟางตรงนี้แล้วจุดไฟ ทำให้เป็นควัน วางหมาล้อมไว้ ตนเองออกไปคอยตีฝูงเหี้ยให้ตาย แล้วเอากองไว้ ครั้นบอกอย่างนี้แล้ว ก็คิดว่า วันนี้เป็นได้เห็นหลังศัตรูละ แล้วนอนยกหัวอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง นายพรานเล่าก็จัดการก่อไฟฟาง ควันเข้าไปในโพรง ฝูงเหี้ยพากันสำลักควันต่างถูกความกลัวตายคุกคาม เริ่มออกหนีกัน พรานก็คอยตีตัวที่ออกมาๆ ให้ตาย ที่รอดพ้นมือพรานนั้นไป ก็ถูกฝูงหมากัด ความพินาศอย่างใหญ่หลวงเกิดแก่ฝูงเหี้ย พระโพธิสัตว์รู้ว่า เพราะอาศัยป่อมข่าง ภัยจึงบังเกิดขึ้น กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่าการคลุกคลีกับคนชั่ว ไม่พึงกระทำ ที่ชื่อประโยชน์สุขไม่มีเพราะอาศัยคนชั่วๆ เพราะอำนาจของป่อมข่างชั่วตัวเดียว ความพินาศแก่ฝูงเหี้ยประมาณเท่านี้ เมื่อจะหนีไปทางช่องลม กล่าวคาถานี้ว่า


น  ปาปชนสํเสวี     อจฺจนฺตสุขเมธติ
โคธากุลํ  กกณฺฏาว               กลี  ปาเปติ  อตฺตานํ
 

แปลว่า ผู้สร้องเสพกับคนชั่วย่อมไม่บรรลุความสุขที่ยั่งยืน เหมือนอย่างตระกูลเหี้ยให้ตนถึคงความวอดวายเพราะป่อมข่างฉะนั้น ฯ

มีอรรถาธิบายว่า บุคคลผู้สร้องเสพกับคนชั่ว ย่อมไม่บรรลุ ไม่ประสพ ไม่ได้รับความสุขที่ยั่งยืน คือความสุขที่ชื่อว่าสุขชั่วนิรันดร ตระกูลเหี้ยไม่ได้ความสุขเพราะป่อมข่างฉันใด คนที่สร้องเสพกับคนชั่วย่อมไม่ได้สุขฉันนั้น มีแต่จะพาตนให้ถึงความวอดวายไปถ่ายเดียว คือคนที่คบหากับคนชั่ว ย่อมพาตนและคนอื่นๆ ที่อยู่กับตนถึงความพินาศไปถ่ายเดียวเท่านั้น แต่ในพระบาลีเขียนไว้ว่า พึงพาตนให้ถึงความวอดวาย พยัญชนะนั้นไม่มีในคัมภีร์อรรถกถา ทั้งเนื้อความของพยัญชนะนั้นเล่า ก็ไม่ถูกต้อง เหตุนั้นพึงถือเอาคำตามที่กล่าวนั้นแหละ ฯ

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ป่อมข่างในครั้งนั้น ได้มาเป็นเทวทัต บุตรพระโพธิสัตว์ชื่อโคธปิลลิกะผู้ไม่เชื่อโอวาท ได้มาเป็นภิกษุผู้คบหาฝ่ายผิด ส่วนพญาเหี้ย ได้มาเป็น เราแล ฯ


จบ  โคธชาดก
อรรถกถากัณฏวรรคที่ ๑๕