[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 15 มิถุนายน 2563 16:08:25



หัวข้อ: ปัจฉิมโอวาท
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 15 มิถุนายน 2563 16:08:25

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/45630796543425_p76_1_.jpg)
ทรงยกพระธรรมวินัยไตรปิฎกเป็นศาสดา ประทานปัจฉิมโอวาทแล้วปรินิพพาน

ปัจฉิมโอวาท

ธรรมะชุดใหญ่ เรียกว่า อภิญญาเทสิตธรรม (ธรรมที่ทรงแสดงแล้วด้วยความรู้ยิ่ง) พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่ภิกษุสงฆ์ทั้งหมดในกรุงเวสาลี ที่ป่ามหาวัน สามเดือนก่อนทรงปรินิพพาน

สติปัฏฐาน การตั้งสติ ๔ อย่าง สัมมัปปธาน ความเพียรชอบ ๔ อย่าง  อิทธิบาท ธรรมอันให้บรรลุความสำเร็จ ๔ อย่าง  อินทรีย์ ธรรมอันเป็นใหญ่ในหน้าที่ของตน ๕ อย่าง  พละ ธรรมอันเป็นกำลัง ๕ อย่าง  โพชฌงค์ ธรรมอันเป็นองค์ประกอบให้ได้ตรัสรู้ ๗ อย่าง  

และ มรรค  ข้อปฏิบัติหรือทางดำเนิน ๘ อย่าง (รวม ๓๗ ประการ) (พระไตรปิฎกฉบับประชาชน มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์)  

เมื่อทรงแสดงพระเจตนาจะเสด็จปรินิพพานที่กรุงกุสินารา  พระอานนท์ พระพุทธอุปัฏฐาก กราบทูลว่า กุสินาราเป็นเมืองเล็ก ขอให้เสด็จไปเมืองใหญ่ เช่น จัมปา ราชคฤห์ สาวัตถี โกสัมพี ดีกว่า

ตรัสว่า กุสินาราเคยเป็นราชธานี  นามกุสาวดี ของพระเจ้ามหาสุทัสสนะจักรพรรดิ ซึ่งพร้อมด้วยรัตนเจ็ดประการ จักรแก้ว ช้างแก้ว ฯลฯ ทรงสำเร็จด้วยฤทธิ์ทั้ง ๔ รูปงาม อายุยืน โรคน้อย และเป็นที่รักของพราหมณ์และประชาชน

เมื่อพระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงเบื่อหน่ายทางโลก สั่งลดการเข้าเฝ้า พระนางสุภัททา พระราชเทวี ได้ทูลให้เห็นแก่บ้านเมืองและราษฎร ทรงปรารภถึงความเบื่อหน่ายว่า  แม้ทรงเป็นมหาจักรพรรดิ มีนครอยู่ในปกครองมากมาย ก็อยู่ครอบครองได้เพียงนครเดียว มีปราสาทมากหลายก็อยู่ได้ปราสาทเดียว มีบัลลังก์มากมายก็นั่งได้บัลลังก์เดียว มีสตรีมากมายก็มีสตรีที่ปฏิบัติรับใช้ได้คราวละคนเดียว มีถาดอาหารมากมายก็บริโภคได้อย่างมากเพียงจุทะนานเดียว

จนเมื่อเสด็จเลียบฝั่งของแม่น้ำหิรัญวดี สู่ป่าไม้สาละของมัลลกษัตริย์ ใกล้กรุงกุสินารา ให้ตั้งเตียงผินพระเศียรไปทางทิศอุดร บรรทมมีสติสัมปชัญญะ ตรัสปรารภการบูชาด้วยการประพฤติธรรมว่ายอดเยี่ยม

ทรงแสดงวิธีปฏิบัติในสตรี ตามที่พระอานนท์กราบทูลถามว่า...ไม่ควรมอง ถ้าจำเป็นจะมองก็ไม่ควรพูดด้วย ถ้าจำเป็นต้องพูดด้วยก็ให้ตั้งสติ

พระอานนท์เลี่ยงไปยืนร้องไห้ ด้วยคิดว่าท่านยังเป็นเสขะ สำเร็จเพียงพระโสดาบัน ยังไม่บรรลุอรหัตผล พระพุทธเจ้าทรงเรียกไปตรัสปลอบใจ ภิกษุผู้รับใช้พระพุทธเจ้าทั้งในอดีตและอนาคต อย่างยิ่งได้เท่าพระนนท์
แล้วทรงพระดำรัสตรัสสั่งความแก่พระอานนท์ว่า ธรรมและวินัยที่เราแสดงแล้ว จักเป็นศาสดาของท่านทั้งหลายเมื่อเราล่วงลับไป

จากนั้นตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายเข้าเฝ้า แล้วตรัสว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราเตือนท่าน สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด” นี่เป็นปัจฉิมวาจาของพระตถาคต

เนื้อหาในพระสูตรตอนนี้ชี้ว่า ทุกคำสอนของพระพุทธเจ้ามีเป้าหมายที่การพ้นทุกข์ และธรรมะที่จะใช้ในการพ้นทุกข์นั้น แม้มีมากมาย แต่สรุปตรง “ความไม่ประมาท”


ที่มา : ปัจฉิมโอวาท คอลัมน์ชักธงรบ นสพ.ไทยรัฐ ฉบับประจำวันอังคารที่ ๑๖/๖/๖๓

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/93813655194309_p74_1_.jpg)
พระอานนท์ไปยืนเหนี่ยวสลักเพชรพระวิหาร ร้องไห้รำพันถึงพระพุทธองค์