หัวข้อ: หม่อมเจ้า พระธรรมุณหิศธาดา เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 23 มิถุนายน 2563 13:57:34 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/97751460514134__320x200_.jpg) หม่อมเจ้า พระธรรมุณหิศธาดา หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา พระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าศีขเรศ ทรงเป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศร์ ประสูติเมื่อวันพุธ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๐๐ ตรงกับวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๓๘๑ หม่อมเจ้าศีขเรศ ทรงผนวชเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๔ ได้ทรงแปลพระปริยัติธรรมเป็นเปรียญธรรม ๔ ประโยค จนเมื่อพระชนมายุครบกำหนดโปรดให้อุปสมบททีเดียว ไม่ได้ลาผนวชออกไปสมโภชก่อนตามประเพณีเดิม นี้เป็นธรรมเนียมต่อมาสำหรับหม่อมเจ้าสามเณร โดยทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธ์ (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับพระสมณฉายาว่า “วุฑฺฒิสฺสโร” ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๐๗ ทรงตั้งเป็นหม่อมเจ้าพระราชาคณะที่ “หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา” เสมอพระราชาคณะชั้นสามัญ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๘ ทรงโปรดเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเสมอชั้นธรรม สิ้นชีพิตักษัย หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา ประชวรด้วยโรคชรามานาน สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๐ โดยให้มีการพระราชทานน้ำสรงพระศพกับเครื่องประโคมพร้อม และพระราชทานไตรแพรครอง ๑ ไตร แล้วเชิญลองในแห่เป็นกระบวนมาตั้งที่ศาลาการเปรียญบนชั้น ๒ ชั้น ประกอบโกศสี่เหลี่ยม (สันนิษฐานว่าเป็น โกศมณฑป) แวดล้อมด้วยเครื่องห้า ชั้น ๔ และพระราชทานไตร ๑๐ ผ้าขาวพับ ๒๐ พับ สดับปกรณ์ ต่อไปโปรดให้มีพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม รับพระราชทานฉัน ๓ วัน ๑๖ รูป มีกำหนด ๓ เดือน เครื่องประโคมประจำคือ กลองชนะ ๑๐ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ แตรงอน ๒ แตรฝรั่ง ๒ สังข์ ๑ พิธีพระราชทานเพลิงพระศพหม่อมเจ้าพระธรรมมุณหิศธาดา วันที่ ๒๘ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ เป็นวันกำหนดแห่พระศพจากวัดบวรนิเวศวิหารไปสู่เมรุปูนวัดสระเกศ เวลาทุ่มเศษ เจ้าพนักงานได้เชิญโกศหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา แต่วัดบวรนิเวศวิหารขึ้นตั้งบนรถแปลง เดินเป็นกระบวน กระบวนหน้ามีกลองมลายู ๑ สำรับ โคมบัวคู่แห่ และเทวดาถือเทียน ฉัตรเทียนเครื่องสูงพิณพาทย์หน้าหลัง ๒ สำรับ ระหว่างกลางมีเสลี่ยงเพลิง กลองชนะ ๔๐ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ แตรสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง แล้วจึงถึงเสลี่ยงโถงมีพระราชมุนี (ชม สุสมาจาโร) อ่านพระอภิธรรมนำพระศพ ที่รถพระศพ มีเครื่องสูงหน้าหลัง เดินเป็นกระบวนมาประจบกับกระบวนพระศพหม่อมเจ้าเจียกในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ที่เชิญโกศพระศพมาแต่บ้านสวนเจ้าเชตุ ที่สี่กั๊กเสาชิงช้า แล้วเดินเป็นกระบวนต่อไปตามถนนบำรุงเมือง เลี้ยวเข้าไปในเมรุวัดสระเกศ ตั้งโกศไว้ในเมรุตามเกียรติยศคืนหนึ่ง มีพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมและประโคมตามยาม วันที่ ๒๙ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ เป็นวันพระราชทานเพลิงพระศพ เวลาบ่าย เจ้าพนักงานได้จัดการที่จะพระราชทานเพลิงพร้อมแล้วยกลองในขึ้นตั้งบนตารางภายใต้เพดานหยวก (จิตกาธาน) ประดับด้วยพวงดอกไม้สด กั้นฉากเขาไม้บังเพลิง ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนพิษณุโลกประชานารถ เสด็จไปทรงทอดผ้าไตรส่วนของหลวงองค์ละ ๑๕ ไตร ผ้าขาวพับองค์ละ ๓๐ พับ พระสงฆ์สดับปกรณ์แล้ว พระราชทานเพลิง เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลองตามเกียรติยศ วันที่ ๓๐ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๖ เป็นวันสดับปกรณ์สามหาบ เวลาเช้า มีการสดับปกรณ์สามหาบส่วนของหลวงองค์ละ ๓ ไตร เก็บอัฐิแล้วเป็นเสร็จการในงานนี้ ของหลวงที่พระราชทาน งานก่อน ผ้าไตรองค์ละ ๑๕ ไตร พับไตรสามหาบอีกองค์ละ ๓ ไตร ผ้าขาวพับองค์ละ ๓๐ พับ ต้นกัลปพฤกษ์รวมกัน ๒ ต้น ต้นละ ๒๐ บาท มหรสพโขน ๑ โรง หนัง ๒ โรง กับดอกไม้เพลิงพุ่ม ๕ ชั้น ๒๐ ต้น กระถาง ๘ ระทา ๘ ฝนแสนห่า ๒ กงหัน ๑ ตู้ ๒ พลุ ๕๐ พะเนียง ๓๐ งานหลัง ผ้าไตร ๓๐ ไตร ผ้าขาว ๒๐ พับ กัลปพฤกษ์ ๒ ต้น ต้นละ ๒๐ บาท มหรสพโขน ๑ โรง หนัง ๒ โรง ดอกไม้พุ่ม ๕ ชั้น ๒๐ ต้น ระทา ๘ กระถาง ๘ พะเนียง ๒๐ พลุ ๕๐ เอกสารอ้างอิง : ตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร, ราชกิจจานุเบกษา และจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |