หัวข้อ: แสวงหา“ปัญญา” แต่พอรู้อะไรนิดๆหน่อยๆ เริ่มลงความเห็น เลยกลายเป็น “ทิฏฐิ” เริ่มหัวข้อโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 12 มิถุนายน 2563 10:13:40 แสวงหา“ปัญญา” แต่พอรู้อะไรนิดๆหน่อยๆ เริ่มลงความเห็น เลยกลายเป็น “ทิฏฐิ” “เรื่อง ปัญญา กับ ทิฏฐิ “ปัญญา” คือ ความรู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริง คนเราพัฒนาปัญญาเพื่อให้เข้าถึงความจริงของธรรมชาติ แต่ในขณะที่เราแสวงหาปัญญาอยู่นั้น ก็มักจะตกหลุมอีกแห่งหนึ่งขึ้นมา คือพอเราได้รู้อะไรนิดๆหน่อยๆ เราจะเริ่มลงความเห็น สิ่งที่กลายเป็นความเห็นของเรานี้ ท่านเรียกว่า “ทิฏฐิ” . คนบางพวกมีความโน้มเอียงที่จะลงความเห็นง่าย #พอลงความเห็นปุ๊บไปแล้วตัวเองยังไม่ทันเข้าถึงความจริงก็เลยติดอยู่ในความเห็นอันนั้นเอง ทั้งที่เพิ่งได้ความจริงเพียงแง่หนึ่งด้านเดียว อันนั้นก็กลายเป็น “ทิฏฐิ” ไปเสียแล้ว . พอลงเป็นทิฏฐิแล้ว เจ้าทิฏฐินั้นก็... . ๑. กลายเป็นตัวอุปสรรค มาขัดขวางตัวเขาเอง ไม่ให้แสวงหาปัญญาต่อ ก็เลยเข้าไม่ถึงความจริง . ๒. เป็นอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะตัวเองก็จะดื้อรั้นให้เป็นไปตามทิฏฐิของตน จนบางทีถึงกับไปบังคับคนอื่นให้เห็นตาม . ฉะนั้นทิฏฐิจึงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการพัฒนาปัญญา #มันเกิดขึ้นในระหว่างที่เรากำลังแสวงหาปัญญา แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วกลับเป็นอันตราย ทั้งกั้นตัวเองด้วยและทำร้ายผู้อื่นด้วย . ฉะนั้น จึงมีปัญหาว่า..ทำอย่างไร? จะไม่ให้คนตกลงไปอยู่ใต้ทิฏฐิ เราจะได้ก้าวหน้าในปัญญาอยู่เสมอ . #คนที่เป็นนักแสวงปัญญานั้นจะไม่ลงทิฏฐิง่ายๆ แล้วก็ไม่ยึดติดถือมั่นอยู่ใต้ครอบงำของทิฏฐิ... . เวลานี้ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในเรื่องปัญญากับทิฏฐิ ก็คือว่า โลกแคบเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียวโดยเทคโนโลยี แต่คนยิ่งแตกยิ่งแยกกันโดยทิฏฐิ นี่คือ จุดติดตันของอารยธรรมมนุษย์ยุคปัจจุบัน” . สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ป. อ. ปยุตฺโต ) ที่มา : ธรรมนิพนธ์ “การสร้างสรรปัญญา เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ” ขอขอบคุณ เพจธรรมะเพื่อทางพ้นทุกข์ โดย ท. ส. ปัญญาวุฑโฒ |